“อันตราย!? คุ้มครองฝ่าาเร็วเข้า!”
ตอนนั้นเอง หูของเขาก็ได้ยินเสียงบางคนกรีดร้องเสียงแหลมเหมือนแม่ไก่ที่ทำไข่หาย
ซุนเฟยถูกเสียงเอะอะโวยวายปลุกให้ตื่นขึ้น ทำให้เขาลืมตาอย่างสะลึมสะลือ
ก่อนที่สายตาจะปะทะเข้ากับลูกธนูดอกหนึ่งที่แหลมคมแวววาวส่องประกายเยียบเย็น แผดเสียงแหลมจนแสบหู พุ่งฝ่าอากาศมาทางด้านหน้า
“เฮ้ย นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ไอ้บ้าคนไหนมันยิงฉันเนี่ย!?”
เมื่อซุนเฟยตั้งสติได้ ก็ต้องใจนถึงกับขนหัวลุก
น่าเสียดายที่ยังไม่ทันรู้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาก็ถูกยิงเข้าซะแล้ว
‘แกร๊ง...!’
เสียงสะท้อนของลูกธนูแหลมคมที่ปะทะเข้ากับหมวกดังขึ้น
เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซุนเฟยรู้สึกว่าโลกเริ่มหมุน หูสองข้างได้ยินเสียงดังกึกก้อง มีดาวน้อยๆ สีทองนับไม่ถ้วนหมุนวนอยู่บนหัว ดั่งตุ๊กตาของเล่นที่ถูกปืนใหญ่กราดยิงก็มิปาน ก่อนจะหงายหลังล้มลงอย่างรวดเร็ว
“อ่า...บ้าเอ๊ย!”
เขาร้องอย่างเ็ป เขาเชื่อว่าท่าล้มของตัวเองตอนนี้มันต้องน่าเกลียดมากแน่ๆ
“พระเ้าช่วย!? องค์าาถูกยิง! ช่วยฝ่าาเร็ว!”
“ทหาร รีบประคององค์าาไว้...”
“แอนดี้! แอนดี้! เ้ามัวแต่ยืนตะลึงอยู่ทำไม รีบไปเชิญจอมเวทมารักษาเร็ว...”
“ระวัง!? ไอ้พวกสารเลวชุดดำด้านล่างพวกนั้นจะเริ่มโจมตีแล้ว...”
“แย่แล้ว! แย่แล้ว!!! ใครก็ได้บอกข้าที ทำไมไอ้พวกชั่วนั่นถึงมีบันไดยึดเมือง!”
“ระวัง!!! พลธนูเตรียม...ยิง!”
เสียงฝีเท้าที่วุ่นวายและเสียงกรีดร้องที่อึกทึกดังขึ้น ซุนเฟยที่ยังลอยอยู่กลางอากาศก็ฉุกคิดขึ้นมาด้วยความสับสน าา? จอมเวท? พลธนู? ตีเมือง? ที่นี่คือที่ไหนกัน? หรืออยู่ในกองถ่ายละคร? นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หลังจากที่ผ่านไป 0.01 วินาที ในที่สุดเขาก็หล่นถึงพื้น…
ก้นกระแทกลงบนพื้นแข็งๆ อย่างจัง แล้วก็เคราะห์ร้ายที่หมวกบนศีรษะกระแทกเข้ากับวัตถุที่ยื่นออกมาอย่างรุนแรง
ในทันใดนั้น ตรงหน้าก็มีดาวน้อยๆ สีทองบินรอบๆ เป็วงกลมหมุนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยเสียงของความวุ่นวายบริเวณรอบๆ ที่ยิ่งดังขึ้น สติของซุนเฟยเริ่มจะพร่ามัวลงทุกที
“าา? ทำไม...ดูเหมือนกำลังพูดถึงฉันอยู่เลยนะ?”
“แต่ช่างเถอะ! ใครเกี่ยวข้องอะไรกับาาตูดหมึกกัน! อย่าให้รู้นะว่าเป็ไอ้ชั่วที่ไหนมันยิงใส่ ฉันจะฆ่ามันแน่คอยดู!”
