บทที่ 76 หนีสุดชีวิต
“ตูม ตูม... ” ในขณะที่ลั่วถูกำลังตั้งอกตั้งใจวิ่งหนีสุดชีวิตอยู่นั้นเอง ทันใดนั้นกลับรู้สึกว่าพื้นดินเกิดการสั่นไหวขึ้น รอยแตกเป็ริ้วเข้าประชิดตัวขึ้นทุกที ไล่หลังมาติดๆ บรรดาก้อนหินขนาดั์ไถลลงจากูเาสีเทาที่อยู่ห่างไกล ขณะที่กลิ้งไปไม่รู้หยุด ก็แตกเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างรวดเร็ว เถ้าจำนวนมากถูกพ่นขึ้นฟ้าจากปล่องูเา ย้อมท้องฟ้าให้เป็สีเทาทันที ใต้รอยแตกบนผิวูเาปรากฏรอยสีแดงจางๆ ออกมา ดูเหมือนกับไส้ถั่วแดงที่ไหลออกจากซาลาเปาก็ไม่ปาน
เป็ไปได้มากทีเดียวว่าูเาใกล้จะะเิแล้ว ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างดูพิสดารยิ่งนัก ทว่ากลับงดงามจนน่าเหลือเชื่อเช่นกัน แต่ลั่วถูไม่มีความคิดอยากชื่นชมสักนิด จู่ๆ ก็กลายเป็เื่คอขาดบาดตายไปแล้ว เพราะเขาพบว่าตนวิ่งมาถึงขอบของหุบเขาแล้ว สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าของเขาคือหน้าผาสูงชัน เศษหินมากมายไถลลงมาจากตีนเขาแล้ว รอยแตกเป็ริ้วๆ เกิดขึ้นใต้ฝ่าเท้าของเขา ควันลอยคุกรุ่นขึ้นมา อุณหภูมิที่สูงจนน่าหวาดกลัวแทบเผาเสื้อผ้าบนร่างเขาจนไหม้อยู่แล้ว ป่าที่เดิมทีดูไปแล้วเหมือนจะอยู่เพียงบริเวณตีนเขา แต่แท้จริงแล้วกลับอยู่ห่างออกไปหลายสิบลี้
“บัดซบ!” ลั่วถูแทบจะเป็ลมแล้ว วิ่งมาเจอทางตันเข้าเสียได้ ต้องโชคร้ายขนาดไหนถึงได้โผล่เข้ามาตรงูเาไฟที่กำลังจะปะทุได้...
“ต้องเสี่ยงดูแล้ว... ” ลั่วถูยื่นมือไปลูบแหวนที่ห้อยไว้บนอกตัวเอง ว่าวขนสัตว์ขนาดจั้งกว่าถูกกางออกมาทันที เ้านี้คือของทดลองที่เขาใช้บินจากูเาซีหลิวไปจวนตระกูลลั่วในวันนั้น แต่ว่าว่าวขนสัตว์ตัวนี้ต้องมีผู้โดยสารสองคนถึงจะบินได้อย่างปลอดภัย เขาทำของทดลองมาแล้วหลายชิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะรับน้ำหนักได้ไม่พอ ก็โครงสร้างไม่แข็งแรงพอหรือไม่ก็สาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้ว่าวขนสัตว์ใช้การไม่ได้ แต่ตอนนี้มีเขาเพียงคนเดียว ไม่มีเจียงิ่อยู่ด้วย ถึงแม้ว่าวขนสัตว์ใหญ่ขนาดจั้งกว่าตัวนี้อาจไม่ปลอดภัยสักเท่าไรนัก ทว่าอย่างน้อยมันก็คงพอช่วยให้เขาบินลงจากปากูเาไฟได้เร็วขึ้น
“ครืน ครืน... ” ควันสีดำพวยพุ่งเข้าใส่พร้อมกลิ่นกำมะถันรุนแรง ก้อนหินบนูเาไม่เพียงกลิ้งลงมาอย่างรวดเร็วแล้ว แต่ตอนนี้ถูกกระแสลมหอบขึ้นฟ้าไปด้วย
“ไม่มีเวลาแล้ว เอาก็เอา!” ลั่วถูรู้สึกว่าข้างหลังของตัวเองแทบถูกไฟไหม้อยู่แล้ว บนว่าวขนสัตว์ส่งกลิ่นไหม้ออกมาเล็กน้อย จึงรู้ว่าไม่อาจรีรอได้อีกต่อไป กางว่าวขนสัตว์และออกวิ่งไปหลายก้าวแล้วะโ เขากระโจนขึ้นไปกลางอากาศทันที
