มู่จื่อหลิงรีบร้อนโบกไม้โบกมือ “ไม่เป็ไร พวกข้ายังมีธุระ ต้องขอตัวก่อน”
กล่าวจบก็ไม่รอให้คนตอบ มือข้างหนึ่งดึงเสี่ยวหาน มืออีกข้างลากหลงเซี่ยวเจ๋อเร่งจากไป
หญิงสาวยังมิทันได้ถามชื่อเสียงเรียงนาม พวกมู่จื่อหลิงทั้งสามคนก็หายไปจากครรลองสายตาเสียแล้ว นางครุ่นคิดพลางเอ่ยกับสาวใช้ว่า “ตงเอ๋อร์ ส่งคนไปสืบหาพวกเขา”
นางแอบลงจากเขามาหาศิษย์พี่ เดิมทีเห็นคนที่คล้ายคลึงศิษย์พี่เป็อย่างยิ่ง จึงรีบติดตามไป ไม่นึกว่าจะก้าวพลาดพลัดตกลงไปในแม่น้ำเสียได้
ยังหาศิษย์พี่ไม่พบ ชีวิตน้อยๆ ก็เกือบจะสูญสิ้นเสียแล้ว ยังดีที่ถูกคนช่วยขึ้นมา มิเช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ก็อาจรักษาเอาไว้มิได้
-
ทางมู่จื่อหลิงลากหลงเซี่ยวเจ๋อและเสี่ยวหานกลับไปจวนอ๋อง
เสี่ยวหานนั้นมิได้คิดสิ่งใด ทว่าหลงเซี่ยวเจ๋อกลับจ้องมือที่ถูกดึงไว้เขม็ง
เหตุใดพี่สะใภ้สามจึงจูงมือเขาอีกแล้วเล่า ชายหนุ่มคิดจะสะบัดทิ้ง ทว่าอีกเสียงหนึ่งในใจกลับคอยบอกเขาว่ามิต้องปล่อย เขารู้สึกได้ว่ามีความรู้สึกเย็นสบายจากฝ่ามือหลั่งไหลเข้าสู่หัวใจของเขาอยู่ตลอดเวลา
“นายน้อย เหตุใดจึง้าจุมพิตสตรีเมื่อครู่นั่นเล่าเ้าคะ?” เสี่ยวหานที่อดกลั้นมาตลอดทาง ในที่สุดก็ถามข้อสงสัยในใจออกมา
“มิใช่การจุมพิต เมื่อครู่นั่นเรียกว่าการผายปอด ซึ่งต้องเป่าลมเข้าไปในปากของนาง ทำให้นางสำลักน้ำในท้องออกมา” มู่จื่อหลิงเห็นว่าพ้นจากสายตาของฝูงชนแล้วจึงปล่อยมือพวกเขา แล้วอธิบายแบบง่ายๆ
หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงปล่อยมือเขาก็เก็บความรู้สึกผิดหวังเอาไว้ในใจ
เมื่อได้ยินคำอธิบายของมู่จื่อหลิงเขาก็ตกตะลึง ยังมีวิธีช่วยคนเช่นนี้อีกด้วยหรือ เขาไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนเลย
“พี่สะใภ้สาม หากเมื่อครู่นั่นเป็บุรุษที่ตกน้ำ ท่านจะใช้วิธีการนั้นช่วยชีวิตเขาหรือ ใช้วิธีผายปอดกับเขา” หลงเซี่ยวเจ๋อไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ ตนจึงโพล่งวาจาเช่นนี้ออกมา
“ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ต่อหน้าหมอ ย่อมไม่ควรแบ่งแยกบุรุษสตรี ชีวิตคนสำคัญดุจฟ้า ผู้ใดจะไปสนอันใดมากมายเช่นนั้นกันเล่า” มู่จื่อหลิงตอบแบบไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรอง
ยุคโบราณนั้นคร่ำครึยิ่ง ต้องหลบเลี่ยงข้อครหาไปเสียทุกที่
เสี่ยวหานได้ยินแล้วก็ใจนทั่วทั้งตัวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็น เวลานี้นายน้อยเป็ฉีหวางเฟย แม้อีกฝ่ายจะเป็สตรีแต่ก็ไม่สามารถััใกล้ชิดเช่นนั้นได้
ถึงเวลานี้ฉีอ๋องจะยังมิรู้สึกอะไรกับนายน้อย แต่นางก็ต้องจับตาดูนายน้อยให้ดี ป้องกันมิให้ทำเื่น่าใเช่นนี้อีก นายน้อยมิใช่ผู้ที่ไร้ความสามารถและคุณธรรม นางเชื่อว่าจะต้องมีวันหนึ่งที่ฉีอ๋องมองนายน้อยด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปแน่
ด้านหลงเซี่ยวเจ๋อกลับลอบดีใจ ยังดีที่ผู้ที่พี่สะใภ้ช่วยชีวิตนั้นเป็สตรี
หากเป็บุรุษจริง ถ้าพี่สามรู้ว่าพี่สะใภ้มีพฤติกรรมเช่นนี้ ทั้งยังเกิดขึ้นภายใต้เปลือกตาน้องชายเช่นเขา หากเป็เช่นนั้นจริง เขาเองก็ไม่รู้ว่าตนจะต้องไปอยู่ที่อวี่กงอีกกี่วัน
แม้พี่สามจะมิได้รักพี่สะใภ้สาม ทว่าพี่สะใภ้สามก็ยังคงเป็ฉีหวางเฟย ถ้ามีคนรู้เข้า และเื่แพร่สะพัดไปถึงวังหลวง ไทเฮาต้องตำหนิยกใหญ่เป็แน่