เขาคิดอย่างมึนงง
เพิ่งจะลืมตาขึ้นก็ถูกคนยิงธนูใส่หัว ซุนเฟยทั้งใทั้งโมโห อดไม่ได้ที่จะด่ากราดในใจ
ทันใดนั้น ความเ็ปก็แล่นเข้ามายังทั่วร่างเขา เขานอนหงายหลังอยู่บนพื้น ดูเหมือนหนูแฮมเตอร์ที่กินยา ‘วาร์ฟาริน’ เกินขนาด ข้อเท้าเกร็งและชักอยู่สักพักก่อนจะหมดสติไป
...
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร
ซุนเฟยก็ตื่นขึ้นมา
จะพูดให้ถูกคือ สติค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาเล็กน้อย
ซุนเฟยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนนอนอยู่ในก้อนเมฆที่อ่อนนุ่ม แต่ร่างกายกลับรู้สึกเ็ปและชาหนึบไปทั้งร่างจนไม่สามารถขยับตัวได้ บริเวณหน้าผากและหลังศีรษะยังคงวิงเวียน เหมือนถูกคนตีนับสิบๆ ทีอย่างรุนแรง ดวงตาของเขายังลืมไม่ขึ้น แต่ก็ได้ยินเสียงเหมือนคนกระซิบกระซาบอยู่ข้างๆ
ฟังดูแล้วเป็เสียงผู้หญิงสองคน
“พี่แองเจล่า พี่นี่โง่จริงๆ...ข้าอยากถามเหลือเกินว่าทำไมพี่ต้องห่วงชีวิตเขาด้วย ถ้าเขาตาย พี่ก็จะได้ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองแซมบอร์ดอย่างง่ายดาย...ฮึๆ แบบนี้ก็ไม่ต้องแต่งงานกับเ้าโง่สมองทึบอย่างเ้าทึ่มนี่แล้ว...ฮึๆ”
เสียงที่ได้ยินนั้น ไพเราะน่าฟังเหมือนสาวน้อยที่อายุประมาณสิบสี่สิบห้าปี
“เงียบเถอะน่า!”
เสียงผู้หญิงที่นุ่มนวลอีกคนหนึ่งพูดแทรกขึ้นอย่างโกรธเคืองเล็กน้อย หลังจากนั้นก็เงียบไป ดูเหมือนว่าจะปรับอารมณ์ตัวเองได้แล้วจึงพูดเสียงแ่เบาว่า “เจ็มม่า น้องสาวผู้โง่เขลาของพี่ น้องรู้ไหมว่าตัวเองพูดจาไร้สาระอะไรลงไป? หลังจากนี้อย่าให้พี่ได้ยินคำพูดไร้สาระแบบนี้อีก...ไม่ว่าอย่างไร อเล็กซานเดอร์ก็เป็คู่หมั้นของพี่!”
“อเล็กซานเดอร์? เ้าคนเคราะห์ร้ายที่ถูกสาปแช่งคนนี้เป็ใครกัน?”
