บทที่ 33 อ้อมเข้าทางูเา
ถนนซีเสินกู่ต้องเกิดเื่บางอย่างขึ้นแน่ หลิวฉงเหวินเชื่อว่าหลิวหยวนไม่มีทางทรยศตัวเองเด็ดขาด เพราะหลิวหยวนเป็น้องในตระกูลของเขา เพราะว่าได้รับการช่วยเหลือจากเขาถึงเข้ามาเป็ทหารของแม่ทัพตงหลี่ได้ เขาถึงมั่นใจว่าคนผู้นี้พึ่งได้แน่นอน เช่นนั้นก็เป็ไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นคือถนนซีเสินกู่เกิดเื่ขึ้นแล้ว
เื่เช่นนี้ทำให้ซ่งตงรู้สึกคับข้องใจเหลือเกิน อุตส่าห์มาถึงหน้าบ้านแล้วแท้ๆ แต่กลับต้องมาหยุดกลางทางเสียได้
“ความปลอดภัยของแม่ทัพไม่อาจนำมาเสี่ยงได้ พวกเรายอมอ้อมไปทางป่าบนเขาดีกว่ายอมเสี่ยงเดินทางถนนซีเสินกู่” ลั่วถูกล่าวอย่างจริงจัง
“ในถนนซีเสินกู่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?” หลิวฉงเหวินสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นกล่าวกับตัวเองอย่างไม่อาจตัดสินใจได้ เมื่อคิดไปคิดมา ก็รีบไปยังเปลของตงหลี่นำความสงสัยในใจกล่าวออกมาทั้งหมด ในเวลานี้เขา้าให้แม่ทัพตงหลี่เป็ผู้ตัดสินใจด้วยตัวเองจะดีกว่า
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่งก็มีคนมาเรียกลั่วถู เป็ตงหลี่นั่นเองที่เรียกให้เขาไปเข้าพบ ตอนนี้สายตาของตงหลี่สงบนิ่ง สีหน้าก็ดีขึ้นมาก ไม่เหมือนตอนที่เพิ่งเจอครั้งก่อนหน้าตาของเขาซีดขาวราวกับกระดาษ
“เ้าคุ้นเคยกับทางบนูเาหรือไม่?” ตงหลี่ถามออกไปอย่างเรียบเฉย ในน้ำเสียงแฝงไว้ซึ่งความเยือกเย็น ราวกับว่าเื่ที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจแม้แต่น้อย
“ทางูเาไม่ค่อยน่าเดินนัก!” ลั่วถูพยักหน้าและตอบกลับไปอย่างตั้งใจ เขารู้ดีว่าตงหลี่คงตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว และเลือกการเดินอ้อมไปบนูเา ไม่ใช่ทางถนนซีเสินกู่
“เช่นนั้นก็ให้เ้านำทาง!” ตงหลี่กล่าวด้วยความหนักแน่น
“ขอรับ!” ลั่วถูพยักหน้าตอบรับ ไม่บ่ายเบี่ยง เขาเห็นสายตานิ่งสงบที่มองมาจากตงหลี่ก็ราวกับได้เห็นอะไรหลายอย่างที่ซุกซ่อนอยู่ เพียงแต่เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากนัก อย่างน้อยในเมื่อฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อธิบายสถานการณ์ให้มากเื่ เขาเองก็จะได้ไม่ต้องกังวลให้มากความเช่นกัน
