ยามนี้มู่อี๋เสวี่ยเห็นหลงเซี่ยวอวี่เข้าไปใกล้มู่จื่อหลิง ใบหน้าฉายแววมีชัยในแผนการร้าย
นางคิดอย่างไร้เดียงสาว่าถ้าฉีอ๋องที่รักของนางเชื่อคำพูดของนางจริงๆ ล่ะก็ เมื่อครู่มู่จื่อหลิงตบนาง ตอนนี้มู่จื่อหลิงต้องได้รับหายนะแน่ ทางที่ดีที่สุดคือฉีอ๋องต้องไม่ปล่อยนางไป
แต่ว่าเหตุใดฉีอ๋องจึงยืนใกล้มู่จื่อหลิงถึงเพียงนั้นกัน!
มู่จื่อหลิงเห็นหลงเซี่ยวอวี่มายืนอยู่ตรงหน้านาง นางก็เริ่มกังวลขึ้นมา เหตุใดคนทั้งหมดล้วนมองมายังนาง เมื่อครู่นี้นางมิได้เจตนาหัวเราะจริงๆ หัวเราะไม่มีความผิดเสียหน่อย หากกลั้นไว้ก็รังแต่จะเป็การทำร้ายตนเอง
หลงเซี่ยวอวี่เห็นนางไม่พูด จึงยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ
มู่จื่อหลิงตื่นตระหนก หลงเซี่ยวอวี่้าทำสิ่งใด ตีนางหรือ? เป็เพราะนางหัวเราะจึงทุบตีนาง? หรือเป็เพราะเขาเห็นตนเองสะบัดฝ่ามือใส่มู่อี๋เสวี่ยสองฝ่ามือ จึงจะตบตีนาง?
มู่อี๋เสวี่ยเห็นหลงเซี่ยวอวี่้าทุบตีมู่จื่อหลิง ก็ยิ่งยินดีในโชคร้ายของผู้อื่น
นางยังมิวายแสร้งเข้าไปหยุดยั้ง ทำท่าทางอ่อนแออยากจะลุกขึ้นจากพื้นก็ลุกมิได้ น้ำตาหยดเผาะ กล่าวว่า “ท่านอ๋อง อย่าได้ตีท่านพี่ ล้วนเป็ความผิดของเสวี่ยเอ๋อร์ ขอร้องท่านอย่าได้ตีท่านพี่”
มู่จื่อหลิงมองมู่อี๋เสวี่ยด้วยท่าทางเหมือนมองคนปัญญานิ่ม ยามนี้นางมิกล้าหัวเราะแล้ว ได้แต่ข่มกลั้นโทสะเอาไว้ แต่มิสามารถแผลงฤทธิ์ได้
เหตุใดตอนนี้มู่อี๋เสวี่ยสมควรตายถึงได้น่ารังเกียจนัก สีดำก็ยังสามารถพูดกลับเป็ขาวได้!
แต่ว่าความสามารถเติมน้ำมันใส่ตะเกียงของมู่อี๋เสวี่ยนี่ยังต้องฝึกฝนกระมัง มิอาจหาจุดดีๆ มาพูด วาจาที่พ่นออกมาล้วนแต่ทำให้คนสะอิดสะเอียน ยังดีที่เมื่อครู่นางกินแค่ขนมเปี๊ยะมาจากในวัง มิเช่นนั้นคงได้อ้วกออกมาหมด
หากมิใช่เพราะหลงเซี่ยวอวี่อยู่ นางต้องตัดสินใจเข้าไปชื่นชมมู่อี๋เสวี่ยด้วยสองเท้าเป็แน่
ยามนี้บ่าวรับใช้ของจวนอ๋องเองก็ล้วนแปลกใจ และกังวลใจ
พวกเขารู้ว่าฉีอ๋องนั้น นอกจากเวลาปกติที่มองหวางเฟยจะมองให้มากหน่อยแล้ว ก็มิเคยไปมองสตรีอื่นให้มากอีก จะตบตีหวางเฟยด้วยเหตุเพราะสตรีอื่นได้อย่างไร ทว่าการเคลื่อนไหวนี้ก็คล้ายคลึงท่าทางที่้าทุบตี
ยามปกติหวางเฟยปฏิบัติต่อพวกเขาไม่เลวเลย ทั้งยังเข้ากับคนง่ายอย่างยิ่ง บางเวลาก็ยังให้เงินรางวัลเป็จำนวนมาก พวกเขาชื่นชอบหวางเฟยผู้นี้นัก
