หลังทานอาหารเสร็จ โม่ซีตั้งใจจะไปที่ห้องหนังสือเพื่อตรวจสอบสาส์น ทว่าเห็นฉีซีเดินกะเผลก จึงขมวดคิ้ว จ้องไปที่รองเท้าที่ราวกับกำลังอดทนต่อความเ็ป ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเท้าของนางบอบช้ำเต็มไปด้วยรอยแผล นางสวมถุงเท้า แต่เขากลับลืมสั่งให้ข้ารับใช้ตรวจสอบาแของนาง
เขาหยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยถามว่า “เจ็บเท้าอย่างนั้นหรือ?”
ฉีซีพยักหน้าและกล่าวว่า "ไม่เป็ไร อีกสองวันก็ดีขึ้นแล้ว"
บนถนนดอกไม้เต็มไปด้วยผู้คนเมาสุราคอยก่อปัญหา เป็เื่ปกติที่จะมีเศษถ้วยบนพื้นถนนและมีรถม้าวิ่งทับ การสวมรองเท้าอาจช่วยหลีกเลี่ยงเศษถ้วยเหล่านี้ได้บ้าง ทว่าการเดินเท้าเปล่าอาจได้รับาเ็สาหัส เมื่อนึกถึงที่นางให้จูมามาประคองมา ท่าทางการเดินราวกับต้นหลิวลู่ลมนั้นไม่ใช่การเสแสร้งแต่อย่างใด
เขาไม่สนใจว่าจูมามาและสาวใช้ยังอยู่ด้านข้างหรือไม่ และไม่สนใจความอับอายและความโกรธเคืองของฉีซี เขาอุ้มนางขึ้นมาแล้วเดินไปที่ตำหนัก
โม่ซีวางนางบนตั่งนุ่ม คว้าข้อเท้าของนางขึ้นมาวางบนต้นขาของตัวเอง
“ช้าก่อน!” ฉีซีเสียสมดุลและหงายหลังลงบนตั่งนุ่ม ทว่าเขาได้ถอดรองเท้าและถุงเท้าสีขาวของนางออกแล้ว!
ใบหน้าของฉีซีแดงก่ำ และตำหนิ "เหตุใดท่านจึงหยาบคายถึงเพียงนี้!"
โม่ซีเห็นว่าฝ่าเท้าของนางเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน มีทั้งรอยลึกและรอยตื้น เขาเงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามว่า "หยาบคายหรือ? กูทำอะไรให้เ้าหรือ? กูไม่ดีกับเ้าอย่างนั้นหรือ?"
ฉีซีตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง กัดฟันกล่าวว่า "ไม่มีผู้ใดถอดรองเท้าและถุงเท้าสตรีอย่างหยาบคายดั่งสัตว์ร้ายเช่นนี้! เราสองคนมีความสัมพันธ์อะไรกัน เราไม่เกี่ยวข้องกัน ท่านจะมาถอดถุงเท้าข้าได้อย่างไร?ไอ้หยา ไม่พูดแล้ว ท่านปล่อยข้าเสียเถอะ!
