มู่เสวียนเย่เติมอีกประโยคเข้าไปอย่างเงียบๆ
“ข้ารู้ เ้าไม่จำเป็ต้องให้เ้าเป็ผู้พูดหรอก เย่เออร์ คืนนี้เ้าไม่ต้องกลับไปที่วังเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อหรือ? ”
มู่เอ้าเทียนต่อบทสนทนากลับมา ก่อนจะเอ่ยกับมู่เสวียนเย่
“ไม่ต้องขอรับ ข้าขอลาหยุดไปแล้ว อีกทั้งยังมีรองผู้บัญชาการอยู่ พรุ่งนี้ข้าค่อยรีบกลับไปโผล่หน้าให้เห็นก็พอแล้วขอรับ”
มู่เสวียนเย่กล่าว เหตุใดเขาถึงได้ยินร่องรอยของความรังเกียจที่อธิบายไม่ถูกในน้ำเสียงของบิดากัน?
“อย่างนั้นหรือ...”
มู่เอ้าเทียนพยักหน้าพลางรับหยวนเป่ากลับคืนมาในอ้อมแขน ชายหนุ่มก้มศีรษะลงแล้วเล่าให้หยวนเป่าฟังต่อว่า “หออู๋ิจะจัดงานประมูลทุกกลางเดือน พอถึงเวลานั้นตาจะพาเ้าไปเปิดชมดูนะ”
“ขอรับ ขอบคุณท่านตา”
หยวนเป่ายิ้มจนดวงตาโค้งเป็รูปพระจันทร์เสี้ยว
มู่เอ้าเทียนมองดูเ้าตัวเล็กที่อยู่ในอ้อมแขนด้วยสายตาที่ชื่นชมและรู้สึกพึงพอใจอยู่ในใจ
"หยวนเป่าเอายาที่ตัวเองกลั่นออกมาไปประมูลได้หรือไม่ขอรับ?”
หยวนเป่าถามอีกครั้ง ดวงตาที่ใสราวกับกระจกแก้วของเขามองไปที่มู่เอ้าเทียนด้วยความคาดหวัง
มู่เอ้าเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง บนใบหน้าฉายความรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย "นี่ นี่...หยวนเป่าน้อย สิ่งที่หออู๋ิประมูลล้วนเป็สมบัติล้ำค่า เป็ของที่หายากยิ่งนัก ยาที่เ้ากลั่นออกมา ตาเกรงว่าหออู๋ิจะไม่รับประมูล"
มู่เอ้าเทียนเอ่ยความจริง เขาคิดว่าหยวนเป่าอยู่ที่ด้านล่างหุบเขาพร้อมกับท่านผู้เฒ่าลึกลับมาเป็เวลานาน บางทีเขาอาจได้เรียนรู้อะไรบางอย่างและพัฒนาโอสถบางตัวออกมา แต่มันก็คงไม่ใช่โอสถที่ดีพออย่างแน่นอน เนื่องจากมาตรฐานของหออู๋ิค่อนข้างสูง จะเป็ไปได้อย่างไรที่จะรับประมูลยาที่หยวนเป่ากลั่นออกมา นี่ไม่นับว่าเป็เื่ล้อเล่นหรือ?
"แต่ยาข้าที่ข้ากลั่นออกมาล้วนเป็โอสถชั้นดีและเป็โอสถที่หายากทั้งสิ้นนะขอรับ"
หยวนเป่าเน้นย้ำอีกครั้ง
มู่เอ้าเทียนหลุดหัวเราะ เด็กชายคนนี้ค่อนข้างดื้อรั้นจริงเชียว ชายหนุ่มตบไหล่เขาเบาๆ “หากเป็เช่นนั้น เ้าลองเอายาไปขายดูก่อนย่อมได้ ดูว่าหออู๋ิจะยอมรับซื้อหรือไม่ ถ้าพวกเขาไม่ยอมรับ เ้าก็ไม่สามารถประมูลขายได้อย่างแน่นอน ใช่หรือไม่เล่า?”
