“เจียงถิง เ้าเป็บ้าไปแล้วหรือ ? ”
คิ้วของมู่เอ้าเทียนขมวดเข้าด้วยกันเป็ปมที่บิดเบี้ยว คนทั้งคนมีบรรยากาศที่มิค่อยเป็มิตรยิ่งกว่าเดิม
“เอาล่ะ แม่ทัพเช่นข้าจะไม่ทะเลาะกับเ้าในวันนี้ ข้ารู้ว่าความหมายที่เ้า้าจะสื่อ”
เจียงถิงโบกมือไปมาซึ่งเป็สัญญาณที่บอกว่าจะขอพักรบ
มู่เอ้าเทียนกลั้นหายใจ หายใจยากเย็นยิ่งนัก เขาได้ทำการเตรียมพร้อมที่จะลงมือทวงเงินแล้ว แต่เหตุใดเจียงถิงถึงขอพักรบกะทันหันเล่า เกิดเื่บ้าอะไรขึ้นกันแน่?
เขารู้ว่าตน้าสื่อถึงอันใด?
เยี่ยมมาก
“ในเมื่อเ้ารู้ความหมายของข้า เช่นนั้นก็รีบจ่ายเงินคืนข้ามา เปิ่นหวางไม่้าที่จะข้องเกี่ยวกับเ้า รีบจ่ายเร็วๆ จะได้แก้ปัญหาให้จบไวๆ ”
มู่เอ้าเทียนตอบ
ในใจของเจียงถิงรู้สึกไม่สบายใจนักเมื่อได้ยินมู่เอ้าเทียนพูดเช่นนี้ อันใดคือการที่บอกว่าไม่้าข้องเกี่ยวกับเขาแล้ว? เ้าคิดว่าท่านแม่ทัพคนนี้อยากจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเ้าหรือ? นี่ไม่ใช่เพราะว่ามีเ้าตัวน้อยหยวนเป่าหรอกหรือ? เกรงว่าทั้งชีวิตสิ่งที่กลัวที่สุดก็คือการข้องเกี่ยวกับเ้าอย่างไรเล่า
แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าของมู่เอ้าเทียนที่เต็มไปด้วยความโกรธและในมือถือสัญญาหนี้เอาไว้ อีกทั้งยังพาหยวนเป่าน้อยมาถึงประตู ไม่ว่าเขาจะคิดอย่างไร เขาก็รู้สึกว่ามันเป็ความผิดของตระกูลเจียงอยู่ดี เป็บุตรชายของเขา เจียงถิงที่ทำผิดต่อบุตรสาวบ้านอื่น
ดังนั้นความเย่อหยิ่งของเขาจึงลดลงสามขั้นอย่างเป็ธรรมชาติ
“เ้าคนนี้นี่ ทุกครั้งเวลาที่เ้าอ้าปากหรือหุบปาก ช่วยหยุดพูดเื่เงินสักประเดี๋ยวได้หรือไม่? เ้า้าหรือไม่้า ตอนนี้เื่ที่สำคัญระหว่างเราคือเื่เงินหรือ? ”
เจียงถิงจ้องเขม็งไปที่มู่เอ้าเทียน อีกทั้งยังเหลือบไปมองหยวนเป่าน้อยบ้างเป็ครั้งคราว เขาหงุดหงิดกับทัศนคติของมู่เอ้าเทียนเป็อย่างยิ่ง ไม่ว่าตาเฒ่านี่จะอ้าปากหรือหุบปาก ล้วนพูดแต่เื่เงินสองหมื่นตำลึงอย่างเดียวมิใช่หรือ? ไม่ใช่ว่าครอบครัวของพวกเขาไม่สามารถนำมันออกมาให้ได้ แต่ว่าเราควรพูดเื่นี้กันหรือ? ตอนนี้เื่ที่สำคัญคือเื่เงิน? หรือควรจะเป็เื่ของสหายตัวน้อยคนนี้...