เวลานี้พวกเขาล้วนเกลียดชังสตรีที่มีนามว่ามู่อี๋เสวี่ย มาก่อความวุ่นวายหน้าประตูจวนฉีอ๋องแทบจะทุกวัน ทั้งๆ ที่นางรังแกผู้อื่นก่อน แต่กลับพูดถูกเป็ผิด นางโดนตบก็เป็เื่สมควรแล้ว ยังจะมาเสแสร้งอันใดอีก
ทว่ายามนี้พวกคนรับใช้ก็ได้แต่มอง กลับมิกล้าส่งเสียงยับยั้ง
ในขณะที่ทุกคนกลั้นลมหายใจรอมือของฉีอ๋องประทับลงหน้าหวางเฟย
ในขณะที่เสี่ยวหานปลุกความกล้าหาญ ้าเอ่ยปากหยุดยั้ง
ในขณะที่มู่จื่อหลิงหลับตาแน่นท่าทางเตรียมรับการทุบตี ในอ้อมอกนางก็มีสิ่งของอุ่นๆ เพิ่มขึ้นมา
นางเปิดเปลือกตาตามสัญชาตญาณ จากนั้นใช้มือประคอง พอก้มศีรษะมองก็พบว่าเป็รังนกที่นางอุ้มมาจากในวัง
เกิดอันใดขึ้น หลงเซี่ยวอวี่มิได้้าตบนาง แต่นำรังนกมาให้นาง แต่อาภรณ์เขารุ่มร่ามนัก เมื่อครู่จึงบดบังถ้วยไปเสียหมด ไม่มีผู้ใดมองเห็น
“จัดการให้เรียบร้อยแล้วก็เข้าไป ระยะนี้ออกจากจวนระวังตัวด้วย” หลงเซี่ยวอวี่พูดอย่างเ็า
เขาพูดจบก็ไม่รอให้คนทั้งหมดมีปฏิกิริยา หันหลังจากไปในทิศทางของจวนฉีอ๋อง เพียงพริบตาก็ไม่เหลือแม้แต่เงา
เหตุการณ์อันน่าประหลาดใจทำให้คนทั้งหมดล้วนตื่นตะลึง มู่จื่อหลิงเองก็ไม่ต่าง
นางขุ่นเคืองเล็กน้อย เหตุใดเมื่อครู่จึงสมองขัดข้องเช่นมู่อี๋เสวี่ยไปได้ แม้นางจะมองหลงเซี่ยวอวี่ไม่ออก แต่ก็พอเข้าใจเขาอยู่บ้าง
ดูเหมือนว่าเขาจะมิได้มองมู่อี๋เสวี่ยแม้แต่น้อย มิได้เห็นนางในสายตา อาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามู่อี๋เสวี่ยสูงหรือเตี้ย อ้วนหรือผอม แล้วจะไปสนใจวาจาของนางได้อย่างไร
อีกอย่างฉีอ๋องเป็คนเช่นใด จะเข้าไปตบตีสตรีอย่างไม่รักษาท่าทีได้อย่างไร
แต่เมื่อนึกถึงวาจาของหลงเซี่ยวอวี่เมื่อครู่ นางก็ยิ้มออกมา หลงเซี่ยวอวี่เพิ่งพูดว่า่นี้นางสามารถออกจากจวนได้แล้ว มิใช่ว่าไม่มีธุระก็ออกจากจวนให้น้อยลง เช่นนั้นเท่ากับว่านางจะมีธุระหรือไม่ก็สามารถออกไปได้อย่างผ่าเผยแล้ว
มู่จื่อหลิงหัวเราะคิกคักตกอยู่ในจินตนาการที่นางสามารถออกไปได้ แล้วลืมเลือนคำพูดข้างหลังของหลงเซี่ยวอวี่ ‘ระวังตัวเอง’ ไปเสีย
ต่อไปนางก็มิต้องหวาดหวั่น มิต้องลับๆ ล่อๆ เพื่อหลบคำบ่นยืดเยื้อที่้ายับยั้งนางของลุงฝูอีก
ครั้งก่อนที่หลงเซี่ยวอวี่พูดกับนาง แม้นางจะไม่ชอบฟังนัก แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วหลงเซี่ยวอวี่ในยามนี้ก็มิได้น่าเกลียดชังถึงเพียงนั้นแล้ว วันนี้ยังตั้งใจไปรับนางออกจากวัง ไม่ว่าเขาจะแค่ผ่านทางไปจริงๆ หรือไม่ก็ตาม
