ทหารลับของจ้าวต้านทำงานเร็วมาก เช้าวันต่อมาก็สามารถนำศพที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับโจวอวี่ชางเข้ามาที่หลังร้านเครื่องหอมได้แล้ว
เวินซีสวมเสื้อผ้าเสร็จก็นำผ้ามาปิดปากกับจมูก นางมองศพที่เน่าเปื่อยจนมีสภาพที่ดูไม่ออก จากนั้นก็ลากตัวจ้าวต้านมา
“นำศพนี่มาจากที่ใดกัน?”
“จ่ายเงินสองตำลึงซื้อมาจากสตรีชาวนาน่ะ ศพเป็สามีของนาง เขาป่วยตาย ที่บ้านของพวกเขายากจนจึงมิได้ทำพิธีศพ”
จ้าวต้านมองดูศพอย่างละเอียด
ศพเน่าเปื่อยเช่นนี้ แม้ตระกูลเวินจะสงสัยเช่นไรก็ไม่มีทางมองออก
จ้าวต้านนำขวดยาออกมาจากอก แล้วราดลงที่แขนของศพ เวินซีจึงนำขวดยาจากเขามาดม
มันเป็พิษที่โจวอวี่ชางได้รับ
“เมื่อวานข้าให้ทหารลับไปหามาให้ เท่านี้ก็สมบูรณ์แบบแล้ว”
“ดีมาก”
เวินซีหยุดลงตรงหน้าศพก่อนจะยกมือ ทหารลับที่แต่งตัวเป็คนรับใช้ก็นำศพไปวางไว้บนเปล
“คุณหนูเวินซี มิได้รอนานใช่หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเปลี่ยนชุดมาน่ะขอรับถึงได้ช้า” ลู่สือวิ่งออกมาจากทางเดิน
เขาสวมเสื้อปักตัวใหม่ออกมา ชุดกระโปรงยาวสีน้ำเงินนั้นประณีตมาก มิใช่ของถูกๆ เลย
เมื่อเห็นว่าเวินซีมองดูเสื้อผ้าของเขา ลู่สือก็ยืดตัวตรงพลันหมุนตัว
“คุณหนูเวินซี ชุดนี้เป็เช่นไรขอรับ? นี่เป็ชุดที่ท่านแม่เก็บไว้ให้ข้า ข้าได้แต่เก็บไว้ ไม่เคยกล้านำออกมาใส่ คิดว่าจะใส่ตอนที่ได้ออกเรือน แต่วันนี้ก็เหมาะสม ข้าจึงนำมาใส่ขอรับ”
“ดูดีมาก หากมีโอกาส ต่อไปข้าจะซื้อให้เ้าอีก” เวินซีมีท่าทีอ่อนโยนกับเขา แล้วเผยรอยยิ้มออกมา
“ท่านพี่ล่ะ?” นางเอ่ยถาม
“นายน้อยโจวพักผ่อนอยู่ขอรับ พวกเราไปกันเถิดขอรับ”
“เช่นนั้นก็ไปกันเถิด จ้าวต้าน ข้าฝากท่านพี่ด้วยนะ”
“ได้”
เวินซีนำผ้าขาวคลุมศพไว้ พวกเขานำศพเดินไปที่จวนตระกูลเวิน
ระหว่างทาง มีผู้คนมากมายมองดูพวกเขา และมีหลายคนที่เดินตามเวินซีไปด้วย
เมื่อไปถึงตระกูลเวิน ประตูใหญ่ของตระกูลก็ถูกล้อมรอบ เวินอวิ๋นโปได้รับข่าวก่อนหน้านี้แล้ว จึงให้คนของตระกูลเวินออกมารอที่หน้าประตู
“เวินซี นี่...อวี่ชางตายแล้วหรือ?” เวินอวิ๋นโปมองเปลที่อยู่ด้านหลังเวินซี น้ำเสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
ในขณะที่ฮูหยินใหญ่เวินตัวสั่น ราวกับรับความจริงมิได้ นางล้มลงท่ามกลางเหล่าสตรีรับใช้ เอามือปิดปาก ร้องไห้ไม่หยุด
“อวี่ชางผู้น่าสงสารของข้า เหตุใดเ้าถึงได้น่าสงสารเช่นนี้ ยังเยาว์วัยอยู่แท้ๆ จะให้ข้าบอกกับบิดามารดาเ้าเช่นไร...”
ในบรรดาคนทั้งหมดนั้น เวินเยียนยังพอมีสติอยู่ นางเดินลงบันไดมา มองไปที่เปลก็เปิดผ้าขาวออก จากนั้นก็ขมวดคิ้วอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นผู้คนพูดคุยกัน นางจึงรีบก้มหน้า สีหน้าเปลี่ยนไปเป็โศกเศร้า
“ท่าน...ท่านพี่เป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร?”
