ยามนี้ด้านนอกประตูนั้นมีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ ไทเฮาได้ยินว่าตำหนักหนานเหอมีความเคลื่อนไหวมาั้แ่แรกแล้ว จึงเคลื่อนขบวนเสด็จมาพร้อมกับฮองเฮา เมื่อมาถึงก็เห็นหลงเซี่ยวอวี่นั่งอย่างสง่างามน่าเกรงขามอยู่หน้าประตู
หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองคนกลุ่มนั้นอย่างเ็า ไม่ได้คิดว่ามีความสำคัญอันใด เขาลุกขึ้นทำความเคารพ “กระหม่อมถวายบังคมไทเฮา เสด็จแม่”
ไทเฮายิ้มอย่างเปี่ยมเมตตาพลางตรัสว่า “เซี่ยวอวี่ ได้ยินว่าเ้าเชิญหมอเทวดามารักษาโรคทางสมองให้เซี่ยวหนาน อายเจียจึงมาดู”
“นั่นน่ะสิ เซี่ยวอวี่ แม่เองก็อยากรู้นักว่าเ้าเชิญหมอเทวดาท่านใดมา โรคที่แม้แต่หมอหลวงยังรักษามิหาย หมอเทวดาจะรักษาได้อย่างไร” ฮองเฮาเดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มเยาะ
“ฉีอ๋อง เซี่ยวหนานเป็เช่นใดบ้าง ให้พวกข้าเข้าไปดูเถิด” ลี่เฟยน้ำตานองหน้า เอ่ยถามอย่างกังวลใจ ลี่เฟยก็คือหมู่เฟยของหลงเซี่ยวหนาน
ั้แ่ที่รู้ว่าหลงเซี่ยวหนานถูกโรคทางสมองทรมานเสียจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ วันทั้งวันใบหน้าของนางล้วนอาบไปด้วยน้ำตา เมื่อเช้านางไปถวายพระพรไทเฮา ได้ยินคนพูดว่าหลงเซี่ยวอวี่พาหมอเทวดามา จึงรีบร้อนมากับไทเฮา ยามปกตินางนั้นต่อสู้กับฮองเฮาได้อย่างร้ายกาจที่สุด ยามนี้ไม่มีเวลามาสนใจมากนัก จึงยืนอยู่ฝั่งเดียวกัน
“เสด็จย่า หมอเทวดากำลังรักษาให้พี่ห้าอยู่ มิอาจเสียสมาธิได้ หากเกิดเื่ขึ้นผู้ใดก็รับผิดชอบไม่ไหว พวกเรารอข้างนอกกันเถิด” หลงเซี่ยวเจ๋อมองเห็นว่าในคนกลุ่มนี้มีสตรีอยู่ไม่น้อย จึงตอบด้วยน้ำเสียงสำหรับอิสรเสรี ทว่าแฝงแววจริงจัง
เห็นเช่นนั้น ดวงตาของไทเฮาก็ปรากฏแววไม่ยินยอม ยังคงกล่าวต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “อายเจียแค่เข้าไปดู ไม่ส่งเสียงรบกวนหมอเทวดาแน่”
“เซี่ยวอวี่ พวกข้าแค่เข้าไปดูเท่านั้น” ฮองเฮากล่าวส่งเสริมทันที
ในตำหนัก มู่จื่อหลิงเริ่มตัดเนื้องอกออกแล้ว มิอาจให้เกิดข้อผิดพลาดใดๆ ได้ นางได้ยินเสียงดังลอยมาจากข้างนอกไม่ขาดสาย นางอยากเมินเฉยก็มิอาจเมินเฉย จึงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ ทว่าั้แ่ต้นจนจบกลับไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหวของมือลง
ไทเฮากับฮองเฮาล้วนเสด็จมาแล้ว หากกลุ่มคนข้างนอกนั่นเข้ามาจริงๆ ไม่รอให้นางอธิบาย คาดว่าศีรษะก็คงย้ายที่อยู่แน่นอน
ในเมื่อนางตกลงในน้ำโคลนบ่อนี้แล้ว ก็มิอาจทนให้เกิดข้อผิดพลาดอันใดได้ ในมือมิได้กุมแค่ชีวิตขององค์ชายห้าเท่านั้น แต่ยังพ่วงสกุลมู่เข้าไปด้วยทั้งสกุล
-
หลงเซี่ยวอวี่ได้ยินสตรีสองสามคนผลัดกันพูดคนละประโยคสองประโยค ก็มิได้มีวี่แววไล่ตะเพิดเลยแม้แต่น้อย แล้วก็มิได้กล่าววาจา ทว่าล้วงป้ายหยกออกมาจากอกอย่างเชื่องช้า ชูขึ้นสูง
ไทเฮา และฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างเมื่อเห็นป้ายหยกสีหน้าก็เปลี่ยนทันที คนทั้งหมดนอกเสียจากไทเฮาล้วนถวายความเคารพทันที เหล่าขันทีนางกำนัลคุกเข่าลงกับพื้นอย่างขวัญหนีดีฝ่อ ศีรษะแทบจะฝังเข้าไปในดิน
สิ่งนี้คือหยกหลงเหยียนที่อดีตฮ่องเต้เป็ผู้ประทานให้ เห็นหยกนี้ดั่งเห็นอดีตฮ่องเต้ มีเพียงชิ้นเดียว แม้แต่ฮ่องเต้ก็ยังไม่มี
ไทเฮาคิดมาตลอดว่าหยกหลงเหยียนนั้นอยู่ที่ฮ่องเต้ ขบคิดวิธีแย่งชิงมาโดยตลอด ไม่คาดคิดว่าอดีตฮ่องเต้ถึงกับมอบป้ายหยกให้หลงเซี่ยวอวี่
หลงเซี่ยวอวี่ในยามนี้เป็ดั่งอ๋องที่ลงมาจาก์ บรรยากาศอันน่าเกรงขามที่สั่นคลอนทั้งใต้หล้าแผ่ซ่านออกมาจากกาย เขากวาดสายตาเ็าผ่านคนทั้งหมด
“จะเข้าไปก็ได้ แต่หากเกิดเื่จะต้องรับผิดชอบด้วยตนเอง เช่นนั้นเปิ่นหวางจึงจะให้คนผู้นั้นเข้าไป” กล่าวจบเขาก็ถอยไปหนึ่งก้าว เปิดทางเดิน
เขากล่าวถูกยิ่งนัก ออกมารับผิดชอบ ทั้งยังมิใช่ความรับผิดชอบที่ผู้ใดก็รับไหว เช่นนี้หากผู้ใดคิดปัดความรับผิดชอบก็มิอาจทำได้แล้ว
แม้ไทเฮาจะสูงส่ง แต่ก็มิอาจกระทำตัวไร้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำได้ ถึงอย่างไรเสียผู้ที่อยู่ด้านในนั้นก็มิใช่คนธรรมดาสามัญ แต่เป็บุตรชายแท้ๆ ของฮ่องเต้ แม้ในใจนางจะเคียดแค้น แต่ก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีก
ยามเช้านางได้ยินว่าหลงเซี่ยวอวี่พาบุคคลลึกลับเข้าวัง มารักษาให้หลงเซี่ยวหนานที่ตำหนักหนานเหอ นางจึงสงสัย แม้แต่หมอหลวงก็ยังวินิจฉัยสาเหตุของโรคไม่ได้ คนผู้นั้นมีความสามารถอันใดกัน