มู่เอ้าเทียนเอ่ยเช่นนี้เพื่อสลายความคิดของหยวนเป่าที่้าประมูลยาที่เขากลั่นขึ้น แต่หยวนเป่ากลับพยักหน้าอย่างจริงจัง "ท่านตา ท่านเอ่ยได้ถูกต้อง พรุ่งนี้ข้าจะลองไปดู หากพวกเขายินดีที่จะยอมรับ ข้าก็จะสามารถช่วยท่านแม่ได้เช่นกันขอรับ"
มู่เอ้าเทียนใเป็อย่างยิ่ง "...! "
เด็กน้อยคนนี้ช่างมีมารยาทและรู้ความเหลือเกิน
ฮวาเหยียนมองดูปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนแก่และเด็กน้อยที่เกิดขึ้นในยามนี้ หัวใจของนางแย้มยิ้ม ท่านพ่อยังไม่รู้ถึงความสามารถของหยวนเป่า หากวันใดมีโอกาสคงจะต้องทำให้เขาประหลาดใจได้แน่ อยากให้เขารู้ว่าหลานชายของเขาคนนี้เป็อัจฉริยะตัวน้อยผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ
และหออู๋ิที่มู่เอ้าเทียนเอ่ยถึงนี้ ไม่เพียงแต่ทำให้หยวนเป่าสนใจเท่านั้นแต่ยังทำให้นางสนใจไปด้วย ดังนั้นฮวาเหยียนจึงถามต่อว่า “ท่านพ่อ ผู้ใดเป็เ้าของหออู๋ิหรือเ้าคะ? ”
หากไม่มีเส้นสายแล้ว เป็ไปได้อย่างไรที่จะตั้งหลักปักฐานในสถานที่เช่นต้าโจวนี้ได้ อีกทั้งในยามที่ท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่กล่าวถึงหออู๋ิ น้ำเสียงของพวกเขาก็ค่อนข้างชื่นชมนับถือ การที่จะทำให้ทั้งท่านอ๋องและท่านแม่ทัพรักษาพระองค์แห่งองค์ฮ่องเต้เคารพยำเกรงได้นั้น ก็เป็ไปได้ว่าผู้อยู่เื้ัหออู๋ิจะต้องมีความสามารถบางอย่างเป็แน่
เมื่อได้ยินคำถามของฮวาเหยียน มู่เอ้าเทียนพลันส่ายหัว "พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผู้ที่อยู่เื้ัหออู๋ินั้นลึกลับยิ่งนัก จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครรู้ตัวตนของเขา"
"เก่งกาจถึงเพียงนั้นเชียว”
ฮวาเหยียนถอนหายใจ แต่ในใจของนางกลับจำเื่หออู๋ิเอาไว้แล้ว นางตั้งใจไว้ว่า วันพรุ่งนี้จะต้องแวะไปดูให้ได้
...
“ท่านพ่อ เดี๋ยวคืนนี้หยวนเป่านอนกับข้า”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ มู่เสวียนเย่ก็เอ่ยขึ้น ที่แท้แล้วในยามนั้นทุกคนได้เดินไปถึงสวนด้านหลังจวนแล้ว หากเลี้ยวไปทางขวาก็จะเป็เรือนปีกทางทิศเหนือซึ่งเป็เรือนที่มู่เสวียนเย่อาศัยอยู่
มู่เสวียนเย่รวบหยวนเป่าเอาไว้ในอ้อมแขน
“ไม่ได้ หยวนเป่าต้องนอนกับข้า”
เมื่อได้ยินคำเอ่ยของมู่เสวียนเย่ มู่เอ้าเทียนพลันเลิกคิ้วพร้อมกับอ้าปากปฏิเสธ ก่อนจะเอื้อมมือไปแย่งหยวนเป่ากลับมา แต่มู่เสวียนเย่กลับมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วกว่า เขากอดหยวนเป่าหลบหนีจากมือของมู่เอ้าเทียน มู่เอ้าเทียนกลัวว่าจะทำร้ายหยวนเป่าเข้า ชายหนุ่มจึงไม่กล้าแย่งต่อ
“ท่านพ่อ ข้าอยู่แต่ในวัง สองสามวันถึงได้กลับมาสักครั้ง แต่ท่านอยู่ที่จวนทุกวัน ท่านสามารถนอนกับหยวนเป่าได้ทุกวัน ดังนั้นแล้วเหตุใดคืนนี้ท่านถึงต้องมาแย่งหยวนเป่ากับข้าด้วย”
