เมื่อเจอความมั่นอกมั่นใจของจ้าวซื่อเข้าไป แม้แต่ชาวบ้านก็ยังพูดอะไรไม่ออก
หลินซานหลางหรือหลินติ้งนั้นเชื่อมาตลอดว่าตนเป็คนมีดวง เพราะแม้ไม่ต้องทำอะไรก็จะได้สืบทอดทรัพย์สินของบ้านสามไปอยู่ดี
หลินซานหลางแทบไม่เคยไปเยือนบ้านของหลินฟู่อินเลย ในตอนที่เขาอายุได้สิบขวบ เขาเคยวิ่งไปบ้านของหลินฟู่อินเพื่อปาหินใส่ แล้วบอกว่าบ้านของหลินฟู่อินนั้นเป็ของเขา แต่หลินหยวนจับเขาได้แล้วโบยเขาอย่างรุนแรง จากนั้นมาเขาก็ไม่เคยกล้ามาอีกเลย
แต่อย่างไรเขาก็ยังสนใจในตัวอาสาม และป้าสะใภ้ที่ดูแตกต่างจากชาวบ้านคนอื่น จึงแอบมาลอบมองผ่านหน้าต่างของบ้านหลินฟู่อินอยู่เรื่อยๆ
บ้านของหลินฟู่อินนั้นทั้งสะอาด กว้าง และดูปลอดโปร่ง เห็นเช่นนั้นแล้วก็ทำเอาเขาน้ำมูกย้อย
นี่เป็อนาคตของเขาจริงๆ หรือ?
เขารู้สึกมาตลอดว่ามันมีบางสิ่งแปลกๆ
เมื่อเห็นคนอายุมากกว่าน้ำมูกย้อยใส่หน้า แต่กลับยิ้มกว้างเหมือนคนบ้าจนเห็นฟันเหลืองอ๋อย หลินฟู่อินจึงเม้มปากแล้วก้มหน้าหลบอย่างรังเกียจ
“ฟู่อิน นี่พี่สามของเ้า” จ้าวซื่อมองหลินฟู่อิน แล้วชี้นิ้วไปยังหลินซานหลาง ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม “จากนี้ไปจะมาเป็พี่ชายของเ้า ไม่รู้จักมารยาทหรือยังไง? เรียกเขาว่าพี่ชายสิ!”
“ญาติสาม” หลินฟู่อินเงยหน้าขึ้นมา พลางกลอกดวงตาสีกลมดำนั้นไปมา ก่อนกลับมามองหลินซานหลาง “แม่ข้าไม่เคยคลอดพี่ชายให้ข้า”
หลินซานหลางมองนางอย่างตกตะลึง
ั์ตาสีดำคู่นั้นเย็นะเืจนเขารู้สึกหนาวสันหลัง จิตใจสั่นสะท้าน จนเผลอก้มหน้าหลบสายตาทันที
จ้าวซื่อที่มองสีหน้าหลินฟู่อินมาตลอดได้เห็นเช่นนี้ จึงทุบโต๊ะอย่างรุนแรงพลางะโ “ฟู่อิน ไม่รู้จักเคารพคนอายุมากกว่าเลยหรือ? คิดจะขัดพี่ชายเ้าอย่างนั้นหรือ?”
ริมฝีปากของหลินฟู่อินกระตุกก่อนจะกลอกตา จ้าวซื่อนี่ช่างโง่ดักดานจริงๆ
“ป้าใหญ่ หากมาเพราะมีธุระ ก็รีบๆ พูดมาซะ เพราะนี่ก็เริ่มมืดแล้วด้วย” หลินฟู่อินกล่าวอย่างสงบ
“จะมืดแล้วหรือ? ดีเลยสิ ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ไปทำกับข้าวให้ป้าใหญ่กับพี่ชายของเ้าเสียล่ะ?” จ้าวซื่อแสยะยิ้มกว้าง “กินให้เยอะๆ จะได้มีแรงพูด!”