แต่ลั่วถูพอจะคาดเดาได้ ผู้ที่ถึงกับทำให้ถนนซีเสินกู่กลายเป็สถานที่อันตรายได้ ต้องไม่ใช่เผ่าปีศาจหรือเผ่ามารแน่ เพราะถ้าเป็เช่นนั้นจริง เกรงว่าเมืองม่อหลานคงส่งทหารออกมาจัดการเก็บกวาดเสียเรียบร้อยหมดแล้ว เมืองม่อหลานเป็เมืองศูนย์กลางของเผ่ามนุษย์ทั้งหมด พวกบุคคลภายในต้องไม่ยอมให้เผ่าอื่นมาท้าทายแน่ เช่นนั้นการปิดถนนซีเสินกู่ครั้งนี้ เป็ไปได้มากว่าจะเป็ฝีมือของเผ่ามนุษย์เอง
หลายปีมานี้ เผ่ามนุษย์สะดวกสบายจนเคยตัว แถมปัญหาหลายๆ อย่างก็เสียหายมาั้แ่รากฐานเนิ่นนานมาแล้ว ั้แ่ป้อมมู่สือถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัว มาถึงกองทัพของตงหลี่ยังไม่ทันได้ทำหน้าที่กำลังเสริมก็ถูกเผ่ามารลอบโจมตีเสียก่อน ราวกับมีมือที่มองไม่เห็นคอยบงการเื่ทั้งหมดอยู่ในความมืด เื่พวกนี้ไม่เกี่ยวกับความสามารถของกองทัพเผ่ามนุษย์แต่อย่างใด ทว่าเป็เพราะปัญหาที่หยั่งรากลึกฝังอยู่ในเผ่ามนุษย์มาอย่างเนิ่นนานต่างหาก ดังนั้นถึงได้ถูกเผ่ามารและปีศาจฉวยโอกาสนี้โจมตีเสีย
ยิ่งกับคนสำคัญอย่างแม่ทัพตงหลี่ ถ้าไม่ตายในาครั้งใหญ่ ย่อมถูกยืนยันได้ไม่ยากเลย นั่นหมายความว่ามีคนไม่ยอมให้แม่ทัพตงหลี่รอดชีวิตกลับไปยังเมืองม่อหลานได้ อีกทั้งคนที่อยู่ในเมืองม่อหลานในขณะนี้ ต้องเป็ผู้ทรงอิทธิพลอย่างมากในเผ่ามนุษย์แน่นอน
และตงหลี่ก็คาดเดาสถานการณ์ของตัวเองได้อย่างแม่นยำ เมื่อถนนซีเสินกู่ไม่มีข่าวส่งกลับมา ก็มั่นใจได้แล้วว่าสิ่งที่เขาคาดเดานั้นถูกต้อง เขาถึงได้ตัดสินใจให้ลั่วถูนำทางเดิมอ้อมข้ามูเาแทน
“ทุกคนตามข้ามา... ” ลั่วถูโบกมือ จากนั้นมุ่งหน้าเดินไปยังเขารกร้าง เส้นทางบนูเาไม่ค่อยน่าเดินนัก แต่เขาเคยเดินผ่านไปแล้วจริงๆ เขาไม่ใช่แค่คนขนศพ แต่ยังเป็ผู้ช่วยอาจารย์ปรุงยาจากสำนักซินตันอีกด้วย เขาต้องแยกแยะสมุนไพรมากมาย บางครั้งยังมีโอกาสได้ไปเก็บสมุนไพรนานาชนิดในป่าด้วย และป่าทั้งสองฝั่งถนนซีเสินกู่ใกล้เมืองม่อหลาน ถึงจะมีสัตว์อสูรมากมาย แต่กลับมีเผ่ามารเผ่าปีศาจหรือเผ่าอื่นๆ อยู่น้อยมาก และตัวลั่วถูเองก็ค่อนข้างชอบเดินทางข้ามูเามากกว่าด้วย
……
ถนนซีเสินกู่ยังคงเงียบสงบเช่นเดิม ทว่าบนถนนที่เงียบสงบกลับแฝงไว้ซึ่งจิตสังหารหลายส่วนทีเดียว ห่างจากทางเข้าสู่ถนนไม่ไกลมีหุบเขาแห่งหนึ่งตั้งอยู่มันถูกเรียกว่าหุบเขาหู่เที่ยว ช่องแคบระหว่างเขาสองลูกมีทางผ่านเพียงทางเดียว ตำนานเล่าว่าระยะห่างระหว่างยอดเขาน้อยเสียจนเสือกระโจนข้ามได้ ทำให้ที่แห่งนี้อันตรายมาก และนี่ก็คือหนึ่งในเหตุผลที่กองทัพต่างเผ่าล้วนไม่กล้าใช้เส้นทางนี้สัญจรไปยังเมืองม่อหลานแม้แต่ครั้งเดียว
