เด็กหญิงตัวน้อยยืนอยู่คนเดียวบนขั้นบันได ร้องะโขอความช่วยเหลือ มองไม่ออกว่าหน้าตาเป็เช่นไร เห็นเพียงแผ่นหลังที่ผอมบางเป็อย่างยิ่ง นางถักผมเปียเล็กๆ สองข้าง อายุไม่น่าต่างจากหยวนเป่านัก ในน้ำเสียงของนางยากจะปกปิดเสียงสะอื้นไห้ นางรีบร้อนพุ่งเข้าไปดึงแขนเสื้อของหลงจู้ร้านขายโอสถ ทว่ากลับโดนเขาสะบัดทิ้งโยนออกมา
“ชิ่วๆๆ ไม่มีเงินแล้วจะซื้อยาอันใดได้? ยังคิดจะทำงานหรือ? เด็กอย่างเ้าจะทำงานใดได้? รีบไสหัวไปเสีย!”
ชายคนนั้นโบกมือเสร็จก็หันเข้าไปในร้าน แต่ด้วยการผลักนี้ทำให้เด็กน้อยมิอาจยืนได้มั่นคง นางจึงกลิ้งตกลงมาจากขั้นบันได ดูแล้วน่าสงสารยิ่ง
ฮวาเหยียนขมวดคิ้วเล็กน้อย นางเงยหน้าขึ้นมองป้ายร้านขายโอสถขนาดใหญ่ ‘เป่าซานถัง’
อันที่จริงนางไม่ชอบเข้าไปยุ่งเื่ชาวบ้านเท่าไรนัก นางอยู่คนเดียวจนเคยชิน เื่ของผู้อื่นล้วนหมายถึงปัญหาวุ่นวาย เมื่อรวมกับอิทธิพลของสภาพแวดล้อมที่นางเติบโตมา นิสัยของนางจึงมักจะเ็าอยู่เสมอ ภายหลังได้พบหยวนเป่าน้อย นางจึงดีขึ้นบ้าง
แต่หลังจากกลายเป็มู่อันเหยียนแห่งตะกูลมู่ นางจึงรับรู้ถึงความอบอุ่นและการให้อภัยอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทั้งทำให้นางได้รู้จักความรักและความเมตตาอันยิ่งใหญ่จากตระกูลมู่
นางคิดว่าหากมู่อันเหยียนตัวจริงเป็ผู้พบเห็นฉากนี้เข้า อีกฝ่ายต้องไม่เพิกเฉยอย่างแน่นอน
สตรีผู้นั้นดั่งกล้วยไม้งามกลางหุบเขา [1] เป็หญิงสาวที่ทั้งจิตใจดีและงดงาม
เวลานี้เด็กหญิงตัวน้อยหันกลับมาแล้ว ดวงตาของนางแดงก่ำแต่ไร้น้ำตา คล้ายว่านางกำลังกลั้นมันเอาไว้ ท่าทางเข้มแข็งเป็อย่างยิ่ง
ทว่าเมื่อฮวาเหยียนกวาดสายตามอง กลับรู้สึกว่าแม่นางน้อยผู้นี้ดูคุ้นตาอยู่บ้าง
“เอ๊ะ? เด็กคนนั้น ท่านแม่ เด็กคนนั้นคือเด็กที่โขกศีรษะให้ท่านที่ประตูเมืองนี่ขอรับ”
ทันใดนั้นหยวนเป่าก็เปิดปากพูด เขาจำเด็กหญิงผู้นี้ได้
ฮวาเหยียนเองก็มองอย่างละเอียด จริงด้วย เป็แม่นางน้อยคนนั้นจริงๆ นางมีนามว่ากระไรนะ?
อืม ญาญ่า...
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะให้บุปผาสีชาดแก่นางด้วย
“เป็นางจริงๆ”
ฮวาเหยียนพยักหน้า
เด็กหญิงตัวน้อยยืนอย่างขวัญหนีดีฟ่ออยู่ที่หน้าประตูร้านเป่าซานถัง นางมิกล้าเดินหน้าหรือจากไปที่ใด
ฮวาเหยียนเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายคือเด็กหญิงตัวน้อยที่นางรู้จัก ไม่มีเหตุผลอันใดที่จะไม่ยื่นมือเข้าช่วย นางจึงจับมือหยวนเป่าเดินเข้าไปตรงหน้าเด็กหญิงตัวน้อยทันที “แม่นางน้อย ท่านย่าของเ้าเป็อันใดไปหรือ?”