หลินฟู่อินตะลึงกับความหน้าด้านของจ้าวซื่อมาหลายครั้งแล้ว แต่จ้าวซื่อก็ยังสามารถทำให้นางนึกทึ่งได้ไม่รู้จบ
“ป้าใหญ่ วันนี้บ้านข้าทำข้าวต้มธัญพืชไว้” หลินฟู่อินกระตุกริมฝีปากเป็รอยยิ้ม “ลูกคนเล็กของท่านคงไม่รู้สึกอยู่ท้องเป็แน่”
“แล้วไม่รู้จักวิธีทำข้าวแห้งหรือไง? เจียนปิ่งก็ได้ ใส่น้ำมันเยอะๆ ใส่ต้นหอม ใส่เนื้อหมูหั่นบาง” หลินซานหลางซูดปากทุกครั้งที่จ้าวซื่อพ่นคำใหม่ๆ ออกมา สายตาเต็มไปด้วยความหิว
หลินฟู่อินยังพอทนได้ แต่ย่าหลี่นั้นโกรธจัดจนเริ่มจะหัวเราะออกมาแทนแล้ว
เห็นคนหน้าด้านมาก็มาก แต่ไม่เคยเห็นใครหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลย
“อ้อ ตกลงแล้วป้าใหญ่มาเพื่อลองอาหารฝีมือหลานสาวหรอกหรือ?” หลินฟู่อินสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วจึงกล่าวด้วยสีหน้าแทบไร้ความรู้สึก
เห็นเช่นนั้นจ้าวซื่อจึงกล่าวอย่างถือตัว “เื่กินเป็เื่รอง ข้าได้ยินว่าหลายวันนี้เ้าได้ไข่มาเยอะมาก แล้วที่บ้านข้าไม่มีไข่ แต่บ้านเ้ามีแค่สองคน เ้ากินไม่หมด แต่ก็ไม่ได้ให้ใคร วันนี้ข้าจึงถือตะกร้ามาตามคำสั่งของย่าเ้า”
เป็คำพูดที่กล่าวออกมาอย่างไร้ยางอาย และไร้ซึ่งมารยาท
หลินฟู่อินอึ้งไปอีกครั้ง “ป้าบอกว่าย่าเป็คนสั่งมาหรือ?”
จ้าวซื่อพยักหน้าอย่างภูมิใจ “ถูกต้อง แม้เ้าจะไม่แบ่งให้ลุงกับป้าของเ้าคนนี้ แต่เ้าก็ควรต้องแบ่งให้ย่าเ้าไม่ใช่หรือ?”
“ข้าเป็คนเลี้ยงพวกท่านหรือยังไง?” หลินฟู่อินถาม “ไม่ใช่ว่าข้ากับบ้านรองเพิ่งส่งเงินบ้านละสองตำลึงเงินให้ปู่ย่าไปเมื่อวันก่อนหรือ?”
“ข้าจำได้ว่าย่าของเ้าเลี้ยงไก่หลูฮวา [1] ที่ออกไข่ได้ไว้สิบกว่าตัว ย่าของเ้าภูมิใจกับมันมากด้วยนี่” ย่าหลี่ขัดขึ้นมา
จริงๆ แล้วคนเลี้ยงไก่พวกนั้นคือเฟิงซื่อและลูกๆ ของนาง ดูแลป้อนข้าวป้อนน้ำอย่างดีทุกวัน จะออกไข่ได้มันก็แน่นอนอยู่แล้ว
แล้วอู๋ซื่อก็แย่งผลงานไปเสียดื้อๆ ถูกพวกป้าๆ ชาวบ้านหัวเราะเยาะใส่ไปไม่รู้กี่ครั้ง
หลินฟู่อินคิดแล้วก็หัวเราะ “ป้าใหญ่ ถ้าย่าอยากกินไข่จริงๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้ข้าจะเอาไข่ไปส่งให้เองกับมือยี่สิบฟองเลย ไม่ต้องมาเอาเองก็ได้ ตอนนี้ก็มืดแล้ว และพวกข้าไม่ได้ทำอาหารไว้เผื่อ พวกท่านกลับไปเถอะ”
“แหม นังเด็กขี้เหนียว ป้าของเ้าคนนี้เป็ผู้าุโแท้ๆ แต่กลับไม่ให้อาหารพวกข้า ในตอนที่พวกข้ามาเยี่ยมอย่างนั้นหรือ? นี่ใช่สิ่งที่ลูกหลานสมควรทำหรือ? ”
หลินฟู่อินไม่สะดุ้งเลยสักนิด “ในเมื่อท่านเป็ผู้าุโ และไม่ใช่แขก ทำไมไม่กินที่บ้านตัวเองให้เสร็จแล้วค่อยมากัน? ปู่กับย่าไม่ให้อาหารหรือไง?”
