ไม่ฟุ้งซ่านแล้ว ต่อให้เสียใจอีกก็เป็เื่ของตนเอง แล้วเหตุใดจะผ่านไปด้วยตนเองไม่ได้เล่า
หากมิได้ค่ารักษาก็ช่างเถิด เื่ที่ช่วยชีวิตหลงเซี่ยวหนานในวันนี้ก็ถือว่าทำบุญแล้วกัน
มู่จื่อหลิงกดข่มความรู้สึกเสียใจเคว้งคว้างลง กล่าวกับเสี่ยวหานเสียงแ่เบา “เสี่ยวหาน พวกเราเข้าไปเถิด”
ไม่ว่าเขาจะสูงต่ำประการใด หลงเซี่ยวอวี่มิยอมอ้าปากเช่นทองคำเช่นนี้ เหตุใดนางยังต้องยืนอย่างโง่งม รอให้เขาเอ่ยปากว่าตนเองไปได้ถึงค่อยไปด้วยกันเล่า
นางไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันใดๆ กับชายผู้นี้อีกแล้ว ในเมื่อเขาไม่คิดจะสนใจตน ต่อไปเห็นเขาก็แค่อ้อมไปอีกทางแล้วกัน
“เ้าค่ะ” อาจจะเป็เพราะเสี่ยวหานได้รับอิทธิพลจากมู่จื่อหลิง จึงไม่ค่อยรู้สึกกลัวสักเท่าใดแล้ว
นายน้อยพูดไปตั้งหลายประโยคเช่นนั้น ต่อให้ท่านอ๋องมีโทสะ ก็มิอาจไม่ส่งเสียงเช่นนี้ เพิกเฉยนายน้อย
สองนายบ่าวรีบเดินไปยังตำหนักอวี่หานอย่างไม่พอใจ หลงเซี่ยวอวี่เองก็เหาะลงจากหลังคาอย่างไร้สุ้มเสียง ในขณะที่พวกมู่จื่อหลิงห่างจากประตูตำหนักอวี่หานเพียงก้าวเดียว
เสียงเ็าทรงอำนาจของหลงเซี่ยวอวี่ก็ดังมาจากด้านหลัง “มู่จื่อหลิง เปิ่นหวางอนุญาตให้เ้าไปแล้วหรือ?”
เดิมทีมู่จื่อหลิงได้ยินเสียงนี้ก็มิอยากสนใจ ทว่าเท้ากลับมิฟังคำสั่งหยุดลงเสียอย่างนั้น นางหมุนตัวกลับมาช้าๆ
เมื่อมองหลงเซี่ยวอวี่ที่แม้จะมิได้มีแววโทสะแต่ก็ยังคงน่าเกรงขาม นางก็ยังไม่แสดงสีหน้าใด กล่าวอย่างเฉยเมยว่า
“ท่านอ๋องมิได้บอกว่าให้หม่อมฉันไป แต่ก็มิได้บอกว่าหม่อมฉันห้ามไป หม่อมฉันเห็นท่านอ๋องกำลังใคร่ครวญเื่ใดอยู่ มิกล้ารบกวนอีก จึงตัดสินใจจากไปเอง หากไม่เหมาะสม หม่อมฉันขอประทานอภัย”
นางมองหลงเซี่ยวอวี่ไม่ออกจริงๆ นางเพิ่งทักทายไปเมื่อครู่เอง เป็เขาที่ไม่สนใจนาง ยามนี้นางจะไป หลงเซี่ยวอวี่ก็มาพูดกับนาง อยากจะมาจับผิดนาง กล่าวโทษว่านางไร้มารยาท
ั์ตาเย็นเยียบของหลงเซี่ยวอวี่มองมู่จื่อหลิง ราวกับกำลังค้นหาถึงความหมายโดยละเอียด ดวงตาใสกระจ่างไม่แม้แต่กะพริบตา พูดเสมือนหมายความว่าอย่างนี้จริงๆ
มู่จื่อหลิงถูกขัดเกลาอย่างอดทน แล้วก็มิกล่าวสิ่งใด เขาคิดอันใดกันแน่
“ท่านอ๋อง ตอนนี้หม่อมฉันไปได้หรือยังเพคะ” มู่จื่อหลิงถามอย่างมีน้ำอดน้ำทน หากเขายังไม่เอ่ยวาจา นางก็ไม่อาจรับรองได้ว่าตนเองจะะเิอารมณ์จากไปหรือไม่
หลงเซี่ยวอวี่เก็บสายตาไป มิได้แสดงสีหน้าใด เดินเฉียดข้างกายมู่จื่อหลิงเข้าไปในตำหนักอวี่หานอย่างเ็าน่าเกรงขาม
ทิ้งสองนายบ่าวให้มองกันไปมา นกกาฝูงหนึ่งบินผ่านหน้าไป...
