หลินฟู่อินถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะตอบแทน
ขอแค่ไม่ลักพาตัวนางอีกก็พอแล้ว…
“ครั้งนี้เ้าจะยังปฏิเสธสิ่งตอบแทนของข้าอยู่หรือไม่?” ดูเหมือนเขาจะรู้ความคิดนางอีกแล้ว สีหน้าหวงฝู่จินพลันมืดครึ้ม
เป็ดังคาด นางไม่้าให้เขาตอบแทน ไม่้าเข้ามาข้องเกี่ยวกับเขาดังเช่นคราวก่อน
แม้จะรู้สึกว่านางโง่งมไม่รู้ความ ทว่าหากกล่าวตามตรงแล้วนางกลับเฉลียวฉลาดยิ่งนัก
ความฉลาดของนางทำให้เขาประทับใจ การตัดสินใจของนางยิ่งทำให้เขาประทับใจมากกว่าเดิม
ด้วยความฉลาดของนางย่อมต้องรู้ว่าเขาไม่ธรรมดา นางต่างจากสตรีอื่นที่เทียวไล้เทียวขื่อเกาะแข้งเกาะขาเขา เป็จุดที่เขาชอบมากทีเดียว
ตวนมู่เฉิงถืออ่างไม้ใส่ผ้าฝ้ายต้มจนเดือดเข้ามาก็เห็นแววตาของผู้เป็นาย มันปรากฏขึ้นวูบเดียวก็หายไป ทว่าทำให้เขาสะทกสะท้านใจขึ้นมา
เป็แววตาในยามที่นายท่านใช้ประเมินคน
เขามองหลินฟู่อินที่ก้มหน้าทายา ไม่ทันสังเกตว่าในใจตัวเองมีความกังวลยามมองนาง
คงไม่ใช่ว่านายท่านกำลังประเมินหลินฟู่อินหรอกกระมัง?
อันที่จริงแม่นางหลินผู้นี้ก็ใจกล้าอยู่บ้าง นอกจากเื่ที่ไม่ค่อยเคารพนายท่านแล้ว เื่อื่นก็นับว่าพอใช้การได้
ดูไปแล้วนางคงมีประโยชน์กระมัง?
หรือนายท่านชื่นชมฝีมือการรักษาของนาง?
เป็ไปได้ แต่นายท่านก็เตือนเขาให้…
“ยาเสร็จแล้ว” หลินฟู่อินมองหวงฝู่จินที่รีบเก็บแววตาครุ่นคิดกลับไป ชายหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ “ทำสิ่งที่ต้องทำเถอะ”
“เช่นนั้นข้าจะพันแผลเ้าค่ะ” หลินฟู่อินไม่คิดอยากถามเขาว่ายังเจ็บอยู่หรือไม่ ทั้งยังจงใจออกแรงมากกว่าปกติในยามที่พันแผล ทำให้ดวงตาของหวงฝู่จินปรากฏแววประหลาดใจขึ้นมา
นางมือหนักยิ่งนัก ดูไปแล้วเหมือนจะจงใจ?
เขาไปล่วงเกินนางตอนไหนกัน?
“พันแน่นเกินไป… มือข้าไม่ค่อยนิ่ง ยังกะแรงไม่ถูก” หลินฟู่อินเห็นว่าน่าจะพันแผลแน่นไปก็คลายแรงลงเล็กน้อย
เมื่อตวนมู่เฉิงเห็นก็ไม่ค่อยพอใจนัก
เขากล่าวยิ้มๆ “แม่นางน้อย จะมือสั่นไม่ได้นา…”
หลินฟู่อินไม่ยอมมองหน้าเขาด้วยซ้ำ เพียงแค่ตอบว่า “ข้ายังเด็ก จะไปมือนิ่งเท่าผู้ใหญ่ได้ยังไง?”
