เขาจำไม่เห็นได้เลยว่าสตรีที่ดูงดงามและมีร่างกายที่เพรียวบางเช่นตอนนี้คือเวินซี
นางเลิกคิ้ว แล้วพูดหยอกเขาอย่างขบขัน “ข้าก็เป็ภรรยาที่เ้าใช้เนื้อหมูแลกมาอย่างไรล่ะ”
มันเป็แค่การพูดเล่นแท้ๆ แต่คำว่า “ภรรยา” กลับทำให้หัวใจของจ้าวต้านเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก
“พี่สะใภ้ ดูสิ ซันซานเดินได้แล้ว!”
เสียงหัวเราะของเด็กๆ ดังมาจากข้างในบ้าน จ้าวต้านโยนสัตว์ที่อยู่ในมือไว้ที่ลาน จากนั้นก็ค่อยๆ เดินดูบ้านที่สะอาดเหมือนใหม่ พร้อมกับร่างใหม่ของเวินซี
ภายในห้องสะอาดเอี่ยมอ่อง เสื้อผ้าของเด็กๆ มีการซักเย็บใหม่ทั้งหมด และมีอาหารอยู่บนโต๊ะด้วย
จ้าวต้านขยับริมฝีปาก รู้สึกเหมือนว่าตนเองเก็บสมบัติล้ำค่ามาได้อย่างไรอย่างนั้น
“เ้า เ้าทำอันใดน่ะ?” ก่อนที่เขาจะกลับมา ยังนึกว่าเด็กๆ คงจะต้องหิวแน่...
เวินซียิ้ม “มิได้ทำอันใดนี่ ข้าก็แค่ทำยา เอาไปขายที่โรงหมอแลกเงินนิดหน่อย แล้วนำมาปรับปรุงบ้านน่ะ”
จ้าวต้านใเป็อย่างยิ่ง
เวินซี นาง... มีความสามารถที่จะใช้ชีวิตคนเดียวได้อย่างอิสระ!
ทว่านางกลับยังมิได้จากไป
เขามองนางด้วยสายตาที่ลุกโชติ่ ขณะเดียวกันก็ได้ยินเสียงนางเอ่ยว่า “สัตว์พวกนี้ น่าจะขายได้ราคาดีใช่หรือไม่? ดีเลย ข้าพักผ่อนมาเพียงพอแล้ว”
“จ้าวต้าน เ้าเคยได้ยินชื่อตระกูลเวินบ้างหรือไม่? ไปกัน ช่วยข้ากำจัดพวกขยะพวกนั้นกัน”
เมื่อจ้าวต้านกลับมามีสติก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ตระกูลเวินเป็ตระกูลใหญ่ในเมือง เ้าเคยมีปัญหากับพวกเขาหรือ?”
“หากตระกูลเวินมิได้เงินจากการแต่งงานกับท่านแม่ของข้าในครานั้น คงจะล้มละลายไปนานแล้ว เขาสัญญากับท่านแม่ข้าว่าจะให้นางได้ขึ้นเป็ฮูหยินใหญ่ แต่ภายหลังกลับบอกว่าทำอันใดมิได้ เพราะถูกฮูหยินผู้เฒ่าบังคับให้แต่งงานกับสตรีที่เหมาะสม และส่งให้นางเป็ฮูหยินใหญ่แทน”
เวินซีเล่าสั้นๆ ให้ฟังถึงความเป็มาของตระกูล
“ท่านแม่ของข้ารักเขามาก เขาพูดอันใดนางก็เชื่อฟังทั้งหมด จนผลสุดท้าย... นางก็ถูกซ้อมจนตาย”
เมื่อเวินซีเอ่ยถึงตรงนี้ ความเคียดแค้นของเ้าของร่างคนเดิมยังคงสะสมอยู่เต็มอก
จ้าวต้านเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะถามว่า “แล้วเ้าจะทำอย่างไร?”
