“ข้าจะฝึกต่อแล้ว!” ดวงตาสดใสของเซียวหนิงเอ๋อร์จ้องมองเนี่ยหลีด้วยความเ็า
เซียวหนิงเอ๋อร์ไม่ชอบถูกรบกวน มักทำสีหน้าที่ผลักไสผู้คนให้ถอยห่างออกไปเป็พันลี้ และเพราะนางไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนนักเรียนในชั้น โดยเฉพาะพวกเด็กผู้ชาย ความไร้เพื่อนของนางจึงดูค่อนข้างประหลาด
“ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้!” เนี่ยหลีพูดพร้อมยิ้มบาง เขามองสำรวจนางั้แ่หัวจรดเท้า
เซียวหนิงเอ๋อร์สองคิ้วขมวดมุ่น เนี่ยหลีมองดูนางเช่นนี้ออกจะไร้มารยาทเกินไป ดังนั้นนางจึงอดเคืองใจขึ้นมาไม่ได้ ในโรงเรียนเซิ่งหลันมีเด็กหนุ่มมากมายตามตื๊อนาง ทว่าเซียวหนิงเอ๋อร์ล้วนไม่ใส่ใจพวกผู้ชายเ่าั้ นางเพียงสนใจอยู่กับการฝึกของตน ดังนั้นการกระทำของเนี่ยหลีเมื่อครู่จึงไม่แตกต่างจากเด็กหนุ่มอื่นๆ ในโรงเรียน ช่างน่าเบื่อนัก!
“เ้ายังไม่ไปอีกหรือ?” น้ำเสียงของเซียวหนิงเอ๋อร์แฝงความไม่ชอบใจ เนี่ยหลีรบกวนนางนานมากแล้ว
สายตาของเนี่ยหลีจรดอยู่ที่เท้าของเซียวหนิงเอ๋อร์ นางไม่ได้ใส่รองเท้า เท้าเรียวเล็กงดงามราวเนื้อหยกกลางแสงจันทร์คู่หนึ่ง เห็นได้ชัดว่ามีจ้ำแดงเล็กน้อย เขาพูดขึ้น “กลางคืน ขาสองข้างของเ้าจะรู้สึกราวกับถูกไฟลวกใช่หรือไม่?”
ได้ยินสิ่งที่เนี่ยหลีเพิ่งพูดออกมา เซียวหนิงเอ๋อร์ใเล็กน้อยและรีบตอบ “เ้ารู้ได้อย่างไร?” เพราะสองเท้ารู้สึกปวดร้อนราวกับถูกไฟลวก ขณะฝึกยุทธ์ในยามค่ำคืนเซียวหนิงเอ๋อร์จึงมักไม่สวมรองเท้า
“แน่นอนข้าต้องรู้” เนี่ยหลียิ้ม “ไม่เพียงรู้เื่นี้ ข้ายังรู้อีกว่า ไม่เพียงขาทั้งสองข้างของเ้าจะรู้สึกร้อนเหมือนถูกไฟลวก ร่างกายของเ้ายังหนาวเหน็บ ทุกๆ เที่ยงคืนจะรู้สึกหนาวราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เ็ปยิ่ง ต่อให้อยากฝึกพลังิญญาก็ไม่มีปัญญาทำได้ ใช่หรือไม่?”
เซียวหนิงเอ๋อร์ใกับถ้อยคำของเนี่ยหลี นางเฝ้าอดทนต่อความเ็ปตามลำพัง ไม่เคยบอกเล่าให้ผู้ใดฟัง แม้แต่กับคนในครอบครัว แล้วเนี่ยหลีรู้ได้อย่างไร?