ก่อนกล่าวจบ นางก็ชักขากลับ ยันตัวลุกขึ้นคิดจะหยิบถุงเท้าสีขาวมาสวม ทว่าทันทีที่นางชักขากลับ ชายกระโปรงก็เลิกขึ้น เผยให้เห็นน่องขาวหมดจดของนาง
“ช้าก่อน” โม่ซีโน้มตัวไปข้างหน้าและจับน่องของนางไว้
ฉีซีหงายหลังลงบนตั่งนุ่ม อุทานเสียงดังและจ้องไปที่เขา
“เ้าถามกูว่าเรามีความสัมพันธ์อะไรกัน แต่เ้าลืมตัวตนของเ้าไปแล้วหรือ?” โม่ซีถามพร้อมเลิกคิ้ว
ทันใดนั้นฉีซีก็นึกขึ้นได้
“ท่านกับข้ามีความสัมพันธ์เป็เ้าหนี้และลูกหนี้กัน”
“แต่กูไม่คิดเช่นนั้น” โม่ซีแค่นหัวเราะ และเคลื่อนตัวไปตรงหน้าฉีซีทันที
นางรีบนอนหงายอย่างรวดเร็ว เท้าศอกไว้ข้างหลัง ยกขาขึ้นยันไหล่ของเขาด้วยเท้าเปล่า เพื่อป้องกันไม่ให้เขาเข้าใกล้ได้อีกแม้แต่หนึ่งนิ้ว
โม่ซีตะลึง ไม่คิดว่านางจะหยาบคายถึงเพียงนี้ ทว่าเมื่อกระโปรงของนางเลิกขึ้น เผยให้เห็นท่อนขาเรียว ทั้งสองข้าง และกางเกงชั้นในสีขาวบริสุทธิ์ แสงฤดูใบไม้ผลิที่ปรากฏบริเวณหว่างขาของนางทำให้เขาตาพร่าไปชั่วครู่
ท่าทางของทั้งคู่คลุมเครืออย่างมาก สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปมาอย่างรวดเร็ว มีั้แ่ความประหลาดใจไปจนถึงกระตุ้นอารมณ์ ฉีซีใ รีบหดขากลับอย่างรวดเร็ว
ทว่าโม่ซีเคลื่อนไหวได้เร็วกว่า การฝึกทหารมาหลายปีทำให้เขาตอบสนองโดยสัญชาตญาณ โน้มตัวไปหานาง มือข้างหนึ่งจับข้อเท้าของนางไว้ กดขาข้างที่นางหดกลับไปเข้ากับพนักพิงของตั่ง น้ำหนักตัวท่อนบนของเขากดทับท่อนล่างของนาง กักขังนางไว้อย่างแ่า
ฉีซีไม่สามารถขยับตัวได้จึงะโด้วยความตื่นตระหนก "เจ็บนะ! ท่านจะทำอะไรข้ากัน!"
โม่ซีรู้สึกประหลาดใจอีกครั้ง มือขวาของเขากดที่ต้นขาด้านในและหัวเข่าของนาง มือซ้ายจับข้อเท้าที่เรียบลื่นของนาง จนกระทั่งนางถามว่าเขาคิดจะทำอะไรกับนาง?
ทายา ใช่ไหมนะ?
โม่ซีมองท่าทางตื่นตระหนกและไร้เดียงสาที่น่าดึงดูดของฉีซี ไม่รู้ด้วยเหตุใดจึงได้ลืมเื่การทายาไปสิ้น ในเมื่อนางไม่เคยถือว่าเขาเป็สุภาพบุรุษ เช่นนั้นเขาจะทำตัวเป็ผู้มักมากในกาม จูบนาง และหยอกเย้านางเสียหน่อยก็คงจะดี
“เ้ามักเข้าใจผิดว่ากูเป็สัตว์ร้าย เช่นนั้นกูจะลองเป็สัตว์ร้ายให้เ้าดูสักครั้ง?” เขาเผยรอยยิ้มที่น่ารังเกียจ แววตาของเขาเป็ประกาย
เขาโน้มตัวไปข้างหน้า เชยคางของนาง และบังคับจูบอย่างรุนแรง
ฉีซีถอยหลังไปจนกระทั่งด้านหลังศีรษะชนเข้ากับขอบตั่งที่เอียงไปด้านหลัง ไม่มีที่ให้ถอยอีกแล้ว ดวงตาที่ตื่นตระหนกของนางจ้องไปที่โม่ซี ะโอย่างสับสน "หมายความว่าอย่างไร? ข้าไม่เคยคิดว่าท่านเป็สัตว์ร้ายเลย!”
ในเวลานี้ จูมามานำสาวใช้เข้ามารับใช้ในตำหนัก ทุกคนต่างประหลาดใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้
ซีอ๋องไม่ใช่คนชอบแสดงออกมากนัก และปกติแล้วมักจะมีสีหน้านิ่งเฉย ทว่าเพียงวันเดียว เหตุใดจึงดูเปลี่ยนไปเป็คนละคนได้ถึงเพียงนี้?
ทว่าซีอ๋องตวัดสายตามองพวกนางในทันที ดวงตาของเขาเ็าและดุร้าย ก่อนจะกลับมาเป็เ้านายคนเดิมที่พวกนางรู้จัก พวกนางรีบออกจากตำหนักอย่างเงียบเชียบ และปิดประตูตามหลังทันที
เมื่อเห็นสถานการณ์นี้ ฉีซีจึงะโ "จูมามา ช้าก่อน!"