ฮวาเหยียนเอ่ยถาม
ญาญ่าที่ซื้อยาไม่สำเร็จกำลังกังวลจนไม่รู้ว่าจะต้องทำเยี่ยงไรต่อ จู่ๆ ก็มีเงาพาดลงมาบนศีรษะของนาง จากนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งเอ่ยถาม นางเงยหน้าอย่างไม่รู้ตัว และเพราะพี่หญิงที่อยู่ตรงหน้าสวมผ้าโปร่ง จึงมิอาจเห็นหน้าตาของอีกฝ่ายได้ ทว่าเมื่อกวาดสายตามองอีกครั้ง นางก็เห็นหยวนเป่าน้อยเข้าพอดี
หยวนเป่าเป็เด็กประเภทที่หากได้พบสักคราก็มิอาจลืมเลือนได้ เพราะเด็กชายตัวน้อยมีหน้าตาที่งดงามยิ่ง
พริบตาถัดมาเด็กหญิงก็ตาเบิกกว้าง นางจำหยวนเป่าได้ ดังนั้นจึงคาดเดาตัวตนของฮวาเหยียนได้ทันที ดวงตาของนางเปล่งประกาย “พี่หญิงคนงาม พี่ชายน้อย!”
หยวนเป่า “...!” ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็สีดำทมิฬ
แม่นางซื่อบื้อก็ยังเป็แม่นางซื่อบื้ออยู่วันยังค่ำ!
เรียกมั่วซั่วอีกแล้ว
ฮวาเหยียนมีท่าทีมิได้ใส่ใจ นางยิ้มตาหยีลูบหัวของเด็กน้อย “ญาญ่า พวกเราพบกับอีกคราแล้ว”
ญาญ่าพยักหน้าอย่างหนัก มิอาจปิดซ่อนความยินดีบนใบหน้าของนางได้
“เมื่อครู่เ้าบอกว่าท่านย่าของเ้าเป็อันใดไปหรือ?”
ฮวาเหยียนถามเข้าเื่จริงจัง
เมื่อคำถามนี้ถูกเอ่ยออกมา ดวงหน้าเล็กของญาญ่าก็สลดลง ดวงตาแดงก่ำ น้ำตาที่อดกลั้นอยู่เป็นานไหลพรากลงมาทันที ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อพบว่าพี่หญิงคนงามเป็ห่วงนาง นางก็อยากปล่อยให้น้ำตารินไหล ทว่านางต้องเป็เด็กเข้มแข็ง จะร้องไห้มิได้ เด็กน้อยกัดริมฝีปาก เก็บกลืนน้ำตากลับไป ก่อนเอ่ยว่า “พี่หญิง ั้แ่วันที่เกิดเื่หน้าประตูเมือง เพราะท่านย่าถูกม้าทำให้ใ หลังจากนั้นเมื่อกลับไปก็ป่วยหนัก คาดว่าเพราะนางใเป็อย่างยิ่งเ้าค่ะ สองสามวันมานี้มีไข้สูงไม่ลดลงเลยสักนิด ข้ากลัวมากจึงออกมาหายาให้ท่านย่า แต่กินไปสองเทียบแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น วันนี้จึงมาหายาอีกครั้ง ทว่าข้าไม่มีเงินแล้ว หลงจู้ผู้นั้นจึงไม่ให้ยาแก่ข้า ตะ แต่ว่า ถ้าไม่มียา ท่านย่าจะทำอย่างไรเล่าเ้าคะ?”
เด็กหญิงตัวน้อยสะอื้นเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ น่าประหลาดใจนักที่นางอดกลั้นไม่ให้น้ำตาร่วงหล่นลงมาได้ ท่าทางยืนหยัดเข้มแข็งนั้นพาให้คนที่พบเห็นเ็ปใจยิ่ง
“แล้วคนในครอบครัวที่เหลือของเ้าเล่า?”