ขณะที่กำลังจะถึงหน้าจวนฉีอ๋อง มู่จื่อหลิงก็เห็นหลงเซี่ยวอวี่ที่สวมอาภรณ์สีดำทั้งตัว เวลานี้แววตาเขามีเพียงความเย็นเยียบ เหนือเรียวคิ้วเผยให้เห็นความสูงศักดิ์และหยิ่งทระนง
นอกจากนี้ยังมีองครักษ์สองคนที่มีาแนับไม่ถ้วน พวกเขาเองก็กำลังจะเข้าจวนไปเช่นกัน
หลงเซี่ยวเจ๋อก็เห็นเช่นกัน เขาก้าวนำพวกหลงเซี่ยวอวี่ไปก่อน รอยยิ้มเกียจคร้านนั้นไม่ปรากฏให้เห็นอีกแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็เป็สีหน้าเคร่งขรึม “พี่สาม กุ่ยหยิ่งกุ่ยเม่ยเป็อะไร เหตุใดจึงได้รับาเ็สาหัสเยี่ยงนี้”
กุ่ยหยิ่งและกุ่ยเม่ยนั้นเป็องครักษ์ของพี่สามที่มีความสามารถเป็ที่สุด คนปกติทั่วไปไม่สามารถทำให้พวกเขาได้รับาเ็ได้ พวกพี่สามไปที่ใดมากัน ผู้ใดถึงทำร้ายพวกเขาจนกลายสภาพเป็เช่นนี้
“ไม่มีกระไร ไปเรียกเล่อเทียนมาที่นี่ที” หลงเซี่ยวอวี่กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น
“ได้ พี่สะใภ้สาม ข้าขอตัวก่อน” หลงเซี่ยวเจ๋อตระหนักว่าสถานการณ์ตอนนี้ร้ายแรงอย่างยิ่ง จึงไม่มัวโอ้เอ้ กล่าวกับมู่จื่อหลิงสั้นๆ แล้วเร่งจากไป
ขณะนี้เองหลงเซี่ยวอวี่จึงมองไปทางมู่จื่อหลิงด้วยสายตาเย็นเฉียบ นางแต่งกายเยี่ยงบุรุษ ั้แ่ศีรษะจรดเท้าล้วนเปียกโชก
มู่จื่อหลิงเพิ่งจะวิ่งมาทั้งทาง เรือนผมกระเซอะกระเซิง ยามนี้อาภรณ์นางล้วนหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย
หากสังเกตอย่างละเอียดก็พอจะมองเห็นอาภรณ์ด้านในที่แนบลู่ไปกับลำตัวได้อย่างเลือนราง เผยให้เห็นรูปร่างที่บอบบางอ้อนแอ้น
มองไม่กี่วินาที แววตาก็เปี่ยมไปด้วยแววรังเกียจ เพียงชั่วพริบตาก็ทอประกายโทสะอันเย็นเยียบ ไม่สนใจนางอีก หมุนกายก้าวขาจากไป มีกุ่ยเม่ยพยุงกุ่ยหยิ่งที่ไม่ได้สติตามไปด้านหลัง
มู่จื่อหลิงตัวสั่นขึ้นมา ก้มหน้ามองอาภรณ์ของตนก็พบว่าหลุดลุ่ยจนเกือบหมดแล้ว จึงรีบจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่เข้าทาง ในใจหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย
เมื่อครู่หลงเซี่ยวอวี่เห็นหมดแล้วใช่หรือไม่ ตนเองกลับมาจากด้านนอกด้วยอาภรณ์ที่หลุดลุ่ย ยากหลีกเลี่ยงไม่ให้คนคิดเป็อื่น
การแสดงออกของหลงเซี่ยวอวี่นี่มันคือสิ่งใดกัน เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของหลงเซี่ยวอวี่ มู่จื่อหลิงก็รู้สึกเหมือนกับตนเองไปทำผิดอันใดเข้า
ทว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมากลัว เมื่อครู่นางใช้ระบบซิงเฉินตรวจจับได้ว่า าแบนกายสองคนนั้น มีหนึ่งคนที่ร่างกายถูกพิษ หากยังไม่ช่วยอีกอาจจะไม่ทันการณ์แล้ว
แม้ไม่อยากเปิดเผยเื่นางมีทักษะทางการแพทย์รวดเร็วเช่นนี้ ทว่าชีวิตคนสำคัญดุจท้องนภา มิอาจมัวสนใจมากมายเช่นนั้น
ในฐานะแพทย์ จะให้นางเอาแต่นิ่งดูดายต่อคนที่าเ็สาหัสได้อย่างไร
ช่วยคนหนึ่งชีวิตยิ่งกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น
อีกอย่างก่อนหน้านี้หลงเซี่ยวอวี่เคยช่วยนางมาหนึ่งครั้งแล้ว ตอนนี้ก็ถือเสียว่าตอบแทนบุญคุณเขา
นางพอจะมองออก หลงเซี่ยวอวี่ให้ความสำคัญกับสองคนนี้ อาภรณ์เปียกชื้นที่แนบกายเข้ามาอีกจนทำให้นางรู้สึกอึดอัด ช่วยคนก่อนค่อยไปผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายแล้วกัน
“รอเดี๋ยว” มู่จื่อหลิงร้องเรียกคนที่อยู่ด้านหน้า
ทว่าคนที่อยู่ด้านหน้ากลับไม่หยุดฝีเท้าเลย มู่จื่อหลิงรีบร้อนตามไป รีบร้อนเสียจนลืมสรรพนามแทนตนเองไปจนสิ้น “ข้าสามารถช่วยพวกเขาได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้