“ตูม ตูม... ” เศษหินนับไม่ถ้วนพุ่งขึ้นฟ้า ทะลวงก้อนเมฆ ท่ามกลางฝุ่นควันดำมีลูกไฟสีแดงะเิออกกลางอากาศ และกระจายตัวตกไปทุกทิศทางดูราวกับเทพธิดาโปรยบุปผาอย่างไรอย่างนั้น
คลื่นความร้อนอันน่าหวาดกลัวทำให้กระแสลมบนฟ้าปั่นป่วน ลั่วถูที่อยู่บนว่าวขนสัตว์ ก็ไม่ต่างอะไรกับเรือแสนโดดเดี่ยวท่ามกลางมหาสมุทร เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงไม่หยุด เกือบจะพลิกคว่ำอยู่หลายหน ทำเอาลั่วถูใจนิญญาแทบออกจากร่าง บวกกับมีหินขนาดใหญ่ร่วงเฉียดข้างกายของเขาไปก็หลายครา ตกลงไปกระแทกพื้นใต้ว่าวของเขาจนเป็เศษหินชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วน เขารู้สึกว่าเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางฝนดาวตกก็ไม่ปาน เศษหินที่ร่วงมาพร้อมกับแสงจากเปลวไฟ ลมร้อนที่พัดผ่านร่างกายของเขา หลังจากนั้นะเิอยู่บนพื้นในที่ไกลๆ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือบังคับทิศทางการบินของตัวเองต่อไป รักษาความสมดุลของว่าวขนสัตว์เอาไว้ ตัวเขาในตอนนี้ แค่แรงจะด่าใครสักคนก็ไม่มีด้วยซ้ำ
เดิมทีว่าวขนสัตว์นี้หากรับน้ำหนักของลั่วถูคนเดียวคงไม่อาจไปได้ไกลนัก แต่ก็เพียงพอให้ลั่วถูบินลงเขาได้ แค่ร่อนไปตามทางลงเขาก็พอ แต่ตอนนี้ ว่าวขนสัตว์กลับพาลั่วถูออกนอกเส้นทางไปไกลหลายสิบลี้แล้ว ยังคงบินอยู่ในท้องฟ้าด้วยความทุลักทุเล ทุกครั้งที่กำลังจะตกลงไป ก็มีกระแสลมร้อนพุ่งขึ้นมา จากนั้นว่าวขนสัตว์ก็ถูกพัดขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้ง และร่อนไปไกลขึ้นกว่าเดิม ทำให้ลั่วถูออกจากพื้นที่อันนับว่าอันตรายที่สุดได้ แต่ว่าตอนนี้ป่าสีแดงด้านใต้เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว เพราะฝีมือของูเาไฟแสนบ้าคลั่งจากที่ห่างไกลและดาวตกไฟที่สาดกระเซ็นไม่หยุด ป่าที่ใกลู้เาไฟส่วนมาถูกเผาวอดไปแล้ว ส่วนต้นไม้สีแดงก็กลายเป็เถ้าถ่าน เมื่ออยู่บนท้องฟ้าแบบนี้เขามองเห็นสัตว์อสูรวิ่งหนีกันสุดชีวิตอยู่ในป่า มีบางตัวมีขนาดใหญ่เสียจนต่อให้เขาอยู่บนฟ้าก็ยังเห็นได้
ในใจของลั่วถูได้แต่อธิษฐานไม่หยุดว่าขออย่าให้โดนดาวตกไฟพุ่งเข้าใส่เลย และดูเหมือนว่า์จะบันดาลโชคช่วยให้เขาอยู่ในอากาศได้นานพอสมควร แต่สุดท้ายโชคร้ายที่ต้องเกิดก็หนีไม่พ้นอยู่ดี ขณะที่ดาวตกไฟลูกหนึ่งร่วงผ่านเขาไป ยังไม่ทันตกถึงพื้นก็ะเิออกมาเสียอย่างนั้น มีเศษหนึ่งขนาดใหญ่เท่าถ้วยกระเด็นใส่ว่าวขนสัตว์จนเริ่มไหม้เล็กน้อยแล้ว
