บทที่ 80 วัวเพลิงประหลาด
หยินอู่หยางรู้สึกราวมีเปลวเพลิงอันร้อนแรงลุกไหม้อยู่ในใจของเขา ทำเอาอวัยวะภายในทั้งหมดเดือดพล่านขึ้นในชั่ววินาทีนั้นเองกับดั่งเปลวไฟแผดเผาร่างของเขา... เขาดิ้นรนยื่นมือออกมาหวังกระชากผ้าปิดปากที่ถึงกับคลุมทั้งศีรษะของคนตรงหน้า ออกมา ทว่าพยายามอยู่หลายครั้ง ก็ไม่สำเร็จเขารู้สึกราวพลังในร่างกายของเขาถูกสูบออกไปอย่างรวดเร็วอย่างไรอย่างนั้น
สิ่งที่ทะลวงร่างของเขาไปคือไม้สีดำท่อนสั้นปลายแหลมท่อนหนึ่ง ที่มีความยาวเพียงสองฉื่อเท่านั้น ดูไปแล้วไม่ได้พิเศษอะไร ทว่าไม้แหลมแท่งนี้กลับแทงทะลุเสื้อเกราะจนทะลวงร่างของเขาไปได้... ความแหลมคมระดับนี้ไม่ใช่ระดับของอาวุธทหารธรรมดาแล้ว
“เ้า... เป็... ใคร... ” หยินอู่หยางเอ่ยถามอย่างยากลำบาก แต่เสียงกลับถูกเืที่กระอักออกมากลบไปเสียมิด
“พูดแต่เื่ไร้สาระ ข้าล่ะเกลียดเผ่าผีเสียจริง!” ผู้ที่ซ่อนใบหน้าเอาไว้ใต้ผืนผ้าคือลั่วถูนั่นเอง แต่เขากลับไม่คิดเอ่ยชื่อตัวให้หยินอู่หยางได้ยิน เพราะเผ่าผีมีคำสาปมืดอันร้ายกาจบางอย่างที่ถึงขั้นสลายจิติญญาของศัตรูได้ แม้เผ่ามนุษย์จะพัฒนายาติ้งซวีขึ้นเพื่อต่อกร จนแก้คำสาปชนิดนี้ได้ ทว่าลั่วถูไม่คิดว่าตนจำเป็ต้องแบกรับความเสี่ยงนี้ หากว่ากันตามจริงแล้วเผ่าผีตรงหน้านี้คือยอดฝีมือของแท้ ภายใต้การลอบโจมตีของเขา กลับไม่ได้รับาเ็ถึงชีวิต แม้แต่ไม้ตะปูสีแดงดอกสุดท้ายก็ไม่อาจทำลายการป้องกันได้ และบีบให้เขาต้องลงมือด้วยตัวเองในท้ายที่สุด มิหนำซ้ำถึงกับต้องใช้ไม้ปลายแหลมสีดำที่ท่านทูตมอบให้เพื่อจบการโจมตีสุดท้ายอีกต่างหาก
ลั่วถูเตะศพของหยินอู่หยางลงหลุมอย่างไม่ลังเล แต่ครั้งนี้ลั่วถูค้นหามาตั้งนานกลับหาสินาไม่เจอ นอกจากดาบในมือแล้ว กระทั่งขวดยาสักขวดก็ไม่มี ทำเอาลั่วถูไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย บนร่างของเผ่าผีที่ตายไปก่อนหน้านี้ยังพอจะหาเหรียญม่วงได้สองเหรียญกับเหรียญฟ้าหลายสิบเหรียญ ไหนจะยังขวดยากับวัตถุดิบอีกตั้งมากมาย
“นี่มันหินอะไรกัน เผ่าผีคงไม่รสนิยมแย่ขนาดนี้กระมัง!” ลั่วถูมองไปยังสร้อยคอของหยินอู่หยาง บนสร้อยมีจี้หินรูปหยดน้ำห้อยอยู่ ขนาดใหญ่กว่าลำไยเล็กน้อย ไม่มีลวดลาย แม้รูปร่างจะแกะออกมาได้ไม่เลว แต่ก็ยังไม่น่าชมเท่าไรนักอยู่ดี
“วิ้ง... ” ในตอนนั้นเองในใจของเขาพลันสั่นสะท้าน เมื่อส่งพลังิญญาเพลิงเข้าไปในหินก้อนนั้นอย่างแ่เบา หินก้อนนั้นกลับส่องแสงอันอบอุ่นออกมา จู่ๆ ลั่วถูก็พบว่าในหินก้อนนี้มีมิติขนาดเล็กอยู่ ด้านในมีทั้งสารพัดขวดยา ทั้งเหรียญม่วงซิงเหินหลายสิบเหรียญ เหรียญฟ้าอีกนับร้อยเหรียญ ไหนจะยังแก่นอสูรแสนกระจ่างใสอีกหลายลูก ที่ยังมีพลังิญญาเพลิงหมุนเวียนอยู่ด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าเป็ของสัตว์อสูรที่ถูกสังหารไปหลังจากเข้ามาในมิติลับเพลิงต้นกำเนิด
