บทที่ 84 หนอนลาวา
ลั่วถูแทบวิ่งหนีอย่างเสียสติ การถูกคนที่ชื่อซ่งซือิลอบวางกับดักใส่แต่ไม่สำเร็จ จากนิสัยของลั่วถู มีหรือจะปล่อยโอกาสตอบโต้ให้หลุดมือ?
นอกจากซ่งซือิ เขาก็ไม่เห็นคนอื่นอีก ทว่าส่วนลึกในใจของเขากลับััได้ถึงอันตรายอันน่าพรั่นพรึงราวกับถูกขุนเขาั์กดทับอยู่ ในวินาทีที่ซ่งซือิปรากฏตัว ความรู้สึกอันตรายนี้ทำให้เขาไม่คิดอยู่สนทนาต่อแม้แต่คำเดียวได้แต่รีบหนีออกไป ทว่าในความคลุมเครือนี้ เขากลับรู้ว่าตนคงหนีไม่พ้นเป็แน่ จึงแกล้งทำใจดีสู้เสือตอบกลับไปอย่างสงบนิ่ง และขณะที่เขาใจเย็นลงได้เล็กน้อย เขาก็ััได้ถึงเสียงหายใจอันแ่เบาเสียจนคล้ายว่าไม่มีอยู่จริง ทำให้เขาเข้าใจได้ทันทีว่าเื้ัของซ่งซือิ ต้องมียอดฝีมือซ่อนตัวอยู่แน่ และตัวอันตรายที่แท้จริงคือยอดฝีมือที่เร้นกายอยู่ในความมืดผู้นั้น
หลังจากััทั้งห้าของลั่วถูเปิดกว้างไปแล้วสองัั เพียงแค่ได้เข้าไปในพื้นที่พิเศษ ความสามารถในการได้ยินก็เพิ่มขึ้นไม่รู้จบ เขาประหลาดใจมาก ยอดฝีมือผู้น่าขนลุกข้างกายซ่งซือิอาจมาจากเผ่าผี ซึ่งเป็เผ่าผีที่สามารถซ่อนร่างกายของตัวเองจากสายตาผู้คน ทำให้กระทั่งพลังสายตาของเขายังไม่อาจระบุตำแหน่งของยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ได้
เผ่าผีที่สามารถหายตัวได้ อย่างน้อยต้องเป็ยอดฝีมือศิษย์าขั้นสูง หรืออาจเป็ศิษย์าขั้นสูงสุดด้วยซ้ำไป อย่างไรเสียคนเหล่านี้ก็ได้รับผลกระทบจากกฎฟ้าดินของมิติลับเพลิงต้นกำเนิดทำให้ไม่อาจสำแดงพลังได้เต็มที่ ทว่าระดับเผ่าผีศิษย์าขั้นสูงสุด ยังคงทรงพลังพอจะฉีกกระชากคนที่เพิ่งเปิดิญญาอย่างเขาได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักว่าเหตุใดซ่งซือิถึงปล่อยเขาไป... เขาต้องไม่รู้แน่ว่า ที่ซ่งซือิปล่อยเขาไป ไม่ใช่เพราะความเมตตา แต่เป็เพราะเห็นปีก์ใต้ฝ่าเท้าของเขาและเข้าใจผิดว่าเขาเป็ลูกหลานของตระกูลซูแห่งเทียนหนิงต่างหาก
หลังจากผ่านเื่เล็กน้อยของซ่งซือิมาได้ ทำให้ลั่วถูเข้าใจแล้วว่าอันตรายในมิติลับนี้เกรงว่าไม่ใช่เพียงูเาไฟะเิหรือธารลาวาแต่อย่างใด ทว่าเป็เหล่ายอดฝีมือศิษย์าจากแผ่นดินต่างๆ บางทีอาจเป็เพราะเขาเข้ามาในมิติลับเร็วกว่าคนอื่น ทำให้ตอนที่วิ่งหนี่แรกไม่เจอคนอื่นเลย ทว่าตอนนี้เขาเข้ามาหลายวันแล้ว ข้างในมีคนตั้งมากมายเท่าไร