ฮวาเหยียนถาม
เด็กหญิงตัวน้อยส่ายหัว “ไม่มีคนอื่นแล้ว มีเพียงข้ากับท่านย่าเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนเหลือบมองสองมือของเด็กหญิงตัวน้อย มือขาวนุ่มนิ่ม แต่กลับมีแผลไหม้อยู่หลายจุด เดาไม่ยากว่าเด็กน้อยผู้นี้คงต้มยาและดูแลท่านย่ามาตลอดสองวันที่ผ่านมา
หัวใจฮวาเหยียนเจ็บจนทนไม่ไหว
เด็กยุคนี้ช่างรู้ความ ฉลาดเฉลียวและมีความสามารถถึงเพียงนี้เชียวหรือ เหมือนหยวนเป่าที่ดูแลนางแบบนี้เช่นกัน
“หยวนเป่า พวกเราไปหาท่านย่าของญาญ่ากันเถิด”
ฮวาเหยียนหันไปพูดกับบุตรชายของตน
ผู้ใดจะรู้ว่าเมื่อนางหันศีรษะไปมอง กลับเห็นบุตรชายหน้าตาบูดบึ้ง สีหน้าดำทะมึนราวกับมีใครติดหนี้เขาอยู่เช่นนั้น
ฮวาเหยียนประหลาดใจ ไอ้หยา? ลูกรัก เ้าเป็อันใดไปหรือ?
ฮวาเหยียนลูบศีรษะบุตรชาย “อย่าโกรธไปเลย อีกสักพักแม่จะมาขอความเป็ธรรมคืนให้ญาญ่าเอง”
ฮวาเหยียนนึกว่าหยวนเป่าไม่คุ้นเคยกับพฤติกรรมอันเลวร้ายของหลงจู้ร้านโอสถ บุตรชายของนางช่างจิตใจดีจริงๆ
หยวนเป่ามิได้อธิบาย เขาพยักหน้าด้วยสีหน้าดำทะมึน
ดวงตาของญาญ่าเป็ประกาย “พี่หญิงกับพี่ชายน้อยจะไปเรือนของข้าหรือเ้าคะ? เช่นนี้ก็เยี่ยมนัก ข้าจะนำทางพวกท่านเอง แต่เรือนของข้าทั้งเก่าและโทรมยิ่ง พี่หญิงกับพี่ชายน้อยอย่าได้รังเกียจเลยนะเ้าคะ”
“ไม่อย่างแน่นอน”
ฮวาเหยียนส่ายหัว นางไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองจะสามารถอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้
หยวนเป่าน้อยมีใบหน้าบูดบึ้ง เขาเกียจคร้านเกินกว่าจะพูดคำใด
เขาไม่เคยเห็นสตรีที่ซื่อบื้อขนาดนี้มาก่อน แม้แต่ลำดับความาุโยังแยกไม่ออกด้วยซ้ำ!
“ไปทางนี้เ้าค่ะ...”
ญาญ่าเปิดปากกล่าว ฮวาเหยียนและหยวนเป่าเดินตามหลังนาง ทว่าขาเพิ่งก้าวออกไป ฮวาเหยียนกลับหยุดลงชั่วครู่ “ประเดี๋ยวก่อน”
หลังเสียงนั้นเงียบลงก็พบว่าฮวาเหยียนพลันยกมือขึ้น พลังปราณพวยพุ่งผ่านฝ่ามือ จากนั้นจึงส่งแรงกระแทกใส่แผ่นป้ายโลหะร้านเป่าซานถัง ได้ยินเพียงเสียงดังปัง แผ่นป้ายร้านเป่าซานถังแตกเป็สี่แฉกห้าส่วน ละเอียดเป็ชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หลงจู้และพนักงานร้านต่างรีบร้อนวิ่งออกมา พวกเขาอยากด่าคนยิ่งนัก ทว่าเมื่อเห็นฮวาเหยียนค่อยๆ เก็บมือกลับไป ทั้งเห็นซากเศษเล็กเศษน้อยที่พื้น พวกเขาก็ทำได้เพียงกลืนน้ำลายลงคอ
“แม่นางผู้นี้ จะ เ้าหมายความว่าอย่างไร? เหตุใดต้องมาทำลายป้ายร้านเป่าซานถังด้วย?”