“นายน้อย ท่านอ๋องไปแล้ว เหตุใดท่านยังยิ้มออกมาได้อีก” เสี่ยวหานมองมู่จื่อหลิงที่หัวเราะคิกคักด้านข้างพลางถาม
ที่แท้เมื่อครู่ฉีอ๋องมิได้้าทุบตีนายน้อย แต่้ามอบสิ่งของให้นายน้อย เมื่อครู่นั้นนางใหมด ก็จริง ท่านอ๋องจะทุบตีนายน้อยเพราะวาจาคุณหนูรองได้อย่างไร นายน้อยมีฐานะอะไร แล้วคุณหนูรองมีฐานะอะไร
“เ้ามองผิดแล้ว ข้าไม่ได้ยิ้ม” มู่จื่อหลิงเก็บรอยยิ้ม กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
เสี่ยวหานถูกการเปลี่ยนแปลงของมู่จื่อหลิงทำให้ขบขันเสียแล้ว “ไม่ได้ยิ้ม ไม่ได้ยิ้ม เป็บ่าวมองผิดไปเองเ้าค่ะ”
ทั้งๆ ที่นายน้อยยิ้มชัดๆ ยังบอกว่ามิได้ยิ้มอีก นายน้อยต้องยิ้มเพราะเมื่อครู่นี้ท่านอ๋องมิได้จะทุบตีนางเป็แน่
มู่จื่อหลิงมองลุงฝูที่ยืนอยู่ตรงกลางของบ่าวรับใช้อย่างได้ใจ ราวกับกำลังพูดว่า เปิ่นหวางเฟยสามารถออกไปได้อย่างสง่าผ่าเผยแล้ว ดูสิว่าเ้ายังกล้ารั้ง ยังกล้าไปฟ้องหรือไม่
ลุงฝูถูกมู่จื่อหลิงจ้องจนเหงื่อตกอยู่เงียบๆ เขาได้รับความไม่เป็ธรรมยิ่งนัก นี่หวางเฟยเป็อันใดไป เขาไปล่วงเกินนายหญิงที่ใดเข้า
หลังจากที่ท่านอ๋องคุยกับหวางเฟยเพียงลำพังอยู่พักใหญ่เมื่อครั้งที่แล้ว หวางเฟยก็เริ่มไม่สนใจเขา เ็าใส่เขา เขาเพียงแค่รั้งหวางเฟยมิให้ออกจากจวนเป็ครั้งคราวเท่านั้น
ปกติหวางเฟยก็ปฏิบัติกับเขาอย่างให้เกียรติ ต่อให้หวางเฟยออกจากจวน เขาก็มิกล้าไปฟ้องท่านอ๋องนี่นา เขายังชมหวางเฟยกับท่านอ๋องว่าเฉลียวฉลาดนัก เหตุใดบรรพบุรุษท่านนี้จึงมาโทษตนเล่า
ในขณะที่หลงเซี่ยวอวี่ยัดสิ่งของในมือเข้าไปในอ้อมแขนของมู่จื่อหลิงนั้น มู่อี๋เสวี่ยก็ตกตะลึงไปแล้ว
สายตานางนั้นมิได้ละไปจากหลงเซี่ยวอวี่เลย ต่อให้หลงเซี่ยวอวี่ไปแล้ว นางก็ยังมองอย่างโง่งมไปตามทิศทางที่หลงเซี่ยวอวี่เดินไป นางเหมือนได้ยินเสียงหัวใจของตนแตกสลาย
ท่านอ๋องมิใช่ว่าจะทุบตีมู่จื่อหลิงหรือ เหตุใดจึงเอาสิ่งของมาให้นาง เหตุใดท่านอ๋องยังไม่มองตนเองแม้แต่น้อยก็ไปแล้ว
“มัวงงงวยอันใดกันอยู่ มิได้ยินที่ท่านอ๋องพูดหรือ ยังไม่รีบจัดการสุนัขบ้านี่อีก!”มู่จื่อหลิงชำเลืองมองมู่อี๋เสวี่ยที่เหม่อมองไปยังทิศทางที่หลงเซี่ยวอวี่หายไปอย่างเคลิบเคลิ้ม สั่งบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านข้างอย่างน่าเกรงขาม
พวกบ่าวรับใช้เมื่อได้ยินวาจานี้จึงทยอยมีการตอบสนองจากฉากเมื่อครู่นั่น ท่านอ๋องพูดตอนไหนว่าให้จัดการสุนัขบ้า? ไม่ใช่จัดการสุนัขบ้า แต่เป็จัดการมู่อี๋เสวี่ย