เห็นสีหน้าของเซียวหนิงเอ๋อร์ เนี่ยหลีรู้ว่าเขาเดาได้ถูกต้อง ที่แท้อาการเจ็บป่วยของเซียวหนิงเอ๋อร์ในชีวิตหนก่อนก็คือโรคหนาวจัดนั่นเอง เพราะฝึกวิชาตอนกลางคืน จึงมักดูดซับไอเย็นเข้าสู่ร่างกาย ปิดกั้นเส้นเืทั่วร่าง โรคหนาวจัดนั้นอย่างเบาก็จะทำให้คนผู้นั้นป่วยหนัก อย่างหนักก็คือสามารถทำให้ร่างกายถึงขั้นะเิ ฉะนั้นเซียวหนิงเอ๋อร์ในชีวิตชาติที่แล้วของนางถือว่าโชคดีมากแล้วที่แค่ล้มหมอนนอนเสื่ออยู่เพียงสองปี
“ตามอาการของโรค บนร่างกายของเ้าน่าจะมีจุดแดงปรากฏอยู่ จุดแดงเ่าั้มีความเ็ปยิ่งนักและไม่เพียงไม่หดน้อยลง ยังสามารถแพร่กระจายออกไปทั่วร่างกายได้” เนี่ยหลีกล่าวอย่างมั่นใจ “เ้ายังก้าวไม่ถึงระดับทองแดง แต่หากเ้าเลื่อนถึงเมื่อใด อย่างดีที่สุด เ้าจะป่วยหนักและพลังยุทธ์ของเ้าจะถดถอยเป็อันมาก กรณีที่แย่ที่สุด เ้าอาจตายได้”
ฟังคำของเนี่ยหลี เซียวหนิงเอ๋อร์งุนงงอยู่ครู่หนึ่ง สองหมัดของนางกำแน่น ดวงตาแดงก่ำขึ้น เป็เช่นนี้ได้อย่างไร ต่อให้นางแข็งแกร่งเท่าใด แต่เมื่อได้ฟังเื่ราว เซียวหนิงเอ๋อร์ไม่อาจทนต่อเื่ที่กระหน่ำเข้ามาเช่นนี้ได้ เนี่ยหลีสามารถบอกถึงอาการเจ็บป่วยของนางได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียว สิ่งที่เขาพูดคงถูกถึงแปดเก้าส่วนแล้ว
ั้แ่นางยังเด็ก ครอบครัวของนางอยากให้นางตบแต่งเข้าบ้านตระกูลเฉินเซิ่ง แต่งกับเฉินเฟย เมื่อนางโตขึ้น เซียวหนิงเอ๋อร์ค่อยๆ ทำความรู้จักว่าเฉินเฟยว่าเป็คนอย่างไร เพราะนางไม่้าแต่งงานกับบุรุษเสเพล นางจึงเริ่มฝึกยุทธ์อย่างหนักด้วยหวังว่าจะสามารถกำจัดโชคชะตาที่โหดร้ายนี้ออกไปได้ โชคไม่ดี ์ดูเหมือนไม่้าให้นางทำตามใจปรารถนา นางใกล้จะได้เป็นักสู้ระดับทองแดงแล้ว กลับต้องมาฟังข่าวร้ายเช่นนี้
เห็นเซียวหนิงเอ๋อร์ที่มักเข้มแข็งอยู่เสมออยู่ในสภาพน้ำตาตื้นแทบร้องไห้ออกมาแล้ว เนี่ยหลีจึงอดสงสารนางมิได้
“เนี่ยหลี ในเมื่อเ้ารู้อาการป่วยของข้า เ้าคงรู้วิธีรักษา ใช่หรือไม่?” เซียวหนิงเอ๋อร์ไม่ทราบจะทำอย่างไรดี ท่าทีตั้งป้อมกับเนี่ยหลีก็มิทราบว่ามลายหายไปแต่เมื่อใด นางเอ่ยอ้อนวอน “เ้าช่วยข้าได้หรือไม่?” ไม่ว่าอย่างไรเซียวหนิงเอ๋อร์ก็เป็เพียงเด็กสาวอายุสิบสามปีผู้หนึ่งเท่านั้น
เซียวหนิงเอ๋อร์นิสัยแข็งกระด้างและไม่ค่อยเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากผู้ใด เนี่ยหลีเมื่อได้ยินคำขอร้องของนางก็พลันรู้สึกใจอ่อน เขานิ่งไปครู่หนึ่งจึงกล่าวขึ้น “อาการป่วยนี้รักษาได้ เ้าลองไปค้นคว้าที่ห้องสมุดของโรงเรียนเซิ่งหลันได้ อาการป่วยนี้มีชื่อว่าโรคหนาวจัด”
“จริงหรือ?” เซียวหนิงเอ๋อร์บังเกิดความหวังขึ้นมาทันที “จะรักษาอย่างไร?”