เมื่อฟังถึงตรงนี้ ซุนเฟยก็เกิดเครื่องหมายคำถามอยู่ในหัวและยังคงไม่เข้าใจสถานการณ์เลยสักนิด
ทันใดนั้นก็มีกลิ่นหอมจางๆ ลอยเข้ามาในจมูก เหมือนกล้วยไม้ยูเรเชียนที่งดงาม หอมเย้ายวนเกินที่จะพรรณนาออกมา
เป็กลิ่นของหญิงสาว ซุนเฟยรู้สึกหวั่นไหว
ในฐานะที่เป็ ‘ผู้ชำนาญสาวงามทั้งสี่ประการระดับผู้าุโ’ ซึ่งมีหลักการ อุดมการณ์ องค์ความรู้ และวัฒนธรรม ซุนเฟยแทบจะไม่ต้องคิด เพียงพริบตาเดียวก็ตัดสินออกมาได้เลย เขามั่นใจมากในความสามารถด้านนี้ของตัวเอง
ซุนเฟยพยายามอย่างหนักที่จะลืมตาขึ้นมา ทุกสิ่งทุกอย่างตรงหน้าทำให้ซุนเฟยต้องประหลาดใจ
เพราะเขาแปลกใจที่ได้พบว่า ตัวเองอยู่ในห้องโถงที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแบบยุคกลางของยุโรป กลิ่นไม้จันทร์หอมสดชื่นที่หอมอบอวลไปทั่วอากาศและเฟอร์นิเจอร์ที่สวยงามพร้อมกับการตกแต่งที่งดงามนั้น มันทำให้ห้องโถงนี้เต็มไปด้วยสีสันที่เหมือนกับความฝัน
เขาใ เงยหน้าขึ้นมาสังเกตรอบๆ อย่างเงียบๆ
มีผู้หญิงท่าทางสง่างามอยู่สองคน คนหนึ่งอยู่ใกล้คนหนึ่งอยู่ไกล ปรากฏในสายตาของซุนเฟย
คนที่ยืนอยู่ไกลออกไปเล็กน้อยเป็สาวน้อยผู้ที่สวมชุดเมด นางมีผมสีทองอ่อนๆ หวีเป็หางม้าแล้วมัดรวบไว้ด้านหลัง ริมฝีปากน้อยๆ เบะออก สีหน้าดูไม่มีความสุขเท่าไรนัก
สาวน้อยคนนี้น่าจะเป็คนที่เอ่ยอย่างคาดหวังให้ผู้เคราะห์ร้ายที่ชื่ออเล็กซานเดอร์คนนั้นตายไวๆ เมื่อครู่นี้ ซุนเฟยจึงอดไม่ได้ที่จะชำเลืองมอง เด็กสาวอายุน้อยแต่ปากร้าย อย่างที่เขาว่ากันว่าพิษร้ายที่สุดคือจิตใจของผู้หญิง
เขาเหลือบสายตาไปมองบริเวณใกล้ๆ
ซุนเฟยพบว่าตัวเองเหมือนหมูตายที่นอนอยู่บนเตียงคิงไซส์สีแดงขอบทองหลังหนึ่ง พนักพิงศีรษะเป็เบาะกำมะหยี่อ่อนนุ่มและมีสาวงามสวมชุดกระโปรงเอวสูงสีม่วงนั่งอย่างกระวนกระวายอยู่ข้างเตียง
หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ นั้น
ผมยาวสลวยคล้ายหมึก ใช้ผ้าไหมสีม่วงมัดรวบผมไว้ด้านหลัง ท่าทางเคร่งขรึมและจิตใจขาวสะอาดเหมือนหงส์ภายใต้เส้นผมสีดำที่ปรากฏออกมาได้ขับให้ชุดกระโปรงเอวสูงสีม่วงให้เด่นขึ้น ส่วนเว้าส่วนโค้งที่ผู้หญิงคนหนึ่งควรจะมีถูกขับให้โดดเด่นมีชีวิตชีวา เปล่งปลั่งจนน่าตกตะลึง
หญิงงามคนนี้โน้มตัวลงมาเล็กน้อย
ซุนเฟยกะพริบตา สายตาของเขาปรับให้คุ้นชินกับลูกไม้สีม่วงที่ตัดเย็บอย่างละเอียดรอบๆ คอเสื้อ หลังจากนั้นก็เหลือบมองอย่างง่ายๆ ไปที่ความขาวที่น่าตกตะลึงทั้งสองเนินที่ยากจะลบเลือนได้นั่น
มองถึงตรงนี้ ซุนเฟยก็ไม่กล้ามองต่ำลงไปอีก
เขาสูดลมหายใจเข้าไปอย่างเงียบๆ แล้วค่อยถอนหายใจออกมา
รู้สึกถึงความร้อนที่แผดเผาในโพรงจมูก หากก้มมองลงไปอีกครั้งคาดว่าคงกำเดาไหลออกจมูกแน่ๆ
“อมิตตาพุทธ ผิดไปแล้ว...ผิดไปแล้ว!”