ทว่าแปลกใจก็คือแปลกใจ พวกเขายังคงพูดโดยพร้อมเพรียงกันว่า “ขอรับ/เ้าค่ะ หวางเฟย”
หากมิใช่เพราะมู่อี๋เสวี่ยเป็น้องสาวของหวางเฟย พวกเขาคงจัดการมู่อี๋เสวี่ยหญิงผู้นี้ไปนานแล้ว มิว่าเป็ท่านอ๋องสั่ง หรือหวางเฟยสั่ง พวกเขาล้วนยินยอมพร้อมใจ
บ่าวรับใช้สองสามคนเข้าไปแบกมู่อี๋เสวี่ยจนมือและขาชี้ขึ้นท้องฟ้า เตรียมนำไปทิ้งไกลหน่อย มู่อี๋เสวี่ยจึงตอบสนองขึ้นมา ดิ้นรนพลางร้องะโ “พวกเ้าทำสิ่งใด อย่าแตะต้องข้า พวกเ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็ใคร”
คนทั้งหมดแค่นเสียงขึ้นจมูก พวกเขาต้องรู้อย่างแน่นอน มิใช่คุณหนูรองจวนจงอี้โหวผู้โด่งดัง น้องสาวฉีหวางเฟย มู่อี๋เสวี่ยหรือ
เช่นนั้นแล้วอย่างไร หวางเฟยของพวกเขาไม่เห็นนางเป็น้องสาว สตรีผู้นี้ช่างติดทองคำบนใบหน้าตนเอง [1] จริงๆ ยามนี้มู่อี๋เสวี่ยในสายตาพวกเขาก็เป็แค่สุนัขบ้าขี้โมโหเท่านั้น
“ปล่อยข้า ไสหัวไป มู่จื่อหลิงเ้ามัน” มู่อี๋เสวี่ยดิ้นรนพลางตั้งท่าจะด่าทอ
“กล่าววาจาสามหาว ตบปาก” ยังไม่ทันด่าออกมา ก็ถูกเสียงเ็าของมู่จื่อหลิงตัดบทเสียก่อน
บ่าวผู้หนึ่งที่ทั้งว่องไวและโเี้ก็เต็มใจลงมือ เพียะ! ทำให้มู่อี๋เสวี่ยกลืนคำที่้าด่าทอลงไป
มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างพอใจ “อืม อย่าลืมนำไปทิ้งไกลหน่อยเล่า อย่าให้มาสกปรกอยู่หน้าประตูใหญ่จวนฉีอ๋อง ต่อไปมาหนึ่งครั้ง ทิ้งหนึ่งครั้ง ในเมื่อนางชอบมา ชอบถูกแบกไปทิ้ง เช่นนั้นก็ตามใจนาง ไม่ต้องเกรงใจนาง”
มู่จื่อหลิงเอ่ยจบก็พาเสี่ยวหานเข้าไปในจวนอ๋องโดยไม่เหลียวหลัง
มู่อี๋เสวี่ยจ้องมองมู่จื่อหลิงที่เดินเข้าไปในจวนอ๋องด้วยน้ำตาอย่างเกลียดชัง
มู่จื่อหลิง ข้าไม่มีทางปล่อยเ้าไป ข้าจะต้องแย่งของที่ข้า้ากลับมา
-
ตำหนักอวี่หาน
“เป็อย่างไร ยังเจ็บหรือไม่?” มู่จื่อหลิงมองแก้มที่หายบวมแล้วแต่กลับยังแดงอยู่ของเสี่ยวหานด้วยสีหน้าปวดใจพลางพูดออกมา
เสี่ยวหานยิ้มน้อยๆ กล่าว “นายน้อย บ่าวไม่เจ็บ”
แม้ตอนที่เพิ่งโดนตบจะเจ็บ แต่เมื่อเห็นนายน้อยกลับมาจากวังหลวงอย่างปลอดภัย นางก็ไม่เจ็บแล้ว นายน้อยเพิ่งจะช่วยนางแก้แค้นไป ยามนี้นางเบิกบานใจนัก
“เสี่ยวหาน เ้าออกไปจากจวนทำไมกัน ถูกมู่อี๋เสวี่ยตบได้อย่างไร” จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็ถามขึ้น