ใครเล่าจะล่วงรู้? เสียดายก็แต่จนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้รับข่าวจากเจียงิ่เลย แต่เมื่อคิดดูแล้วเอาไว้ออกจากสถานที่ที่ล้อมรอบไปด้วยูเาไปก่อนค่อยว่ากัน ในเมื่อตอนนี้เขามีสมบัติที่ใช้บินได้ ลองบินผ่านธารลาวาดูก็ไม่เสียหลาย ถ้าให้เขาเลือก เขายอมบินผ่านธารลาวาดีกว่าบินผ่านูเาไฟปะทุเป็ไหนๆ แม้ตามธารลาวาจะมีเสาอุณหภูมิสูงแถมในบางครั้งยังพุ่งออกมาเป็สายอีกต่างหาก แต่หากเทียบกับูเาไฟะเิ ยังนับว่าปลอดภัยกว่ามาก อีกทั้งแค่บินข้ามธารลาวาไป พวกโอวหยางเสี่ยวม่อก็ตามเขาไปไม่ได้แล้ว เว้นเสียแต่ว่าพวกเขาจะมีสมบัติบินได้
ลั่วถูคุ้นเคยกับเส้นทางบนธารลาวาเป็อย่างดี เขาเลือกไปทางทิศทางใต้ทะลุออกจากเขตที่ล้อมด้วยูเาไฟอย่างดื้อดึง อย่างไรก็ตามหากคิดจะไปทางทิศตะวันตก ก็ต้องทะลุผ่านเขตูเาไฟะเิทางตะวันตกเฉียงใต้อยู่ดี เขาเคยผ่านอันตรายจากธรรมชาติเช่นนี้มาแล้ว และไม่คิดจะลองอีก
ด้วยอุณหภูมิอันสูงลิบลิ่ว ทำให้เขตนี้ไม่มีสิ่งมีชีวิตหน้าไหนกล้าเฉียดเข้าใกล้ แม้แต่ต้นไม้สีแดงที่ทนความร้อนได้ก็ไม่รอดจากความร้อนริมธารลาวาอยู่ดี
ปีก์รักษาระดับเหนือพื้นไว้ได้หลายจั้งก็สุดความสามารถของมันแล้ว อย่างไรเสียเ้านี่ก็ไม่ใช่กระบี่บิน แต่แค่ความสูงหลายจั้งสำหรับลั่วถูนับว่าสูงแล้ว รากิญญาเพลิงในร่างกายของเขาเองก็เติบโตสมบูรณ์พอสมควร แม้พลังธาตุบนธารลาวาจะบ้าคลั่งเพียงไร แต่ลั่วถูที่คุ้นชินกับพลังเพลิงนรกต้นกำเนิดเป็อย่างดี สามารถเปลี่ยนพลังธาตุเพลิงที่แสนบ้าคลั่งให้เป็พลังเพลิงบริสุทธิ์ ไปเป็สารอาหารให้แก่ร่างกายและรากิญญาได้ แต่เขาจะไม่ประมาทเด็ดขาด มีเพียงฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าในธารลาวานี้มีอันตรายแบบไหนซุกซ่อนอยู่บ้าง
……
ซูเสี่ยวพั่งรู้สึกว่าตัวเขาช่างโชคร้ายเหลือเกิน เขารู้ดีว่าโอวหยางเสี่ยวม่อและต้วนชิงไม่กล้าสังหารเขา อย่างมากก็เพียงทุบตีเขาอย่างโเี้ ซึ่งเขาเตรียมใจถูกทุบตีไว้อยู่แล้ว อย่างไรก็เป็เพราะเมื่อครู่เขาหยิ่งผยองเกินไป แถมตอนท้ายที่สุด ตอนที่เขากำลังเสวยสุขกลับถูกกระชากลงสู่ความทุกข์ไปเสียอย่างนั้น ถูกกับดักของเ้าเด็กจากแผ่นดินต้นกำเนิดอย่างจัง เ้าคนที่มาจากแผ่นดินต้นกำเนิดนั่น... ชื่ออะไรนะ รู้สึกจะไม่ได้ถามไว้ ที่จริงก็ไม่ได้ใส่ใจั้แ่แรกอยู่แล้ว...