“ท่านพี่ป่วยหนักจนไม่สามารถรักษาได้ เราดิ้นรนช่วยเขาอยู่สองสามวัน แต่ก็ไม่สำเร็จ”
“เ้ามิได้บอกหรือว่ามีเพื่อนที่เป็เซียนหมอ?” เวินเยียนกล่าวกระทบกระเทียบ
“นางทำสุดความสามารถแล้ว แต่หมดปัญญาเพราะท่านพี่อาการหนักจริงๆ” เวินซีก้มหน้าลง เก็บซ่อนสายตาที่เย้ยหยันไว้
“ยกเข้าไปในเรือน” เมื่อเห็นว่าผู้คนที่ดูเหตุการณ์อยู่เยอะขึ้นเรื่อยๆ เวินอวิ๋นโปก็เอ่ยปาก
เวินซีเดินเข้าไปในจวนตระกูลเวินพร้อมกับพวกเขา ลู่สือกลัวว่าจะมีคนจำเขาได้ จึงก้มหน้าก้มตาเดินตามไป
เมื่อทุกคนเข้าไปกันหมด ลู่สือก็หยุดลงที่หน้าประตูจวนอย่างกะทันหัน แล้วะโต่อหน้าเหล่าฝูงชน “ทุกท่าน ข้าเป็คนรับใช้ติดตามนายน้อยโจว การตายของนายน้อยโจวนั้นมีเื่ที่ปิดบังอยู่”
เมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกไป ผู้คนของตระกูลเวินก็หยุดฝีเท้าลง
เวินเยียนหันไปมองจึงเห็นว่าเขามาด้วย สีหน้าของนางพลันเปลี่ยนไป นางสบตากับฮูหยินใหญ่เวินและส่งสายตาให้กัน
ฮูหยินใหญ่เวินที่ร้องไห้อยู่นั้นหยุดลงทันใด สีหน้าเปลี่ยนเป็จริงจังขึ้นมา
“ลู่สือ คนที่ทำร้ายเ้านายอย่างเ้ายังกล้าโผล่หน้ามาอีกหรือ? หากมิได้เป็เพราะเ้า อวี่ชางจะตายได้เช่นไร? ผู้ใดก็ได้ กดเขาไว้ ข้าจะให้เขาตายไปพร้อมกับอวี่ชาง”
คนรับใช้ตระกูลเวินพากันวิ่งออกมา เข้าไปจับตัวลู่สือไว้
“นายน้อยโจวถูกคนตระกูลเวินฆ่าตาย พวกเขา...อู้...อุ้บ...ปล่อยข้า...”
ลู่สือยังพูดไม่ทันจบก็ถูกคนรับใช้ปิดปากและกดไว้กับพื้น เขาส่ายหน้าและดิ้นเพื่อให้หลุดจากการจับกุม คนรับใช้ที่มากดเขาก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ขณะนั้นเองฝูงชนก็กล่าวขึ้นมา
“นายท่านเวิน ให้เขาพูดจนจบสิ”
“นั่นน่ะสิ พวกเขารีบร้อนกันเช่นนี้ หรือว่ามีเื่อันใดปิดบังไว้กัน?”
“นายน้อยโจวเป็คนที่มาจากเมืองหลวง เขาตายกะทันหันเช่นนี้ย่อมต้องให้คำอธิบายกับทุกคนสิ”
ในยามนั้นผู้คนเริ่มสร้างความโกลาหล
เมื่อเห็นเช่นนั้น เวินอวิ๋นโปจึงดึงแขนของฮูหยินใหญ่เวินเดินออกไปที่ประตู เขากระแอม กวาดสายตาไปที่ฝูงชนแล้วเอ่ยปาก
“ทุกท่านขอรับ เมื่อสามวันก่อนลู่สือได้ทำความผิด ในตอนที่ลงโทษเขา เขาได้ใช้อุบายทำให้อวี่ชางได้รับาเ็ ทำให้แผลของอวี่ชางติดเชื้อจนป่วยหนัก เดิมทีข้าคิดจะไว้ชีวิตเขา แต่เขากลับไม่รู้บุญคุณ ทั้งยังกลับมาใส่ร้ายตระกูลเวินของเราอีก”
ฮูหยินใหญ่เวินเอ่ยต่อทันที “แม้ว่าอวี่ชางจะมิใช่บุตรชายแท้ๆ ของข้า แต่ข้าปฏิบัติต่อเขาเช่นไร พวกท่านย่อมเห็นกันอยู่แล้ว ที่อวี่ชางได้เข้าเมืองหลวงไปก็เป็เพราะตระกูลเวินของเราชนะการแข่งขันทำเครื่องหอมเมื่อคราที่แล้ว หากเราคิดจะทำร้ายเขา เราจะสนับสนุนให้เขาเข้าเมืองหลวงไปได้เช่นไร”
“คนรับใช้ผู้นี้พูดไร้สาระ เชื่อมิได้เ้าค่ะ”
“อุ้บ...พวกเ้าไร้ศีลธรรม จะต้องถูกฟ้าผ่าตายเข้าสักวัน นายน้อยของข้าถูกพวกเ้าฆ่าตาย เพราะว่าเขาไปได้ยิน...”
