“ก็ได้ๆๆ !” นี่เป็่เวลาคับขันนัก เวินอวิ๋นโปตบโต๊ะและยืนขึ้น สั่งให้คนรับใช้นำโฉนดที่ดินมามอบให้เวินซี
ไม่ได้สูตรลับของยาเม็ด ทั้งยังต้องให้ร้านกับนางอีก เป็การสูญเสียฮูหยินสูญเสียไพร่พลจริงๆ เวินอวิ๋นโปโกรธจนแทบจะคลั่งแล้ว
ในขณะที่เขายังโกรธแทบบ้า เวินซีกลับมีความสุขมาก นี่เป็ร้านค้าแรกของนางในยุคสมัยนี้ มันคือจุดเริ่มต้นของทุกอย่างในอนาคต
นางบรรจงพับโฉนดแล้วยื่นให้จ้าวต้าน “หากท่านพ่อไม่มีเื่อันใดแล้ว ข้าต้องขอตัวกลับก่อนนะเ้าคะ”
“ไสหัวไป” เวินอวิ๋นโปี้เีจะเสแสร้งต่อให้เห็น กระทั่งมองนางเขายังไม่อยากจะมอง
เวินซีมีความสุขมากที่ได้เห็นสีหน้าเช่นนั้นของเขา นางจากไปอย่างสบายใจ
ที่หน้าประตูจวนมีกลุ่มของข้ารับใช้ล้อมรอบอยู่ ทั้งยังมีทหารของทางการยืนอัดแน่นอยู่ด้านนอก
เมื่อเดินออกมาไกลพอสมควรแล้ว จ้าวต้านก็เอ่ยปากถามขึ้น “เหตุใดนายท่านเวินถึงได้ยอมล่ะ?”
“เพราะว่า... ข้ามีอาวุธลับ” เวินซียกริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย แววตาที่เยือกเย็นแต่เดิมแฝงด้วยความทะเล้น “ด้วยอาวุธนี้ พวกเราจึงเป็ผู้กุมชะตาของผู้คนมากมายในเมืองนี้”
จ้าวต้านเข้าใจได้ทันทีว่าอาวุธลับที่นางเอ่ยถึงคือสิ่งใด
เมื่อมองดูแผ่นหลังของนาง เขาก็มีสีหน้าแปลกไป
“ไปกัน ไปดูหน้าร้านของเรา” เวินซีเอ่ยปาก
ทั้งสองเดินไปด้วยกันจนมาถึงร้านค้าที่เงียบเหงาแห่งหนึ่ง
เมื่อได้ยินเสียงเคลื่อนไหวที่หน้าร้าน จ่างกุ้ยก็รีบวิ่งออกมาด้วยสีหน้าดีใจ เขามองเห็นทั้งสองคนได้ทันที
“ทั้งสองท่าน้าสิ่งใด เชิญดูได้เลยขอรับ ่นี้เครื่องหอมของร้านเราล้วนลดราคา”
“ั้แ่นี้ไป ร้านนี้เป็ของข้าแล้ว” เวินซีพูดจบก็หยิบโฉนดที่ดินจากจ้าวต้านมากางต่อหน้าจ่างกุ้ย
มุมปากของจ่างกุ้ยโค้งลง ใบหน้าปรากฏมีสีหน้าหดหู่ “ตระกูลเวินตกต่ำจนถึงขนาดขายหน้าร้านแล้วหรือ?”
“นี่มันของของข้าอยู่แล้ว จะพูดว่าซื้อขายได้อย่างไรกัน” เวินซีมีน้ำเสียงเรียบเฉย แต่กลับทำให้จ่างกุ้ยตื้นตันจนตัวสั่น
“ท่าน...ท่านคือคุณหนูเวินซีหรือขอรับ?”
เวินซีพยักหน้าอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
จ่างกุ้ยใพลันคุกเข่าลงกับพื้นทันที “คุณหนูเวินซี เป็ท่านจริงๆ ด้วย ข้าน้อยนึกว่าท่านเสียชีวิตไปแล้ว ข้าน้อยเสียใจอยู่นานเลยขอรับ...”
เวินซีอึ้งไปเล็กน้อย
คนผู้นี้รู้จักนางหรือ?
ในความทรงจำของเ้าของร่างเดิมดูจะไม่มีเขาอยู่นะ
“เ้าคือ?” นางขมวดคิ้ว
“คุณหนูเวินซี ข้าคือจ่างกุ้ยที่ติดตามเวินอี๋เหนียงมาด้วยตอนนางแต่งเข้าจวนเวินขอรับ ท่านเคยพบข้า ลองนึกดูดีๆ สิขอรับ”
ที่แท้ก็เป็คนของเวินอี๋เหนียง...