โอวหยางเสี่ยวม่อ ต้วนชิงและคนอื่นๆ ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา แทบจะทุกคนทำเพียงยกนิ้วกลางใส่เขาเท่านั้น จากนั้นทิ้งเขาไว้และไล่ตามลั่วถูไปอย่างสง่างาม ท่ามกลางป่าที่ถูกไฟเผาเหลือแค่เขาคนเดียว แม้แต่เขตแดนสายฟ้าที่อยู่ไกลๆ ก็สลายไปแล้ว ทันใดนั้นจู่ๆ เขาก็เกิดรู้สึกสับสนขึ้นมาเสียอย่างนั้น นอกจากเสื้อผ้าเขาก็ไม่เหลืออะไรอีกเลย... พอคิดว่ามิติแห่งนี้ไม่รู้ว่ากว้างใหญ่ขนาดไหน การค้นหาต่อจากนี้มีแต่ต้องเดินเท้าแล้ว ซูเสี่ยวพั่งไม่อาจห้ามตัวเองไม่โกรธแค้นลั่วถูได้เลย เขาพบว่าตนที่เดิมทีตั้งใจมาล่านกกลับถูกนกจิกเข้าเสียแล้ว ตลอดมาล้วนเป็เขาที่แกล้งคนอื่น ครั้งนี้กลับเป็เขาเสียเองถูกคนอื่นแกล้งจนไม่เหลืออะไร
ซูเสี่ยวพั่งยังรู้อีกว่าสาเหตุที่พวกโอวหยางเสี่ยวม่อคร้านจะต่อยเขา คงเพราะรู้ว่าตัวเขาในตอนนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว สู้ทิ้งเขาไว้ในป่านี้คนเดียว ยังเป็การลงโทษมากกว่าต่อยเขาเสียอีก
“เ้าเด็กจากแผ่นดินต้นกำเนิด อย่าให้ท่านพั่งผู้นี้จับเ้าได้เชียว ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เ้าทรมานเสียยิ่งกว่าตาย!” ซูเสี่ยวพั่งกร่นด่าออกมาอย่างโเี้ หลังจากนั้นหยิบปิ่นปักผมแท่งหนึ่งที่ดูไม่เตะตาออกจากบนศีรษะ เมื่อมืออวบอ้วนออกแรงบีบ ก็มีแสงสว่างส่องขึ้น กลายเป็กระจกอันเลือนรางปรากฏต่อหน้าของเขา
“พี่ใหญ่ ข้าถูกเ้าเด็กจากแผ่นดินต้นกำเนิดเล่นงานเข้าให้แล้ว มันปล้นของของข้าไปหมด ตอนนี้ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้ รีบมาช่วยข้าเร็วเข้า นอกจากนี้ ถ้าเห็นผู้ฝึกตนจากแผ่นดินต้นกำเนิด ให้พี่น้องทุกคนจัดการมันให้ข้าเสีย! ข้าจะวาดรูปของหมอนั่นนั้นส่งให้เ้า... ” ซูเสี่ยวพั่งกล่าวกับกระจกแสงด้วยความคับข้องใจ จากนั้นลงมือวาดรูปของลั่วถูจากความทรงจำของเขา เพียงแต่คิดแล้วคิดอีกดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ถูกต้อง ได้แต่ลบแล้วก็วาดใหม่ทำซ้ำอย่างนั้นอยู่หลายครั้ง จนสุดท้ายตัวเขาก็เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วว่าลั่วถูหน้าตาเป็อย่างไรกันแน่ จึงได้แต่ใช้กระแสจิตส่งรูปภาพอย่างง่ายไปในกระจกอย่างไม่สบอารมณ์
“ข้าไม่สนแล้ว ก็รูปร่างหน้าตาประมาณนี้ ถ้าพบเห็นคนที่หน้าตาเช่นนี้ก็จัดการมันทั้งหมดเสีย ให้ทุกคนออกตามหามัน! ต้องหามันให้เจอให้ได้!” ในใจของซูเสี่ยวพั่งมีแต่ความโกรธแค้น ถ้ารู้แบบนี้ั้แ่แรกคงไปเรียนวาดรูปที่สำนักฉินซูแล้ว ไม่ต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ ที่แม้แต่รูปคนก็วาดไม่ได้!
