“เช่นนั้นต้องรบกวนคุณหนูรองแล้ว เมตตายิ่งใหญ่บุญคุณล้นฟ้าครานี้ ข้าจะไม่มีวันลืม”
เจียงจื่อเฮ่าะโเด้งขึ้นจากพื้นราวกับปลาไน และเพราะไม่ทันระวังจึงโดนขาข้างที่าเ็เข้า เขากัดฟันร้องด้วยความเ็ป เหงื่อเย็นไหลซึมออกมาที่หน้าผากของเขา
อันที่จริงอาการาเ็ที่ขาของเขาไม่ถือว่าร้ายแรง เพียงแต่ตอนที่ถูกมู่เอ้าเทียนเตะจนปลิวนั้น เขาไม่ได้ตั้งรับเอาไว้ ยามร่วงหล่นจึงลงพื้นมิถูกท่า ดังนั้นข้อขาของเขาจึงแพลง ถึงแม้ว่าเขาจะจัดกระดูกกลับได้ แต่ก็ยังมิกล้าลงแรงที่ฝ่าเท้านัก ต้องใช้พลังลมปราณช่วยพยุงเอาไว้ ที่เขากล่าวว่าตนเองขาหักก็เพื่อให้ฟังดูรุนแรง เป็การข่มขู่ให้คนในจวนตระกูลมู่หวาดกลัว
“คุณชายเจียง มิต้องเกรงใจถึงเพียงนี้เ้าค่ะ”
เมื่อได้ยินคำขอบคุณที่เถรตรงของเจียงจื่อเฮ่า มู่ชิงอวิ้นพลันรู้สึกเขินอายเล็กน้อย นางหลุบตาลงกล่าวเสียงเบา
“หากคุณชายเจียงไม่รังเกียจ ท่านสามารถพำนักในหอหานเจียงทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือได้นะเ้าคะ ที่นั่นเป็เรือนขนาดเล็ก ไม่มีผู้ใดอาศัยและใช้สำหรับรับแขกเป็ครั้งคราวเท่านั้นเ้าค่ะ”
มู่ชิงอวิ้นกล่าวอีกคราด้วยเสียงเบาราวกระซิบ
“ไม่รังเกียจสักนิด ข้าพอใจเป็อย่างยิ่งขอรับ”
รอยยิ้มของเจียงจื่อเฮ่าลอยเด่น หาได้มีท่าทีนอนกลิ้งบนพื้นอย่างหมดอาลัยตายอยากเช่นเมื่อครู่
ฮวาเหยียนกลอกตาขาวใส่เขาอย่างหยามเหยียด ทว่าเจียงจื่อเฮ่าไม่สนใจ ใบหน้าของเขาบริสุทธิ์รู้ตื่นอย่างเต็มที่
ฮวาเหยียนเสียใจภายหลังที่ปล่อยเขาไปง่ายๆ นางน่าจะหักขาของเขาแล้วโยนอีกฝ่ายกลับจวนตระกูลเจียงไปเสีย
“น้องรอง เ้าคงมิได้เข้าใจผิดใช่หรือไม่ เขามิใช่แขกผู้มีเกียรติ บิดาของเขาโยนเขามาที่นี่เพื่อใช้แรงงานดั่งวัวควาย ยังต้องกล่าวว่าช่วยชีวิตมีบุญคุณอันใด ให้เขาพักที่หอหานเจียงหรือ? ปล่อยให้เขาอยู่ในลานเล็กทางตะวันออกเสียยังดีกว่า”
ฮวาเหยียนเปิดปากกล่าวอย่างเ็า
เมื่อสิ้นเสียงก็พบว่าใบหน้าของมู่ชิงอวิ้นแข็งค้าง นางอาจคิดว่าคำพูดของตนถูกฮวาเหยียนปัดทิ้ง ดังนั้นท่าทีจึงกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย นางกัดริมฝีปากและกระซิบว่า “แต่ลานเล็กทางทิศตะวันออกไม่มีผู้อาศัยอยู่นานแล้วนะเ้าคะ ทั้งยังอยู่ใกล้ ใกล้กับ...”