ซุนเฟยต้องบังคับตัวเองให้สนใจสิ่งอื่นบ้าง อย่างเช่น ‘ผู้หญิงคนนี้เป็ใคร?’ ‘ทำไมฉันถึงมาอยู่ที่นี่?’ ‘ที่นี่คือที่ไหน?’ และคำถามอื่นๆ อีกมากมาย
“แค่กๆ!” ซุนเฟยแสร้งไอสองสามที
“ท่านฟื้นแล้วหรือ?”
แองเจล่า สาวน้อยผมสีดำผู้งดงามทันทีที่ได้ยินเสียงก็โน้มตัวลงมา ทันใดนั้นใบหน้าที่ขาวละเอียดก็เต็มไปด้วยแปลกใจ “อเล็กซานเดอร์ ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง? ยังเจ็บแผลอยู่ไหม? หมอหลวงอัลวินแนะนำว่าท่านต้องพักผ่อนให้มากๆ นะ...”
“ข้า...อึก...เกิดอะไรขึ้น?” ซุนเฟยพูดกับสาวน้อยอย่างกำกวม
แต่ประโยคที่พูดออกไปเมื่อกี้ ในใจก็อดไม่ได้ที่จะใ
เพราะซุนเฟยพบเื่ที่ตัวเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อ...
ภาษาสำเนียงแปลกๆ และโบราณที่หญิงงามตรงหน้าใช้ แม้แต่ซุนเฟยที่เรียนมหาวิทยาลัยในคณะภาษาศาสตร์ก็ยังไม่เคยได้ยินและที่แปลกไปยิ่งกว่านั้นคือ ภาษาแปลกๆ แบบนี้ไม่เพียงแต่ฟังรู้เื่ แต่เขายังสามารถใช้มันได้ด้วย
“อเล็กซานเดอร์ หรือว่าท่านทรงลืมไปแล้ว ตอนที่ท่านนำกองกำลังทหารไปปกป้องเมืองก็ถูกศัตรูที่ชั่วช้านั่นใช้ธนูยิง...โจมตีใส่ พระเ้าช่วย โชคดีที่ตอนนั้นท่านสวมหมวกเอาไว้ ดังนั้นจึงได้รับาเ็เพียงเล็กน้อย...”
ขณะที่แองเจล่าพูด มือเล็กๆ ที่อ่อนโยนนุ่มนิ่มก็แตะเบาๆ ที่หน้าผากของซุนเฟย มือของนางเย็นเล็กน้อย ดวงตาของนางปรากฏร่องรอยของความดีใจ “ดีแล้ว อุณหภูมิร่างกายปกติ...หมอหลวงอัลวินเคยพูดว่า ขอเพียงไม่เป็ไข้ก็ไม่มีปัญหาอะไร ท่านจะดีขึ้นในเร็วๆ นี้...อเล็กซานเดอร์ ท่านเป็าาที่กล้าหาญจริงๆ!”
“ข้า? อเล็กซานเดอร์? าา” ซุนเฟยตกตะลึง
“ใช่แล้วล่ะ ฮิๆ าาของพวกเาาวแซมบอร์ดอายุน้อยแต่ทรงกล้าหาญ เป็เพราะพระองค์ปรากฏตัวบนกำแพงทันเวลา เพื่อกระตุ้นขวัญกำลังใจที่ตกต่ำในตอนนั้น...ด้วยกำลังใจของพระองค์ ทหารที่กล้าหาญของพวกเราจึงสามารถโจมตีให้พวกศัตรูถอยร่นไปได้อีกครั้งหนึ่ง!” สาวงามแองเจล่าพูดพลางยิ้มน้อยๆ
ซุนเฟยรู้สึกแปลกๆ
ไม่รู้ทำไม ถึงรู้สึกว่าน้ำเสียงที่สาวงามตรงหน้าพูดเหมือนเป็ครูอนุบาลกำลังหลอกล่อเด็กที่งอแงไม่ยอมนอน
“เขาไม่ใช่าาที่กล้าหาญอะไรหรอก...”