“บ่าว...บ่าวเห็นคุณหนูไปนานแล้วยังไม่กลับ กังวลยิ่งนัก จึงอยากออกไปดู ไม่คิดว่าจะเจอคุณหนูรองเข้า คุณหนูรองบังคับถามบ่าวว่านายน้อยไปไหน บ่าวไม่พูด นางจึง...” เสี่ยวหานกล่าวเสียงแ่เบา
คำพูดต่อไปนางไม่ได้พูดจนจบ ยามนี้นางเกรงว่านายน้อยจะโมโหขึ้นมา
มู่จื่อหลิงได้ฟังถึงตรงนี้ก็ซาบซึ้ง “ต่อไปอย่าไปรอโง่ๆ อยู่หน้าประตูอีก ข้าไม่มีทางเกิดเื่ หากไปเจอมู่อี๋เสวี่ยอีก ให้รีบหลบเลี่ยงไปให้ไกล เข้าใจหรือไม่”
“บ่าวทราบแล้ว วันนี้บ่าวไปหาลุงฝู ให้เขาไปรายงานท่านอ๋องเื่ท่านเข้าวัง ท่านอ๋องไปรับนายน้อยจริงๆ ด้วย” เสี่ยวหานพูดพลางหัวเราะอย่างโง่งม
เมื่อครู่เห็นท่านอ๋องกับนายน้อยกลับมาด้วยกัน นางดีใจยิ่งนัก ท่านอ๋องเริ่มสนใจนายน้อยแล้ว
มู่จื่อหลิงเข้าใจแล้ว ที่แท้เป็เสี่ยวหานแอบทำนี่เอง นางก็ว่าแล้ว หลงเซี่ยวอวี่รู้ว่านางอยู่ที่นั่นได้อย่างไร เหตุใดถึงได้ว่างเพียงนั้น ยังผ่านทางไปตำหนักคุนหนิง ที่แห่งนั้นอยู่ในเขตของวังหลัง เขาไม่มีธุระจะไปที่นั่นทำไมกัน
“เสี่ยวหาน ต่อไปอย่าได้ไปหาท่านอ๋องอีก เข้าใจหรือไม่ มิเช่นนั้นข้าจะส่งเ้ากลับจวนสกุลมู่” จู่ๆ มู่จื่อหลิงก็พูดอย่างเฉียบขาด เสี่ยวหานจึงใขึ้นมา
เสี่ยวหานถูกทำให้ใเข้าจริงๆ พยักหน้าราวกับจิกข้าวสาร นางมิกล้าถามสิ่งใดอีก หากนายน้อยส่งนางกลับจวนสกุลมู่จริงๆ เช่นนั้นผู้ใดจะมาดูแลนายน้อย นางหักใจจากไปมิได้
มู่จื่อหลิงรู้ว่าเื่ที่ตนเองก่อ นางต้องแก้ไขเอง ถึงแม้สถานที่ที่มีหลงเซี่ยวอวี่อยู่ นางจะไร้กังวลทั้งนั้น ราวกับท้องฟ้าของตนเองถูกเขาค้ำเอาไว้ แต่นางก็ไม่อยากให้เื่ที่มีสาเหตุมาจากนาง พัวพันไปถึงหลงเซี่ยวอวี่
นางไม่รู้ว่าวันนี้หลงเซี่ยวอวี่ช่วยเหลือนางด้วยเหตุใด ไม่รู้ว่ายามนี้หลงเซี่ยวอวี่จะเห็นนางเป็สมาชิกคนหนึ่งของจวนฉีอ๋องจริงๆ หรือไม่ ไม่รู้ว่าอำนาจของหลงเซี่ยวอวี่มีมากมายเพียงใด
นางรู้เพียงว่ามีหลายคนหวาดกลัวหลงเซี่ยวอวี่ และมีหลายคนจดจ้องถมึงทึงไปที่อำนาจของเขา หาวิธีจับจุดอ่อนของหลงเซี่ยวอวี่
ไม่ว่านางกับเขาจะเป็แค่สามีภรรยากันในนาม หรือมีความสัมพันธ์ใช้ประโยชน์หรือถูกหลอกใช้ ก็มิอาจให้คนมาจับจุดอ่อนเขาได้
นางมิอาจให้หลงเซี่ยวอวี่มาจัดการเื่ที่นางก่อ
อย่างน้อยก็ตอนนี้ยังมิอาจทำได้
สำหรับภายหน้า...พวกเขายังมีภายหน้าด้วยหรือ?
------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ติดทองบนหน้าตนเอง หมายถึงยกยอตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้