ไม่เพียงเกิดรูขนาดใหญ่บนตัวว่าวขนสัตว์ แต่ยังทำให้ว่าวขนสัตว์ที่มาถึงขีดจำกัดแล้วถูกหินที่มีอุณหภูมิสูงจุดไฟขึ้นมาด้วย ร่างกายของลั่วถูหมุนเคว้งอยู่อากาศไม่หยุด จากนั้นตะแคงร่วงลงไปที่ป่าด้านล่าง
ลั่วถูอดถอนหายใจไม่ได้ ถ้าบินไปต่อได้อีกเพียงไม่กี่สิบลี้ บางทีคงไปที่ที่ค่อนข้างปลอดภัยได้แล้ว แต่ตอนนี้ยังอยู่ในระยะของูเาไฟอยู่เลย อีกทั้งใช้เวลาเพียงไม่นาน ว่าวขนสัตว์ของเขาก็กลายเป็ขี้เถ้ากองหนึ่งไปเสียแล้ว เดิมที่เขาเพียงค่อยๆ ร่วงลงมา แต่รูนั้นกลับใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เปลวไฟเริ่มเผาไหม้จากรูที่เป็จุดศูนย์กลางและลามออกไปอย่างรวดเร็ว เปลวไฟไม่อาจควบคุมได้อีกแล้ว ทำให้ยิ่งร่วงเร็วขึ้นทุกที เขาไม่อาจรักษาสมดุลได้อีกต่อไป และแล้วว่าวขนสัตว์บนท้องฟ้าก็พลิกคว่ำ ร่วงลงบนพื้นดิน
“ย้าก... ” ลั่วถูส่งเสียงะโออกมา ราวกับหวังเรียกความฮึกเหิมให้ตัวเองเล็กน้อย เขาเห็นพื้นดินตรงหน้าใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ท้ายที่สุดกิ่งไม้ใหญ่สีแดงก็ปรากฏเข้าสู่สายตา ในตอนนั้นเองเขาก็พยายามย่อตัวเพื่อลงพื้น
“ตุบ... ”ลั่วถูรู้สึกเพียงร่างกายของตัวเองสั่นสะท้าน โครงของว่าวขนสัตว์กลายเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อยนับไม่ถ้วนกระเด็นไปรอบทิศ ครึ่งหนึ่งลุกเป็ไฟ อีกครึ่งหนึ่งห้อยอยู่บนต้นไม้
ลั่วถูรู้สึกได้ว่าร่างกายถูกลมหอบขึ้นไปกลางอากาศสักพัก จากนั้นร่วงลงมาที่พื้นอีกครั้ง
“ว้าก... ” ตลอดทางที่ร่วงลงมาก็ชนเข้ากับกิ่งไม้หลายท่อน มือกับขาคว้าสะเปะสะปะ โดนกระแทกเสียจนอวัยวะภายในแทบเคลื่อนไปหมดแล้ว ในที่สุดแขนทั้งสองข้างก็จับกิ่งไม้ได้กิ่งหนึ่ง ทำให้ร่างกายที่หนักไม่ถึงร้อยจิน[1]ของเขาหยุดนิ่ง จนตอนนี้เขาอยู่สูงจากพื้นดินเพียงสองจั้งกว่า และเหนือศีรษะของเขาขึ้นไปหลายจั้ง ว่าวขนสัตว์ที่ถูกฉีกขาดกลายเป็ไฟกองหนึ่งไปแล้ว
ความสูงเพียงสองจั้ง ลั่วถูไม่กลัวอยู่แล้ว ต่อให้ะโลงไปก็ลงพื้นได้สบาย ทว่าตอนนี้ลั่วถูกลับไม่กล้าะโลงไป เพราะใต้เท้าของเขา มีสัตว์อสูรนับไม่ถ้วนวิ่งพล่านราวน้ำป่าไหลหลากอย่างไรอย่างนั้น ขืนเขาตกลงไป เกรงว่าคงถูกเท้าของบรรดาสัตว์อสูรเหยียบจนกลายเป็เนื้อบดในเสี้ยววินาที เขาก่นด่าออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ที่นี่เป็มิติลับอะไรกันแน่ เพิ่งเข้ามาก็เจอภัยพิบัติเช่นนี้เข้าเสียแล้ว