เวินซีจึงวางใจลงได้
“ร้านนี้กลับมาอยู่ในมือของท่านได้ ช่างดีเหลือเกินขอรับ เพียงแค่เวินอี๋เหนียง เฮ้อ...” จ่างกุ้ยปาดน้ำตาและถอนหายใจยาว พลันเหลือบมองไปที่จ้าวต้านที่อยู่ทางด้านขวา
“บุรุษท่านนี้คือ?”
“สามีของข้า”
จ่างกุ้ยพยักหน้าด้วยความยินดียิ่ง
เวินซีพูดต่อ “ในเมื่อเ้าเป็คนของท่านแม่ เช่นนั้นก็เป็จ่างกุ้ยของร้านนี้ต่อเถิด”
“ได้ขอรับคุณหนูเวินซี แล้วแต่คุณหนูจะเห็นดีเห็นงามเลยขอรับ” จ่างกุ้ยตอบรับอย่างทำอันใดต่อไม่ถูก
เวินซีกวาดมองไปทั่วร้าน นอกจากหน้าร้านแล้ว ข้างในยังมีเรือนเล็กๆ อีกเรือนหนึ่ง แม้จะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สะอาดสะอ้านกว่าบ้านทรุดโทรมที่อยู่ตอนนี้นัก
นางพยักหน้าด้วยความพอใจ พลางมองไปทางจ้าวต้าน
“เ้าไปรับน้องๆ มาเถิด ต่อไปเราจะอาศัยอยู่ที่นี่กัน”
“ได้” เขาตอบรับ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
ในร้านเหลือเพียงสองคน เวินซีจึงถามจ่างกุ้ยต่ออีก “เ้ารู้หรือไม่ว่าบ้านของมารดาข้าอยู่ที่ใด?”
ผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เวินซีเพิ่งจะค้นพบว่าความทรงจำของเ้าของร่างเดิมไม่ได้รู้จักพื้นเพของเวินอี๋เหนียงเลยแม้แต่นิด
จ่างกุ้ยอึกอักอยู่นาน สิ่งที่พูดออกมาไม่มีข้อมูลที่เป็ประโยชน์เลย “ข้าน้อยเป็ผู้ติดตามที่เวินอี๋เหนียงช่วยไว้ระหว่างทางน่ะขอรับ ข้ารู้เพียงแต่ว่านางหนีโรคระบาดมาที่เมืองนี้ก็เท่านั้น”
เวินซีรู้สึกเพียงว่าเื่ราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น แต่เมื่อถามไม่ได้ความอันใด นางจึงทำได้เพียงปล่อยไป
ในตอนเย็น เมื่อยียีเลิกเรียนแล้วก็มาช่วยจ้าวต้านขนย้ายสิ่งของ เพื่อเข้าไปอาศัยอยู่ในร้าน ก่อนหน้านี้พวกเขาอยู่กันอย่างยากจนข้นแค้น มีสิ่งของเพียงไม่กี่อย่าง จึงขนย้ายไม่ยากนัก
หลังจากเก็บของเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลาอาหาร มีอาหารร้อนๆ จัดวางอยู่บนโต๊ะ ล้วนมีแต่เนื้อ ปลา และอาหารที่ก่อนหน้านี้ไม่กล้าคิดเลยว่าจะได้ทาน
เอ้อเอ้อร์ปรบมือน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง “ดีจังเลย พวกเรามีบ้านหลังใหญ่อยู่แล้ว แถมยังได้ทานอาหารอร่อยๆ ทุกมื้อเลยด้วย!”
ทุกอย่างเป็ราวกับความฝัน
ไม่นานมานี้ พวกเขาทั้งสามยังต้องกอดกันร้องไห้เพราะความหิวอยู่เลยแท้ๆ
“เป็เด็กดีนะ วันเวลาดีๆ ของเรายังมีอีกมากเลยล่ะ” เวินซีลูบหัวน้อยๆ ของเด็กๆ
“ขอบคุณนะเ้าคะพี่สะใภ้” ยียีกับเอ้อเอ้อร์พากันพยักหน้า
จ้าวต้านมองเวินซีอย่างครุ่นคิด ในสมองของเขามีแต่ประโยค ‘วันเวลาดีๆ ของเรายังมีอีกมาก’ ดังขึ้นซ้ำๆ!
หรือว่านางไม่คิดจะจากไปแล้ว?
แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่คิดจะถามออกมาหรอก
ในตอนเช้าวันรุ่งขึ้น เวินซีตื่นขึ้นมาผลิตยาเม็ดต่อ
ตอนนี้นางเปิดร้านแล้ว หากไม่เร่งผลิตยาให้ได้จำนวนมาก จะไม่ทันต่อความ้าของผู้คน และในฐานะร้านค้า จะต้องใส่ใจกับการบรรจุห่อยาด้วยเช่นกัน
ป้ายชื่อร้านใหม่เพิ่งถูกแขวนขึ้น ยังไม่ทันจะได้จุดประทัดเปิดร้าน ทาสและสตรีรับใช้จำนวนมากที่ได้ข่าวมาก่อนแล้วก็มารออยู่ด้านหน้า ต่างแย่งกันเข้ามาข้างใน
“ทุกท่านกรุณาเข้าแถวด้วยขอรับ อย่าแย่งกันขอรับ อย่าแย่งกัน!” จ่างกุ้ยพยายามรักษาความเรียบร้อย
ยามเช้าผ่านไป บรรยากาศในร้านคึกคักเพียงเพราะเื่ของยาเม็ด
จ่างกุ้ยมองธรณีประตูที่เกือบจะสึกจนเรียบลงกับระดับพื้นก็หุบยิ้มลงไม่ได้ เพียงแค่เปิดร้านวันแรก ก็ทำรายได้มากกว่าหลายวันก่อนหน้านี้รวมกันเสียอีก
“วันพรุ่งเราจะออกผงหอมตัวใหม่ จ่างกุ้ยอย่าลืมไปป่าวประกาศล่ะ” เวินซียุ่งมากทั้งเช้า นางเพิ่งจะหาเวลามาสั่งจ่างกุ้ยได้
ตกเย็น ลูกค้าก็พากันกลับ ประตูร้านปิดลงแล้ว เหลือเพียงแค่ทางเข้าออกเล็กๆ เท่านั้น
จ้าวต้านที่กลับมาจากการล่าสัตว์เพิ่งจะเดินเข้าห้องมา ก็เห็นถุงหอมและเครื่องแป้งต่างๆ วางอยู่บนโต๊ะ
“เ้ากลับมาแล้วหรือ” เวินซีเงยหน้าขึ้นมองเขาเล็กน้อยและทำงานต่อ “่นี้เ้าไม่ต้องไปล่าสัตว์หรอก ข้าศึกษายาอาบตัวใหม่ ลองใช้ดูสิ”
ตนเองยุ่งอยู่แท้ๆ แต่ยังไม่ลืมให้ความสนใจเขา หัวใจของจ้าวต้านนั้นเต้นรัว แต่เพียงไม่นาน ดวงตาของเขาก็มืดลง “อย่าเหนื่อยเปล่าเลย มันรักษาไม่ได้หรอก”
ไม่ว่าจะพยายามอีกสักเท่าไร ก็เป็เพียงการเสียเวลาไปกับเขา
“จะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร? ถือเสียว่าทำเพื่อพวกยียี เ้าก็ควรลองดูสักหน่อย มิใช่หรือ?” เวินซีหยุดทำงานในมือ “เ้าก็น่าจะััได้ว่า่นี้ร่างกายของเ้าแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนมาก หากพยายามต่อไป ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้อายุยืนก็ได้นะ?”
“แม้จะมีความหวังเพียงริบหรี่ แต่เ้าก็ควรลองดู”
จ้าวต้านฟังนางพูดจนรู้สึกประทับใจ เขาหลบสายตาลง ปกปิดแสงสีดำที่วาบวับในดวงตา
เป็เพียงครู่เดียวจริงๆ ที่เขาคิดอยากจะสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้ไปตลอดชีวิต
“ก็ได้”
ในเย็นวันนั้น เวินซีที่กำลังทดสอบเครื่องหอมตัวใหม่ พลันได้ยินเสียงของเวินอวิ๋นโปดังขึ้นมา
“ซีเออร์”
เวินซีขมวดคิ้ว ทำเป็ไม่สนใจและทา 'ซวง [1] ผิวงาม' ลงบนหลังมือของตนต่อไป
เวินอวิ๋นโปเตรียมใจที่จะได้เห็นท่าทีของนางเช่นนี้อยู่แล้ว เขาจึงเดินเข้าไปหานางเอง เขามองสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะด้วยดวงตาที่เป็ประกาย “เหมือนว่าวันนี้เ้าจะทำกำไรได้ไม่น้อยเลยนะ!”
ยิ่งนางได้ไปมากเท่าไร เขาก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้นมากเท่านั้น
เงินทั้งหมดนี่เดิมทีควรจะเป็ของตระกูลเวินแท้ๆ...
เชิงอรรถ
[1] ซวง 霜 หมายถึง ครีมทา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้