ยามนี้นางมาตำหนักหนานเหอกลับถูกกันไว้นอกประตู นางยิ่งรู้ว่ามีเงื่อนงำมากขึ้นเรื่อยๆ ใครกันถึงปิดประตูรักษาโรค ทั้งยังมิอาจเข้าไปข้างในได้
แต่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าหลงเซี่ยวอวี่จะใช้ไม้นี้กับนาง หากไม่มีหยกหลงเหยียน หลงเซี่ยวอวี่เองก็คงมิกล้าขวางนางไว้เช่นนี้
แล้วนางก็เกลียดอดีตฮ่องเต้ที่มอบป้ายหยกให้หลงเซี่ยวอวี่ยิ่ง ทางที่ดีที่สุดคือคนด้านในผู้นั้นต้องรักษาหลงเซี่ยวหนานจนหายได้ มิเช่นนั้นนางไม่รามือแน่
ทุกคนในที่นี้ล้วนมิได้เปล่งเสียงกล่าววาจาอีก หลงเซี่ยวอวี่จึงเอ่ยปาก “ในเมื่อไม่ปรารถนาแบกรับความรับผิดชอบ เช่นนั้นก็รอจนกว่าผู้ที่อยู่ด้านในจะออกมาเถิด”
วาจาเย็นเยียบแข็งกร้าว เผยความน่าเกรงขามที่มิอาจต่อต้านได้ออกมา ยามนี้ต่อให้ฮ่องเต้เสด็จมาก็ยังต้องรอเช่นกัน
ไทเฮาผู้งามสง่าถูกหลานชายกดเอาไว้ จะทำอย่างไรใบหน้าชราก็อดกลั้นเอาไว้ไม่ไหว ทว่ายังมีวิธีใดได้อีก
ฮองเฮารู้ว่าไทเฮาควบคุมสีหน้าไว้ไม่ได้ จึงออกมาขัดตาทัพ แย้มยิ้มพลางกล่าว “ย่อมเป็เช่นนั้น หมอเทวดาลึกลับยิ่งนัก ทักษะการรักษาล้วนไม่ถ่ายทอดให้คนนอก หมอเทวดาคงเกรงว่าพวกเราจะแอบไปเรียนวิชาแพทย์ของเขา จึงมิให้เข้าไป เสด็จแม่พวกเราก็รอตรงนี้เถิด”
มู่จื่อหลิงที่อยู่ในห้องตอนนี้ตัดก้อนเนื้อไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว นางในยามนี้เหงื่อที่โทรมกาย นางก็ไม่สนใจจะเช็ด สมาธินั้นรวมกันอยู่ที่จุดเดียว
ในที่สุดก็ตัดเนื้องอกออกจนเรียบร้อย นางนำก้อนเนื้อที่โชกไปด้วยเืวางลงในภาชนะที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ แล้วเริ่มเย็บปากแผลให้ติดกัน ใส่ยา พันผ้าพันแผล ในที่สุดก็ทำขั้นตอนสุดท้ายจนเสร็จสิ้น มู่จื่อหลิงผ่อนลมหายใจลง
เมื่อครู่นางเองก็เพิ่งถูกวาจาน่าเกรงขามของหลงเซี่ยวอวี่ทำให้ใเข้า ทว่าเหตุใดเอ่ยเพียงแค่สองประโยค หลงเซี่ยวอวี่ก็สามารถข่มพระพุทธรูปที่ยากต่อกรเช่นไทเฮาและฮองเฮาทั้งสองรูปลงได้กัน ฮองเฮานั้นพอเข้าใจได้ ยามนี้แม้แต่ไทเฮาก็ยอมปิดปากเช่นกัน
นางต้องมองหลงเซี่ยวอวี่ใหม่เสียแล้ว เขาพูดเพียงสองประโยคง่ายๆ ก็จัดการเสียอยู่หมัด ตอนนี้ข้างนอกไม่มีเสียงความเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
