เฮือก
ฮู้…
ราวกับลูกค้าที่รายล้อมอยู่จะสูดลมหายใจเย็นเข้าปอด
หนึ่งต้นหนึ่งหมื่นตำลึง นางจะขายทั้งหมดกี่ต้น
ต้องรู้ก่อนว่าหญ้าิญญาลึกลับสดสองสามต้นก่อนหน้านี้ขายได้เพียงหนึ่งหมื่นตำลึงเท่านั้น
ฮวาเหยียนไม่ได้คาดหวังว่าชายผู้นี้จะให้ราคานี้แก่นาง ทั้งยังคิดว่าไม่ว่าอย่างไรหออู๋ิจะต้องกดราคาลงต่ำอย่างแน่นอน หญิงสาวจึงแปลกใจ ในใจรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย นางพยักหน้า "ตกลง เมื่อไหร่ถึงจะให้เงิน? "
ฮวาเหยียนถามอย่างตรงไปตรงมา
“หนึ่งร้อยยี่สิบต้น หนึ่งล้านสองแสนตำลึง เพียงพอที่จะเป็ลูกค้ากิตติมศักดิ์แห่งหออู๋ิ”
เขาเอ่ย
เสียงของเขาแหบเล็กน้อย ชายหนุ่มหาวอีกครั้ง ท่าทางดูเหมือนว่าเขาจะนอนไม่พอจริงๆ แม้ว่าจะได้เจอกับหญ้าิญญาลึกลับมากมายแต่เขากลับไม่ใเหมือนคนอื่นๆ สีหน้ารวมถึงการแสดงออกของเขายังคงเกียจคร้านอยู่เสมอ
ในยามนั้น เขายกมือขึ้นและดีดนิ้ว พนักงานหนุ่มผู้ฉลาดเฉลียวคนนั้นก็รีบนำสัญญาและบัตรสีดำออกมา
"ท่านรับเอาหนังสือสัญญาไปแล้วสามารถมาเอาเงินตอนไหนก็ได้ บัตรทองตัดดำนี้คือบัตรตัวตนของท่านขอรับ"
ผลลัพธ์ของเื่นี้ ช่าง...
ทุกคนมองดูสัญญาและบัตรสีดำด้วยแววตาที่ร้อนรุ่ม หนึ่งล้านสองแสนตำลึงนี่มันเื่อะไรกัน หออู๋ินี้นำเงินทั้งหมดออกมาได้อย่างสบายๆ ดวงตาแทบไม่กะพริบ ไม่แปลกใจเลยที่จะบอกว่าหออู๋ินี้ใหญ่เป็อันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรต้าโจว
ยังมีแม่นางผู้นี้อีกที่จู่ๆ ก็กลายเป็คนที่อยู่เหนือผู้คน เป็เศรษฐินีผู้มั่งคั่ง
ฮวาเหยียนเปิดสัญญาและกวาดสายตามองโดยรอบ ในสัญญานี้ระบุไว้ละเอียดยิ่งนัก พนักงานหนุ่มคนนั้นคงเอ่ยกับหลงจู้หลงจู้มาก่อน อีกทั้งหลงจู้หออู๋ิก็คงคาดการณ์ไว้ว่านางจะต้องตอบรับ ดังนั้นจึงเตรียมตัวไว้อย่างดีเช่นนี้
ฮวาเหยียนหยิบบัตรสีทองตัดดำขึ้นมา บนบัตรมีเพียงตัวอักษรสามตัว เมื่อมองดูแล้วออกจะธรรมดายิ่ง
“บัตรใบนี้มีประโยชน์อย่างอื่นอีกหรือไม่?”
ฮวาเหยียนถาม
"อืม หออู๋ิจะให้ส่วนลดหนึ่งส่วนสำหรับสินค้าทุกชนิดที่เ้า้า"
ชายคนนั้นกล่าว
ฮวาเหยียนเลิกคิ้ว หลงจู้หออู๋ินี่ไม่ธรรมดา เหตุใดรูปแบบการขายถึงทันสมัยยิ่งนัก?
ฮวาเหยียนประทับลายนิ้วมือลงบนสัญญา จากนั้นก็เก็บบัตรทองตัดดำออกมา "ท่านเป็หลงจู้ของหออู๋ิหรือ? "
"ก็แค่หลงจู้ของโต๊ะคิดเงินเท่านั้น"
ชายคนนั้นพิงโต๊ะคิดเงิน ท่าทางยืนได้ไม่มั่นคง เขามองอย่างเกียจคร้าน
ท่าทางแบบนี้ดูไม่เหมือนคนทำงานนอกเวลาแต่เหมือนกับผู้นำของหัวหน้ามากกว่า
"อ่อ"
ฮวาเหยียนพยักหน้าเพื่อเป็การแสดงความเข้าใจ ก่อนจะถามขึ้น “ขอถามหลงจู้หน่อย จะให้เรียกท่านว่ากระไร? ”
เป็เพราะนางสงสัยเหลือเกิน จึงวางแผนจะถามนามของเขาแล้วนำกลับไปให้พี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่ตรวจสอบรายละเอียด
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน ในที่สุดชายคนนั้นก็ลืมตาขึ้น มันเป็ดวงตาของเฟิงหวงที่ดึงดูดผู้คนจริงๆ เขาแย้มยิ้มเล็กน้อยด้วยท่าทีสบายๆ ก่อนจะเอ่ยว่า "สิ่งที่เรียกว่านามนั้น ก็เป็เพียงแค่คำแทนที่เอาไว้ใช้เรียกขานกันเท่านั้น แม่นางเรียกข้าว่าหลงจู้จีก็พอ"
หืม? แซ่จี ทว่านามนี่ไม่คิดจะพูดหรือ?
