“เย่เฟิง คนนี้คือศิษย์พี่ข้าโจวมู่ไป๋ พร์ของศิษย์พี่ยอดเยี่ยมมาก ตอนนี้อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาแล้ว” ซ่งซินหลิงไม่สังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของโจวมู่ไป๋ ขณะที่นางแนะนำเย่เฟิง เห็นได้ชัดว่าซ่งซินหลิงเคารพนับถือศิษย์พี่ของนางมากเพียงใด
“เย่เฟิง!” เย่เฟิงโค้งประสานมือก้มคำนับพลางยิ้มให้โจวมู่ไป๋ แสดงความเป็มิตรสหายที่ดี
“อืม” โจวมู่ไป๋พยักหน้า แต่เขาไม่ได้คำนับเย่เฟิงกลับ เพียงยืนมือไพล่หลังเช่นนั้น
“ขอบคุณท่านมากที่หลายวันมานี้ดูแลศิษย์น้องข้า หากท่านมีปัญหาอะไรก็มาหาข้าที่จวนตระกูลโจวได้ทุกเมื่อ” โจวมู่ไป๋กล่าวด้วยท่าทีประหนึ่งผู้ดี
อย่างไรก็ตามโจวมู่ไป๋วางตัวเช่นนี้เป็ประจำ เขาคืออัจฉริยะ บางทีเย่เฟิงอาจเป็เพียงคนธรรมดาในสายตาเขา ย่อมไม่ได้รับความสนใจมากนัก
ซ่งซินหลิงััถึงบรรยากาศที่เปลี่ยนไปเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ จึงกล่าวกับหวังหลงที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “หวังหลง เย่เฟิงก็จะเข้าร่วมการสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนด้วย ถึงเวลานั้นศิษย์พี่ทั้งสองก็เป็เพื่อนร่วมทางของเย่เฟิงด้วย”
หวังหลงมองไปที่เย่เฟิง สำรวจชั่วครู่ด้วยแววตาวาบประกายแสงแห่งความดูแคลน กล่าวว่า “ศิษย์น้องซ่งล้อเล่นใช่ไหม อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 คงจะไม่ผ่านั้แ่รอบที่หนึ่งแล้วกระมัง ถึงไปก็เป็ได้แค่ตัวรับะุ แล้วจะมีประโยชน์อะไร?”
หวังหลงกล่าวดูแคลน เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นเย่เฟิงที่อยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 อยู่ในสายตา กล่าวต่อว่า “ในเทือกเขาปี้หลิงมีสัตว์อสูรอยู่มากมาย มีระดับพลังอย่างเขา ไม่รู้ว่าเป็เขาดูแลศิษย์น้องซ่ง หรือศิษย์น้องซ่งดูแลเขากันแน่?”
“พลังระดับนี้ จะรวมกลุ่มกับข้าสองคน นี่ไม่กลายเป็ภาระข้าสองคนหรอกหรือ?” หวังหลงดูถูกเย่เฟิงอย่างเปิดเผย อย่างไรเสียระดับขั้นบ่มพาะกายาที่ 5 ถือว่าต่ำต้อยมาก ไม่มีคุณสมบัติพอจะเทียบเคียงกับเขาหวังหลงได้
“หวังหลง ท่านพูดอะไรน่ะ พลังของเย่เฟิงไม่ได้ต่ำต้อยอย่างที่ท่านว่ามานะ” ซ่งซินหลิงเผยสีหน้าอึมครึม แต่หวังหลงแสยะยิ้มไม่พูดอะไร
“เ้าจะหลงตัวเองมากไปหน่อยแล้ว ข้าก็ไม่เคยบอกว่าจะรวมกลุ่มกับเ้าเพื่อเข้าร่วมการสอบสักหน่อย” เย่เฟิงขมวดคิ้ว หวังหลงคนนี้ไม่เห็นเขาเป็มิตร เขาก็ย่อมโต้กลับ เพราะเขาเย่เฟิงไม่ชอบให้ใครมากลั่นแกล้งง่าย ๆ
“อีกอย่าง ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ เ้าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 7 แต่ไปเอาความมั่นใจมาจากไหน? ก็แค่เริ่มบ่มเพาะพลังเร็วกว่าข้าเท่านั้น” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาหันไปมองซ่งซินหลิง ก่อนจะโค้งคำนับ กล่าวว่า “แม่นางซ่ง เ้าอยู่กับศิษย์พี่เ้าไปเถอะ ข้าขอตัวลา หวังว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง”