หลินฟู่อินกำลังเตือนจ้าวซื่อให้รู้จักจุดยืนตัวเอง เพราะหากไม่มีใครสั่งสอน จ้าวซื่อคงทำให้ชื่อเสียงของผู้าุโตระกูลหลินทั้งสองกลายเป็ชื่อเสียแน่
“พูดอะไรไร้สาระ ปู่กับย่าของเ้าเคยไม่ให้อาหารข้าซะที่ไหน?” จ้าวซื่อสะดุ้ง
หากนางออกไปป่าวประกาศว่าแม่ยายไม่ยอมให้อาหารลูกสะใภ้ ชื่อเสียงทั้งหมดที่มีคงป่นปี้ แล้วอู๋ซื่อคงไม่มีวันยกโทษให้นางแน่หากรู้เข้า…
“แม่ ข้าอยากกินเจียนปิ่งแล้ว!” ในขณะที่จ้าวซื่อกำลังหน้าซีดอยู่นั้นเอง หลินซานหลางก็โยนตะกร้าไผ่ลงพื้น กล่าวขึ้นด้วยสีหน้าหมดความอดทน
“ให้น้องเ้าทำสิ ถ้านางไม่อยากทำให้เ้า แล้วมาบอกแม่เ้าไปให้มันได้อะไรขึ้นมา?” จ้าวซื่อกล่าวอย่างเดือดดาล
“ฟู่อิน เอาเจียนปิ่งมาให้ข้า พ่อเ้าน่ะตายไปแล้ว เพราะอย่างนั้นนับจากนี้ไปข้าจะช่วยเ้าดูแลบ้านหลังนี้เอง ในภายหลังหากเ้าไปแต่งงานกับใคร ข้าก็จะช่วยดูแลน้องๆ ของเ้าให้ด้วย” หลินซานหลางกล่าว
จ้าวซื่อได้ยินคำพูดพวกนั้น พอทำความเข้าใจได้ ใบหน้าอันซีดเซียวของนางก็พลันโลดเต้นขึ้นมา “โอ๊ะ จริงด้วย เ้าพูดถูก ฟู่อิน ลูกข้าพูดไม่ผิดใช่หรือไม่เล่า”
“หลินติ้ง นี่เ้าแช่งพ่อข้าหรือ? นั่นอาเล็กของเ้านะ!” เมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว หลินฟู่อินจึงเลิกคิ้วแล้วทุบโต๊ะอย่างแรง ก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “ไอ้ชั่ว ต่อให้สมมุติว่าคนบ้านข้าอยากให้เ้าสืบทอดต่อจริงๆ แต่ข้าละทนเห็นหน้าเ้าไม่ได้จริงๆ!”
“โอ ดูที่เ้าพูดสิ” จ้าวซื่อเห็นท่าทีเดือดดาลของหลินฟู่อินแล้วพลันกลัวจนคอหด แต่ก็ยังกล่าว “ตามหามาแปดวันแล้วไม่ใช่หรือ? แล้วมีข่าวอะไรหรือไง? ลูกข้าพูดอะไรผิดตรงไหน”
“เออ ข้าจะทำให้เ้ายอมรับเอง!” หลินซานหลางเห็นท่าทีของหลินฟู่อินแล้ว ก็กัดฟันพลางกำหมัดแน่น “ในวันถัดจากวันที่แม่ของเ้าตาย ข้าเข้าไปในป่านอกหมู่บ้านเพื่อขุดหาไข่กิน แล้วข้าก็ได้เห็นว่ากลางป่าลึกนั่นมันมีแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ใช่หรือไม่เล่า”
หลินฟู่อินนิ่งไป สายตามืดลง
ใช่ กล่าวกันว่านอกหมู่บ้านนั้นมีแม่น้ำที่ไหลมาจากูเาหลานฉางที่เป็ูเาน้ำแข็งอยู่ น้ำแข็งที่ละลายในระหว่างปีจะไหลลงมาเป็แม่น้ำสายนี้ มันลึกและไหลเชี่ยวในฤดูแล้ง เป็แม่น้ำที่ชาวบ้านนำมาใช้ปลูกผัก รวมถึงเลี้ยงคนและสัตว์
แต่แม้แม่น้ำนั้นจะอยู่ห่างจากตัวหมู่บ้าน มันก็มีคนมากมายที่ล้มกลิ้งแล้วตกจมหายไปอยู่มากมาย ดังนั้นแล้วพวกผู้ใหญ่จึงสั่งห้ามเด็กๆ ในบ้านว่าห้ามไปเล่นแถวแม่น้ำเด็ดขาด
“พี่ซานหลาง ข้ารู้จักแม่น้ำนั่น ท่านคิดจะพูดอะไรกันแน่?” หลินฟู่อินมองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร
-----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ไก่หลูฮวา หมายถึง ไก่พื้นเมืองของประเทศจีน รูปร่างเป็วงรี อวบอ้วน มีขนสีดำแซมขาว โดยสีขาวมีขนาดกว้างกว่าสีดำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้