“ต้องใช้เคล็ดวิชาเต๋าหยิ่นนวดให้ความอบอุ่นสลายจ้ำแดง ทุกวันกินยาที่ผสมจากหญ้าจินเซี่ยนและหญ้าเทียนหลวน ตามสภาพร่างกายของเ้าในเวลานี้ น่าจะใช้เวลาสักเดือนก็ฟื้นตัว อย่างเร็วก็อาจจะสักสิบกว่าวันก็ใช้ได้แล้ว” เนี่ยหลีกล่าว นี่เป็วิธีรักษาโรคหนาวจัดที่ถูกต้องจริงแท้
“เคล็ดวิชาเต๋าหยิ่นรึ?” เซียวหนิงเอ๋อร์สองคิ้วขมวดมุ่น นางมาจากครอบครัวสูงศักดิ์แต่กลับไม่เคยได้ยินผู้ใดกล่าวถึงเคล็ดวิชาเต๋าหยิ่น
“นอกจากการรักษาเหล่านี้แล้ว เ้าต้องเลิกมาฝึกยุทธ์กลางดึกกลางดื่นเช่นนี้อีก” เนี่ยหลียื่นมือออกไปและกล่าว “เอาเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาของเ้าออกมาให้ข้าดูหน่อย”
เซียวหนิงเอ๋อร์เงยหน้าจ้องมองเนี่ยหลี หากคนแปลกหน้าผู้หนึ่งมาขอให้นางนำเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาออกมาดูชม นางคงต้องคิดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดหลอกต้มนาง ทว่าเมื่อเห็นสายตาจริงจังของเนี่ยหลี หัวใจก็อดที่จะบังเกิดความเชื่อใจต่อเขามิได้ เนี่ยหลีบอกนางมามากมาย นางจึงตัดสินใจเชื่อใจเนี่ยหลีเต็มที่ ล้วงหยิบเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาออกมาจากแหวนมิติ
มันเป็หนังแกะแผ่นเล็กๆ ลักษณะเก่าแก่ บนแผ่นหนังเต็มไปด้วยตัวอักษรมากมาย
เนี่ยหลีรับแผ่นหนังมาจากมือของเซียวหนิงเอ๋อร์ บังเอิญแตะถูกหลังมือขาวราวหยกของเซียวหนิงเอ๋อร์เข้า แต่เนี่ยหลีมิได้ใส่ใจ เขาอ่านแผ่นหนังอย่างตั้งใจ
ถูกมือของเนี่ยหลีแตะเข้า มือของเซียวหนิงเอ๋อร์รีบชักกลับ หัวใจพลันเต้นตึกตัก จิตใจวุ่นวายสับสน นางครุ่นคิด หากเนี่ยหลีคิดจับนาง นางจะทำเช่นไรดี? อย่างไรก็ตามเมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางพบว่าเนี่ยหลีมิได้ทันสังเกตเห็นปฏิกิริยาของนางขณะสองมือัักันจึงค่อยโล่งอก เนี่ยหลีก้มหน้าอ่านแผ่นหนัง ความจริงจังเป็พิเศษทำให้เซียวหนิงเอ๋อร์ค่อนข้างงุนงง ผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงก้มหน้าลงและเริ่มครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ตระกูลใหญ่โตอำนาจเหลือล้นเช่นนี้ กระทั่งเคล็ดวิชาที่สืบทอดกันมายังอ่อนด้อยปานนี้ ไม่แปลกใจที่เมืองกวงฮุยจะถูกทำลายในท้ายที่สุด...” เนี่ยหลีพึมพำเงียบๆ
“เ้าพูดว่าอะไรนะ?” สองตาของเซียวหนิงเอ๋อร์เบิกกว้าง นางได้ยินบางคำที่เนี่ยหลีพึมพำแต่ไม่ชัดเจน
“ไม่มีอะไร?” เนี่ยหลีหัวเราะเบาๆ “เคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาชุดนี้แย่เกินไป หากเ้าฝึกต่อไป มันจะทำลายเส้นชีพจรของเ้า สาเหตุเื้ัโรคหนาวจัดของเ้าส่วนหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับเคล็ดวิชานี้ ประโยคนี้ควรเปลี่ยนคำว่า ‘หัวใจเชื่อมต่อกับจิติญญา’ เป็คำว่า ‘สติอารมณ์เชื่อมต่อจิติญญา’ และก็เปลี่ยนคำนี้เป็ ‘หลอมรวมจิติญญา หัวใจและพลังิญญา...” เนี่ยหลีพูดต่อไปไม่หยุด ปรับเปลี่ยนเคล็ดวิชาการฝึกพลังิญญาจนเหลือวิสัยจะเข้าใจได้