ใกล้กับห้องสุขา
มู่ชิงอวิ้นรู้สึกกระดากใจที่จะเอ่ยออกมา
“มิอยากอยู่ก็ไม่ต้องอยู่ หากไม่อยู่เช่นนั้นก็ไปเสีย”
ฮวาเหยียนโยนประโยคดังกล่าวเป็การทิ้งท้าย นางี้เีเกินกว่าจะยืดเยื้อต่อแล้ว เท้าเล็กยกขึ้นปรารถนาจะเดินจากไป
“ข้าจะอยู่!”
เจียงจื่อเฮ่าที่อยู่อีกด้านกัดฟันกรอด
เขาจ้องเขม็งไปที่ฮวาเหยียน แต่ฮวาเหยียนกลับไม่ชายตาแลเขาเลยสักครา ราวกับมิได้นำพาเื่ของเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย ช่างทำให้คนโมโหจนตายจริงๆ!
ฮวาเหยียนเพิ่งยกเท้าขึ้นเตรียมเดินจากไป นางกำลังจะไปหาพี่หญิงมู่เพื่อพูดคุย แต่เพียงก้าวเท้าแรก มู่ชิงอวิ้นก็ะโหยุดนางเอาไว้ “พี่หญิง ท่านรอสักครู่ ข้ามีเื่อยากหารือกับท่านเ้าค่ะ”
นางร้องเรียกอย่างกะทันหัน
ฮวาเหยียนหันมามองด้วยความแปลกใจ “เื่อันใดหรือ?”
มู่ชิงอวิ้นกุมชายกระโปรงของตนด้วยท่าทีลังเลเล็กน้อย ไม่นานจากนั้นนางก็ชี้ไปที่สวนเล็กๆ นอกห้องโถง “พี่หญิง พวกเราไปสนทนากันตรงนั้นดีหรือไม่เ้าคะ?”
ฮวาเหยียนเลิกคิ้ว อีกฝ่าย้าจะคุยตัวต่อตัวกับนางหรือ
อีกด้านหนึ่ง มู่จี้หงหัวเราะเหอๆ ก่อนหันไปกล่าวกับมู่เอ้าเทียนว่า “สองสาวพี่น้องมีเื่ต้องกระซิบกระซาบกันด้วยขอรับ”
“อืม เด็กสองคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีมาั้แ่เล็ก”
มู่เอ้าเทียนมองภาพเื้ัของเด็กสาวทั้งสอง สายตาของเขาทอประกายรักใคร่เอ็นดูอย่างไม่รู้ตัว
สตรีสองนางของตระกูลมู่ ล้วนเป็สตรีอ่อนโยนงดงาม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากเขาได้ยินเื่ที่ฮวาเหยียนลงมือในโรงน้ำชาซินเยว่จากบุตรชายคนโต พาให้ความภาคภูมิใจที่ยากจะอธิบายได้ท่วมท้นในหัวใจ ใช่ เป็ความภาคภูมิใจ
นี่คือบุตรีของเขา มู่เอ้าเทียน
ปีนี้นางมีอายุไม่ถึงยี่สิบปี กลับได้เข้าสู่ขอบเขตการฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์แล้ว ทั้งยังเป็ปรมาจารย์ขั้นที่สองด้วย ถือเป็สตรีชั้นยอดแห่งแคว้นต้าโจว!