มู่เสวียนเย่อุ้มหยวนเป่าแล้วถอยเท้ากลับพลางเอ่ยกับมู่เอ้าเทียน
“ข้าไม่สน หยวนเป่าจะต้องนอนกับข้า หลังจากนี้ก็ต้องนอนกับข้า ในจวนนี้ข้าเป็ใหญ่ที่สุด คำพูดของข้าถือเป็คำขาด”
มู่เอ้าเทียน ท่านอ๋องหลู่หนานผู้สง่างาม เวลานี้กลับทำตัวเหมือนเด็กน้อยจอมวายร้าย
ฮวาเหยียนตกตะลึงเมื่อมองดูฉากนี้ แล้วท่านพ่อที่ดื้อรั้นและมีพลังอำนาจคนนั้น? เหตุใดยามนี้เขาถึงปฏิบัติตนราวกับว่าเป็เด็กน้อยเอาแต่ใจคนนึงเล่า
ฮวาเหยียนมองไปที่หยวนเป่าอีกครั้ง ก่อนจะเห็นเด็กน้อยกำลังยิ้มตาหยี มองดูท่านตากับท่านลุงใหญ่แย่งชิงตนเองด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุข
ฮวาเหยียนยกยิ้มมุมปาก นางเพียงรู้สึกว่า่เวลานี้ผ่านไปอย่างสงบยิ่ง นางกำลังคิดว่านางควรจะออกหน้าทำตัวเป็คนดี ให้โอกาสท่านพ่อและพี่ใหญ่แข่งขันกันอย่างยุติธรรมดีหรือไม่ ทว่าวินาทีต่อมา นางกลับเห็นมู่เสวียนเย่อุ้มหยวนเป่า ก่อนจะหันตัววิ่งเข้าห้องตัวเองไป เขาวิ่งเร็วจนมู่เอ้าเทียนตั้งตัวตามไม่ทัน
“เ้าเด็กหน้าเหม็น”
มู่เอ้าเทียนด่าไล่หลังเขา ก่อนจะกระทืบเท้าอยู่หลายหน ชายหนุ่มพึมพำด่าทออย่างไม่พอใจว่ามู่เสวียนเย่ไม่กตัญญู จนฮวาเหยียนอยากจะหัวเราะเมื่อได้ยินมัน
ท้องนภากว้างใหญ่และเต็มไปด้วยหมู่ดารา แสงจันทราสีขาวเงินตกกระทบบนไหล่ของมู่เอ้าเทียน ฮวาเหยียนสามารถเห็นรอยยิ้มที่ยังไม่หายไปในดวงตาของเขาได้
“ลูกรัก พ่อไม่ได้มีความสุขเช่นนี้มานานหลายปีแล้ว รวมถึงพี่ใหญ่ของลูกเช่นกัน น้อยนักที่จะเห็นเขาเล่นเป็เด็กแบบนี้”
มู่เอ้าเทียนถอนหายใจ
“ท่านพ่อ หยวนเป่าและข้าหวนคืนกลับมาแล้ว ต่อจากนี้ ข้าจะทำให้ท่านมีความสุขทุกวันเลย ดีหรือไม่เ้าคะ?”
ฮวาเหยียนเอียงศีรษะ ดวงตาของนางเปล่งประกายราวกับดวงดารา นี่คือคำจากใจของนาง เป็ถ้วยคำที่จริงใจที่สุด
"ดี ดีเหลือเกินลูกรัก"
หัวใจของมู่เอ้าเทียนอุ่นขึ้นด้วยความรู้สึกซาบซึ้ง รู้สึกเพียงดวงตาที่ฉ่ำชื้น ก่อนที่ความรู้สึกเ่าั้จะสลายหายไป เขาได้ยินบุตรสาวตัวน้อยของเขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ต่อรองว่า “ท่านพ่อ ข้ามีเื่อยากถามท่าน ท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้หรือไม่เ้าคะ? ”
"เื่อะไรหรือ? "
มู่เอ้าเทียนถามกลับ
ก่อนจะได้ยินฮวาเหยียนเอ่ยอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านพ่อ ท่านอาสะใภ้รองมีใจให้แก่ท่านหรือเ้าคะ? ”
มู่เอ้าเทียน "...! "
เมื่อครู่ยังเอ่ยอยู่เลยว่าจะทำให้เขามีความสุขทุกวัน? เ้าเด็กหน้าเหม็น ถามเื่อันใดของเ้ากัน เมื่อครู่ยังซาบซึ้งกันจนแทบทนไม่ไหว ในยามนี้กลับเอ่ยอันใดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ ทว่าบุตรสาวกลับกะพริบตาปริบๆ ท่าทางจริงจังเป็อย่างยิ่ง
“เ้าเด็กคนนี้ พูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าอันใดกัน?”