ฮวาเหยียนเบะปากเล็กน้อย ไม่ต้องพูดถึงการดึงมันลงมา นางไม่ได้ตั้งใจจะบังคับขอร้องให้เขาเอ่ยนามออกมา
แต่ไม่ว่าชายผู้นี้จะเป็ใครก็ตาม เห็นได้ชัดว่าเขาเป็ผู้นำของหออู๋ินั่นเอง
เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
หออู๋ินี้ร่ำรวยยิ่งนักจนสามารถหยิบเงินหนึ่งล้านตำลึงออกมาได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นในตอนนี้นางจึงไม่ต้องกังวลกับหนี้ของตี้หลิงหานอีก เพราะนางยังมีสมบัติล้ำค่าอีกมากมายของนางที่อยู่ในช่องว่างพิเศษในไข่มุกทองัคะนองน้ำ
หญ้าิญญาลึกลับที่ไม่เคยอยู่ในความสนใจของนางเลยแม้แต่น้อยแต่กลับขายได้เงินจำนวนมากมายมหาศาล ถ้าเป็เช่นนั้นของวิเศษอื่นๆ ในช่องว่างพิเศษของนางนอกจากหญ้าิญญาลึกลับเล่า?
มันจะไม่ยิ่งมีค่ามากขึ้นไปอีกหรือ?
ฮวาเหยียนเม้มริมฝีปากพร้อมกับกระแอมเบาๆ นางโน้มตัวไปด้านหน้าของชายคนนั้น ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ข้ายังมีผลไม้อยู่ลูกหนึ่ง เ้าลองให้ราคาหน่อยได้หรือไม่? ”
“ผลไม้อะไร”
ชายคนนั้นเปิดปากของเขาอย่างไม่ใส่ใจนัก
"ผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด"
ฮวาเหยียนมองไปรอบๆ และกระซิบด้วยเสียงที่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน
ผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดนี้เติบโตบนยอดูเาไฟ รากของมันเติบโตในหินหนืดร้อนที่เผาไหม้ ผลของมันเติบโตขึ้นในเปลวไฟจากการปะทุของูเาไฟหลายต่อหลายครั้ง เนื้อของมันมีฤทธิ์ร้อน ถือเป็ผลไม้ฤทธิ์ร้อน เป็ผลไม้ิญญาอัคคีชั้นดีประเภทหนึ่ง กับผู้ฝึกวรยุทธ์อาจไม่สามารถช่วยเสริมพลังปราณได้ แต่สำหรับนักปรุงยามันคือผลิญญาโอสถอันล้ำค่า
ผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดนั้นช่วยลดไข้และสลายพิษได้
ในกระบวนการฝึกลมปราณมีผู้ฝึกวรยุทธ์บางคนที่ทางเดินเืลมถูกทำลายเสียหาย ปอดถูกทำลาย พวกเขา้าผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดเพื่อใช้เป็ยา
มีคนจำนวนไม่มากที่สามารถใช้ผลไม้ิญญาโลหิตสีชาดได้ ทว่าผลไม้นั้นกลับล้ำค่าเป็อย่างยิ่งและถือได้ว่าเป็สิ่งที่หาพบได้แต่มิอาจเป็เ้าของได้
เริ่มแรกที่หยวนเป่าฝึกทำยาและ้าใช้ผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด เพื่อให้หยวนเป่ามีความสุข นางจึงออกแสวงหาผลไม้นี้และอาจเป็เพราะโชคดี นางจึงพบผลไม้นี้สองลูกที่้าของูเาไฟ แต่หยวนเป่าใช้เพียงลูกเดียว ดังนั้นอีกหนึ่งลูกที่เหลือจึงยังคงอยู่ในช่องว่างพิเศษของนาง
“เ้าพูดว่ากระไรนะ? ”
เดิมทีชายผู้นี้แลดูเกียจคร้านและใกล้จะหลับแหล่ไม่หลับแหล่ แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน ดวงตาเฟิงหวงพลันหรี่ลง เขาผุดกายลุกขึ้นยืนในทันใด
“ข้าบอกว่าข้ายังมีผลไม้ิญญาโลหิต...” ...สีชาด
...