ขณะนี้ บนยอดเขาบุคคลคนกลุ่มหนึ่งนั่งสงบเงียบราวกับไม้แกะสลักอยู่บนหินที่ยื่นออกมาจากหุบเขา คนที่อยู่ด้านล่างไม่มีทางมองเห็นพวกเขา ทว่าพวกเขากลับมองเห็นถนนซีเสินกู่ที่ห่างออกไปนับสิบกว่าลี้ได้ ถึงขนาดที่ว่าระยะทางั้แ่ทางเข้าถนนซีเสินกู่จนถึงใต้หุบเขาหู่เที่ยว ก็ไม่อาจรอดพ้นจากสายตาของพวกเขาไปได้
เมื่อพระอาทิตย์ขึ้นสูงถึงกลางฟ้า ส่องแสงลอดผ่านเงาของต้นไม้ ชายร่างใหญ่ทาสีหลากหลายบนใบหน้าได้ยืนขึ้นและ กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า “รายงานกับคนฝ่ายธงซ้าย ตงหลี่ไม่ไปทางถนนซีเสินกู่แล้ว เพิ่มการปิดกั้นทางูเาด้วย... ”
“ขอรับ... ” มีเสียงหนึ่งตอบกลับ นำกรงที่ถูกผ้าสีดำคลุมไว้ออกมาจากด้านหลัง เมื่อเลิกผ้าสีดำออก ก็พบว่าในกรงมีเหยี่ยวอยู่ตัวหนึ่ง
หลังจากมองเหยี่ยวตัวนี้บินขึ้นฟ้าไป คนผู้นั้นก็เอ่ยถามว่า “ใต้เท้าธงหลัก แบบนี้พวกเรายังต้องรออยู่ที่นี่ต่ออีกหรือขอรับ?”
“ไม่ พวกเราจะออกจากถนนซีเสินกู่ ไล่ค้นหาั้แ่พื้นราบขึ้นไปจนถึงข้างบน หาที่อยู่ของตงหลี่ให้เจอ อย่างน้อยพวกเราต้องรู้ให้ได้ว่าพวกเขามุ่งไปทางไหนกันแน่!” กล่าวจบชายที่ใบหน้าเต็มไปด้วยสีสันก็ะโลงจากหุบเขาหู่เที่ยวราวกับเหยี่ยวตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น ะโไต่ผาสลับไปมาระหว่างเขาทั้งสองฝั่ง ลดระดับความสูงลงมาเรื่อยๆ จากระดับที่สูงยี่สิบกว่าจั้งลงมาจนถึงพื้นถนนซีเสินกู่
……
ถนนซีเสินกู่เป็เหมือนรอยแยกระหว่างูเาสองลูก ผ่าทะลุเข้าูเาไป หากคิดจะเดินทางผ่านระหว่างูเาทั้งสองนี้ไป ถนนซีเสินกู่ย่อมเป็เส้นทางที่รวดเร็วที่สุด ทว่าหากเลือกเดินอ้อมูเา ก็ต้องเจอกับเข้ากับสภาพแวดล้อมที่มีทั้งเส้นทางคดเคี้ยวอ้อมไปมาในหุบเขา หน้าผา ผนังเขาและทางน้ำตก... ทำให้เดิมทีจากเส้นทางเพียงสิบลี้กลับกลายเป็ห้าสิบลี้ เส้นทางห้าสิบลี้กลับกลายเป็สองร้อยลี้ ซึ่งไม่ใช่เื่แปลกแต่อย่างใด