“ไม่เป็ไร” หวงฝู่จินกัดฟัน แม้จะรู้สึกเจ็บจนต้องกลั้นหายใจก็ตามที
“ดีแล้ว” หลินฟู่อินมองปมผ้าที่มัดเสร็จอย่างพออกพอใจ “ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ข้าจะกลับล่ะ”
ตวนมู่เฉิงเห็นดังนั้นก็หันไปหาผู้เป็นายเพื่อรอสัญญาณ
หวงฝู่จินมองเด็กสาวที่ลุกขึ้นยืนโดยไม่กล่าวอะไร
หลินฟู่อินเห็นสายตาเขาก็รู้สึกจิตใจไม่ค่อยสงบนัก ได้แต่บ่นพึมพำในความคิด ‘หรือหมอนี่จะไม่อยากให้นางกลับบ้าน?’
นางยกมือปัดๆ หน้าม้า ทำท่าทางสงบนิ่งแล้วพูด “เมื่อวานท่านเสียเืเสียชี่ [1] ไปมาก ข้าจะปรุงอาหารบำรุงเืลมให้ พอข้ากลับไปแล้วท่านก็ทานอาหารกลางวันเสีย แล้วก็อย่าลืมส่งคนไปเอาอาหารมื้อเย็นด้วย ข้าจะเตรียมไว้ให้”
เมื่อตวนมู่เฉิงได้ยินก็รู้สึกยินยอมพร้อมใจขึ้นมาทันที
แต่ไม่รู้ในใจนายท่านจะคิดเห็นอย่างไร เขาได้แต่หันไปมองอีกฝ่าย
เมื่อหวงฝู่จินได้ยินคำพูดของหลินฟู่อินก็เข้าใจความหมายได้ทันที อย่างที่หนึ่ง ที่นางกลับไปไม่ใช่ทิ้งเขาไว้ แต่ไปเพื่อปรุงอาหารให้เขาได้บำรุงเืลม อย่างที่สอง หากไม่มีอะไรผิดพลาด เขาก็ไม่ควรให้นางมาดูแลถึงที่นี่ด้วยตัวเอง นางต้องทำอาหารวันละสองมื้อ ซึ่งต้องใช้เวลามาก
“ไปเถอะ” หวงฝู่จินพยักหน้า ไม่มีเหตุผลใดให้ปฏิเสธนาง
อย่างไรสิ่งที่นางทำก็ล้วนเป็ไปเพื่อเขาทั้งสิ้น
“ใต้เท้ารักษาตัวด้วย พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาเปลี่ยนยาให้ท่าน” แม้นางไม่คิดอยากกลับมาที่นี่ แต่นางก็ยังรู้ดีกว่าหากขาเขาเป็อะไรไป ชายหนุ่มย่อมไม่ปล่อยนางไปแน่
“เ้าคุ้มกันแม่นางหลินกลับบ้านให้ปลอดภัย” หวงฝู่จินออกปากสั่งการกับตวนมู่เฉิงด้วยตัวเอง
สิ่งนี้ทำให้ตวนมู่เฉิงตกตะลึงยิ่งนัก เขาติดตามนายท่านมาแทบทั้งชีวิต อีกฝ่ายดีต่อเขาดังเช่นนายดีต่อบ่าว ดังเช่นพี่ชายดีต่อน้องชาย คนที่นายท่านสั่งให้เขาไปส่งด้วยตัวเองนั้นนับได้ด้วยมือข้างเดียว
ครั้งนี้ผู้เป็นายถึงกับสั่งให้เขาไปส่งแม่นางหลินด้วยตัวเอง?
ดูเหมือนฝีมือของแม่นางหลินผู้นี้จะไม่ธรรมดาจริงๆ!
ตวนมู่เฉิงย่อมไม่กล้าละเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังรู้สึกเคารพหลินฟู่อินมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“แม่นางหลิน ทำอาหารบำรุงเช่นนี้อย่างไรก็ต้องใช้เงิน ตวนมู่อย่าได้ลืมให้เงินแม่นางหลินมากหน่อย” หวงฝู่จินสั่งการอีกครั้ง
เื่เล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้นายท่านก็คิดด้วยหรือ?
ตวนมู่เฉิงลอบมองหลินฟู่อิน ดูเหมือนนายท่านจะให้ค่าแก่ฝีมือการแพทย์ของเด็กคนนี้มากกว่าที่คิดไว้เสียอีก!