“หินมิติ... ไม่สิ น่าจะเป็หินมณี!” ลั่วถูตื่นเต้นดีใจในทันที มิน่าเล่าเ้าเผ่าผีผู้นี้ถึงได้เอาหินธรรมดาๆ มาเป็สมบัติห้อยคอ ที่แท้ก็เป็หินมณีนี่เอง
หินมณีเป็สมบัติที่มีมิติอยู่ภายใน ตำนานกล่าวไว้ว่าหินมณีคือหินธรรมดาที่บังเอิญอยู่ใน่เวลาที่ฟ้าดินเปิดออกและได้รับผลกระทบจากกฎมิติ ล่องลอยอยู่ในห้วงอวกาศ จากนั้นตกลงบนดวงดาวไปพร้อมๆ กับอุกกาบาต และถูกผู้คนค้นพบเข้าในที่สุด หินมณีมีมิติในตัวเองก็จริงแต่ขนาดเล็กมาก จึงถูกใช้เป็วัตถุดิบสำคัญที่สุดสำหรับการทำกระเป๋ามณีและแหวนมณี เพียงแต่ในโลกชั้นล่างผู้ที่สามารถใช้หินมณีทำกระเป๋ามณีหรือแหวนมณีได้นั้นน้อยเสียจนแทบจะหาไม่พบ ถึงจะเคยได้ยินมาว่ามีสักคนหรือสองคน แต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดีว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน ดังนั้นเหล่ามหาอำนาจจึงพกหินมณีเอาไว้ดังสมบัติล้ำค่า
เสียดายก็แต่มิติของหินมณีเม็ดหนึ่งนั้นกว้างเพียงฉื่อกว่า ใส่เหรียญซิงเหิน พอจะใส่ของประเภทยาและพวกตำราได้ แต่ของชิ้นใหญ่ก็จนปัญญา แน่นอนว่า หากมีคนที่รวบรวมหินมณีสักสองสามชิ้นหรือมากกว่านั้น ก็สามารถสร้างกระเป๋ามณีหรือแหวนมณีที่มีมิติใหญ่กว่ายิ่งขึ้นไปอีกได้
ลั่วถูเชื่อว่าแหวนคงหลิงในมือของเขาต้องเป็ของที่สร้างขึ้นจากมณีเทพมิติที่หายากยิ่งกว่าของหินมณีแน่ แต่มีเพียงมณีเทพมิติยังไม่พอ ยังต้องใช้วัตถุดิบอีกมากมาย เช่นมีสัตว์อสูรประหลาดในอวกาศชนิดหนึ่งที่เรียกว่าหนอนมิติ ต้องผิวของหนอนมิติชนิดนี้มาเป็วัตถุดิบถึงจะสร้างแหวนมิติได้สักวงหนึ่ง แต่ของเหล่านี้ล้วนไม่ใช่ของที่จะพบได้ด้วยความบังเอิญแต่อย่างใด
ตระกูลลั่วเองก็มีหินมณี และถูกลั่วจงเทียนพกติดตัวดั่งสมบัติอย่างไรอย่างนั้น คนมากมายแม้เพียงดูก็ยังไม่มีโอกาส แน่นอนว่าลั่วถูในตอนนี้ไม่สนใจหินมณีนี้แต่อย่างใด แหวนมิติของเขาเมื่อเทียบกับมิติของหินมณีแล้วนับว่าใหญ่กว่าพันเท่าหมื่นเท่า แต่เขากลับไม่อาจเปิดเผยว่าตนแหวนมิติวงนี้ได้ และหากเขามีหินมณีชิ้นหนึ่งในมือ ก็จะสามารถปิดบังความจริงที่ว่าเขามีแหวนมิติได้
ถึงหินมณีจะล้ำค่า ทว่ายังไม่เพียงพอให้เหล่ามหาอำนาจต้องแย่งชิง
“โฮก... ” ลั่วถูเพิ่งจัดการศพทั้งสองเสร็จ และติดตั้งอุปกรณ์ในกับดักอีกครั้ง กำลังวางแผนว่าจะล่อคนอื่นที่เข้ามาในมิติอีกดีหรือไม่ ทันใดนั้นกลับได้ยินเสียงคำรามะเื์ดังขึ้น ราวกับทั้งผืนป่าสั่นสะท้านเพราะเสียงคำรามนี้