นี่หลงเซี่ยวอวี่ไม่ให้พวกนางเดินออกไปต่อหน้าเขา?
เ้าคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผู้นี้ ล้อนางเล่นอยู่หรือ?
ตอนที่พวกนางเข้าไป หลงเซี่ยวอวี่ก็เข้าไปตำหนักด้านใน ประตูใหญ่ปิดสนิท เสมือนว่าเื่ทั้งหมดเมื่อครู่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
มู่จื่อหลิงสับสนวุ่นวาย เดิมทีก็คิดอย่างเปี่ยมสุขในใจว่าจะคิดค่ารักษาได้ง่ายๆ แต่ยามนี้เขาไม่แม้แต่จะสนใจนางเลย
วิธีนี้ไม่ได้ ยังมีวิธีใดอีกนะ สัญญาก็ลงนามแล้ว ยามนี้อยากจะเสียใจในภายหลังก็ไม่ทันแล้ว รู้เช่นนี้ตอนนั้นมิควรหุนหันเช่นนั้นเลย
-
เช้าวันต่อมา
มู่จื่อหลิงถูกเสี่ยวหานเรียกให้ตื่นจากความฝัน “นายน้อย รีบลุกขึ้นเถิดเ้าค่ะ ลุงฝูมาแล้ว กล่าวว่ามีธุระกับท่านเ้าค่ะ”
“เื่อันใด? วันหลังค่อยพูด ให้ข้านอนต่ออีกหน่อย” มู่จื่อหลิงงัวเงีย กล่าวอย่างสะลึมสะลือ
เพราะเื่เมื่อคืนนี้ นางนอนพลิกไปมาเกือบทั้งคืนจึงได้นอนมิเท่าไร ยากนักที่จะหลับลง ยามนี้กลับถูกเสี่ยวหานเสียงดังใส่ ทั้งยังไม่ให้นางนอนอีก
“ไม่ได้เ้าค่ะนายน้อย ท่านลุงฝูพาคนมาด้วยกลุ่มหนึ่งเหมือนจะมีเื่สำคัญเ้าค่ะ ท่านรีบลุกเถิด” เสี่ยวหานร้องบอกอย่างร้อนใจ
นางเพิ่งเห็นคนกลุ่มนั้นที่ท่านลุงฝูนำมาท่าทางข่มขวัญคนยิ่งนัก จะเป็เพราะเมื่อคืนนายน้อยเมินท่านอ๋อง ยามนี้เลยให้คนมาลงโทษใช่หรือไม่นะ
“ได้ เสี่ยวหาน ให้ข้านอนต่ออีกสักครู่ อีกครู่ก็พอแล้ว” มู่จื่อหลิงตอบอย่างไม่ยอมแพ้ นางง่วงจะตายแล้ว ลุงฝูมีเื่ใดกันถึงมาได้ั้แ่เช้าตรู่เพียงนี้
“นายน้อย” เสี่ยวหานมีหรือจะเห็นด้วย
ยามนี้ในใจนางหวาดกลัวยิ่งนัก หากลุงฝูมาเห็นนายน้อยในสภาพนี้ แล้วเขานำไปบอกท่านอ๋องจะทำเช่นไรดี
สุดท้ายมู่จื่อหลิงก็มิอาจเปลี่ยนแปลงความคิดของเสี่ยวหานได้ ยังคงโดนนางดึงขึ้นมาจากเตียง หลังจากแต่งกายเรียบร้อยก็ล้างหน้าอย่างง่ายๆ
“เอาล่ะ เสี่ยวหานให้พวกเขาเข้ามาเถิด” มู่จื่อหลิงหาวหวอดอย่างไม่สนใจภาพลักษณ์ พูดอู้อี้ๆ
นางง่วงจะตายแล้ว ลุงฝูจะต้องมีเื่สำคัญจริงๆ มิเช่นนั้นมารบกวนการนอนของนาง ผลที่ตามมาหนักหนาเป็แน่
“เ้าค่ะ” เสี่ยวหานตอบรับแล้วออกไป
