หลินฟู่อินยิ้ม “ตอนนี้บ้านของเ้าน่าจะยังยุ่งอยู่ ข้าเลยทำส่วนของพวกเ้าไว้ให้แล้ว เข้าไปทานด้วยกันเถอะ”
และสำหรับคู่สามีภรรยาหลินต้าเหอนั้น นางคิดจะให้สองพี่น้องนำเส้นใหญ่สักสองสามกิโลไปให้พวกเขา โดยถือว่าเป็การชดใช้ให้เฝิงซื่อต่อความวุ่นวายตลอดหลายวันมานี้
อาเฝิงและอาฝางเข้าบ้านมาด้วยใบหน้าอันแดง เมื่อหลินฟู่อินเห็นว่าพวกนางล้างมือมาจนสะอาดเรียบร้อยแล้วจึงไม่ได้บอกให้พวกนางไปล้างมือใหม่อีก เพื่อไม่ให้เป็การทำร้ายจิตใจพวกนาง
อาเฝิงและอาฝางนั้นคิดไว้อยู่แล้วว่าอาหารที่บ้านฟู่อินคงไม่แย่เป็แน่ แต่เมื่อได้เห็นอาหารที่วางอยู่บนโต๊ะพร้อมกับข้าวขาวแล้ว พวกนางก็ตะลึงไป
เป็มื้ออาหารที่หรูหรานัก ในระดับที่แม้แต่ตอนปีใหม่ของบ้านเก่าพวกนางก็ยังไม่เคยได้ัั
แต่ไม่ใช่เพราะบ้านเก่ายาจกจนไม่มีกิน
อาหารที่บ้านเก่าก็นับว่าดี แต่ไม่มีส่วนให้ทั้งสอง เพราะส่วนดีๆนั้นถูกนำไปให้บ้านสะใภ้ใหญ่และลูกๆทั้งสี่หมด
กล่าวได้ว่านี่เป็ครั้งแรกที่อาเฝิงและอาฝางจะได้ทานข้าวขาวอย่างเต็มอิ่มเช่นนี้ ทั้งสองพุ้ยข้าวด้วยตะเกียบไม่หยุด น้ำตาหลั่งริน ทั้งสองรู้สึกราวกับว่านี่เป็มื้ออาหารที่ดีที่สุดในชีวิตพวกนางเลย
หลินฟู่อินมองทั้งสองทานอย่างตะกละตะกลาม นางจึงเดาความคิดของพวกนางได้ กล่าวว่า “หากเ้าชอบอาหารฝีมือข้า จากนี้ไปเ้ามาทานทุกวันเลยก็ได้”
มือของอาเฝิงและอาฝางสั่นเทา “น้องฟู่อิน ให้พวกข้ามาทานทุกวันไม่ได้หรอก พวกข้าเองก็มีมือมีเท้าอยู่นะ…”
หลินฟู่อินเป็คนกินน้อย นางจึงวางตะเกียบหลังทานข้าวไปแค่ถ้วยเดียว แล้วจึงกล่าวเรียบๆ “พวกเ้าควรจะได้มื้อเที่ยงเช่นนี้ โดยเฉพาะเมื่อพวกเ้าตั้งใจทำงานถึงเพียงนี้ด้วย”
หลินฟู่อินพอใจกับการที่ทั้งสองรู้จักคิดในการทำงาน
เมื่อทานอาหารเสร็จ พี่น้องทั้งสองจึงรีบไปล้างถ้วยชาม แล้วแบกถุงออกไปขุดสมุนไพรต่อ
แต่เมื่อชาวบ้านเห็นว่าพวกนางเก็บไปแต่สมุนไพรที่หมูยังไม่กิน พวกเขาก็ได้แต่เพียงถอนหายใจแล้วคิดว่าพวกนางเก็บไปเพื่อเลี้ยงท้องตัวเองเท่านั้น