“ผู้ใดทำร้ายบุตรชายข้า ออกมาหาท่านโหวผู้นี้ บัดเดี๋ยวนี้! ”
ฮวาเหยียนเพิ่งเปิดปากพูด ยังไม่ทันได้เอ่ยจบ ทันใดนั้นก็มีเสียงที่พยายามระงับความโกรธ ดังออกมาจากนอกประตูและตามด้วยผู้คนหลายสิบคนที่กรูกันเข้ามา
ชายที่ยืนอยู่ตรงกลางนั้นมีร่างผอม ดูเหมือนอายุราวๆ ห้าสิบปี ผมของเขาถูกแซมด้วยสีเทาเล็กน้อย ในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยประกายโเี้และโทสะ
ทันทีที่เขาก้าวเข้าประตูมา ดวงตาของเขาก็มองที่ฮวาเหยียน ข้างๆเขาคือโจวเหอที่ถูกฮวาเหยียนเตะจนสลบก่อนหน้า บัดนี้หูของเขาถูกพันห่อด้วยผ้าพันแผล ไม่ต้องพูดถึงว่ามันดูโง่เง่าแค่ไหน
“ท่านพ่อ นางนั่นแหละ เ้าสัตว์น้อยในมือสตรีน่ารังเกียจคนนั้นที่กัดหูของข้า”
ในตอนนั้นดวงตาของโจวเหอเปลี่ยนเป็สีแดง เขาจ้องมองไปที่ฮวาเหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ฮวาเหยียนกะพริบตา หื้ม ใช่แล้ว นางลืมเื่นี้ไปเสียสนิท! บุตรชายของท่านโหวหย่งซิ่นกั่วกง [1] แห่งอาณาจักร เขากลับจวนเพื่อเรียกพ่อของเขาให้กลับมาด้วยกัน
ในเวลานั้น ทุกคนในหออู๋ิเงียบดุจจักจั่นที่หวาดกลัว พวกเขากำลังดูละครฉากอื่นอยู่และทั้งหมดล้วนถูกหญ้าิญญาลึกลับนับร้อยทำให้เกิดความตกตะลึงจนพวกเขาลืมไปเสียสนิทเลยว่าสัตว์เลี้ยงที่อยู่ในอ้อมกอดของแม่นางคนนั้น ก่อนหน้านี้ได้กัดหูของคุณชายตระกูลโจวไปครึ่งหนึ่ง
ตอนนี้ท่านโหวหย่งซินมาถึงหน้าประตูร้านด้วยตนเองแล้ว!
ดวงตาของโหวหย่งซินนั้นล้ำลึกเป็อย่างยิ่ง เพียงมองแวบแรก เขาดูเหมือนผู้ที่มีแผนการเ้าเล่ห์เพทุบาย ในยามนั้นดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยโทสะ ชายหนุ่มค่อยๆ กวาดตามองฮวาเหยียน ก่อนจะออกคำสั่งว่า “ทหาร จงจับหญิงสาวผู้โเี้คนนี้ให้ท่านโหวเช่นข้า”
"ขอรับ"
ท่านโหวหย่งซินไม่พูดพร่ำทำเพลง ชายหนุ่มสั่งให้บุรุษรูปร่างกำยำตรงเข้าจับฮวาเหยียนทันที
บรรยากาศพลันตึงเครียดขึ้นมาในทันที
ดวงตาของฮวาเหยียนหรี่ลงอย่างเ็า ท่านโหวหย่งซินถือหางบุตรชายเป็อย่างดี ไม่ต้องถามหาเหตุผล ไม่ว่าถูกหรือผิด เขาต้องแสวงหาความยุติธรรมให้บุตรชายของเขาเสมอ
บุรุษรูปร่างกำยำแห่งจวนโจวกั่วกงรีบวิ่งตรงไปทางฮวาเหยียนทันที
"หยุด"
ฮวาเหยียนยังไม่ทันได้เคลื่อนไหว มู่เฉิงอินที่ยืนอยู่ด้านข้างก็ได้ก้าวเข้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่งและยืนบังอยู่ตรงหน้าฮวาเหยียน
ผิวของหญิงสาวที่นุ่มนวล สง่างามดุจดังหิมะน้ำค้างแข็ง ในเวลานี้ดวงตาคู่นั้นใสชัดยามที่มองไปทางท่านโหวหย่งซิน
ฮวาเหยียนรู้สึกอุ่นใจเพราะพี่สะใภ้มู่นี้ช่างดีเหลือเกิน...
เมื่อท่านโหวหย่งซินเห็นมู่เฉิงอินยืนขวางอยู่ตรงหน้าฮวาเหยียน ดวงตาเคร่งขรึมของเขาพลันหรี่ลงอย่างดุร้าย ทว่าเขาเพียงแค่เปิดปากเอ่ยว่า "วันนี้ท่านโหวผู้นี้มาที่นี่ เพียง้าหาผู้ที่ทำร้ายบุตรชายของข้า คนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องโปรดถอยออกไป ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าข้าผู้นี้ไม่เกรงใจ”
เชิงอรรถ
[1] กั่วกง ตำแหน่งบรรดาศักดิ์สูงสุดของชั้นกง ขั้นหนึ่ง ชั้นรอง และเป็ตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางจะได้รับพระราชทานจากจักรพรรดิ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้