มู่เอ้าเทียนกล่าวด้วยใบหน้ารังเกียจเป็อย่างยิ่ง
เมื่อฮวาเหยียนเห็นการแสดงออกของมู่เอ้าเทียน นางก็ทราบทันทีว่าเื่ที่นางเดานั้นถูกต้อง ท่าทางของมู่เอ้าเทียนชัดเจนเป็อย่างยิ่งว่ากำลังนึกย้อนถึงความทรงจำที่ไม่ดีนัก ด้วยความที่ฮวาเหยียนมีลางสังหรณ์ นางจึงโน้มตัวไปตรงหน้าพร้อมเอ่ยปากถามมู่เอ้าเทียนทันที "ท่านพ่อ หรือว่าท่านอาสะใภ้รองยั่วยวนท่าน???”
ทันทีที่เอ่ยเหล่านี้จบไป ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนพลันกลายเป็สีดำสนิท เขาเอื้อมมือไปบิดหูของฮวาเหยียนทันที "เ้าไปได้ยินมาจากใดกัน? เ้าเป็สาวเป็นาง คำพูดพวกนี้มันคืออันใดกัน นี่มันกี่โมงแล้ว ยังไม่รีบกลับไปนอนอีก”
มู่เอ้าเทียนยกมือขึ้นแล้วและเกือบจะบิดหูของฮวาเหยียน แต่ในที่สุดเขาก็หักใจทำไม่ลง เขาไม่เข้าใจ แม้ว่าบุตรสาวอันล้ำค่าของเขาจะสูญเสียความทรงจำแต่อุปนิสัยของนางกลับเปลี่ยนไปมากจริงๆ มีคำพูดใดบ้างที่นางไม่กล้าเอ่ย? หา?
“ไปแล้วเ้าค่ะ ไปแล้ว กำลังจะไปแล้วเ้าค่ะ...”
ฮวาเหยียนหัวเราะออกมา ก่อนจะหันไปทำหน้าทะเล้นใส่มู่เอ้าเทียน จากนั้นนางก็หมุนตัวและเดินไปทางเรือนชิงเฟิงของตนเอง หญิงสาวเดินไปสองก้าวก่อนจะหันกลับมามองอีกครั้งและเห็นมู่เอ้าเทียนยังคงยืนมองตนอยู่ที่เดิม นางมองเห็นสายตาของเขาได้ไม่ชัดเท่าไหร่นัก แต่รู้ว่ามันเต็มไปด้วยความรักความเมตตา
"ท่านพ่อ ขอบคุณท่านมากเ้าค่ะ"
นางกล่าวขอบคุณท่านอ๋องมู่เอ้าเทียนจากก้นบึ้งของหัวใจ จากนั้นก็ก้มลงโค้งคำนับให้มู่เอ้าเทียนด้วยความซาบซึ้ง
ขอบคุณที่ท่านยอมรับข้า รักข้า ให้อภัยข้า ปรนเปรอข้า เอ็นดูข้า ขอบคุณท่านที่ให้ความอบอุ่นและให้ข้ารู้ว่าความหมายของชีวิตคืออะไร
“เ้าลูกคนนี้ ขอบคุณพ่อมากมายอะไรขนาดนั้น รีบกลับไปพักผ่อนเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เ้าไม่ต้องห่วงหรือกังวลเื่เงิน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เ้าจะมีท่านพ่ออยู่ด้วยเสมอ”
มู่เอ้าเทียนโบกมือแล้วหันหน้าหนี เขาเช็ดน้ำตาจากหางตา บุตรสาวกล่าวขอบคุณเขา ทว่าเขาต่างหากที่อยากจะขอบคุณนาง ขอบคุณนางที่ไม่โทษเขาเพราะไม่อาจปกป้องนางในครั้งนั้นได้ ขอบคุณที่นางหวนคืนกลับมาอีกครั้งหลังออกจากจวนไปถึงสี่ปี ขอบคุณที่ให้อภัยพ่อที่ไร้ความสามารถคนนี้ของนาง...