“ไม่พูดถึงเื่เงินแล้วให้พูดถึงเื่อันใดเล่า? ระหว่างพวกเรายังมีเื่อื่นให้พูดอีกหรือ? ”
มู่เอ้าเทียนตกตะลึง เขาพูดออกมาโดยไม่รู้ตัว
เจียงถิงพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อดึงหน้าให้เครียดขมึงบูดบึ้งเอาไว้ เขาไม่้าพูดถึงปัญหาเื่ของเด็กในที่สาธารณะ มันคงจะกลายเป็เื่น่าหัวร่อให้คนอื่นเห็น และคนเช่นเจียงถิงก็ยัง้าจะรักษาหน้าของตัวเองอยู่เช่นกัน
ใบหน้ามืดครึ้ม สักพักสับสน สักพักโมโห ราวกับใบหน้าของท่านเปาบุ้นจิ้นที่พาลโกรธเอาดื้อๆ ความสงสัยบังเกิดบนใบหน้าของมู่เอ้าเทียน ชายคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? เกรงว่าคงกำลังคิดหาข้ออ้างที่จะไม่คืนเงินให้เป็แน่ ทว่ากระดาษขาวหมึกดำ มีเอกสารหลักฐานที่ถูกจรดเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้ว หากจะโกง ยังเป็ไปได้อยู่อีกหรือ?
หึหึหึ
ในใจของมู่เอ้าเทียนฉีกยิ้มเยาะเย้ย เงินสองหมื่นตำลึงที่บุตรชายของเจียงถิงเป็หนี้ อีกทั้งยังมีบุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้ วันนี้เขาต้องชำระคืนให้กับตระกูลเจียงให้ได้ ไม่้าคืนยังจำเป็ต้องคืน บุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขาตกเป็เป้าหมายขององค์รัชทายาท เงินจำนวนสามล้านตำลึงนั่นมีน้ำหนักเทียบเท่ากับูเาลูกใหญ่ที่กดทับบนบ่าของเขา
เป็เวลาสี่ปีที่เขาละอายใจต่อบุตรสาวของตนเอง ตอนนี้นางหวนกลับคืนมาพร้อมบุตรชายตัวน้อย นางพบเจอปัญหา ถึงแม้ว่าเขาจะต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ทว่าเขาจะไม่ละเลยความพยายามในการปกป้องลูกแน่
เงินสามล้านตำลึง เขาต้องรวบรวมให้ได้ภายในสามวัน ตระกูลของเจียงถิงนี้เป็คนหัวใหญ่ [1] ราคาของบุญคุณในการช่วยชีวิตนั้นย่อมต้องสูงเสียดฟ้า
อย่างไรเขาก็จะไม่ยอมให้บุตรสาวเข้าไปในจวนขององค์รัชทายาทแน่...
เมื่อนึกถึงองค์รัชทายาทตี้หลิงหานและสัญญาใบนั้น ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนก็ยิ่งเย็นลง หากไม่ใช่เพราะบุตรชายโง่เง่าของเจียงถิง บุตรสาวของเขาจะทำให้องค์รัชทายาทขุ่นเคืองหรือ? ตระกูลมู่ของพวกเขาจะถูกองค์รัชทายาทเล่นเกมดึงหางและถูกบังคับให้ทำเช่นนั้นหรือ?
ยิ่งเขาคิดถึงเื่นี้มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งโกรธ เขาหวังว่าเขาจะอัดเจียงถิงและบุตรชายของเขาเข้ากับกำแพง รุนแรงขนาดที่แม้แต่จะงอตัวยังไม่สามารถทำได้
“เ้าเข้ามาด้านในกับข้าก่อน”
เจียงถิงกล่าวด้วยใบหน้าบูดบึ้ง
หืม? ให้เข้าไปด้านใน?