ลั่วถูรู้สึกได้ว่าจิติญญาของตนก็สั่นไหวเช่นกัน สีหน้าพลันบิดเบี้ยวไม่น่าดู ไม่ทันได้คิดอีก เขารีบทิ้งกับดักนี้ทันที วิ่งหนีสุดชีวิตไปทางเนินเขาที่อยู่ไม่ไกล ที่ตรงนั้นมีรอยแตกพอให้ซ่อนตัวได้ คล้ายกับว่าเป็ูเาไฟที่ปะทุไปเมื่อไม่นานนี้ทำให้พื้นดินถล่มจนกลายเป็รอยแตกที่ซ่อนตัวได้มิดชิดทีเดียว
“โฮก... ” ราวกับเสียงคำรามกำลังเข้าใกล้ขึ้นทุกที ทำเอาเหงื่ออันเย็นเฉียบไหลซึมเสียเต็มหลังลั่วถู นี่เป็สัตว์อสูรบ้าบออะไรกัน แต่เสียงคำราม ก็สั่นคลอนจิติญญาของเขาได้แล้ว แม้พลังรบของเขาจะเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อน ทว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมิติลับนี้เลยสักอย่าง
ก่อนหน้านี้เขาเพียงโชคดีได้รับแก่นอสูรของาาอสูรทั้งสามมา ไม่ได้หมายความว่าเขาเอาชนะาาอสูรตัวใดตัวหนึ่งได้เสียหน่อย ไม่ว่าจะหมีเสือสามตา พยัคฆ์หน้าม่วงตาแดง หรือลิงั์ขนแดง ล้วนสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย ตัวเขาเพียงโชคดีที่ได้รับแก่นอสูรจากาาอสูรทั้งสามที่ถูกเผาจนเหลือเพียงลมหายใจเฮือกสุดท้ายต่างหาก ทว่าตอนนี้เพียงเขาได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรตัวนั้น เขากลับรู้สึกว่าสัตว์อสูรตัวนี้คงน่าพรั่นพรึงเสียยิ่งกว่าสามาาอสูรใน่ที่พวกมันทั้งสามรวมพลังกันและแข็งแกร่งที่สุดเสียด้วยซ้ำ เขาจะกล้าไปขวางทางสัตว์อสูรตัวนั้นได้อย่างไร
ลั่วถูเพิ่งซ่อนบนเนินเขาได้ไม่ทันไร ก็เห็นเปลวไฟอันร้อนแรงกลุ่มหนึ่งกำลังเคลื่อนที่เข้าหาจากไกลๆ บริเวณใดที่มันก้าวผ่าน ป่าไม้ราวกับถูกไถจนหายไปอย่างไรอย่างนั้น ต้นไม้สองข้างทางถูกกวาดออกไปจนเกิดเป็ถนนโล่งๆ เส้นหนึ่ง หรือจะเรียกว่าเป็ถนนเพลิงก็ไม่ผิดนัก เพราะทุกที่ที่มันเคลื่อนไป ป่าไม้ทั้งหมดพลันถูกเผา เมื่อมองดูจากที่ไกลๆ ลั่วถูยังมองไม่เห็นว่าเปลวไฟนั้นคืออะไรกันแน่ แต่กลับมองเห็นอย่างเลือนรางว่าเป็สัตว์อสูรสุดอันตราย
“คงไม่ใช่กิเลนเพลิงในตำนานกระมัง... ” ลั่วถูคาดเดา ถ้าไม่ใช่กิเลนเพลิง แล้วเหตุใดรอบกายถึงได้ห้อมล้อมไปด้วยเปลวไฟ อีกทุกที่ที่ก้าวผ่าน ล้วนแผดเผาไหม้ป่าไม้สีแดงจนไม่เหลือซาก
ขนาดร่างของสัตว์อสูรที่มีเปลวเพลิงหุ้มทั้งตัวก็ไม่ใช่เล็กๆ ตัวใหญ่ราวจั้งกว่า ทว่าคล่องแคล่วว่องไวนัก กระโจนอยู่เหนือยอดไม้ราวโผบิน ทุกครั้งที่เหยียบลงบนต้นไม้สีแดงและะโขึ้นสูง ก็ดูราวมีปีกเพลิงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นมาด้วย ทะยานอยู่กลางอากาศ ตกลงบนต้นไม้อีกต้น และทำให้ต้นไม้ทุกที่ที่ก้าวผ่านไปถึงกับลุกไหม้ขึ้นมาทันที