ตวนมู่เฉิงรับปาก แต่หลินฟู่อินกลับปฏิเสธ
“อาหารบำรุงใช้เงินไม่มาก เงินเท่านี้ข้ายังซื้อได้อยู่ ท่านไม่จำเป็ต้องคิดเล็กคิดน้อย” หลินฟู่อินเองก็มีเหตุให้ปฏิเสธเช่นกัน
นาง้าให้หวงฝู่จินผู้นี้ติดค้างนางเอาไว้มากๆ เช่นนี้หากอีกหน่อยเขาคิดจะฆ่านางขึ้นมา อย่างน้อยก็ยังต้องคิดถึงบุญคุณที่นางมีให้อยู่บ้างใช่หรือไม่เล่า?
ชายหนุ่มเห็นนางปฏิเสธก็ออกปากถาม “เหตุใดเ้าถึงไม่้าเงิน?”
ดวงตาของเขาเฉียบคม ราวกับแผนเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหลายของนางล้วนไม่อาจเล็ดลอดสายตาเขาไปได้เลย
หลินฟู่อินก้มหน้า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองเขาอีกครั้ง “ฟู่อินเห็นว่าแม้สถานะของท่านกับข้าจะแปลกประหลาดอยู่บ้าง แต่ในเมื่อท่านเชื่อใจข้าถึงสองครั้งสองครา เช่นนี้ก็นับว่าเป็สหายกันได้ใช่หรือไม่?”
“สหายหรือ?” หวงฝู่จินค่อยๆ กลืนคำนี้ลงปากไป ก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมา “ดี นับเป็สหายกัน”
เมื่อยิ้มออกมา เรียวคิ้วและดวงตาเขานั้นราวกับภาพวาด ใบหน้าแลดูงดงาม ทั่วร่างคล้ายมีแสงเปล่งประกายทำให้ผู้คนยากที่จะละสายตา ต่างจากภาพลักษณ์ดุดันในเวลาปกติโดยสิ้นเชิง
นางก็รู้อยู่หรอกว่าเขาหล่อ แต่ไม่นึกว่าคนผู้นี้เวลายิ้มออกมาจะหล่อเหลาเอาตายขนาดนี้…
ได้เห็นเขายิ้มหนึ่งทีดวงิญญานางแทบจะหลุดออกจากร่าง หากนางไม่ได้ก้มหน้าลงก็ไม่รู้จะทำเื่น่าขายหน้าอะไรออกไปบ้าง…
ตวนมู่เฉิงเองก็ตกตะลึง นายท่านไม่ได้ยิ้มเช่นนี้มานานแค่ไหนแล้ว?
เขาเดินออกมาพร้อมหลินฟู่อิน เมื่อมองแผ่นหลังของนางแล้วก็ทอดถอนหายใจ น่าเสียดายที่นางเป็เพียงสาวชาวบ้านเท่านั้น! ไม่ว่าจะมีฝีมือการแพทย์เก่งกาจเพียงใด สุดท้ายสิ่งที่รั้งเอาไว้ก็คือสถานะ นอกจากเป็สามัญชนทั่วไปแล้ว ยังติดที่นางเป็คนใต้อีก…
ฝั่งของนายท่านต้องไม่มีคนใต้ หาไม่หากศัตรูทราบเข้าย่อมต้องสร้างปัญหาแก่สถานะวีรบุรษเป็แน่ ในใจตวนมู่เฉิงสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหลินฟู่อินร้องเรียก
“ท่านตวนมู่ ท่านส่งข้าที่นี่ก็ได้ ข้ากลับเองได้ ผ่านป่านี้ไปก็เป็บ้านข้าแล้ว”
ตวนมู่เฉิงจึงได้หยุดอยู่กับที่ มองส่งหลินฟู่อินเดินไปตามทางเดินจนลับสายตา ก่อนจะหมุนกายกลับ
เมื่อร่างของหลินฟู่อินหายไป เขาก็เริ่มคิดเรื่อยเปื่อยอีกครั้ง
เขาถึงกับลืมบอกนางว่าห้ามเผยสถานที่อยู่ของนายท่าน…
แต่คิดดูแล้ว นางเป็คนฉลาด คงไม่ปากสว่างหรอกกระมัง
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ชี่ หมายถึง ลมปราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้