ไม่นานพวกลุงฝูก็เข้ามา ทั้งยังมีคนยกโขยงมาอีกกลุ่ม แต่ว่าในมือของพวกเขาล้วนมีกองหนังสือที่ตั้งซ้อนกัน ไม่มีธุระก็ไม่มาอุโบสถ นี่้าทำสิ่งใดกัน
“คารวะหวางเฟย” คนทั้งหมดทำความเคารพพร้อมกัน
“ไม่ต้องมากพิธี ลุงฝูมีเื่ใดกัน” มู่จื่อหลิงเอนกายพิงเบาะอย่างเกียจคร้าน กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมย
“หวางเฟย หนังสือเหล่านี้คือบัญชีในจวนอ๋องใน่ไม่กี่ปีมานี้ เชิญท่านตรวจสอบขอรับ” ลุงฝูชี้ไปที่กลุ่มคนที่ยกหนังสือมา กล่าวอย่างนอบน้อม
“อะไรนะ” มู่จื่อหลิงใตื่นขึ้นมา
“หวางเฟย สิ่งเหล่านี้คือบัญชีของจวนอ๋องใน่ไม่กี่ปีนี้ เชิญท่านอ่านตรวจสอบขอรับ” ลุงฝูคิดว่ามู่จื่อหลิงไม่ได้ยินจึงกล่าวซ้ำอีกรอบ
“เหตุใดเปิ่นหวางเฟยต้องตรวจสอบ” มู่จื่อหลิงกล่าวถาม ลุงฝูมาเช้าตรู่เช่นนี้้าเล่นอะไรกัน จึงนำบัญชีมาให้นางอยู่อย่างไร้ที่มาที่ไป
“หวางเฟย ยามนี้ท่านเป็นายหญิงของจวนต้องควบคุมดูแลการเงินเป็ธรรมดา บัญชีเหล่านี้เป็รายจ่ายและรายรับในยามปกติของจวน และยังมีกุญแจดอกนี้เป็กุญแจห้องเก็บของขอรับ”
ลุงฝูอธิบายอย่างอดทน หยิบกุญแจออกจากหน้าอกส่งให้มู่จื่อหลิง
มู่จื่อหลิงสมองทึบไปเสียแล้ว นางมิได้รับกุญแจที่ลุงฝูส่งมา บัดนี้เขากำลัง้าให้นางเป็ผู้มีอำนาจปกครองจวน
ทั้งยังมอบกุญแจคลังสมบัติให้นางด้วย ต่อให้มอบกุญแจให้ นางก็มิกล้าใช้เงินในนั้นโดยที่ไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี นี่คือความคิดของหลงเซี่ยวอวี่หรือ? เขาอยากทำสิ่งใดกัน
“นี่คือประสงค์ของท่านอ๋อง?” แม้มู่จื่อหลิงพอจะเดาได้ว่าเป็ความคิดของหลงเซี่ยวอวี่ แต่ก็ยังถามขึ้น
“ขอรับ ท่านอ๋องให้ท่านอ่านบัญชีพวกนี้ทั้งหมดใน่นี้ จะได้คุ้นเคยกับทุกสิ่งทุกอย่างในจวนโดยเร็ววัน หากไม่มีธุระ ให้ออกจากจวนน้อยลงขอรับ” ลุงฝูกล่าวตอบ
“เปิ่นหวางเฟยไม่มีใจจะดูแล เมื่อก่อนผู้ใดดูแลก็ให้ผู้นั้นดูแลต่อไปเถิด” มู่จื่อหลิงโบกมืออย่างไร้ความอดทน กล่าวอย่างไม่ซาบซึ้งแม้แต่น้อย
เมื่อคืนเมินนางเช่นนั้น วันนี้ยังมาให้นางช่วยเขาดูแลจวนอีก มีเื่ง่ายถึงเพียงนั้นที่ใดกัน คิดว่านางเป็ผู้ที่เรียกก็มาไล่ก็ไปจริงๆ หรือ
ยังมีอีกเื่ ไม่มีธุระ ให้ออกจากจวนน้อยลง?