สำหรับลั่วถูแล้วเส้นทางบนูเานี้แล้วไม่ใช่เื่อื่นไกล หลังจากเดินทางพ้นจากป่าร้างไปยังูเา แมกไม้ก็ขึ้นกันแน่นขนัดขึ้นทุกที ในป่ารกชัฏแบบนี้อากาศค่อนข้างร้อนชื้น ยุงบินผ่านไป งูเลื่อยผ่านมา สภาพแวดล้อมน่าขนลุกไม่เบา แต่กลับไม่มีใครโวยวาย เพราะขอแค่พวกเขาได้กลับเมืองม่อหลานอย่างราบรื่นก็นับว่าชนะแล้ว
ตลอดการเดินทางลั่วถูฟันดาบออกไปไม่หยุด เพื่อตัดต้นไม้ จัดการไม้หนามเพื่อเปิดทางเดินในป่ารกแห่งนี้ ผ่านไปไม่นานก็มีคนช่วยกันลงมือเปิดทางมากขึ้น ทำให้ความเร็วในการเดินทางเพิ่มขึ้นไม่น้อยเลย
ขณะที่พระอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ลั่วถูและคนอื่นๆ ยังคงฟันเปิดทางบนูเาไม่หยุด ทุกคนเหนื่อยล้ามาก ตลอดทางมีสัตว์อสูรขนาดใหญ่ปรากฏตัวออกมาหลายครั้ง ถูกงูพิษเอาชีวิตไปแล้วอีกสองคน แต่สัตว์อสูรสุดแกร่งที่ว่ากลับต้องกลายเป็เหยื่อของพวกเขา อย่างไรเสียคนพวกนี้ก็ไม่ใช่อ่อนแอ นอกจากลั่วถูและเจียงิ่ เมื่อนักรบยอดฝีมือพวกนี้ร่วมมือกันสังหารเหยื่อ ต่อให้เป็สัตว์อสูรขั้นห้าขั้นหกก็มีแค่ใบ้าง แต่พวกมันก็ทำอันตรายเหล่านักรบไม่ได้อยู่ดี มีก็แต่พวกงูแมลงที่ป้องกันไม่ได้ อีกทั้งพิษยังร้ายแรงมาก คนที่ถูกพิษเข้าไป ยาแก้พิษธรรมดาก็ใช้ไม่ได้ผล ทำให้หลังจากผู้โชคร้ายตายไปถึงสองคน คนอื่นที่เหลือก็ระมัดระวังตัวขึ้นมาก
“สหายน้อยพวกเราต้องใช้เวลาอีกนานเท่าไรถึงจะผ่านูเาลูกนี้ไปได้?” หลิวฉงเหวินเช็ดร่องรอยแห่งความเหนื่อยล้าบนใบหน้าออก พลางถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ ในป่าแห่งนี้ร้อนมาก คะเนจากสภาพอากาศแล้วก็ดูเหมือนฝนน่าจะตกลงมาในไม่ช้า เื่นี้ต่างหากที่เขาเป็ห่วง
“ดูจากความเร็วของพวกเราตอนนี้ เกรงว่าต้องใช้เวลาอีกห้าชั่วยามถึงจะพ้นป่านี้ไปได้ แต่ถ้ามีฝนตกลงมา ก็คงคลาดเคลื่อนไปบ้าง พวกเรายังไม่ควรรีบออกจากหุบเขา แต่ต้องหาสถานที่หลบฝนต่างหาก หรือไม่ก็ตั้งค่ายขึ้นที่นี่เสีย จากนั้นรอให้ฝนหยุด ค่อยดูว่าจะเร่งเดินทางได้หรือไม่!” ลั่วถูมองขึ้นไปบนท้องฟ้า สูดลมหายใจเข้าลึก การเข้ามาในป่าแห่งนี้ไม่ใช่เื่ดีเลย แต่ลั่วถูกลับเสียดายที่จะต้องออกจากป่าไปง่ายๆ เช่นนี้ ในเมื่อมีผู้แข็งแกร่งมากมายช่วยตัวเขาข้ามูเา เขาก็สามารถลองเดินไปตามเส้นทางที่โดยปกติเขาไม่กล้าเดินไป ตลอดทางที่เดินมา เขาแอบเก็บยาิญญามาไม่น้อย กระทั่งศพงูที่กัดศิษย์าตายไปสองคนเขาก็เก็บไว้ นั่นต้องเป็พิษชั้นสูงแน่ ถึงงูจะตายแล้ว ทว่าทั้งเขี้ยวพิษและต่อมพิษยังคงอยู่...