กลับมาถึงเรือนชิงเฟิง ฮวาเหยียนนั่งพักดื่มชาอยู่ครู่หนึ่ง สาวใช้ก็มาเคาะประตูบอกว่าต้มน้ำร้อนเสร็จเรียบร้อยแล้ว และถามนางว่า้าอาบน้ำเลยหรือไม่
ฮวาเหยียนมองเข้าไปในกระจก เพิ่งจะรู้ตัวว่าตอนนี้ใบหน้านางนั้นดูหดหู่และไร้เรี่ยวแรงจริงๆ นางจึงรีบร้อนให้สาวใช้ถือถังไม้เข้ามาให้
สาวใช้ตัวน้อยสองคนนี้ถูกส่งเข้ามาใหม่โดยพ่อบ้านหวัง คนหนึ่งมีนามว่าเสี่ยวลวี่ (สีเขียว) อีกคนมีนามว่าเสี่ยวหง (สีแดง) ซึ่งถือเป็นามที่ธรรมดายิ่งนักจึงจำได้ง่าย และเพื่อเป็การทำให้แยกแยะได้ง่าย เสี่ยวลวี่จึงชอบใส่สีเขียวและเสี่ยวหงชอบใส่สีแดง
ถังไม้ที่บรรจุน้ำร้อนอยู่นี้มีขนาดใหญ่ยิ่งนัก ้าโรยด้วยกลีบดอกไม้เป็ชั้นๆ สาวใช้ตัวน้อยสองคนควรจะรับใช้นางในอ่าง ทว่าฮวาเหยียนไม่คุ้นเคยจึงให้พวกนางออกไป
ฮวาเหยียนถอดเสื้อผ้าออก ก่อนจะก้าวเข้าไปในถังไม้ อุณหภูมิของน้ำกำลังพอดี หญิงสาวถอนหายใจอย่างสบายอกสบายใจ
ใบหน้าของนางขาว ผิวของนางเป็สีชมพูนุ่มนวลราวกับหยกเนื้อดี นางหลับตาลงราวกับกำลังมีดื่มด่ำกับมัน
จากนั้น ดูเหมือนนางจะนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงลืมตาขึ้น ‘พรึบ’ ทันที นางรีบหยิบของบางอย่างบนคอของตนออกมา สิ่งนั้นคือไข่มุกทองัคะนองน้ำที่นางขโมยมาในคราแรกนั่นเอง
ว่ากันว่าในนั้นบรรจุ์และใต้หล้าเอาไว้ อีกทั้งยังซ่อนพลังเร้นลับอยู่ข้างใน หากเปิดไข่มุกทองัคะนองน้ำออกได้ ย่อมเรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน!
ฮวาเหยียนยังไม่ลืมว่าเป็เพราะไข่มุกนี้ที่ทำให้นางถูกฟ้าผ่าจนข้ามมิติมายังโลกนี้
ใน่สองปีแรก ฮวาเหยียนเกลียดไข่มุกนี้เข้ากระดูกดำ ทั้งยังด่าตัวเองด้วยว่าเหตุใดในคราแรกที่มองเห็นไข่มุกเม็ดนี้ นางถึงได้รู้สึกคุ้นเคยอย่างอธิบายไม่ถูก และเสี่ยงที่จะถูกไล่ล่าจากองค์กรใต้ดิน นาง้าขโมยมัน แต่ผลที่ได้คือการนางข้ามมิติมายังอีกโลกหนึ่ง ในยามนั้น นางศึกษาไข่มุกทองัคะนองน้ำนี้แทบจะทุกวัน ทำอย่างไรจึงจะพานางกลับสู่โลกเดิมได้ ไม่เพียงแต่นางไม่สามารถกลับไปได้ แต่นางยังทำสัญญากับไข่มุกนี้โดยบังเอิญอีกด้วย
ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา นางได้นำไข่มุกออกมาศึกษาเป็ครั้งคราว แต่นางไม่พบวิธีการเปิดไข่มุกในตำนาน ในทางกลับกันนางดันได้ค้นพบเ้าสมบัติพิเศษอีกอย่างของไข่มุกทองัคะนองน้ำซึ่งก็คือความสามารถในการเก็บสิ่งของ ในไข่มุกทองมีพื้นที่ที่เป็มิติวิเศษอยู่ ใน่ไม่กี่ปีที่ผ่านมานางจึงเก็บเงินทองสมบัติล้ำค่ารวมถึงวัตถุดิบทำยาที่หายากและล้ำค่าไว้ข้างในนี้
ฮวาเหยียนก้าวออกจากอ่าง จากนั้นก็นั่งลงบนเตียงและถือไข่มุกัทองเอาไว้ในมือ อันที่จริงั้แ่ที่นางรับหยวนเป่ามาเป็บุตรชาย นางไม่เคยชอบไข่มุกัทองนี้เลย แต่ในยามนี้ นางอยากจะขอบคุณมันด้วยซ้ำ...