ขออภัยด้วย ธุระนางเยอะยิ่งนัก ยามนี้นางอยากจะออกไปทุกนาที
หลงเซี่ยวอวี่คิดจะให้นางอยู่แต่ในจวนเป็นกขมิ้นดูแลเรือนให้เขา มิต้องพูดหนทาง แม้แต่ความหวังก็ไม่มี
“หวางเฟย สิ่งเหล่านี้เป็รับสั่งของท่านอ๋องนะขอรับ” ลุงฝูเห็นท่าทางเช่นนี้ของมู่จื่อหลิง ก็เอ่ยเตือนด้วยความหวังดี
เหตุใดหวางเฟยจึงได้พิลึกคนปานนี้ ฝ่าาให้อำนาจสิทธิ์ขาดนางก็เท่ากับว่ายอมรับนางแล้ว เหนียงเหนียง [1] ยังไม่ซาบซึ้ง ข้างนอกนั่นมีสตรีไม่รู้กี่คนอยากเหยียบเข้ามาเป็นายหญิงที่แท้จริงแห่งจวนฉีอ๋องแต่ไม่มีแม้แต่โอกาส
“เปิ่นหวางเฟยมีเื่ของตนเองที่ต้องทำ ไม่มีใจจะดูแลจริงๆ พวกเ้าไปเถิด”มู่จื่อหลิงหมดความอดทนแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่สั่งแล้วอย่างไรเล่า ลุงฝูกำลังเตือนไม่ให้นางต่อต้านหรือ นางกลับไม่ซาบซึ้งใดๆ เลย ไม่เลยแม้แต่น้อย
นางไม่อยากยื่นมือไปยุ่งเกี่ยวกับเื่ของเขาอีกแล้ว ตบหัวนางก่อนแล้วค่อยมาลูบหลัง จากนั้นเขาก็หาเื่อะไรมาให้นางทำ
“หวางเฟย บ่าวมิกล้าขัดขืนความคิดของท่านอ๋อง เหนียงเหนียงโปรดรับอำนาจดูแล” ลุงฝูพลันหวาดกลัวขึ้นมา เขาคุกเข่าลงจนส่งเสียงดัง ‘ตุ๊บ’
คนทั้งกลุ่มด้านหลังก็คุกเข่าตาม พูดโดยพร้อมเพรียงกัน “เหนียงเหนียงโปรดรับอำนาจ”
เป็ครั้งแรกของมู่จื่อหลิงที่เผชิญสถานการณ์ที่คนจำนวนมากคุกเข่าให้ตนเอง จึงรู้สึกทำอันใดไม่ถูกอยู่บ้าง
คนพวกนี้เหตุใดพูดว่าคุกเข่าก็คุกเข่าลงไปเสียเล่า แต่ว่าก็น่าขันนัก ยังมาถูกคนบังคับให้ดูแลบ้านเรือนอีก
“พวกเ้าลุกขึ้นมาเถิด” มู่จื่อหลิงสะกดความอิหลักอิเหลื่อในใจไว้ ยังคงกล่าวด้วยท่าทางสงบนิ่งเช่นเดิม ทำอันใดไม่ถูกแต่ก็มิอาจแสดงออกมาได้ จำต้องรักษาท่าทีไว้
“หวางเฟยไม่รับอำนาจ บ่าวก็ไม่ขอยืนขึ้น” ลุงฝูกล่าวอย่างแน่วแน่ เขามิกล้าฝ่าฝืนคำสั่งท่านอ๋อง วันนี้เขาตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวแล้วว่า จะต้องให้หวางเฟยรับอำนาจปกครองเรือนให้ได้
“พวกบ่าวก็ไม่ลุกขอรับ” กลุ่มคนที่อยู่ด้านหลังของลุงฝูกล่าวตาม
มู่จื่อหลิงพลันไร้คำพูด ถึงกับใช้ไม้นี้กับนาง ลุงฝูผู้นี้รู้ว่านางมิอาจรับการคุกเข่าจากผู้อื่นได้หรือ ยามนี้ใช้การคุกเข่ามิยอมลุกมาทำให้นางยอม
หลังจากนั้น
“อ่านพวกนี้จบก็พอแล้วใช่หรือไม่” มู่จื่อหลิงชี้ไปที่บัญชีเ่าั้ นางรับไว้ไม่ไหวจนยอมเสียแล้ว ให้คนชราที่อายุมากกว่านางมาคุกเข่าไม่ยอมลุกตรงหน้า นางกลัวว่านางจะอายุสั้น
“ขอรับ” ลุงฝูตอบอย่างจริงจัง
ท่านอ๋องกล่าวเช่นนี้ มิได้สั่งเขาเื่อื่นอีก เขาเองก็ไม่รู้ว่าอ่านบัญชีพวกนี้เสร็จยังมีเื่อื่นให้ทำอีกหรือไม่