กระทั่งสัตว์อสูรเซวี่ยเลี่ยนระดับห้าที่ถูกสังหาร แม้กินเนื้อเข้าไปหมดแล้ว แต่เครื่องในกลับไม่มีใครกิน จึงถูกโยนทิ้งไปทั้งหมด ลั่วถูอาศัยจังหวะที่ไม่มีใครสนใจ ลอบเก็บดวงตาของอสูรเซวี่ยเลี่ยน เครื่องในและกระดูกที่ไม่มีชิ้นเนื้อติดไว้ ของเหล่านี้ หากนำมาบดให้ละเอียดจะเป็วัตถุดิบยาชั้นดี อีกทั้งวัตถุดิบชนิดนี้ก็หายากไม่เบา อย่างไรเสียอสูรเซวี่ยเลี่ยนระดับห้าก็ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะสังหารได้ ตัวอสูรเซวี่ยเลี่ยนเองก็เป็อสูรที่หายาก เืของมันที่ผ่านการปรุงแล้ว สามารถชำระล้างขับไล่สิ่งสกปรกภายในร่างกายให้สะอาดราวกับเกิดใหม่ก็ว่าได้... คนในโลกเบื้องล่างที่รู้วิธีนี้มีน้อยมาก ทว่าลั่วถูที่มาจากตระกูลระดับสี่ของโลกชั้นสูง ั้แ่ยังเด็กก็ใช้ยาชั้นยอดมาชำระร่างกายแล้ว ย่อมรู้ถึงประโยชน์ของยาพวกนี้ดี
วัตถุดิบมากมายที่ผู้คนไม่เห็นค่า แต่ในสายตาลั่วถูมันคือสมบัติ ในโลกชั้นล่างมีสัตว์อสูรระดับสูงน้อยเหลือเกิน อสูรเซวี่ยเลี่ยนก็เป็แค่อสูรไม่เกินระดับห้า ถ้าเป็ระดับเจ็ดขึ้นไปได้ก็คงดีขึ้น แต่เกรงว่าพวกคนในโลกชั้นสูงคงไม่ค่อยอยากลงทุนถึงขนาดส่งสัตว์อสูรระดับเจ็ดจำนวนมากมาสนามรบฝานเหรินสักเท่าไร ดีไม่ดีเผลอๆ จะกลายเป็หายนะเอาได้...
คนเ่าั้ไม่ได้ใส่ใจการเคลื่อนไหวเล็กน้อยของลั่วถูสักนิด ในสายตาของพวกเขา เส้นทางที่ลั่วถูนำไปเรียกได้ว่าเป็ทางตรงผ่าป่าเลยทีเดียว เมื่อพบหน้าผาก็ใช้เถาวัลย์ไล่ลงมา จากนั้นปีนขึ้นที่อีกฝั่ง การทำแบบนี้ช่วยย่นระยะทางของพวกเขาได้เยอะมาก ถึงจะเดินลำบากไปหน่อย แต่สำหรับศิษย์าเหล่านี้ก็ไม่เดือดร้อนเท่าไร
“ใต้ผาปากเหยี่ยวข้างหน้ามีพื้นที่เหมาะๆ ให้หลบฝนได้ พวกเรารีบไปที่นั่นกันเถอะ เกรงว่าอีกไม่นานฝนคงใกล้ตกแล้ว” ลั่วถูชี้ไปทางตะวันตกของเส้นทางเลียบหน้าผา
“ดี ไปหลบกันก่อนเถอะ เื่อื่นค่อยว่ากันทีหลัง... ” หลิวฉงเหวินตอบกลับไป ทุกคนรีบเคลื่อนตัวไปตามทางที่ลั่วถูชี้อย่างว่องไว ในส่วนของการเดินทางบนทางูเา แม้ตงหลี่ที่นอนอยู่บนเปลจะไม่ค่อยสบายตัวนัก แต่อย่างน้อยก็ไม่มีแสงแดดคอยส่องลงมาแผดเผาตลอดเวลา ก็นับว่าไม่เลวทีเดียว
ผาปากเหยี่ยวเดิมมีลักษณะเป็ก้อนหินขนาดใหญ่ยื่นออกมาก้อนหนึ่ง หลังจากผ่านกาลเวลามาเนิ่นนานก็ถูกสายลมพัดพาขัดเกลาจนดูเหมือนจะงอยปากเหยี่ยวยื่นออกมา และใต้จะงอยนั้นเองปรากฏเป็ถ้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติให้เข้าไปด้านในได้ ถึงจะมีพื้นที่เพียงสิบกว่าจั้ง ทว่าต่อให้ฝนตกหนักก็ไม่มีทางสาดไปถึงด้านในได้แน่ แถมยังมีอยู่บนที่สูง ทำให้ถึงจะมีน้ำป่าไหลหลากก็ไม่มีผลกระทบต่อถ้ำใต้ผาปากเหยี่ยวแต่อย่างใด เพียงแต่เมื่อเข้าใกล้ผาปากเหยี่ยว ลั่วถูกลับยกมือขึ้นส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดเคลื่อนขบวน คะเนจากสีหน้าที่หนักใจของลั่วถู ทุกคนก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้