สาวน้อยผมทองชื่อเจ็มม่าที่อยู่อีกด้านกลอกตา สุดท้ายก็หาโอกาสเบะปาก ใบหน้าน่ารักปรากฏความเยาะเย้ยและดูถูก พลางพูดว่า “ถ้าไม่ใช่เพราะท่านบาร์เซิลช่วยไว้อีกครั้ง อเล็กซานเดอร์เป็ฝ่ายสมัครใจขึ้นกำแพงงั้นเหรอ? ข้าจำได้ว่าตอนให้เขาสวมหมวกก็กลัวจะฉี่แตกใส่กางเกงเสียด้วยซ้ำ...แม้กระทั่งตอนที่เพิ่มขวัญกำลังใจทหาร ถ้าหากเหล่าทหารที่อิดโรยได้เห็นาาของตัวเองที่เหมือนไอ้โง่ ที่วินาทีแรกที่ขึ้นไปอยู่บนกำแพงก็ถูกศัตรูยิงธนูดอกหนึ่งจนร่วงตกลงมาอย่างง่ายดาย เขาไปสร้างขวัญกำลังใจกับพวกทหารจริงๆ”
น้ำเสียงของสาวน้อยดูไม่พอใจมาก
ซุนเฟยสังเกตว่าในสายตาของสาวน้อยผู้นี้มีร่องรอยความเกลียดชังอยู่รางๆ
แต่ตอนนี้ซุนเฟยไม่มีเวลาว่างที่จะมาโต้เถียงอะไรกับเด็กสาวคนนี้
สมองของเขาคิดอย่างสับสน
นี่มันอัศจรรย์เกินไปแล้ว ข้าไม่ได้ถูกอะไรบางอย่างตีจนสลบอยู่หน้าหอพักงั้นเหรอ? ทำไมพอตื่นขึ้นมาก็ได้ยินชื่อเมืองแซมบอร์ดอะไรนั้นทั้งๆ ที่ไม่เคยได้ยิน? มิหนำซ้ำยังกลายเป็าาที่ชื่อว่าอเล็กซานเดอร์? ดูเหมือนว่าสาวงามตรงหน้าที่สวยกว่านางฟ้าคนนี้จะเป็คู่หมั้นของข้าอีกด้วย
ซุนเฟยยกมือตบหน้าผากตัวเองอย่างตระหนก
นี่เป็การกลั่นแกล้ง? หรือ...ข้าทะลุมิติมา?
เมื่อคิดอย่างละเอียดรอบคอบ มันก็เกือบจะไม่เหมือนการกลั่นแกล้ง สาวงามสไตล์ตะวันตกที่ชื่อแองเจล่าคนนี้ ความงามของนางทำให้ผู้คนตกตะลึง เป็ความงดงามที่หาจับตัวได้ยากจริงๆ คำกล่าวที่ว่ามัจฉาจมวารี ปักษาตกนภา จันทร์หลบโฉมสุดา มวลผกาละอายนาง เมื่อเทียบกับหญิงสาวตรงหน้าแล้วก็ดูอ่อนด้อยไปเลย ใครจะยอมเสียเงินหาสาวงามต่างชาติที่สวยขนาดนี้มาแกล้งตัวเองกัน
ยิ่งไปกว่านั้น สาวน้อยผมทองที่แยกเขี้ยวอยู่ไกลๆ ก็หน้าตาน่ารักกว่าคนธรรมดานัก
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ภาษาลึกลับที่ทั้งโบราณทั้งแปลกๆ นี้ ทั้งที่ตัวเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่นึกไม่ถึงว่าจะฟังเข้าใจด้วย...
ซุนเฟยเริ่มวิเคราะห์อย่างรวดเร็ว
----------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้