ลู่สือดิ้นจนหลุดเอ่ยปากพูดได้ แต่ก็ถูกปิดปากทันที
“ต้องขออภัยที่ทำให้ทุกท่านต้องเจอเื่ไร้สาระด้วยขอรับ”
เวินอวิ๋นโปประสานมือ เมื่อหันไปมองลู่สือ รอยยิ้มของเขาก็หายไปทันที สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็จริงจัง “เอาเขาเข้าไป”
“ขอรับ นายท่าน”
ลู่สือถูกลากเข้าไปในตระกูลเวิน ประตูจวนถูกปิดลงทันที
ในยามนั้น ทุกคนในตระกูลรีบไปที่ห้องโถง
เปลถูกหามไปวางไว้ที่นั่น เมื่อเปิดผ้าขาวออกก็เผยให้เห็นศพด้านใน ลู่สือถูกกดให้อยู่ข้างศพ เขาะโเสียงดังตลอดเวลา
“พวกเ้าจะได้ชดใช้”
“นายน้อยตายไปเช่นนี้ เขาจะต้องกลายเป็ผีตายโหง มาแก้แค้นพวกเ้า”
“นายน้อยโจว ท่านตายอย่างไม่ยุติธรรมเลยขอรับ”
......
เขาโวยวายจนน่าปวดหัว ฮูหยินใหญ่เวินนั่งลงบนเก้าอี้แล้วใช้แขนเท้าศีรษะไว้ นวดขมับอยู่ตลอด
เวินเยียนเชิญหลานเยว่เฉิงมา เขานั่งอยู่บนเก้าอี้เ้าบ้าน มองดูศพด้วยสีหน้านิ่ง
“คุณชายซู ศพมีอันใดแปลกไปหรือไม่เ้าคะ? มั่นใจได้หรือไม่ว่าเป็ท่านพี่ของข้า?” เวินเยียนยืนอยู่ข้างกายเขา พลางเอ่ยด้วยเสียงเบา
“เ้าไปดูสิ” หลานเยว่เฉิงเอนกายลงบนเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน
“ข้าหรือ? คุณชายซู...ข้า...”
แค่มองดูศพนั่นนางก็ขยะแขยงจนแทบจะอาเจียน แต่เมื่อเห็นเขาเลิกคิ้ว นางจึงต้องเดินไปดู
เวินเยียนเอื้อมมือที่สั่นเทาออกไป อดกลั้นความขยะแขยงไว้และตรวจดูศพให้แน่ชัด
เวินซีจ้องมองการกระทำของนาง
ลู่สือเงียบลง และมองดูนาง
จู่ๆ มือของเวินเยียนก็หยิบเศษผ้าออกมาจากศพ มันเป็เศษผ้าป่าน ซึ่งมาจากเสื้อผ้าที่ชาวบ้านธรรมดาสวมใส่กัน
“นางชั่ว ออกมาจากนายน้อยเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยเขา”
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์แปลกไป ลู่สือก็ะโดังลั่น ดิ้นอย่างรุนแรง คนรับใช้สองคนไม่ทันได้ระวังจึงปล่อยให้เขาหลุดไป
ลู่สือลากเวินเยียนให้ล้มลง ใช้มือข้างหนึ่งตบหน้านาง
“ผู้ใดให้เ้ายุ่งกับนายท่าน ผู้ใดให้ยุ่ง”
“ฆ่านายน้อยยังมิพอหรือ? ออกมาจากนายน้อยเดี๋ยวนี้”
ในเวลานั้น เศษผ้าก็ตกลงบนพื้น
“พวกเ้าหยุดเขาสิ ตายกันหมดแล้วหรืออย่างไร? แยกเขาออกมาสิ”
ฮูหยินใหญ่เวินลุกขึ้นแล้วะโอย่างร้อนใจ
คนรับใช้พากันเข้าไปจับเขาอีกครา แต่มือของลู่สือจับหัวของเวินเยียนแน่น ไม่ยอมปล่อยเลย
“นายท่าน คิดหน่อยสิเ้าคะ บุตรสาวเราหากโดนเขาฆ่าตายจะทำเช่นไร?” ฮูหยินใหญ่เวินทำอันใดไม่ถูก นางอยากจะเข้าไปช่วย แต่ก็ถูกเวินอวิ๋นโปห้ามไว้
“มัวแต่ยืนซื่อบื้ออันใด? ออกไปห้ามสิ!” เวินอวิ๋นโปมองดูเหล่าคนรับใช้ที่ยืนอยู่รอบๆ
คนรับใช้ทั้งหมดพุ่งตัวเข้าไป เวินซีเข้าไปอยู่ในวงชุลมุน นางหยิบเศษผ้าป่านชิ้นนั้นขึ้นมาแล้วซ่อนไว้ในแขนเสื้อ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้