นางเป็บุตรหลานของตระกูลมู่จริงๆ เมื่อครั้งยังเป็เด็ก นางมีนิสัยรักสงบและโปรดปรานการประดิษฐ์อักษรและวาดภาพ ทว่าตอนนี้เพราะได้รับความทุกข์ทรมานมามากเกินทน จึงเริ่มฝึกฝนและก้าวเข้าสู่เส้นทางผู้ฝึกยุทธ์ เป็เหตุให้เวลานี้นิสัยของนางเปลี่ยนไปราวพลิกฟ้าคว่ำดิน
มู่เอ้าเทียนทั้งภูมิใจและทุกข์ใจ
เขาแทบไม่กล้าตรึกตรองอย่างลึกซึ้งถึงความทุกข์ยากที่บุตรสาวของตนได้รับตลอดสี่ปีที่ผ่านมา เพียงนึกถึงอกของเขาก็เ็ปจนหายใจไม่ออก... บุตรสาวที่เขามิได้ปกป้องคุ้มครองถึงสี่ปี เติบโตมาได้อย่างยอดเยี่ยมนัก เยี่ยมมากจริงๆ
ยิ่งเขาไตร่ตรองอีกครั้ง การที่นางปกป้องชื่อเสียงของตระกูลมู่และพี่ชายของตน สตรีผู้นี้ถึงกับต้องเอาชนะจวิ้นจู่ฉู่ รวมถึงองค์หญิงเลยหรือ? เขาส่ายหัว ใบหน้าปราศจากรอยยิ้ม คิดว่าวันพรุ่งต้องมีการกล่าวโทษเขาต่อหน้าพระพักตร์อีกแน่ และเกรงว่าแม้แต่ฮ่องเต้ก็คงหาเื่เขาเช่นกัน
แต่ไม่ว่าอย่างไร ในใจเขาก็ปลื้มปีตินัก บุตรสาวที่รักยิ่งลงมือได้ตรงกับสิ่งที่อยู่ในใจเขา นางสมควรได้รับคำชม
...
ทางด้านฮวาเหยียนกับมู่ชิงอวิ้นเพิ่งเดินมาถึงที่เงียบสงบเป็เอกเทศ
“มีเื่ใดหรือ?”
ฮวาเหยียนเอ่ยถามอีกหน
มู่ชิงอวิ้นกัดริมฝีปาก ในใจของนางรู้สึกอึดอัดอยู่เล็กน้อย ด้วยรู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างมู่อันเหยียนกับคนในตระกูลมู่เป็เช่นไร อีกฝ่ายทั้งอ่อนโยนและอบอุ่น แม้กระทั่งสายตาของมู่เฉิงอินที่เพิ่งเหยียบเข้าตระกูลมู่ก็ยังไม่อาจปกปิดความชื่นชมพี่สะใภ้ผู้นี้เอาไว้ได้ ทว่าในตอนที่เผชิญหน้ากับน้องสาวเช่นนาง อีกฝ่ายกลับเ็าอยู่ไม่น้อย
มู่ชิงอวิ้นไม่รู้ว่าตนทำสิ่งใดผิดไป แต่นางจะไม่ถามออกมาอย่างโง่งมเป็แน่
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเปิดปากกล่าวอย่างลังเลว่า “พี่หญิง ข้าอยากหารือกับท่านเื่ปัญหาการแต่งงานของข้า...”
ฮวาเหยียนคาดไม่ถึงจริงๆ ว่ามู่ชิงอวิ้นจะพูดเื่นี้กับนาง บนใบหน้าจึงฉายแววประหลาดใจวาบผ่าน “การแต่งงานของเ้า มีปัญหาอันใดหรือ?”
มู่ชิงอวิ้นถอนหายใจเสียงเบา นางดูประหม่าเล็กน้อย แต่กลับพกพาความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวไว้ จากนั้นฮวาเหยียนก็ได้ยินนางกล่าวว่า “เป็เื่ที่ฮ่องเต้จะมอบพระราชโองการอภิเษกสมรส โดยให้ข้าแต่งเข้าเป็ชายารองขององค์รัชทายาทเ้าค่ะ”
“หืม? ท่านพ่อของข้ามิได้ปฏิเสธไปแล้วหรือ? เื่นี้เ้ามิต้องกังวลไป”
ฮวาเหยียนตอบ
ผู้ใดจะรู้ว่าทันทีที่พูดจบ ฮวาเหยียนจะเห็นมู่ชิงอวิ้นเงยหน้าขึ้น ดวงตาของนางเป็ประกาย ราวกับว่านางรวบรวมความกล้ามาจากทั้งร่าง จึงเห็นนางส่ายหัวอย่างกระวนกระวายพลางว่า “ไม่ ไม่ใช่เ้าค่ะ คือท่านแม่ของข้า เมื่อเย็นวานนางครุ่นคิดอยู่เป็นาน และยังปรารถนาจะให้ข้าแต่งกับองค์รัชทายาท ขะ ข้า ข้ามิอาจปฏิเสธนางได้...”