“พวกเขาใช้สูตรลับเครื่องหอมของมารดาข้าจนร่ำรวยขึ้นมาได้ ข้าก็ทำให้พวกเขาล่มจมลงเพราะสูตรลับนี้เช่นกัน”
นางพูดพลางเลิกคิ้ว ราวกับรอชมเื่สนุก “ไปกันเถิด ฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลเวินยังมีเื่สนุกอีกมากให้ทำ”
เวินซีทำอาหารไว้เพียงพอสำหรับให้พวกเด็กๆ ทาน หลังจากนั้นก็เข้าเมืองไปพร้อมกับจ้าวต้านที่แบกเนื้อสัตว์ไปด้วย
เขานำสัตว์ที่หามาได้ ขายให้กับหลังครัวของโรงเตี๊ยม ผู้ที่รับซื้อนั้นเป็คนตรงไปตรงมา เมื่อเห็นว่าเนื้อที่เขานำมาสดใหม่มากจึงให้เงินไปสองตำลึงทันที
เวินซีนึกว่าจ้าวต้านจะนำเงินที่ได้มาไปซื้ออาหาร แต่ไม่คาดคิดเลยว่าเขาจะตรงไปที่ร้านขายเสื้อผ้า
เมื่อเห็นสีหน้าที่งุนงงของเวินซี ใบหน้าของจ้าวต้านก็แปลกไปเล็กน้อย “เ้า...เ้าใส่เสื้อผ้าของข้าตลอด มันคงไม่สะดวกน่ะ”
เวินซียิ้ม รู้สึกอบอุ่นไปทั่วหัวใจ บุรุษผู้นี้ดูพูดน้อยเคร่งขรึม คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะละเอียดอ่อนเช่นนี้
จะทำอย่างไรดี จู่ๆ นางก็ไม่อยากให้เขาตายเร็วเลย
“มิต้องซื้อเป็ชุดหรอก ซื้อผ้าสักสองสามชิ้นก็พอ เช่นนี้จะคุ้มค่ากว่ามาก” เวินซีเปรียบเทียบแล้วเห็นว่าผ้ามีราคาถูก สามารถซื้อได้ในปริมาณมาก จะได้ทำเสื้อผ้าดีๆ ให้เด็กๆ ด้วย
เมื่อจ้าวต้านได้ยินการวางแผนของนาง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าพวกเขาสองคนกำลังใช้ชีวิตร่วมกันจริงๆ
จากนั้นจ้าวต้านก็ไปซื้อข้าวกับสิ่งของเครื่องใช้ตามที่นางบอก หลังจากนั้นพวกเขาก็เอาไปฝากไว้ของกับช่างตีเหล็กที่รู้จักกันดี ก่อนที่เวินซีจะลากตัวจ้าวต้านไป
“เ้าจะทำอันใด?”
จ้าวต้านเห็นนางพูดกับขอทานหลายคนมาตลอดทาง ฉับพลันขอทานพวกนั้นต่างก็มีดวงตาที่เป็ประกาย!
เวินซียิ้มเบาๆ แล้วเอ่ย “ข้าชี้ทางรวยให้พวกเขา”
หลังจากที่พูดคุยกับขอทาน นางก็ได้เจอกับพ่อลูกจอมต้มตุ๋นที่ข้างถนน ทักษะการโกหกของพวกเขานั้นดีมาก เวินซีพึงพอใจอย่างยิ่ง
เมื่อจัดการทุกอย่างแล้ว ก็มีพ่อลูกคู่หนึ่งมานั่งอยู่ที่หน้าร้านขายเครื่องหอมของตระกูลเวิน ผู้เป็บิดาคร่ำครวญอย่างโศกเศร้า มีใบหน้าที่แดงก่ำและทรมาน ส่วนเด็กสาวที่อยู่ในชุดขาวก็ร้องไห้ปานจะขาดใจ
“ทุกคน มามุ่งร้านเครื่องหอมจิตใจอำมหิตนี่เร็ว! ท่านพ่อของข้านอนไม่หลับ ข้าจึงซื้อเครื่องหอมให้เขา สุดท้ายแล้วเขากลับเป็อัมพาตไปครึ่งตัว! ยามนี้จะเรียกร้องความยุติธรรมได้ที่ใด!” เด็กสาวร้องไห้อย่างขมขื่น นางดูน่าสงสารจริงๆ
จ่างกุ้ยก็สับสนเช่นกัน “เครื่องหอมของเราไม่มีปัญหานี่”
เมื่อเกิดความโกลาหล จู่ๆ ก็มีเสียงะโออกมาจากกลุ่มคน “เครื่องหอมมาจากตระกูลเวิน หากเ้าจะทวงความยุติธรรมก็ไปที่ตระกูลเวินสิ”
ทั้งเด็กสาวและผู้คนต่างก็คิดว่ามีเหตุผล!
ผู้ที่มุงดูกลุ่มใหญ่จึงล้อมรอบตัวนางไว้ และพาบิดาที่เป็อัมพาตครึ่งตัวไปที่จวนของตระกูลเวิน
ที่หน้าประตูจวน มีขอทานที่มาทวงความยุติธรรมนั่งอยู่เช่นกัน
เมื่อขอทานเห็นว่ามีคนมาจึงรีบพูด “ก่อนหน้านี้พวกเราถูกคนตระกูลเวินเรียก บอกว่าจะมีงานให้ทำ แต่เมื่อเข้าไปกลับพบว่าให้ไปสนองความ้าของท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวิน!”