ข่าวเื่บ้านสองได้แบ่งบ้านออกมานี้เป็เื่ที่รู้กันไปทั่วหมู่บ้านแล้ว ซึ่งเหล่าชาวบ้านต่างก็รู้สึกสงสารพวกเขา แต่เพราะนี่เป็เื่ในครอบครัว จึงไม่มีใครกล่าวอะไร
อีกทั้งหลินคนรองยังไม่ใช่บุตรคนโตอีก
แคว้นต้าเหว่ยให้ความสำคัญกับการสืบทอดตระกูล ความร่ำรวยของตระกูลนั้นมักจะถูกสั่งสมมาจากคนรุ่นก่อนๆ โดยส่งต่อให้บุตรคนโตและหลาน ดังนั้นแล้วต่อให้ท่านปู่หลินไม่แบ่งอะไรให้หลินคนรองเลย เขาก็ไม่มีสิทธิ์บ่น
อีกทั้งท่านปู่หลินยังให้ที่มาถึงสองแปลง ซึ่งนับว่าเยอะมากนักสำหรับบุตรคนรอง ยิ่งเมื่อหลินคนเล็กไม่ได้อะไรติดมือไปด้วยเลยเช่นนี้แล้ว
อาเฝิงและอาฝางเจอเหล่าชาวบ้านในระหว่างที่พวกนางออกไปเก็บผัก แต่มิได้กล่าวอะไรต่อกัน เพียงแค่ยิ้มเท่านั้น
พวกนั้นซาบซึ้งในบุญคุณของหลินฟู่อิน จึงอยากเพียงทำตามนางสั่งไปเงียบๆ ไม่ว่าหลินฟู่อินคิดจะทำอะไร อย่างน้อยๆสองพี่น้องก็ไม่อยากทำให้หลินฟู่อินต้องมีชื่อเสีย หรือไปพังแผนของนาง
หลักจากที่อาเฝิงและอาฝางจากไปแล้ว หลินฟู่อินจึงไปดูเสี่ยวเป่าและเสี่ยวเป้ยที่หลับไหลมาเกือบทั้งวัน เมื่อเห็นทั้งสองลืมตาขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว ใจของนางจึงโลดเต้นอย่างยินดี
จากนั้นนางจึงฝากเด็กทั้งสองให้ยายหลี่ดูแล แล้วจึงนำเส้นใหญ่สองสามกิโลไปยังบ้านของหลินต้าเหอด้วยตัวเอง
ถึงแม้จะเรียกว่าบ้าน แต่มันก็เป็เพียงบ้านชั่วคราวโทรมๆ ที่ทำจากไม้เท่านั้น
หลินฟู่อินยังได้พบคนรู้จักมากหน้าหลายตาในระหว่างทาง แต่เพราะจ้าวซื่อยังคงกระจายข่าวเื่ที่นางเป็ดาวหายนะอยู่ คนรู้จักเ่าั้จึงพากันเมินแล้วหนีหน้านางทันทีที่พบ
หลินฟู่อินแค่นจมูก พวกที่มองคนตามแิเก่าเก็บเช่นนี้ สักวันนางจะทำให้ต้องมาก้มหัวให้นางเอง
เมื่อหลินฟู่อินมาถึงบ้านของหลินต้าเหอแล้ว นางก็ตื่นตะลึงกับบ้านไม้โทรมๆที่ดูผุพังนี้
ในใจพร่ำบ่นไม่หยุด ท่านปู่หลินและเมียช่างโหดร้ายนัก มีลูกชายตั้งสามคน แต่มีแค่คนโตที่เป็ลูกแท้ๆ หรืออย่างไร?