เมื่อครู่ขณะตกลงมาจากที่สูง ลั่วถูก็พบว่า ภัยพิบัติครั้งนี้ใหญ่กว่าที่เขาคิดไว้มากนัก ในตอนที่เข้าเริ่มบินขึ้นฟ้ามันเป็เพียงการะเิของูเาไฟลูกเล็กเท่านั้น อีกทั้งยังเป็แค่ระยะเริ่มต้น ทว่าตอนที่เขาตกลงมา ูเาอีกสองลูกข้างๆ ูเาไฟที่ปะทุในตอนแรกก็เริ่มปะทุตามกันมาติดๆ ... ตอนนี้ดาวตกไฟที่ตกลงมาเต็มท้องฟ้าได้กลายเป็ฝนดาวตกไปแล้วจริงๆ ท้องฟ้าที่เดิมทีเคยหมนแสงไปเล็กน้อย ตอนนี้กลับมืดมิดไปทั้งหมดแล้ว อีกทั้งยังเป็สีดำที่แฝงไว้ด้วยสีแดง อย่างกับฝาที่เคยปิดพื้นดินเอาไว้ถูกเปิดออกก็ไม่ปาน สายฟ้าคลั่งกะพริบวูบวาบอยู่ในก้อนเมฆสีดำอมแดงไม่หยุด ดูราวกับัไม่ก็อสรพิษอย่างไรอย่างนั้น ส่งเสียงดังจนน่าใ แม้เขาจะอาศัยว่าวขนสัตว์ร่อนออกมาหลายสิบลี้ แต่ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจกลับยิ่งชัดเจนขึ้นทุกที เห็นได้ชัดว่าตอนนี้เขายังคงอยู่ในบริเวณที่อันตรายที่สุดอยู่ดี มีเพียงฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าลาวาที่พวยพุ่งอยู่จะตกมาถึงที่นี่ราวกับห่าฝนหรือไม่...
“เอาน่า ตายเป็ตาย... ” ลั่วถูเห็นสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ดูคล้ายกับทั้งวัวทั้งม้า เขาจึงะโออกไป ตกลงบนหลังของสัตว์อสูรอย่างแม่นยำ จากนั้นเกาะแผงคอขนาดใหญ่ของสัตว์อสูรเอาไว้แน่น
สัตว์อสูรตัวนั้นราวจะรู้สึกถึงน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาบนหลังของมันได้ จึงสะบัดเขาทั้งสองข้าง แค่ไม่อาจสะบัดคนที่อยู่บนหลังลงมาได้อยู่ดี แต่ท่าทางมันคงกลัวภัยพิบัติที่กำลังจะมาถึงมากกว่า ในเมื่อสะบัดไปกี่ครั้งก็ไม่หลุดสักที ก็มีแต่ต้องยอมรับชะตากรรมหนีเอาชีวิตรอดเบียดในฝูงสัตว์อสูรต่อไป
สัตว์อสูรตัวนี้สูงจั้งกว่า ขาทั้งสี่ข้างดูแข็งแรงราวกับเสา เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว วิ่งแซงตัวที่วิ่งไม่เร็วพอในหมู่สัตว์อสูรไปเรื่อยๆ ลั่วถูรู้สึกเพียงทิวทัศน์ของต้นไม้ทั้งสองข้างผ่านสายตาไปทางด้านหลังอย่างว่องไวราวสายลม
“ตูม ตูม ตูม... ” ดาวตกไฟหลายก้อนะเิใส่ฝูงสัตว์อสูร กระแสลมอันรุนแรงทำเอาเหล่าสัตว์อสูรล้มระเนระนาด แม้แต่สัตว์อสูรเขาม้าที่เขาโดยสารอยู่ตัวนี้ก็พลอยยื่นไม่มั่นไปด้วย แต่นั่นยิ่งทำให้มันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตยิ่งกว่าเดิม ด้านหลังของสัตว์อสูรเขาม้ายังมีสัตว์อสูรเขาม้าทั้งเล็กใหญ่ตามมาอีกหลายตัว ดูราวกับเป็ฝูงสักฝูงหนึ่ง และข้างตัวสัตว์อสูรเขาม้าตัวนี้ยังมีพยัคฆ์หน้าม่วงตาแดงขนาดั์ราวกับค้อนเปิดูเา สัตว์อสูรหน้าไหนที่ขวางทางก็ถูกชนจนปลิว และห่างไปไม่ไกลยังมีหมีเสือสามตาสูงหลายจั้งอีกตัวไหนจะยังลิงั์ขนแดงสูงเกือบสี่จั้งอีกตัว สัตว์อสูรทั้งสามตัวคล้ายว่าเป็าาที่แข็งแกร่งและดุร้ายที่สุดในหมู่สัตว์อสูรพวกนี้ ความเร็วของพวกมันเรียกได้ว่าเร็วที่สุด ดังนั้นสิ่งกีดขวางตรงหน้าของพวกมันจึงถูกชนจนกระเด็นหายไป หรือบางครั้งถึงกับใช้อุ้งมือตบจนต้นไม้ใหญ่ที่ขวางหน้าล้มลงก็มี