แต่โม่ซียิ้มจาง และกล่าวว่า "เ้าอยากให้พวกนางอยู่ดูอย่างนั้นหรือ? เ้ามีรสนิยมเช่นนี้เองหรือ?"
เมื่อฉีซีได้ยินสิ่งนี้ก็ลมแทบจับ!
เขาอยากให้นางร่วมหลับนอนตอนกลางวันแสกๆ อย่างนั้นหรือ?
“ไม่ใช่นะ! ท่านบอกว่าข้ายังาเ็อยู่ไม่ใช่หรือ? สุภาพบุรุษจะไม่ผิดคำพูด!”
นางใจนหน้าซีดเผือด ทว่าไม่รู้ว่ามีประโยคหนึ่งสอดคล้องกับคำที่โม่ซีกล่าวไว้ก่อนหน้านี้
“หึ คิดถึงเื่ร่วมรักอีกแล้ว!” โม่ซีเลิกคิ้วมองพวงแก้มแดงก่ำและสีหน้าวิตกกังวลของนาง ภายในใจยิ่งรู้สึกอยากกลั่นแกล้งให้มากขึ้นอีก จึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่สุภาพบุรุษ เ้าพูดเองนะ จะตำหนิกูไม่ได้”
เขาบีบข้อเท้านางทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจ ลูบไล้ไปตามด้านในต้นขาและหัวเข่า ความรู้สึกเสียวซ่าะเิออกตามการััของเขาและลามไปทั่วแขนขา ฉีซีรู้สึกใ พยายามดึงขาออก พร้อมกับร้องะโว่า "อย่าทำเช่นนี้ ! มันคัน!"
“คันหรือ? แน่นอน สักพักจะรู้สึกดีขึ้น...” เขาพูดติดตลกและจงใจลากเสียงส่วนท้าย
ฉีซีรู้สึกอับอายและโกรธมากจนใบหูของนางแดงก่ำเป็สีเื และเอ่ยปากก่นด่า "ท่านช่างไร้ยางอาย! เมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลยไม่ใช่หรือ? ถูกิญญาเข้าสิงอย่างนั้นหรือ? รีบปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!"
โม่ซีไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้หลังจากได้ยินสิ่งนี้ เมื่อคืนเขาไม่ได้แตะต้องนางแม้แต่น้อยเพราะอาการาเ็ของนาง วันนี้เขาก็ไม่ได้คิดจะให้นางมาร่วมหลับนอน เพียงแต่นางปากไม่ดีและมองเขาด้วยสายตาที่ปราศจากความเคารพ เขาจึง้าให้นางรู้ว่าใครคือผู้เป็นาย และ้ากลั่นแกล้งจนกว่านางจะร้องขอความเมตตา
“ข้าถูกิญญาร้ายสูบกินพลังชีวิตมนุษย์เข้าสิงร่าง เ้าจะทำอะไรข้าได้?” เขาโน้มตัวลงมากัดคอนางแล้วเริ่มดูดดึง
“ฮึก! อ๊า!” เสียงครวญครางของฉีซี ทำให้ทั้งสองใอย่างมาก
โม่ซีเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย เห็นสีหน้าเขินอายและพวงแก้มแดงก่ำ ทำให้เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย
ตรงนี้หรือ?
เขาลองอีกครั้ง เลียลำคอขาวราวหิมะของนางเบาๆ
“อืม!” ฉีซีกัดฟันและพ่นลมหายใจสั้นออกมา
เป็ตรงนี้จริงๆ การเย้าแหย่นางช่างง่ายดายเสียจริง
โม่ซีลอบหัวเราะในใจ ดวงตาของเขาเป็ประกายราวกับเข้าใจบางอย่าง และยิ่งรู้สึกพึงพอใจ
เมื่อฉีซีเห็นเช่นนั้นจึงรีบยกมือขึ้นเพื่อปิดลำคอของตน นางเขินอายเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยคำพูดใด
เหตุใดตนถึงส่งเสียงลามกเช่นนี้เมื่อเขาดูดดึงและเลียตนล่ะ?
ยิ่งนางคิดถึงเื่นี้ ใบหน้าก็ยิ่งร้อนผ่าวขึ้นราวกับน้ำเดือด นางหันศีรษะและะโว่า "กลั่นแกล้งกันพอแล้วหรือยัง? ปล่อยข้าไปเถอะ"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้