หลินต้าเหอและเฝิงซื่อได้ขนเสื้อผ้าและเตียงออกมาจากบ้านเก่าหมดแล้ว โดยข้างเตียงมีหม้อเหล็กอันโตวางอยู่
เฝิงซื่อกำลังมัดฟืนขึ้นหลังเพื่อขนมันออกไปข้างนอก
ส่วนหลินต้าเหอกำลังเหลาไม้ด้วยเลื่อยเหล็กสนิมเขราะอยู่ คงเพื่อนำไปอุดกำแพงที่เป็รูนั่นแน่
หลินฟู่อินส่งเสียงเรียก “ท่านลุงสอง” และ “ท่านสะใภ้สอง”
ทั้งสองเงยหน้าชุ่มเหงื่อนั้นขึ้นมามองหลินฟู่อินทันที
หลินฟู่อินที่สวมเสื้อสีเขียว กางเกงขาบานสีดำ ทาปากแดง ฟันขาวสะอาด มีใบหน้างดงามกำลังยืนอยู่ตรงนั้นรวกับทุ่งดอกบัวอ่อนที่กำลังบานสะพรั่ง
สายตาของเฝิงซื่อฉายแววอิจฉาขึ้นมาทันที ลูกสาวทั้งสองคงจะดูดีมากแน่หากพวกนางได้แต่งตัวเช่นนี้บ้าง
“พวกท่านยังไม่ได้ทานมื้อเที่ยงใช่หรือไม่เ้าคะ? ” หลินฟู่อินถามพลางเดินเข้ามา
เฝิงซื่อยกแขนขึ้นมาปาดเหงื่อบนหน้าผาก นางยิ้มแห้งก่อนจะกล่าวอย่างกระชับ “ยังน่ะ แต่ป้ารองของเ้าค่อนข้างสกปรก และที่นี่ก็ไม่มีที่ที่เหมาะจะให้เ้านั่งเสียด้วย”
หลินฟู่อินส่ายหน้า แล้วจึงยกถุงใส่เส้นใหญ่ในมือขึ้นมา “ข้าไม่นั่งอยู่แล้ว ข้าคิดว่าพวกท่านทั้งสองคงยังไม่ได้ทานอะไร เลยนำเส้นใหญ่มาให้เ้าค่ะ”
เส้นใหญ่หรือ? หลินต้าเหอและเฝิงซื่อมองหน้ากันและกัน ทั้งสองต่างกลืนน้ำลาย เป็ตอนนี้เองที่พวกเขาหิวขึ้นมา
อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังไม่ได้ทานอาหารเช้า เพราะอู๋ซื่อะโไล่พวกเขาออกมาั้แ่เช้ามืด
ตอนแรกหลินต้าเหอก็โทษหลินฟู่อินในความจุ้นจ้านของนาง จนทำให้บ้านพวกเขาต้องแยกตัวออกมาพร้อมเป็หนี้ก้อนโตอย่างการต้องจ่ายสองตำลึงต่อเดือน แต่เมื่อเห็นนางนำเส้นก๋วยเตี๋ยวมาให้เช่นนี้แล้ว เขาก็อดที่จะมองนางอย่างซาบซึ้งไม่ได้
“ฟู่อิน ขอบคุณเ้ามาก หากชีวิตพวกข้าดีขึ้นเมื่อไร พวกข้าจะชดใช้ให้เ้าแน่” เฝิงซื่อกล่าวอย่างขอบคุณ
หลินฟู่อินคลี่ยิ้มบาง “ป้าสะใภ้รอง ท่านไม่ต้องสุภาพมากนักก็ได้ ข้าเองก็ช่วยได้เพียงเท่านี้เหมือนกันเ้าค่ะ”
นางจะช่วยในเวลาที่พวกเขากำลังลำบาก แต่ใช่ว่าจะช่วยตลอดโดยไม่เรียกค่าตอบแทน นางต้องพูดเื่นี้ให้ชัด
เฝิงซื่อกล่าว “เ้าช่างเป็เด็กดีนัก ความอ่อนโยนของเ้าทำให้ข้าซาบซึ้งมาก ข้าต้องรีบไปทำอาหารแล้ว น้องสาวของเ้า อาฝางและอาเฝิงเองก็คงกำลังหิวแล้วเช่นกัน”
สิ่งที่สำคัญที่สุดในใจของมารดาผู้นี้คือเหล่าลูกสาว หลินฟู่อินรู้สึกประทับใจขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านสะใภ้รอง พวกท่านรีบทานกับท่านลุงรองเถอะ อาเฝิงและอาฝางได้ทานมื้อเที่ยงที่บ้านข้าไปเรียบร้อยแล้ว และหากพวกนางช่วยงานข้าอีก ข้าก็จะจัดมื้อเที่ยงให้พูดนางอีกเช่นกัน”
เมื่อหลินฟู่อินกล่าวเช่นนี้ เฝิงซื่อจึงซาบซึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
หลินฟู่อินวางเส้นก๋วยเตี๋ยวลงแล้วกำลังจะจากไป เป็ตอนนั้นเองที่จ้าวซื่อเดินเข้ามาพลางแทะกินมันหวานตากแห้งในมือพลาง
เมื่อนางเห็นหลินฟู่อินอยู่ที่นี่ นางจึงถุยน้ำลายใส่ทันที “นังตัววิบัติ มาเพื่อเยาะเย้ยลุงและสะใภ้รองของเ้าหรือ? ช่างโหดร้ายเสียจริงนะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้