หากปราศจากการชี้นำของมัน นางคงไม่พบมู่อันเหยียนและไม่ได้สืบทอดความปรารถนาสุดท้ายของนางแล้วก็จะไม่มีบุตรชายอย่างหยวนเป่า อีกทั้งจะไม่ได้เป็หนึ่งในสมาชิกของตระกูลมู่ ก่อนที่นางจะมาถึงโลกนี้ นาง... เหงาและไม่เคยรู้สึกอบอุ่นขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นเมื่อนางได้รับสิ่งนี้มาแล้ว นางก็้าที่จะทะนุถนอมมันให้มากขึ้นด้วยหัวใจของนาง
ฮวาเหยียนใช้ิญญาของนางมองเข้าไปในไข่มุกทองัคะนองน้ำ ดวงตาของนางพร่าเพราะสมบัติที่นางซ่อนเอาไว้ในนั้นถึงสี่ปี เพียงแค่คิดว่าพรุ่งนี้นางจะต้องหยิบมันออกมาจำนำ หัวใจของนางก็มีเืออกราวกับว่าถูกคนเอามีดมาแทง เ็ปราวกับถูกปะาชีวิตด้วยการตัดมือเท้า ก่อนจะเชือดคอทิ้ง
“ไอ้องค์รัชทายาทสารเลว ไอ้บัดซบ ไอ้เฮงซวย เ้าอย่าได้ตกมาอยู่ในเงื้อมมือของข้าผู้นี้ก็แล้วกัน ไม่อย่างนั้นเส้นเอ็นทั้งแขนทั้งขาของเ้าจะต้องถูกตัดสับแล้วโยนลงไปในคูน้ำเพื่อเป็อาหารปลาแน่ ไอ้สารเลวเอ๊ย! ”
ฮวาเหยียนโกรธเหลือเกิน ยิ่งนางคิดถึงเื่นี้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น
สมบัติเหล่านี้เป็ขุมทรัพย์ที่นางทำงานอย่างหนัก เก็บหอมรอมริบทีละเล็กทีละน้อยเพื่อเอาไว้ช่วยหยวนเป่า เช่น แท่งทองคำห้ากล่องนี้ เป็ในตอนที่นางลงจากูเา นางถูกชายหนุ่มผู้มั่งคั่งจ้องมองมาที่นางแล้วลูบััมือน้อยๆ ของตน จากนั้นชายคนนั้นก็ถูกนางทุบตี สุดท้ายเขาก็ซื้อชีวิตตัวเองด้วยทองคำห้ากล่องนี้
นี่คือแท่งทองคำที่นางได้จากการขายเสน่ห์ความงดงามของนาง...
เมื่อมองไปที่ปะการังไฟสีสดใสทั้งสอง นั่นเป็ของขวัญที่หยวนเป่าได้รับ หลังจากการช่วยเหลือท่านผู้เฒ่าที่ถูกงูพิษกัดเพื่อเป็การขอบคุณสองแม่ลูก
นอกจากนี้ยังมีกล่องหยกแข็ง ม้วนผ้าไหมสีทอง หยกแดง แก้วกระเบื้องเคลือบมากกว่าหนึ่งโหล... ไม่ต้องเอ่ยถึงสมุนไพรชั้นยอดที่นางใช้ความพยายามอย่างมากจนได้มันมา ทั้งยังมีขวดและไหน้ำอมฤตต่างๆ รวมถึงยาพิษต่างๆที่หยวนเป่าฝึกทำขึ้นด้วย...
สิ่งของเหล่านี้ล้วนเป็สมบัติทั้งหมดที่นางเก็บเอาไว้ มีสินสอดทองหมั้น เหรียญเงินสำหรับหยวนเป่าในการแต่งลูกสะใภ้และเงินที่เอาไว้ใช้แสดงความกตัญญูต่อท่านพ่อในอนาคตด้วย...