มู่จื่อหลิงจัดการเก็บข้าวของจนเรียบร้อย วางลงไปในล่วมยา หลังจากนั้นจึงเดินไปเปิดประตู
ยามที่บานประตูเปิดออกคนทั้งหมดก็มองมาที่ประตู แต่ยังมองไม่เห็น เนื่องจากคนด้านในนั้นถูกเรือนร่างใหญ่โตของหลงเซี่ยวอวี่บดบังเอาไว้จนมิด
“ท่านอ๋อง การผ่าตัดสำเร็จแล้ว!” มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวอวี่ไม่มีวี่แววหลบไป ก็เอ้ยกล่าวเสียงแ่เบา ถูกหลงเซี่ยวอวี่บังไว้นางจึงมองไม่เห็นว่าคนด้านนอกคือใคร
หลงเซี่ยวอวี่เบี่ยงตัวหลบน้อยๆ คนข้างนอกจึงมองเห็นมู่จื่อหลิงกันทั้งหมด นอกจากพวกหลงเซี่ยวเจ๋อที่รู้มาั้แ่ก่อนหน้านี้แล้ว สีหน้าของคนทั้งหมดก็ล้วนตกตะลึง และมู่จื่อหลิงที่มองไปยังคนด้านนอกตามสัญชาตญาณก็ต้องใเล็กน้อย
เดี๋ยวก่อนนะ! ผู้ที่ควรมาและผู้ที่มิควรมาล้วนมากันหมด ยายเฒ่าไทเฮาผู้นี้จะมาก็มา ยังต้องนำคนกลุ่มใหญ่เช่นนี้มาส่งเสริมด้วยหรืออย่างไร
คนด้านนอกครุ่นคิดว่าคนที่อยู่ข้างในคือผู้ใด แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็ฉีหวางเฟยผู้โง่เขลาผู้นั้น หรือว่าหมอเทวดาด้านในยังไม่ออกมา
พวกเขาจะกล้าคิดได้อย่างไร ว่าหมอเทวดาที่พวกเขากล่าวถึงจะเป็มู่จื่อหลิง
ลี่เฟยได้สติขึ้นมา ชิงวิ่งเข้าไปผลักมู่จื่อหลิงออกอย่างไม่ลังเล แล้วพุ่งเข้าไป
มู่จื่อหลิงเซไปเล็กน้อย หลงเซี่ยวอวี่ตาไวมือไวจึงพยุงนางไว้ได้ทัน
ยามนี้เอง เสียงร้องอย่างใของลี่เฟยก็ดังออกมา “กรี๊ด!!!”
คนทั้งหมดถูกเสียงร้องนี้เรียกิญญาให้กลับเข้าร่าง นางกำนัลรีบพยุงไทเฮาเข้าไป จากนั้นคนก็ทยอยพากันเข้าไป
ด้านในนั้นนอกจากหลงเซี่ยวหนานแล้วก็ไม่มีผู้ใดอีก เขาอยู่บนเตียงที่เต็มไปด้วยโลหิต บนศีรษะที่มีผ้าพันแผลพันโปะเอาไว้ก็มีโลหิตไหลซึมออกมา เมื่อมองไปช่างทำให้คนตื่นใเป็อย่างยิ่ง
“เซี่ยวหนาน เซี่ยวหนาน เ้าตื่นสิ อย่าทิ้งแม่ไว้เพียงลำพังนะ” ลี่เฟยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ก็ขาแข้งอ่อนแรงอยู่ข้างเตียง ทั้งร่ำไห้ ทั้งกรีดร้องแล้วเขย่าตัวหลงเซี่ยวหนาน
มู่จื่อหลิงขมวดคิ้ว คนยังไม่ตาย ก็จะถูกนางเขย่าจนตายนี่แหละ
ขันทีและนางกำนัลจำนวนมากในที่นั้นที่ไม่เคยเห็นฉากนองเืเช่นนี้มาก่อน ต่างก็ร้องเสียงแหลมขึ้นมา “ฆ่าคนแล้ว ฆ่าคนแล้ว!”