เซียวหนิงเอ๋อร์ได้ยินเนี่ยหลีกำลังแก้ไขเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาของนาง ตอนแรกค่อนข้างอึดอัดใจ เคล็ดวิชานี้ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษของนาง มันเป็เคล็ดวิชาระดับหกจากบรรดาเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาที่ทางบ้านรวบรวมสะสมไว้ จะถูกเนี่ยหลีปรับเปลี่ยนได้หรือ? แต่ไม่ว่าอย่างไร เซียวหนิงเอ๋อร์ยังคงฟังทุกถ้อยคำที่เนี่ยหลีพูด จะอย่างไรนางก็เป็ผู้ฝึกเคล็ดวิชานี้ และมีความเข้าใจลึกซึ้งกับเนื้อหาภายใน เซียวหนิงเอ๋อร์ค่อยๆ พบว่าส่วนที่เนี่ยหลีแก้ไขให้ดูนั้นมีเหตุผลอย่างยิ่ง และดีกว่าเนื้อหาดั้งเดิมอย่างแท้จริง
เซียวหนิงเอ๋อร์เบิกตากว้างจ้องมองเนี่ยหลีด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
“เนี่ยหลี เ้าลองพูดซ้ำอีกครั้งได้หรือไม่? ข้าอยากบันทึกสิ่งที่เ้าพูด!” เซียวหนิงเอ๋อร์รีบพูด
“ได้สิ!” เนี่ยหลีพูดช้าลงและทวนซ้ำทุกจุดที่ต้องแก้ไขในเคล็ดวิชา หลังจากฝึกพลังิญญา เซียวหนิงเอ๋อร์สามารถจดจำทุกสิ่งได้ไม่ลืมเลือน แม้นางสามารถเข้าใจจุดที่ปรับเปลี่ยนได้บางส่วนเท่านั้น แต่นางยังคงจดสิ่งที่เนี่ยหลีพูดไว้ ยิ่งนางพิจารณา นางก็ยิ่งพบว่าเคล็ดวิชาที่เนี่ยหลีปรับเปลี่ยนมีความลึกซึ้งยิ่งขึ้นกว่าเดิมเป็อันมาก
สายตาที่เซียวหนิงเอ๋อร์จ้องมองเนี่ยหลี แรกเริ่มแฝงความสับสน ต่อมากลับเต็มไปด้วยความยอมรับ
จะต้องมีความรู้มากมายเท่าไหร่จึงจะสามารถปรับเปลี่ยนเคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาระดับสูงเช่นนี้ได้? เกรงว่าแม้แต่ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำผู้หนึ่งก็ยังไม่อาจทำได้ หรือความรู้ความเข้าใจของเนี่ยหลีจะสูงเกินผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำไปแล้ว กระทั่งมากกว่าผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนาน?
เซียวหนิงเอ๋อร์ถือว่าสิ่งนี้เป็สมบัติล้ำค่า นางจดจำสิ่งที่เนี่ยหลีปรับเปลี่ยนแก้เคล็ดวิชาฝึกพลังิญญาของนางไว้ในใจเป็แม่นมั่น นางไม่อาจบอกได้ว่ารู้สึกต่อเนี่ยหลีอย่างไร นับถือหรือ? ชื่นชมบูชาหรือ?
อายุของเนี่ยหลีพอๆ กับนาง ทว่าเซียวหนิงเอ๋อร์ตระหนักดีว่ามีช่องว่างใหญ่โตระหว่างนางและเนี่ยหลี ช่างน่าขำที่นางเคยคิดว่าเนี่ยหลีเป็เพียงขยะในชั้นเรียน ที่แท้การที่อาจารย์เสินซิ่วและพวกนักเรียนในชั้นเยาะเย้ยเนี่ยหลีช่างเป็เื่โง่งมเสียนี่กระไร เวลานี้นางเชื่อสนิทว่าเนี่ยหลีจะต้องกลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานได้อย่างแน่นอน!
สิ่งที่เนี่ยหลีพูดในชั้นเรียนล้วนเป็ความจริง!