เมื่อมู่เอ้าเทียนเห็นความพยายามในการอดกลั้นและอดทนของเจียงถิง อีกทั้งการเหลือบมองไปที่หยวนเป่าน้อยเป็ครั้งคราว เพียงแค่มองในแวบแรก เขาก็รู้ว่าตาแก่นี่ย่อมไม่มีความคิดที่ดี ตอนนี้มาบอกให้เข้าไปด้านใน เขาย่อมไม่มีทางเข้าไปแน่ หากมีอะไรที่ต้องกล่าวก็กล่าวกันให้ชัดเจนเสียที่นี่
“เจียงถิง ข้าจะบอกเ้าไว้ เ้าอย่าพยายามโดยเปล่าประโยชน์อีกเลย เงินที่เ้าต้องคืนในวันนี้ คืนก็คือคืน ไม่้าคืนก็คือต้องคืนเช่นกัน อันดับแรกเ้าจงนำเงินสองหมื่นตำลึงตามสัญญาออกมาก่อน แล้วค่อยมาเจราจาเื่ใหญ่กันต่อทีหลัง อีกทั้งบุตรชายของเ้า รีบเรียกเขาออกมา ซ่อนไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด
ข้า มู่เอ้าเทียนไม่ใช่คนที่ชอบสร้างปัญหา แต่ข้าไม่ใช่คนที่เกรงกลัวต่อปัญหาเช่นกัน หากตระกูลเจียงของเ้าไม่ยอมรับ หึหึ... ก็จงคุยกับหอกพู่แดงในมือของข้าแทนเถิด! "
มู่เอ้าเทียนแสดงอารมณ์ที่ดุดันและรุนแรงของเขาออกมา หอกยาวพู่แดงในมือของเขากระแทกลงกับพื้น พลังลมปราณที่ถูกดึงขึ้นมาเกาะตัวควบแน่นทันทีและพุ่งไปที่ด้านข้าง ทิศทางที่พุ่งไปพอดีกับสิงโตหินอีกตัวที่หน้าประตูจวนตระกูลเจียง
เสียงกระแทกดังครืน สิงโตหินแตกกระจัดกระจาย หัวสิงโตก็กลิ้งตกลงมา
เห็นได้ชัดว่าในขณะนี้มู่เอ้าเทียนใจร้อนขึ้นอีกเล็กน้อยแล้ว
“ท่านตา หล่อเหลาเหลือเกิน เยี่ยมยอดไปเลยขอรับ! ”
ดวงตาของหยวนเป่าน้อยเต็มไปด้วยหมู่ดาวระยิบระยับ เขามองดูท่านตาด้วยความชื่นชม ท่านตาของเขาเป็วีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ จิตใจเปี่ยมไปด้วยความเด็ดเดี่ยวแน่วแน่ หัวใจเต็มไปด้วยพลังและเื เด็กน้อยมองดูร่างสูงตระหง่านของท่านตา ในใจของเขาสาบาน เขาจะเติบโตขึ้นไปให้เหมือนกับบุรุษเช่นท่านตาของเขา
ปกป้องมารดา ปกป้องคนในครอบครัวของเขาทั้งหมด!
“ว้าว ท่านอ๋องมู่โกรธเสียแล้ว”
“โอ้แม่เ้า โชคดีที่ข้าซ่อนตัวเร็ว มิเช่นนั้นเศษกรวดของสิงโตหินคงกระเด็นใส่หน้าข้า”
“มิใช่เข่นนั้นหรือ พลังปราณปัจจุบันของท่านอ๋องมู่ไม่รู้ว่าถึงจุดที่น่าหวั่นเกรงเพียงใดแล้ว ข้าจำได้ว่าั้แ่แรกนั้น พลังยุทธ์ของท่านอ๋องมู่ก็อยู่ระดับขั้นปรมาจารย์ เขาเป็วีรบุรุษแห่งราชวงศ์ต้าโจวของพวกเรา ยอดเยี่ยมเป็ที่สุด”
“นอกเื่แล้ว นอกเื่แล้ว บุตรชายของท่านแม่ทัพเจียงติดหนี้คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ได้อย่างไร? ”
เหล่าผู้คนต่างเจ็ดปากแปดลิ้น [2] เพราะพวกเขาถูกข่มขู่จากความแข็งแกร่งและสถานะของมู่เอ้าเทียน พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะพูดคุยเกี่ยวกับเื่ของมู่อันเหยียนอย่างเปิดเผย ตอนนี้มีข่าวลือที่ไม่น่าฟัง กล่าวว่าบุตรสาวคนโตของตระกูลมู่หายตัวไปเป็เวลาสี่ปีและกลับมาพร้อมบุตรชาย ไม่รักษาจรรยาบรรณสตรี...
แต่ก็ยังมีคนอีกมากที่รู้เื่การต่อสู้ที่ประตูเมือง ความใจบุญของคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลมู่ในการช่วยชีวิตคนและการปกป้องบุตรียิ่งกว่าชีวิตของท่านอ๋องมู่ เื่นี้ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนทราบกันทั้งนั้น.
อย่าไปสนใจเื่ชื่อเสียงของบุตรีคนโตของตระกูลมู่ นั่นคือสิ่งที่เ้าไม่สามารถทำให้ขุ่นเคืองได้!