แล้วทั้งตำหนักพลันโกลาหลไปหมด
แม้ฮองเฮาจะหวาดกลัว แต่ในใจก็ยินดีในโชคร้ายของผู้อื่น ลี่เฟยไม่มีบุตรชายแล้ว จะนำสิ่งใดมาสู้กับนางได้
สีหน้าของไทเฮาก็ปรากฏความหวาดกลัวเช่นกัน ทว่านางก็ได้สติกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว พูดด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ใครก็ได้ ฉีหวางเฟยสังหารองค์ชายห้า คุมตัวนางไปขังที่คุกหลวง รอวันปะาชีวิต”
ที่ไทเฮากล่าวคือฉีหวางเฟย มิใช่มู่จื่อหลิง เวลานี้มู่จื่อหลิงเป็คนของจวนฉีอ๋อง ทั้งยังเป็ผู้ที่หลงเซี่ยวอวี่พามา หากเกิดเื่ จวนฉีอ๋องของเขาก็อย่าได้คิดจะหลบหลีก
“ช้าก่อน!” มู่จื่อหลิงไม่พอใจเป็อย่างยิ่ง
สมควรตาย ยายไทเฮาเฒ่าถึงขนาดไม่แยกแยะ แม้แต่ดูยังไม่ดูก็มาตัดสินว่านางฆ่าคนเสียแล้ว ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จะกุดศีรษะของนาง คิดอยากให้นางตายก็อย่าได้ใช้วิธีตายอย่างคลุมเครือไม่ชัดเจนเช่นนี้
“ไทเฮา หม่อมฉันมิได้สังหารองค์ชายห้า เขาแค่ได้รับยาชาจึงหมดสติไป พระองค์สามารถไปเชิญหมอหลวงมาตรวจดูได้” ท่าทางของมู่จื่อหลิงสงบนิ่งมิหวั่นเกรง ไม่ถูกความน่าเกรงขามของไทเฮาทำให้ขวัญเสียเลยแม้แต่น้อย
“ยังต้องดูอันใดอีก เป็เ้า เ้าสังหารเซี่ยวหนานของข้า เ้ามันฆาตกร” ลี่เฟยได้ยินวาจาของมู่จื่อหลิง ก็เหมือนกับคลุ้มคลั่งขึ้นมาพุ่งเข้าไปหานาง ยังมิทันััโดนมู่จื่อหลิงก็ถูกกุ่ยหยิ่งขวางไว้เสียก่อน
“ใครก็ได้ ไปเชิญหมอหลวงมา” ไม่รอให้ผู้อื่นเปิดปาก หลงเซี่ยวอวี่ก็กล่าวออกมาก่อนด้วยเสียงอันเย็นเยียบ
เขาเพิ่งเห็นฉากนั้นก็ใเล็กน้อยหลงคิดว่าเกิดเื่ขึ้นแล้วจริงๆ แต่เมื่อครู่หญิงผู้นี้ก็พูดแล้วว่าสำเร็จลุล่วง เท่ากับว่าไม่เป็ไรแล้ว
เขาขมวดคิ้ว สตรีผู้นี้ไม่รู้จักจัดการให้สะอาดสะอ้าน!