เซียวหนิงเอ๋อร์แต่เล็กจนเติบใหญ่ ไม่ว่าจะเป็พร์หรือปัญญา เซียวหนิงเอ๋อร์ล้ำหน้าเพื่อนในวัยเดียวกันเสมอมา นี่เป็ครั้งแรกที่นางเริ่มต้องเงยหน้ามองใครบางคนในรุ่นเดียวกัน
เนี่ยหลีเคยพูดว่าเขาจะแต่งกับสาวงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองกวงฮุย ครุ่นคิดมาถึงตรงนี้ เซียวหนิงเอ๋อร์จิตใจว้าวุ่นนัก ก้มหน้าก้มตาพูดไม่ออก ทันใดนั้น เงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจของนาง เป็เยี่ยจื่ออวิ๋น แม้เซียวหนิงเอ๋อร์มีความเชื่อมั่นในรูปโฉมของตน นางยังต้องยอมรับว่านางอาจจะไม่สามารถเทียบเยี่ยจื่ออวิ๋นได้
“เ้ากำลังคิดถึงอะไรอยู่?” เนี่ยหลีจ้องมองเซียวหนิงเอ๋อร์และเอ่ยถาม สีหน้าของเซียวหนิงเอ๋อร์ค่อนข้างประหลาด
“ไม่ ไม่มีอะไร...” เซียวหนิงเอ๋อร์ส่ายหน้าและขับไล่ความคิดฟุ้งซ่านในหัวออกไป นางเอ่ยถาม “เนี่ยหลี เ้ารู้จักเคล็ดวิชาเต๋าหยิ่นหรือไม่?”
“แน่นอน ข้าต้องรู้สิ?” เนี่ยหลีพยักหน้าหงึกๆ “แต่เคล็ดวิชาเต๋าหยิ่นต้องัักับบริเวณร่างกายที่เป็จ้ำแดง หากให้ข้าจะลองทำดูเหมือนจะไม่ค่อยเหมาะ”
เซียวหนิงเอ๋อร์เงยหน้ามองใบหน้าของเนี่ยหลี โครงแก้มเนี่ยหลีคมคาย สองคิ้วเข้มได้รูป ั์ตาเป็ประกาย ให้ความรู้สึกหล่อเหลายากจะบรรยาย ภาพที่เห็นค่อยๆ หลอมรวมเข้ากับภาพร่างในหัวใจนาง นางก้มหน้าลงและพูด “ข้าไม่ถือ เ้าก็แค่ช่วยรักษาให้ข้ามิใช่หรือ? ข้าไม่อยากกลายเป็คนไร้ค่า” ประโยคสุดท้ายของเซียวหนิงเอ๋อร์เอ่ยขึ้นเพื่อปลุกปลอบใจตน
ต่อหน้าเนี่ยหลี เซียวหนิงเอ๋อร์ในที่สุดก็ลดท่าทีเ็ากีดกันของตนลงแล้ว
“เอ่อ...” เนี่ยหลีเงียบไปครู่ นางเป็เด็กสาวยังไม่ถือ สำหรับเขาย่อมเป็เื่เล็ก เขามีเยี่ยจื่ออวิ๋นอยู่ในหัวใจและก็เพียงประทับใจในตัวเซียวหนิงเอ๋อร์เล็กน้อย ก็ไม่มีอะไรต้องคิดมาก จึงเอ่ยตอบ “ก็ได้ ข้าจะใช้เคล็ดวิชาเต๋าหยิ่นช่วยเ้านวดสลายอาการเจ็บป่วยทุกๆ สามวัน เ้ากลับบ้านก็ไปกินยาตามที่ข้าบอก เชื่อว่าจะหายดีได้ในไม่ช้า”
“อืม” เซียวหนิงเอ๋อร์พยักหน้านิ่งเงียบ
“รอยจ้ำของเ้าอยู่ที่ไหนบ้าง?” เนี่ยหลีถาม
แก้มเย็นของเซียวหนิงเอ๋อร์แดงระเรื่อขึ้นมาและชี้ลงไปที่หลังเท้าของตน “ตรงนี้หนึ่งที่”
เนี่ยหลีก้มลงมองหลังเท้าขาวผ่องของเซียวหนิงเอ๋อร์ เขาเห็นรอยจ้ำสีม่วงคล้ำ รอยจ้ำนี้อาการไม่เบาแล้ว
“แย่ขนาดนี้เชียวหรือ” เนี่ยหลีขมวดคิ้วพูด “โชคดีมีแค่ที่เท้า หากอยู่ที่อื่นคงต้องยุ่งแน่ หลังเท้าค่อยสะดวกหน่อย ประเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว!” เนี่ยหลียย่อตัวลงนั่งกับพื้น
“อืม” เซียวหนิงเอ๋อร์พยักหน้า นางไม่ได้บอกว่ามีเพียงจุดเดียว แต่ก็ย่อตัวลงนั่งและยกเท้าขึ้นวางพาดบนท่อนขาของเนี่ยหลี สองตาของนางมีประกายแวววาว ไม่ทราบว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้