ทางด้านความเร็วของม้ามีเขาก็รวดเร็วไม่หยอก ทว่าดูคล้ายจะไม่กล้าวิ่งแซงหน้าสัตว์อสูรคลั่งทั้งสามตัวนี้ โชคดีที่สัตว์อสูรดุร้ายทั้งสามสนใจแค่เอาชีวิตรอด ไม่ได้คิดล่าเหยื่อในตอนนี้ ตลอดทางเต็มไปด้วยสัตว์อสูรที่หลั่งไหลกันหลบหนีราวแม่น้ำเชี่ยว สถานที่บางแห่งแม้ถูกเปลวไฟขวางอยู่ ทว่าสัตว์อสูรเหล่านี้กลับพุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเล กระทั่งอ้อมไปสักนิดก็ไม่คิดทำ
เมื่อม้ามีเขาพุ่งเข้าสู่เปลวไฟ ลั่วถูก็พลอยส่งเสียงคร่ำครวญไปด้วย แต่เขาก็ไม่คิดจะยอมถูกเผาจนตายแต่อย่างใด จึงเคลื่อนเพลิงต้นกำเนิดในร่างของเขา ความร้อนที่น่าพรั่นพรึงถูกพลังธาตุเพลิงทั้งหมดสูบเข้าไปในร่างราวกับน้ำวนอย่างไรอย่านั้น
ขณะที่เขากำลังสูบพลังธาตุเพลิงจำนวนมหาศาลอยู่นั้นเอง ลั่วถูได้ค้นพบอย่างน่ายินดีว่า เปลวไฟเ่าั้ไม่อาจทำอันตรายม้ามีเขาที่ตัวเขาขี่อยู่ได้เลยมันไม่ได้าเ็สักนิด ราวกับว่าิัของสัตว์อสูรเขาม้าที่เขาอาศัยโดยสารเป็เกราะป้องกันชนิดพิเศษ ทำให้วิ่งอยู่ท่ามกลางกองเพลิงได้โดยไร้อุปสรรค์ แต่ม้ามีเขาที่ตามมาด้านหลังกลับไม่ได้โชคดีเช่นนี้ ต่างล้มลงในกองเพลิงเรื่อยๆ ถูกสัตว์อสูรที่ตามมาด้านหลังเหยียบจนกลายเป็เนื้อบดอย่างรวดเร็ว ด้วยเหตุนี้สัตว์อสูรมากมายจึงวิ่งเข้าสู่ทะเลเพลิงอย่างไม่คิดเหลียวหลัง ราวกับคิดจะใช้ซากของพวกมันเหล่าสัตว์อสูรมาดับเปลวไฟเสียอย่างนั้น
“ตูม...” สัตว์อสูรเขาม้าในที่สุดก็พาลั่วถูพุ่งหนีออกจากเปลวไฟได้ ตอนนี้รูปร่างหน้าตาของาาสัตว์อสูรทั้งสามเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ ขนบนร่างหายไปเกลี้ยง ิัถูกเผา แต่พวกมันยังคงมีพลังชีวิตที่แข็งแกร่ง เพียงพอให้สัญชาตญาณสั่งพวกมันให้หนีไปให้ไกล ตอนนี้ลั่วถูนั่งอยู่บนหลังม้ามีเขาแล้วก็ไม่กังวลเื่าาอสูรทั้งสามอีกต่อไป แต่กลับเริ่มวิ่งหนีออกไปอย่างบ้าคลั่งจนวิ่งแซงาาอสูรทั้งสามไปหน้าสุดได้ แต่คล้ายว่าจะมีสัตว์อสูรไม่กี่ตัวเท่านั้นที่ไล่ตามมาทัน... เพราะส่วนมากตายอยู่ในเขตเพลิงไหม้ไปหมดแล้ว!
[1] จิน (斤) หมายถึงหน่วยวัดน้ำหนักที่นิยมใช้กันในประเทศจีน มีค่าเท่ากับ 0.5 กิโลกรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้