“ไม่เหมือนกิเลน สิ่งนั้นเป็ถึงสัตว์อสูรเทพในตำนาน จะมาปรากฏตัวในมิติลับของโลกชั้นล่างได้อย่างไรกัน?” ลั่วถูปฏิเสธความคิดของตน แต่ยิ่งอสูรประหลาดเข้าใกล้มากเท่าไร พลังสายตาของลั่วถูก็ขับเคลื่อนอย่างเต็มกำลังจนมองเห็นความจริงในเปลวไฟได้ว่ามันคือสิ่งมีชีวิตประหลาดรูปร่างคล้ายวัว ทว่าสิ่งที่เห็นทำเอาลั่วถูสับสนไปเล็กน้อย หากเป็สิ่งมีชีวิตรูปร่างเหมือนวัว แต่กลับะโเหนือยอดไม้ราวกับบินได้ มันคิดว่าตัวเองเป็กระรอก เป็ลิงหรืออย่างไร... มองสัตว์อสูรที่น่าพรั่นพรึงตัวนั้นทะยานเข้าหาและผ่านเขาไปในที่สุด ราวถูกแรงกดดันที่มองไม่เห็นกดทับลงบนร่างของลั่วถู เขามั่นใจว่าเสียงคำรามที่ได้ยินก่อนหน้านี้คือสัตว์อสูรตัวนี้ไม่ผิดแน่ เพียงแต่ไม่รู้ว่าสัตว์อสูรตัวนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ ราวกับมาเพื่อวางเพลิงเผาป่า เขาคิดอยากตามไปดู เพียงแต่เมื่อเริ่มขยับตัวก็ต้องถอยกลับไปคืนทันที เพราะเขาเห็นคนกลุ่มหนึ่ง แต่ไม่ใช่มนุษย์ทั้งหมด ราวกับทุกเผ่าพันธุ์รวมกัน มีเผ่ามนุษย์ เผ่าอสูร ยังมีเผ่ากระดูก เผ่าปีศาจ เผ่ามาร ลั่วถูยังเห็นกระทั่งยอดฝีมือเผ่าิญญาสองคน ที่ดูราวกับภูตล่องลอยไปมาในป่าอย่างไรอย่างนั้น
“คงไม่ใช่ว่าคนพวกนี้กำลังตามล่าสัตว์อสูรเพลิงตัวนี้กระมัง... ” ลั่วถูยกเลิกความคิดที่จะตามไป ถ้าแค่คนสองคนเขายังคิดวิธีลอบตามไปได้ ทว่าตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามมีคนหลายสิบคน อีกทั้งสับสนปนเป เขาไม่นิยมแกว่งเท้าหาเสี้ยนนักหรอก เพียงแต่สิ่งที่ประหลาดใจคือ ยอดฝีมือจากเผ่าต่างๆ กลับรวมอยู่ด้วยกัน ไม่สับสนแม้แต่นิด และไม่ได้โจมตีกันเอง ราวกับทุกคนได้รับยาชูกำลังเข้าไป และพุ่งเป้าตามล่าวัวเพลิงตัวนั้นอย่างไม่ลดละ
เมื่อเห็นคนกลุ่มนี้วิ่งไปตามเนินเขาไปอย่างว่องไว ลั่วถูกลับลังเลเล็กน้อย ไล่ตามหลังคนพวกนั้นไป เขาเองก็อยากรู้ว่าคนเหล่านี้มีเป้าหมายอะไรกันแน่ คงไม่คิดจะโจมตีวัวเพลิงตัวนี้กระมัง หากเป็เช่นนี้จริง คงไม่ต่างอะไรกับศึกัปะทะพยัคฆ์ ความแข็งแกร่งของลมปราณคนเหล่านี้แข็งแกร่งมาก ทว่าเมื่อเทียบกับวัวเพลิงนี้กลับอ่อนแอกว่าโข เขาลองเข้าไปหาคนที่อยู่รั้งท้ายขบวนเพื่อลองถามว่าพอจะถามอะไรบางอย่างได้ไหม อย่างไรเสียในเมื่อคนเหล่านี้ไล่ตามวัวเพลิงประหลาดไปก็ไม่ใช่เื่ง่ายเสียแล้ว ถ้าเกิดต้องสู้สุดชีวิตขึ้นมา คนกลุ่มคงไม่แคล้วได้เจ็บหนัก ไม่แน่ว่าเมื่อถึงเวลานั้นเขาอาจพอสะสมโชคได้บ้าง ได้เจอคนกลุ่มใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เื่ง่าย อาศัยเพียงเหตุผลข้อนี้เขาเองก็ไม่ยอมแพ้ในการตามล่าครั้งนี้แน่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้