หลังจากที่มู่ชิงอวิ้นเอ่ยคำเหล่านี้เสร็จ นางก็ก้มศีรษะลง ใบหน้าปรากฏร่องรอยเขินอายอยู่บ้าง
“เช่นนั้น ความหมายของเ้าคือ?”
ฮวาเหยียนจ้องใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนส่งเสียงถามออกมา
“พี่หญิง ที่ข้าหมายถึงคือ ข้า...”
ฮวาเหยียนกะพริบตาปริบเมื่อได้ยินถ้อยคำของมู่ชิงอวิ้น นางกำลังคิดอยู่ว่าลูกพี่ลูกน้องคนรองผู้นี้กำลังหมายถึงสิ่งใด...
“น้องรอง หากเ้ามีอันใดก็พูดออกมาตรงๆ อย่ามัวอ้ำอึ้งอยู่เช่นนี้”
คิ้วงามของฮวาเหยียนเลิกขึ้น อากาศร้อนอบอ้าวเป็อย่างยิ่ง โดยเฉพาะยามสายที่ดวงอาทิตย์ดั่งพิษร้าย เพียงครู่เดียวหน้าผากของนางก็มีเหงื่อหยดซึม เมื่อเห็นมู่ชิงอวิ้นยังอ้ำอึ้งอยู่นานคล้ายลังเลที่จะพูด ในใจของนางก็เกิดความร้อนรน กล่าวเร่งอีกฝ่ายว่า “เช่นนั้นตัวเ้าเองคิดอย่างไรเล่า?”
หลังจากฮวาเหยียนเอ่ยถามอย่างอดรนทนไม่ไหว น้ำตาของมู่ชิงอวิ้นก็หลั่งรินออกมาทันที
ฮวาเหยียน “...!”
เ้าร้องไห้เพื่ออันใด?
“พี่หญิง ท่านทราบดีว่าข้าแตกต่างจากท่านนัก ท่านพ่อของข้าไร้ตำแหน่ง และข้าไม่มีพี่ชายคอยปกป้องคุ้มครอง แม้ข้าจะเป็คุณหนูรองของตระกูลมู่ ทว่าอย่างไรก็เป็เพียงครอบครัวรอง เกรงว่าในอนาคตข้าก็มิอาจหาบุรุษที่เยี่ยมยอดกว่าองค์รัชทายาทได้อีกเ้าค่ะ”
มู่ชิงอวิ้นกล่าว
เมื่อคำเหล่านี้ถูกกล่าวจนจบ น้ำตาพลันไหลอาบใบหน้าของนางทันที
ฮวาเหยียนกลับไปมีสีหน้าโง่งมอีกครั้ง ตอนนี้นางเข้าใจความหมายของมู่ชิงอวิ้นแล้ว นางเงยหน้ามองมู่ชิงอวิ้นด้วยดวงตาเ็า “เช่นนั้นเ้า้าแต่งให้ตี้หลิงหานในฐานะชายารองหรือไม่?”
“พี่หญิง ได้โปรดช่วยให้ข้าบรรลุความปรารถนาด้วยเ้าค่ะ”
มู่ชิงอวิ้นคุกเข่าลงทันที นางโขกศีรษะลงกับพื้นและอ้อนวอน
ฮวาเหยียนรู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่งกับการกระทำของอีกฝ่าย ยังไม่ทันที่นางจะกล่าวอันใด กลับได้ยินเสียงดังมาจากอีกฝั่ง
“อวิ้นเอ๋อร์ เหตุใดเ้าต้องคุกเข่าด้วย?”
“มู่อันเหยียน ปล่อยให้น้องรองคุกเข่าให้เ้าได้อย่างไร? ช่างรังแกกันเกินไปแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้