……
ลั่วถูไม่มีทางรู้เลยว่าเป็เพราะเขา บรรดาศิษย์าจากแผ่นดินต้นกำเนิดมากมายจะพลอยโชคร้ายไปด้วย แต่ต่อให้รู้เขาก็ไม่สนอยู่ดี ขอแค่เื่นี้ไม่เดือดร้อนเขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น
และครั้งนี้จำนวนคนที่มาจากแผ่นดินต้นกำเนิดก็มีไม่น้อยเลย แต่ก็ไม่นับว่ามากสักเท่าไร นอกจากคนที่เหล่ามหาอำนาจเลือกไว้ั้แ่แรก ยังมียอดฝีมือศิษย์าจากกองทัพ ที่โดยเฉลี่ยแล้วอยู่ในระดับศิษย์าขั้นห้า แน่นอนว่ามีบ้างที่เป็ศิษย์าขั้นสูงส่วนศิษย์าขั้นต่ำมีเพียงจำนวนน้อย นี่เป็ถึงโอกาสอันหายากยิ่งในรอบร้อยปี ลูกหลายสายตรงของบรรดามหาอำนาจ ที่แม้ระดับของพวกเขาจะไม่สูงนักแต่พวกเขาก็ส่งศิษย์าขั้นสูงมาคอยปกป้องลูกหลานแทน
ลั่วฮุยหวางไม่ได้กลับไปยังตระกูลลั่วที่เจียงหยิน แต่ตามศิษย์พี่ศิษย์น้องจากนิกายเซวี่ยเจี้ยนเข้าสู่มิติลับเพลิงต้นกำเนิดพร้อมกันแทน
อำนาจของนิกายเซวี่ยเจี้ยนเหนือกว่าตระกูลลั่วแห่งเจียงหยินมากนัก อย่างน้อยในแผ่นดินต้นกำเนิดก็นับว่าเป็นิกายลำดับหนึ่งไม่ก็สอง แทบทุกปีล้วนมีศิษย์ที่ได้เข้าสู่โลกชั้นสูงและมีศิษย์จำนวนมากที่ได้เข้าสู่สำนักระดับกลางด้วย ส่วนเื่การออกจากแผ่นดินต้นกำเนิดเพื่อเข้าสู่มิติลับเพลิงต้นกำเนิดครั้งนี้ นิกายเซวี่ยเจี้ยนย่อมไม่น้อยหน้าคนอื่นเป็ธรรมดา ลั่วฮุยหวางเดิมทีไม่มีคุณสมบัติพอจะได้เข้าสู่มิติลับเพลิงต้นกำเนิด เพราะอย่างไรเสียเขาก็เพิ่งทะลวงระดับศิษย์าขั้นสี่เท่านั้น ทว่าศิษย์อัจฉริยะที่สามารถทะลวงระดับศิษย์าขั้นสี่ได้ั้แ่อายุสิบหกเช่นนี้ นิกายเซวี่ยเจี้นย่อมยินยอมให้การดูแลในฐานะคนสำคัญอยู่แล้ว
เมื่อลั่วฮุยหวางตื่นขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนหินสีดำก้อนหนึ่ง พื้นดินรอบด้านทุกตารางนิ้วล้วนเต็มไปด้วยก้อนหินสีดำที่ปล่อยไอร้อนออกมา บนพื้นบางจุดยังมีควันลอยออกมาราวกับด้านใต้มีเปลวไฟแผดเผาอยู่อย่างไรอย่างนั้น
“ที่นี่คือมิติลับเพลิงต้นกำเนิดหรือ?” ลั่วฮุยหวางสูดลมหายใจเข้าลึก แววตาปรากฏร่องรอยแห่งความยินดีขึ้นมาทันที เมื่อััได้ถึงพลังธาตุเพลิงที่อัดแน่นอยู่ในมิติลับแห่งนี้ เขาก็ถึงกับสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ รับเอาพลังธาตุเพลิงอันหนาแน่นเข้าสู่ร่างกาย ทำให้เขารู้สึกสบายจนเหนือคำบรรยาย ในร่างของเขามีรากิญญาคู่วายุและเพลิง แม้จเปิดิญญาสำเร็จเพียงรากิญญาวายุ แต่สำหรับเขาแล้วพลังธาตุเพลิงก็ไม่ใช่ของเหลือบ่ากว่าแรงแต่อย่างใด บางทีอาจเป็เพราะเขามีรากิญญาคู่วายุและเพลิง ท่านอาจารย์ถึงได้อนุญาตให้เขาเข้ามาในมิติลับด้วย เพราะมีความคิดจะให้เขาเปิดิญญาธาตุที่สองนั่นเอง...