น้ำเสียงของขอทานทั้งเศร้าและขุ่นเคือง “เพื่อเงิน เราจึงยอมทนกับความอัปยศและนอนกับฮูหยิน แต่สุดท้ายคนตระกูลเวินกลับยอมไม่จ่ายเงินให้เรา!”
“ฮูหยินผู้เฒ่าเวินแก่มากแล้ว แต่นางยังมีเรี่ยวแรงเยอะมาก กลางวันแสกๆ ยังทำเื่เช่นนั้นกลางจวน!”
เื่ที่เขาพูดนั้นน่าตกตะลึงเกินไป
ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวิน...เรียกขอทานมาหลับนอนด้วยอย่างนั้นหรือ? !
น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!
คนที่ดูอยู่รอบๆ แทบไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็มีคนพูดขึ้นมาอีกว่า “ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวินจะเป็เช่นนั้นจริงหรือไม่ พวกเราเพียงแค่เข้าไปดูที่จวนตระกูลเวินก็รู้แล้วนี่?”
เมื่อเสียงนั้นเงียบลง พวกขอทานก็พากันเดินไปเคาะประตูจวน
ทุกคนเฝ้าดูเื่ราวด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะพากันถีบประตูจนเปิดออก!
คนดูแลบ้านที่อยู่ด้านในพยายามจะกันพวกเขาไม่ให้เข้ามา แต่เรี่ยวแรงน้อยเกินไป จึงไม่สามารถขับไล่ออกไปได้ ทุกคนต่างกรูกันเข้าไปอย่างรวดเร็ว ขอทานรู้เส้นทางในจวนจากการที่มีคนบอกกล่าวเอาไว้หน้านี้ จึงสามารถเดินเข้าไปอย่างง่ายดาย
สตรีรับใช้ในเรือนกำลังตื่นตระหนก ในขณะที่เห็นประตูเรือนของหญิงชราถูกเปิดออกอย่างรุนแรง
บนเตียงไม้แกะสลักหลังใหญ่นั่น มีเสียงร้องดังที่เสียดหูออกมาจริงๆ!
“เร็วหน่อย ออกแรงมากกว่านี้อีก…”
ขอทานที่นำทางรีบเข้าไปแล้วเปิดผ้าม่านออก ภาพที่เผยให้เห็นนั้น ทำเอาคนอ้าปากค้างไปตามๆ กัน
ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวินผู้ที่ปฏิบัติตนอย่างสง่างามเสมอ กำลังพัวพันกับชายฉกรรจ์ที่เปลือยเปล่าหลายคน
มิใช่แค่เพียงคนเดียว แต่โรมรันพันตูอยู่กับชายมากหน้าหลายตา...
ทุกคนต่างใกับภาพที่เกินกว่าจะบรรยายออกมาได้!
หญิงชราที่หมกมุ่นอยู่กับราคีมิได้สังเกตเห็นคนนอกเลยแม้แต่นิด แต่กลับเป็บุรุษที่เปลือยเปล่าเ่าั้ต่างหากที่ใจนหยุดการเคลื่อนไหว
หญิงชราเห็นพวกเขาตัวแข็งทื่อก็เอ่ยถาม “หยุดทำไมกัน?”
สถานการณ์เลยเถิดไปจนเกินจะควบคุมได้
“ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวิน...” มีคนอดมิได้ที่จะเรียกชื่อนางออกมา ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าสตรีที่อยู่ตรงหน้าจะเป็ท่านฮูหยินผู้เฒ่าเวินที่น่าเคารพยกย่อง
เมื่อหญิงชราได้ยินว่ามีคนเรียกตน ในที่สุดก็ได้สติกลับมา ทันทีที่มองเห็นกลุ่มคนที่อยู่ด้านนอก นางก็กรีดร้องออกมาด้วยใบหน้าซีดเซียว
“ออกไป! ออกไปให้หมด!” หญิงชราหน้าแดงก่ำพลันดึงผ้าม่านมาปิดตัว
นี่เป็เื่ที่น่าใอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่พบเห็น จึงทำให้แต่ละคนเอาแต่ตะลึงงันอยู่กับที่ ไม่มีผู้ใดฟังคำสั่งของนาง
ในตอนนั้นเองที่สถานการณ์กำลังผ่านไปอย่างยากลำบากก็มีคนจากด้านนอกะโขึ้นมาอย่างรีบร้อน
“นายท่านกลับจวนแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้