จากนั้นเย่เฟิงหมุนตัวเดินออกไป โดยไม่รอให้ซ่งซินหลิงเอ่ยปาก
หวังหลงยโสโอหัง ดูแคลนเย่เฟิง แต่โจวมู่ไป๋ไม่ได้เป็อย่างนั้น เพียงคิดว่าคนผู้นี้มีความคิดลึกซึ้ง ไม่ง่ายดายอย่างที่หวังหลงพูดเช่นนั้น
เย่เฟิงไม่ใช่คนโง่เขลา ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาเขา ดังนั้นเขาไม่จำเป็ต้องอยู่ที่นี่ต่อ มีเพียงซ่งซินหลิงที่เขาใส่ใจ ส่วนคนอื่น ๆ ไม่ใช่คนที่เย่เฟิงจะเก็บมาใส่ใจ
“คนนี้เป็ใครกัน? หวังหลงเขาถึงกับขุ่นเคือง ช่างใจกล้ายิ่งนัก” เหล่าผู้คนในภัตตาคารต่างกระซิบกระซาบ ก่อนหน้านี้พวกเขาได้ฟังบทสนทนาระหว่างเย่เฟิงกับหวังหลง ซึ่งเย่เฟิงไม่ไว้หน้าหวังหลงแม้แต่นิดเดียว
“หวังหลง ท่านจะมากเกินไปแล้ว ข้าแค่อยากแนะนำสหายให้ท่านรู้จัก แต่ท่านกลับพูดจาเช่นนี้เนี่ยนะ!”
เห็นเย่เฟิงออกไปแล้ว ซ่งซินหลิงเกิดความโมโห ก่อนหน้านี้นางยังบอกให้เย่เฟิงไปพักที่บ้านของโจวมู่ไป๋ แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะผิดคำมั่นสัญญาแล้ว
“ข้าก็แค่พูดความจริง การบ่มเพาะของเย่เฟิงนั่นก็ไม่เท่าไร ศิษย์น้องซ่งจะโกรธไปทำไมกัน?” หวังหลงกล่าวพลางยิ้มเ็า คล้ายไม่สนใจการกระทำก่อนหน้านี้ของเขา
“ศิษย์น้องซ่งดูเป็ห่วงเป็ใยเ้าหมอนั่นมาก คงไม่ใช่ว่าชอบหมอนั่นเข้าแล้วหรอกนะ! อย่าลืมสิ เ้ามีสัญญาแต่งงานกับศิษย์พี่โจวอยู่นะ!” หวังหลงกล่าวติดตลกขณะมองซ่งซินหลิง
เขา โจวมู่ไป๋ และซ่งซินหลิงเคยสูญเสียอาจารย์คนหนึ่งไป เพราะการมีอยู่ของซ่งซินหลิง จึงใช้ทรัพยากรของหวังหลงไปเป็จำนวนมาก เป็เหตุให้หวังหลงไม่ค่อยชอบหน้าซ่งซินหลิงเท่าไร
“หวังหลง ท่านมันไร้ยางอาย!” ซ่งซินหลิงเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด ตัวสั่นเทาเล็กน้อย นางกับเย่เฟิงเป็แค่สหาย จะไปมีสัมพันธ์ระหว่างชายกับหญิงเช่นนั้นได้อย่างไร?
“ฮ่า ๆ ๆ เทือกเขาปี้หลิงปราศจากผู้คน พวกเ้าต่างไม่มีใครทั้งคู่แต่อยู่ด้วยกันตั้งหลายวัน ใครเล่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น?” หวังหลงพูดกลั้วหัวเราะ
ซ่งซินหลิงตัวสั่นเทา มองหวังหลงด้วยความโมโห นางไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ และทำไมถึงพูดจาร้าย ๆ กับนาง
ผู้คนในภัตตาคารต่างเผยสีหน้าสนใจและพากันวิพากษ์วิจารณ์
ชายหญิงโสดร่วมเดินทางนานหลายวัน ซ่งซินหลิงยังสวยงดงามเช่นนี้ ไม่มีใครไม่คิดเื่เช่นนั้น หลังจากหวังหลงเติมแต่งเนื้อหาก็ยิ่งทำให้มันเป็ความจริงขึ้นมา
“พอได้แล้ว เรากลับกันเถอะ!” ได้ยินคำพูดของหวังหลง โจวมู่ไป๋ก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม
ถึงแม้เขาจะไว้ใจซ่งซินหลิง แต่คำพูดของหวังหลงก็ได้ทิ้งบางอย่างไว้ให้โจวมู่ไป๋ครุ่นคิด
ทั้งสามคนออกจากภัตตาคาร โจวมู่ไป๋มีความคิดต่อซ่งซินหลิงเปลี่ยนไป ไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจซ่งซินหลิง ทว่ายังไม่สงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน
นี่ทำให้ซ่งซินหลิงนิ่งเงียบ ศิษย์พี่ไม่เชื่อนางจริง ๆ อย่างนั้นหรือ?