“เอ๊ะ... เ้านี่มันอะไรกัน... ” ขณะที่ลั่วฮุยหวางสำรวจสภาพแวดล้อมรอบตัว กลับได้ค้นพบความน่าประหลาดใจว่าบนพื้นดินที่ดำสนิทนี้ คล้ายว่ามีจุดแสงสะท้อนราวกับเพชรอยู่จุดหนึ่ง จึงรีบวิ่งเข้าไปหาและยื่นมือออกไปหวังเก็บมันขึ้นมา ทว่าในตอนนั้นเองในใจรู้สึกราวบีบรัดจนแน่น เขาไม่รีรอรีบกระโจนออกห่างทันที และในวินาทีที่เขาะโถอยไป อัญมณีสะท้อนแสงเม็ดนั้นพลันะเิออก จากนั้นสะเก็ดดินสีดำนับไม่ถ้วนร่วงลงมาราวกับห่าฝน เงาสีดำปนแดงร่างหนึ่พุ่งเข้าใส่ลั่วฮุยหวางราวกับลูกศร
“ฟุ่บ... ” เสียงหนึ่งดังขึ้นแ่เบา ร่างของลั่วฮุยหวางยังไม่ทันตกถึงพื้น กระบี่ในมือก็ฟันออกไปก่อนแล้ว สว่างไสวราวแสงจากหิมะ
“แปะ... แปะ...” เมื่อร่างของลั่วฮุยหวางแตะพื้น แสงหิมะพลันหายไป หยดเืสาดกระเซ็นลงบนพื้นดินที่ไหม้ดำ ร่างของสัตว์ชนิดหนึ่งขาดเป็ท่อนๆ ดีดดิ้นอยู่บนพื้น และก็ต้องพบว่ามันคือหนอนสีแดงดำตัวอ้วนราวหนึ่งฉื่อ บนหัวมีก้อนเนื้อจุดหนึ่งที่ดูราวกับอัญมณี
“ตัวอะไรนี่... ” สีหน้าของลั่วฮุยหวางบิดเบี้ยวจนน่าเกลียดไปแล้ว บนหัวของเ้าหนอนที่ดิ้นไปมามีปากขนาดใหญ่เท่าตัวของมัน ฟันที่สว่างราวหิมะดูอย่างกับเป็มีดสั้นนับไม่ถ้วนเรียงต่อกัน ลั่วฮุยหวางเชื่อเลยว่า ถ้าถูกหนอนตัวนี้กัดเข้าสักคำ อวัยวะบนตัวได้หายไปสักชิ้นแน่ ถ้าเมื่อครู่เขาไม่ได้ระวังตัวมากพอ แค่คิดจะยื่นมือไปเก็บหินสมบัติที่เป็ตัวล่อ ก็เป็ไปได้สูงทีเดียวที่การกัดครั้งนี้คงโดนหัวของเขาเ้าเต็มๆ และป่านนี้ที่เขาคงกลายเป็ศพไร้ศีรษะไปแล้ว... แต่เมื่อสายตาของลั่วฮุยหวางกวาดตามองบนพื้นรอบตัว และเห็นว่าบนพื้นดินสีดำกว้างขวางมีแสงประกายจุดเล็กๆ อยู่นับไม่ถ้วน หัวใจของเขาแทบดิ่งลงเหวในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้