เขาจึงได้แต่ตอบไปตามความจริง เพียงแต่บัญชีเหล่านี้สิบวัน ครึ่งเดือนก็อ่านไม่เสร็จ นี่ท่านอ๋องเตรียมจะมิให้หวางเฟยออกจากจวนไปอีกนานเป็แน่
“เ้าแน่ใจนะว่าอ่านเสร็จแล้วจะไม่มีเื่อื่นอีก?” มู่จื่อหลิงถามด้วยความจริงจังอีกครั้ง
“ขอรับ” ลงฝูตอบอย่างแน่วแน่ แต่ดูจากท่าทางเช่นนี้ของหวางเฟยแล้ว เหตุใดเขาจึงได้ความรู้สึกเหมือนตกลงไปในหลุม
เช่นนี้มู่จื่อหลิงจึงยืนยันได้แล้ว พยักหน้าอย่างพอใจ ก็แค่อ่านบัญชีเหล่านี้ ยังไม่ง่ายดายอีกหรือ
วิชาคำนวณของนางนั้นนับว่าดีเยี่ยม พวกนี้วันเดียวนางก็อ่านจบแล้ว นางก็จะช่วยอ่านอย่างใจกว้างให้สักครั้งแล้วกัน ถือเสียว่าทำความดีแทนเหลยเฟิง [2]
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ วางบัญชีลง แล้วพวกเ้าก็ออกไปให้หมดเถิด” มู่จื่อหลิงคิดจะนอนเพิ่มอีกสักตื่น แล้วค่อยไปอ่านบัญชีเ่าั้ วันนี้ก็อ่านพวกมันจนเสร็จได้
“เหนียงเหนียง ท่านอ๋องสั่งบ่าวให้นำสิ่งนี้มามอบแด่เหนียงเหนียง กล่าวว่าเป็ค่ารักษา” ลุงฝูล้วงป้ายหยกอันหนึ่งออกมาจากในอก ส่งให้มู่จื่อหลิงพร้อมกับกุญแจ
ท่านอ๋องบอกว่าต้องรอให้หวางเฟยตกลงยอมอ่านบัญชีเสียก่อน ค่อยมอบป้ายหยกให้นาง เพียงแค่ป้ายหยกอันนี้สามารถเบิกเงินไม่จำกัดวงเงินที่หอแลกเงินแห่งใดก็ได้
ค่ารักษาของท่านอ๋องจะให้หวางเฟยเยอะไปหน่อยหรือไม่!
เขารู้ว่าเมื่อวานหวางเฟยรักษาโรคทางสมองขององค์ชายห้า ยามนี้ข่าวลือนั้นแพร่อย่างร้อนแรงไปทั่วทั้งเมืองหลวงเสียแล้ว
คนทั้งหมดล้วนไม่อยากเชื่อ คุณหนูใหญ่กระสอบฟางแห่งสกุลมู่มิใช่ว่าโง่เขลาไร้วิชาหรือ ทั้งยังเก็บซ่อนวิชาแพทย์ไว้เสียลึก
ก่อนหน้านี้หลงเซี่ยวอวี่ได้ยินคำพูดของนาง ยามนี้จึงส่งค่ารักษามาให้
นางมิอาจบอกได้ว่าตนมีความรู้สึกเช่นไร ราวกับเื่ถูกกดข่มไว้มานาน ครู่เดียวก็ได้รับการคลี่คลายออก
แต่ว่าทำไมเมื่อวานนี้หลงเซี่ยวอวี่ไม่หือไม่อือสักแอะ ช่างเป็คนที่แปลกพิลึกนัก ไม่เดินทางปกติสามัญ
มู่จื่อหลิงก็ไม่เหนียมอายอีกต่อไป รับกุญแจกับป้ายหยกมา พินิจดูป้ายหยกเล็กน้อย
ดูท่าทางเป็หยกชั้นดี ด้านหน้าสลัก ‘อวี่’ ด้านหลังสลัก ‘ไม่จำกัด’ หมายความว่าอะไร?
--------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหนียงเหนียง เป็คำใช้เรียกเพื่อแสดงความเคารพสตรีที่อยู่ในราชวงศ์
[2] ทำความดีแทนเหลยเฟิง เป็บทเรียนของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาของจีน เป็เื่ราวของบุคคลสำคัญชื่อเหลยเฟิง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้