เย่เฟิงไม่รู้เื่สิ่งที่เกิดขึ้นภายในภัตตาคารเมื่อครู่นี้ เขาเพียงตามหาโรงเตี๊ยม บำรุงร่างกายและสะสมพละกำลัง วันพรุ่งนี้คือวันเปิดรับศิษย์ใหม่ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ใน่เวลานี้เย่เฟิงต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม
ตระกูลโจวคือหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองหลวง รากฐานลึกซึ้ง ฐานะสูงส่ง
เรือนพักหรูหราบางแห่ง ณ ตระกูลโจว โจวมู่ไป๋กับหวังหลงก็อยู่ที่นี่ แต่ไม่เห็นตัวซ่งซินหลิง
“ตรวจสอบตัวตนของเย่เฟิงคนนั้นหรือยัง?” โจวมู่ไป๋ที่เอนตัวนอนลงบนเตียงนุ่มกล่าวถามคนรับใช้คนหนึ่ง ขณะมีหญิงสาวเปลือยครึ่งท่อนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
สายตาของโจวมู่ไป๋เผยประกายชั่วร้าย ต่างจากท่าทีเกรงขามในภัตตาคารเมื่อตอนกลางวัน ฝ่ามือข้างหนึ่งลูบไล้เรือนร่างของหญิงสาวคนนั้นไม่หยุด ทำให้หญิงสาวคนนั้นหน้าแดงพลางส่งเสียงครวญคราง ช่างเป็ฉากที่ชวนให้ขนลุกเกรียว
หลังจากเื่นั้นที่ภัตตาคารเมื่อตอนกลางวัน สีหน้าของโจวมู่ไป๋ก็ดูไม่ค่อยดี ศิษย์น้องของเขาอยู่กับชายคนหนึ่ง ร่วมเดินทางในเทือกเขาปี้หลิงนานสิบกว่าวัน จึงทำให้เขาทนไม่ได้
“เรียนนายน้อย คนผู้นี้เป็คนไร้นามที่มาจากโยวโจว ตอนนี้เขาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเฟิ่งไหล” คนรับใช้คนนั้นตอบกลับ
“โรงเตี๊ยมเฟิ่งไหล”
โจวมู่ไป๋หรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกับมีไอเย็นแผ่ออกจากร่าง กล่าวว่า “ข้าไม่้าให้คนคนนี้เห็นแสงตะวันในวันพรุ่งนี้”
สายตาของโจวมู่ไป๋เผยประกายเยือกเย็น ลมปราณที่ปลดปล่อยออกมาก็ชั่วร้ายกว่าเดิม คำพูดที่กล่าวออกมานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาตพยาบาท
“ปล่อยให้ข้าจัดการเื่นี้เอง” หวังหลงกล่าวด้วยสีหน้าดุร้าย
“ดี ไปเถอะ!” โจวมู่ไป๋พยักหน้า หวังหลงเป็คนจัดการ เย่เฟิงต้องตายแน่นอน!
จากนั้นหวังหลงกับคนรับใช้คนนั้นก็ออกจากเรือนพักไป
“คุณชายโจว ท่านร้ายมาก มีสาวงามอย่างคุณหนูซ่งเป็คู่หมั้น แต่ก็ยังทำเช่นนี้อีก” หญิงสาวคนนั้นถูกฝ่ามือของโจวมู่ไป๋กระตุ้น ทำให้อารมณ์พลุ่งพล่าน เสียงครวญครางหนักกว่าเดิม
“ฮ่า ๆ ๆ” โจวมู่ไป๋หัวเราะอย่างชั่วร้าย ฝ่ามือลูบคลำเคล้นคลึงจุดที่ละเอียดอ่อนของหญิงสาวคนนั้น กล่าวว่า “ผู้ชายมีเมียเยอะถือเป็เื่ปกติ ข้าโจวมู่ไป๋คือใคร ข้าอยากได้ผู้หญิงคนใดก็ต้องย่อมได้ แม้ศิษย์น้องรู้เื่เ้ากับข้าแล้วจะอย่างไรเล่า?”