พรุ่งนี้นางจะต้องเอามันออกมาให้หมด เอาไปขายให้ได้เงินแล้วส่งให้องค์รัชทายาทสารเลวนั่น
เพียงเพราะนางเอาดอกบัวพันปีมา
ถึงดอกบัวพันปีจะมีค่าเพียงใดก็ตาม ทว่าสิ่งของในมิติวิเศษของไข่มุกทองของนางก็มีค่าอันประเมินมิได้เช่นกัน ว่ากันว่าผลึกบัวน้ำแข็งที่นางเก็บมาจาก้าสุดของยอดูเาน้ำแข็งที่หนาวที่สุดก็เป็สมบัติที่ไม่อาจหาพบได้ ในร้อยปีอาจมีปรากฏออกมาเพียงครั้งเดียว นี่คือสมบัติที่จะเอามาทำยาล้างพิษของหยวนเป่าในอนาคต และมูลค่าของมันเทียบได้กับดอกบัวพันปี
นางถูกใส่ร้ายโดยตี้หลิงหานคนขี้โกงนั่น
เพียงเพราะเขาอยากแก้แค้นเื่น้ำทิพย์
ฮวาเหยียนมองดูสมบัติอันน่าตื่นตาเหล่านี้ แค่คิดว่าั้แ่วันพรุ่งนี้ก็จะไม่ใช่สมบัติของนางอีกต่อไป ดวงตาของนางพลันเปลี่ยนเป็สีแดง น้ำตาไหลออกมาสุดจะทน ยิ่งคิดก็ยิ่งทุกข์ใจ ยิ่งคิดก็ยิ่งเ็ปใจ
“องค์รัชทายาทเฮงซวย ข้าไม่อาจยกโทษให้เ้าได้ เ้ารอก่อนเถิด”
หัวใจของฮวาเหยียนแตกสลาย
นางคิดถึงท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ที่คิดจะขายทรัพย์สินเพื่อนาง ทั้งยังจะขอยืมเงินจากสหายคนอื่นอีกด้วย ไม่รู้ว่าต้องติดหนี้น้ำใจคนเท่าไหร่ถึงจะหมด และนั่นก็ทำให้นางทนไม่ไหวจริงๆ
ฮวาเหยียนดึงิญญาของตนกลับคืนมา ก่อนจะเก็บไข่มุกทองกลับไปห้อยรอบคอของนางอีกครั้งเพื่อให้นางได้รู้สึกว่าสมบัติล้ำค่าของนางถูกเก็บไว้ในอ้อมแขนของตนทุกวัน
ฮือๆๆ นี่อาจเป็คืนสุดท้ายที่นางมีของเหล่านี้เอาไว้ใน
ฮวาเหยียนน้ำตาคลอ นางกอดไข่มุกทองัคะนองน้ำและผล็อยหลับไป
...
เสี่ยวลวี่และเสี่ยวหงที่ยืนอยู่หน้าประตูกำลังรอให้คุณหนูใหญ่อาบน้ำให้เสร็จ พวกนางจะได้เข้าไปทำความสะอาด แต่ได้ยินเพียงคุณหนูใหญ่ขบฟันสาปแช่งคนอื่นอยู่ด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง และหลังจากนั้นไม่นานก็ดูเหมือนนางกำลังสบถด่าพลางสะอึกสะอื้นร่ำไห้...
หลังจากนั้นก็ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดลอดออกมาจากในห้องอีก ดูเหมือนว่านางจะหลับไปแล้ว
เสี่ยวหงและเสี่ยวลวี่มองหน้ากันไปมา แต่พวกนางก็ไม่กล้าเคาะประตู เพราะคุณหนูใหญ่ของพวกนางดูแปลกประหลาดยิ่งนัก
ทางด้านฮวาเหยียนที่หลับไป ในความฝันดูเหมือนนางจะเห็นใบหน้าที่เหมือนองค์รัชทายาทตี้หลิงหานอีกครั้ง ท่าทางที่อยู่เหนือสรรพสิ่ง เ็าไม่แยแส นางเห็นเขามองลงมาที่นางและเอ่ยซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า "ฮวาเสี่ยวเหยียน นำเงินมาให้เปิ่นกงเสีย นี่คือหนี้ที่เ้าติดเปิ่นกงไว้...”
หลังจากนั้นทันที ใบหน้าที่สง่างามและไร้ที่ติของตี้หลิงหานก็กลายเป็ิญญาชั่วร้ายที่กระหายเื เขากลืนกินไข่มุกทองของนางและสมบัติทั้งหมดของนางลงไปในคำเดียว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้