“พี่สาม ข้าไปเอง” หลงเซี่ยวเจ๋อขันอาสา กล่าวจบก็วิ่งออกไปอย่างสุดฝีเท้า กล่าวตามจริงเขาก็ถูกฉากเช่นนี้ทำให้ใเข้าเช่นกัน
เขาไม่เชื่อว่าพี่สะใภ้สามจะสังหารพี่ห้า อีกอย่างพี่สามก็มิได้กล่าวสิ่งใด พี่สามต้องรู้แน่ว่าเื่ราวเป็มาอย่างไร
ไม่ว่าเป็จริงหรือไม่ เขาก็มิปรารถนาให้มู่จื่อหลิงเกิดเื่ แม้ทุกคราที่เจอหน้ามู่จื่อหลิงจะรังแกเขา แต่เขาก็ชอบที่ถูกนางรังแก
“ท่านอ๋อง ผู้ป่วยเพิ่งผ่าตัดเสร็จ มิอาจได้รับเสียงรบกวน” มู่จื่อหลิงกล่าวกับหลงเซี่ยวอวี่อย่างเรียบเฉย
ลี่เฟยมีท่าทางอยากตายมิอยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป คนที่อยู่ล้วนถูกนางร่ำไห้ใส่จนอยากจะตายตาม มู่จื่อหลิงรู้ว่าคนในที่นั้นได้ยินวาจาของนางเหมือนที่หลงเซี่ยวอวี่ได้ยิน แต่วาจาของหลงเซี่ยวอวี่มีผลมากกว่า
หลงเซี่ยวอวี่รับปากนางแล้ว ขอแค่หลงเซี่ยวหนานไม่เป็ไร ก็จะไม่เกิดเื่ใดกับนาง
ไม่ว่าพวกไทเฮาและฮองเฮาจะรู้หรือไม่ว่าเป็การผ่าศีรษะของหลงเซี่ยวหนาน หลงเซี่ยวอวี่ก็จะปกป้องนาง ต่อให้ไม่มีหลงเซี่ยวอวี่ คนเข้มแข็งเช่นนางก็ไม่มีทางเกรงกลัว
“คนที่ไม่เกี่ยวข้องออกไปให้หมด ใครก็ได้ พาลี่เฟยออกไปเดี๋ยวนี้” หลงเซี่ยวอวี่ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ
“ไม่ เปิ่นกง [1] ไม่ไป เปิ่นกงจะอยู่เคียงข้างเซี่ยวหนาน” ลี่เฟยที่แทบจะสูญเสียการควบคุมตัวเองไปแล้ว ปัดมือนางกำนัลออกอย่างแรง
“ไม่ไปก็เงียบปากให้เปิ่นหวางเดี๋ยวนี้!” หลงเซี่ยวอวี่กล่าวอย่างมีโทสะ
ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าสิ่งที่ฉีอ๋องเกลียดที่สุดคือสตรีที่ร้องไห้ฟูมฟาย เขาสามารถทนมาได้ถึงตอนนี้ก็นับว่าเกินขีดจำกัดแล้ว
ชั่วขณะนี้เองทั้งห้องพลันเงียบสงัดลง คนที่อยู่ในที่นั้นอดตัวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พวกเขารู้ว่าฉีอ๋องโมโหเสียแล้ว ลี่เฟยเองก็หวาดกลัวจนปิดปากไปแล้วเช่นกัน ได้ยินแค่เพียงเสียงสะอึกสะอื้นของนาง
ไม่นานนัก หลงเซี่ยวเจ๋อก็พาหมอหลวงที่ดูหอบเหนื่อยจากการเดินทางเข้ามากลุ่มหนึ่ง มิใช่ว่าเขาไม่เชื่อมู่จื่อหลิง แต่เกรงว่าจะมีคนเล่นสกปรกอยู่เื้ั พาคนมาเยอะหน่อยจึงจะเชื่อถือได้ เพิ่มความปลอดภัย
หลงเซี่ยวอวี่เหลือบมองหมอหลวงหลี่ที่มีอายุค่อนข้างมาก “เข้าไปตรวจดู รายงานตามจริง!”
“เหล่าเฉิน [2] น้อมรับคำสั่ง” หมอหลวงหลี่กล่าวด้วยสีหน้านอบน้อม
------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เปิ่นกง คือคำสรรพนามของผู้ที่มีตำหนักเป็ของตน(สนมชายา) ใช้แทนตัวเอง
[2] เหล่าเฉิน คำสรรพนามของขุนนางชราเวลาคุยกับเ้านายหรือผู้อื่นที่มียศสูงกว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้