แม้หลงจู้จะถูกพลังจากฝ่ามือของฮวาเหยียนทำให้ขวัญหนีดีฟ่อ ทว่าก็ยังแสดงความกล้าส่งเสียงถามออกมา
ป้ายร้านถูกทำลายจนย่อยยับ มีผู้คนมากมายเห็นเหตุการณ์นี้ ถ้าเื่ถูกแพร่ออกไปจะเป็อย่างไร หากมีคนคิดว่าพวกเขารักษาคนจนตาย นั่นย่อมส่งผลอย่างมากต่อชื่อเสียงร้านเป่าซานถังของเขา หลงจู้จึงอดกลั้นความกลัวและถามออกมาเสียงดัง
เดิมทีฉากที่หลงจู้กับญาญ่ายื้อยุดกันก็เรียกความสนใจจากผู้คนได้มากอยู่แล้ว ยามนี้ฮวาเหยียนกับหยวนเป่าปรากฏตัวออกมา ทั้งสองมีบรรยากาศที่ไม่ธรรมดา ท่าทางสูงส่ง ฮวาเหยียนใช้น้ำเสียงอ่อนโยนคุยกับญาญ่า มีคนไม่น้อยที่เห็นฉากนี้ ในใจใครหลายคนเห็นแล้วก็ได้แต่ลอบถอนหายใจว่าสตรีผู้นี้ช่างมีจิตใจที่ดีและอ่อนโยนเสียจริง แม่นางน้อยผู้นี้ก็ช่างโชคดีเช่นกันที่ได้พบกับคนชั้นสูง
ผู้ใดจะรู้ว่าสตรีที่พวกเขายกย่องว่าดั่งนางเซียนผู้อ่อนโยน ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ส่งพลังปราณจากฝ่ามือไปทำลายป้ายร้านเป่าซานถังจนพังยับ ท่าทางเช่นนั้นสามารถใช้คำว่ากำเริบเสิบสานมาอธิบายได้หรือไม่?
อ่อนโยนหรือ? ช่างเป็ภาพลวงตาจริงๆ...
เดิมทีฮวาเหยียนี้เีเกินไปที่จะจัดการกับหลงจู้ร้านโอสถ เขาเปิดร้านขายโอสถก็เพื่อเลี้ยงดูคนในครอบครัว และไม่สามารถให้โอสถไปโดยเปล่าได้ จิตใจที่ดีมีเมตตาเป็สิ่งที่ต้องทำด้วยความสมัครใจ มิอาจบังคับใจใครได้
แต่ทัศนคติของหลงจู้แย่เกินไป เขาลงมือแบบนี้กับเด็กได้อย่างไร? เด็กน้อยผู้นี้เพิ่งจะอายุเท่าไรกัน?
ดูหยวนเป่าน้อยของครอบครัวนางเถิด สีหน้าของเขาดำคล้ำ นางจึงคิดทุบป้ายเพื่อสั่งสอนบทเรียนให้จบไป แต่ปากของหลงจู้ผู้นี้กลับถามนาง เช่นนั้นนางจะตอบให้อย่างใจกว้างมีเมตตา ได้ยินเพียงเสียงนางกระแอมไอก่อนเอ่ยว่า “เ้าเปิดร้านขายยา ช่วยรักษาผู้คน ในเมื่อเ้ามีว่า ‘ซาน [2] ’ เป็หนึ่งในชื่อร้าน เช่นนั้นก็ควรทำตัวให้คู่ควรกับคำนี้ แม่นางน้อยผู้นี้อายุยังน้อยนัก นางอ้อนวอนขอการรักษา ทว่าเพราะนางไม่มีเงิน เ้ากล่าวเบาๆ ให้นางจากไปเป็พอแล้วมิใช่หรือ ไยต้องถึงกับเปิดปากด่านาง ทั้งยังลงมือผลักนางด้วยเล่า?”
เชิงอรรถ
[1] กล้วยไม้งามกลางหุบเขา 空谷幽兰 (kōng gǔ yōu lán) หมายถึง ดอกกล้วยไม้งดงามที่หลบเร้นอยู่ท่ามกลางหุบเขาสงบเงียบ ใช้เปรียบเปรยถึงสตรีผู้ปลีกกายสันโดษไม่ยุ่งเกี่ยวกับเื่ทางโลกอันวุ่นวาย ทั้งงดงามและเยือกเย็น
[2] ซาน 善 (Shàn) หมายถึง คุณงามความดี คุณธรรม จิตใจที่ดีงาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้