ดังนั้นในเวลานี้จึงไม่มีใครกล้าพูดจาดูิ่บุตรสาวบ้านอื่นต่อหน้าท่านอ๋องมู่ ไม่เช่นนั้นแม้พวกเขาตายจะไปแล้วก็คงจะยังไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำกระมัง
“บุตรชายของท่านแม่ทัพเจียงมายุ่งกับบุตรสาวของท่านอ๋องมู่ได้อย่างไร”
เหล่าผู้คนยังคงประหลาดใจ...
เจียงถิงรู้สึกอึดอัดเมื่อถูกมองจากผู้คนมากมายทั้งบนและล่าง เขาอาศัยอยู่ในกองทัพมาครึ่งชีวิตแล้ว ที่นั่นขาวสะอาดชัดเจน ทว่าเขากลับไม่เคยคิดว่าไอ้ลูกสารเลวของเขาจะพาเื่ใหญ่มาให้
มองดูเด็กน้อยที่มีนามว่าหยวนเป่า เขาก็เอ็นดูเด็กคนนี้ยิ่ง
แต่ในเวลานี้เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความแข็งแกร่งของมู่เอ้าเทียน เขาไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ [3] จริงๆ
เจียงถิงได้ยืนยันการคาดเดาของเขาจากคำพูดตรงและคำพูดแฝงของมู่เอ้าเทียน สัญญาหนี้มูลค่าสองหมื่นตำลึงถูกเขียนขึ้นโดยบุตรชายของเขาเอง เป็การติดหนี้บุตรสาวตระกูลอื่น เื่ใหญ่เื่ต่อไป ตามธรรมชาติแล้วย่อมต้องเป็เื่ของเด็กน้อยตรงหน้านี้เป็แน่
ตอนนี้แม้แต่เหตุผลสักนิด เขาก็ไม่คิดจะยอมรับแล้ว
ใบหน้าของเขาเดี๋ยวดำเดี๋ยวแดง อีกทั้งยังโกรธมู่เอ้าเทียนที่สร้างเื่น่าขันต่อหน้าผู้คนมากมายจนทราบโดยทั่วกัน
...
ภายใต้การยืนกรานระหว่างทั้งสองฝ่าย ประตูจวนตระกูลเจียงกลับถูกเปิดออก
เจียงจื่อเฮ่าพุ่งออกมาจากด้านในด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเคือง แม้ว่าเขาจะดูเหมือนกำลังเดินอย่างรีบร้อน แต่เหมือนการเดินของเขาจะกะเผลกเล็กน้อยดูไม่มั่นคงนัก เมื่อมองอย่างละเอียดอีกครั้งก็เห็นว่าในมือของเขาถือเงินกองหนาอยู่
“ธนบัตรเงินจำนวนสองหมื่นตำลังอยู่ที่นี่แล้ว รีบเอาไปแล้วไสหัวไปเสีย คุณชายเช่นข้าไม่้าพบหน้าคนของตระกูลมู่ผู้ใดทั้งนั้น”
เขาะโเสียงดังด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม
ช่างน่าโมโหจนแทบกระอักเืตาย เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาก็เสียหน้าไปรอบหนึ่งที่จวนขององค์รัชทายาทแล้ว ไม่เพียงแต่ถูกคนของตระกูลมู่เตะอยู่หลายครั้ง หลังจากนั้นยังถูกลูกน้องใต้บังคับบัญชาของญาติผู้พี่อย่างองค์รัชทายาทของเขาโบยมือและเท้า ปิดปาก สุดท้ายองค์รัชทายาทเป็ผู้ที่โมโหหนักที่สุด โบยไม้เขาอีกสิบครั้ง ก้นของเขาถูกตีจนบานแบะ ตอนนี้เขายังคงเดินกะเผลกอยู่เลย
เชิงอรรถ
[1] หัวใหญ่ 大头Dàtóu แปลตรงตัวว่าหัวโต เป็การอุปมาว่าหน้าใหญ่ใจป้ำ
[2] 七嘴八舌 Qī zuǐ bā shé หมายถึง เจ็ดปากกับแปดลิ้นคนจีนเปรียบเปรยถึงคนหลายๆคนแข่งกันพูดจนเสียงดังหนวกหู
[3] ไม่สามารถเงยหน้าขึ้นได้ 抬不起头Tái bù qǐtóu หมายถึง อับอายจนไม่กล้าสู้หน้าหรือเงยหน้าขึ้นมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้