“เย่เฟิง ก็แค่คนอ่อนหัดที่มาจากบ้านนอก มีสิทธิ์อะไรมาแย่งผู้หญิงของข้าโจวมู่ไป๋? ถึงเขาจะไม่ข้องเกี่ยวกับศิษย์น้องข้าจริง ๆ แต่ข้าจะทำให้เขาได้ตายไร้ที่ฝัง!” โจวมู่ไป๋กล่าวเสียงเย็น เขาคือนายน้อยตระกูลโจวแห่งเมืองหลวง ฐานะสูงส่ง ผู้หญิงที่เขา้าต้องย่อมได้ และเขาไม่เคยแพ้ให้กับผู้ใด
เย่เฟิงกับซ่งซินหลิงร่วมเดินทางในเทือกเขาปี้หลิงนานหลายวัน ซึ่งไปแตะต้องเส้นตายของเขาโจวมู่ไป๋ ดังนั้นเขาโจวมู่ไป๋้าให้เย่เฟิงตาย
ห้องพัก ณ โรงเตี๊ยมเฟิ่งไหล เย่เฟิงนั่งฌานพร้อมกับถูกแสงแห่งพลังหยวนปกคลุม ไข่มุกสีเขียวมรกตลอยตระหง่านกลางอากาศ และมีพลังหยวนหลั่งไหลเข้าไปอย่างต่อเนื่อง
“กึก ๆ กัก ๆ” ขณะนั้นมีเสียงดังมาจากบนหลังคาของห้องพัก เย่เฟิงจึงหยุดและเก็บไข่มุกทันที
“ปัง!” หลังคาโรงเตี๊ยมพังทลาย จากนั้นมีหลายเงาร่างลงมาในห้อง พวกเขาถือมีดยาว สวมชุดสีดำ และสวมผ้าสีดำปกปิดใบหน้า เห็นเพียงดวงตาอันเยือกเย็น พวกเขาล้อมกรอบเย่เฟิงเพื่อไม่ให้หนีไป
“ตาย!” คนชุดดำเ่าั้ไม่พูดพร่ำเพรื่อ พวกเขาปลดปล่อยพลังปราณ ตวัดมีดยาวใส่เย่เฟิง รังสีมีดส่องประกายแสงจ้าเข้าปกคลุมเย่เฟิงจนมิด แต่เย่เฟิงเผยสีหน้าเย็นเยียบ หอกัเงินประกายในมือปลดปล่อยแสงเยือกเย็น ก่อนจะเห็นเขาเหวี่ยงแขน จากนั้นการโจมตีถูกปล่อยออกไป
“ชิ้ง ครืน ตูม!”
เสียงอาวุธปะทะกันดังกึกก้อง มีผู้ฝึกยุทธ์หลายคนกระเด็นปลิวเพราะการโจมตีของเย่เฟิง และมีผู้ฝึกยุทธ์สองคนถูกรังสีหอกที่น่าสะพรึงกลัวนั่นคร่าชีวิตจนกลายเป็ศพ
เย่เฟิงฉวยโอกาสนี้ะโออกจากห้อง วิ่งตามหลังคาไปยังถนนด้านล่าง
“ตาม!” หัวหน้าออกคำสั่ง จากนั้นเหล่าคนชุดดำะโออกจากห้องและไล่ตามเย่เฟิงไป
“ใครกันที่้ากำจัดข้า?” เย่เฟิงเกิดคำถามขึ้นในใจ มีไอเย็นแผ่ออกจากร่าง เขาเพิ่งมาถึงเมืองหลวงได้ไม่นานและยังไม่ได้ติดต่อกับบุคคลภายนอกเลย แต่กลับถูกลอบสังหารเช่นนี้
อย่างไรก็ตามมีคนชุดดำกว่าสิบคนดักรอที่ข้างหน้าแล้ว พอเห็นเย่เฟิง คนชุดดำเหล่านี้ก็ชักมีดยาวของตัวเองออกมา แสงจันทร์สาดส่องลงบนตัวมีด ตัวมีดจึงเปล่งแสงสะท้อนจ้าเป็พิเศษ แต่แสงนั่นกลับเยือกเย็นสุดขีด
“บุกฆ่าพร้อมกัน!” มีชายชุดดำคนหนึ่งพูดขึ้น ในขณะเดียวกันคนชุดดำที่ไล่ตามหลังก็มาถึงแล้ว มีสามคนลงมือโจมตีเย่เฟิงก่อน รังสีมีดถูกปลดปล่อยเข้าปกคลุมอากาศ
“ัพ้นทะเล!” เสียงแผดคำรามดังขึ้น เย่เฟิงปาหอกัเงินประกายออกไป เสียงคำรามัดังกังวานราวกับคลื่นทะเลั์ ้าเขมือบทุกสิ่งทุกอย่าง ส่งผลให้การโจมตีของสามคนนั้นถูกกลืนกินในชั่วพริบตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้