เมื่อได้ยินตี้หลิงหานถามขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนั้นจีอู๋ซวงก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว ชายผู้เ็าคนนี้เคยแสดงความสนใจในตัวสตรีเมื่อใดกัน ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...
“บอกว่าเป็เวลาตอนเที่ยงวันสิบนาที”
จีอู๋ซวงกล่าวตอบ
ตี้หลิงหานใช้นิ้วเคาะโต๊ะ คนทั้งคนตกอยู่ในสภาวะครุ่นคิด
จีอู๋ซวงมองไปที่อั้นจิ่ว ส่งสายตาสื่อความหมายให้แก่เขา แต่เมื่อเห็นว่าสหายผู้นี้เหมือนบุรุษปากน้ำเต้าบูดบึ้ง [1] ผู้นั้นยิ่งนัก เขาไม่สนใจสัญญาณของตนเลยสักนิด ดวงตามองจมูก จมูกมองใจ [2] ไม่สนใจเขาเลย
ในใจของจีอู๋ซวงเกาหัวยุบยิบด้วยความไม่เข้าใจเป็อย่างยิ่ง
“ข้าถามเ้าว่า เ้ารู้จักสตรีนางนั้นหรือ? ”
จีอู๋ซวงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาอีกครั้ง
ทว่าครั้งนี้ตี้หลิงหานกลับลุกขึ้นยืนมองเขา "เ้ายังมีเื่อันใดอีกหรือไม่? "
จีอู๋ซวง "...! "
ชายพลิกลิ้นเหี้ยมโหดผู้นี้กำลังไล่ให้เขาไปใช่หรือไม่?
ช่างน่าโมโหยิ่ง
จีอู๋ซวงลุกขึ้นอย่างโกรธเคืองและหยิบขวดยาออกจากแขนเสื้อของเขา "นี่เป็ยาเม็ดที่เมื่อเร็วๆ นี้ ข้าได้ปรับปรุงคุณภาพเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ยังคงเหมือนก่อนหน้า กินหนึ่งเม็ดทุกเช้าและเย็นเพื่อระงับพิษในร่างของเ้า อีกไม่นานก็จะเป็วันที่สิบห้าแล้ว เมื่อถึงเวลา เ้าก็ทานพร้อมผลไม้ิญญาโลหิตสีชาด ค่ำคืนแห่งพิษจะได้ไม่ผ่านพ้นไปอย่างยากลำบากนัก เมื่อถึงเวลา ข้าจะมาหาเ้าแน่นอน”
เขาวางเม็ดยาลงบนโต๊ะ เสียงของเขาเพิ่มระดับความจริงจังขึ้นมาไม่น้อย
"อืม"
ในทางตรงกันข้าม ตี้หลิงหานมีทีท่าราวกับไม่แยแสต่อสิ่งใดทั้งสิ้น
เมื่อจีอู๋ซวงเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจนำพาอันใดของเขา หัวใจก็รู้สึกเป็ทุกข์เช่นกัน “อาหาน รอจนกระทั่งพบยาแก้พิษที่เหลือทั้งหมดแล้ว พวกเราไปที่หุบเขาเย่าหวางด้วยกันสักครั้งเถิด เชิญอาจารย์ของข้าออกจากหุบเขา ท่านย่อมสามารถรักษาพิษของเ้าได้แน่"
“เ้าไม่ได้ถูกขับไล่ออกจากประตูสำนักหรือ? จะเอาท่านอาจารย์มาจากที่ใด? ”
ตี้หลิงหานเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย
จีอู๋ซวง "...! "
หนามอีกอันในใจเขา เื่นี้มิต้องเอ่ยถึงมิได้หรือ?
“พิษของเ้า...”
"เป็ตายฟ้ากำหนด มั่งมียากจน์ลิขิต"
ตี้หลิงหานขัดจังหวะคำพูดของจีอู๋ซวง เขาลุกขึ้นและเดินลงบันไดออกจากศาลาคลายร้อน ก่อนจะหันมาหาจีอู๋ซวงพร้อมกว่าวว่า "กลับไปเองเถิด พรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมเยือนหออู๋ิสักครา"
จีอู๋ซวงยืนอยู่บนศาลามองไปที่แผ่นหลังของตี้หลิงหาน ชายหนุ่มรูปงามราวเทพเ้า เ็าไม่มีผู้ใดสามารถเทียมเทียบได้ เงาด้านหลังของเขาถูกแสงแดดฉายส่องลงมาทอดยาว แต่ทว่าเขากลับมองเห็นความเหงาที่สะท้อนออกมาจากร่างกายได้อย่างชัดเจน
ตี้หลิงหาน องค์รัชทายาทแห่งราชวงศ์ต้าโจว มีรูปลักษณ์ที่สง่างามเหลือใต้หล้า มีไหวพริบที่ยากหาผู้ใดต่อกร
ชายที่ทำให้ทุกคนอิจฉา กลับถูกทัณฑ์พิษทรมานั้แ่ยังเยาว์
และดูเหมือนเขาจะมองความเป็และความตายเป็เื่ธรรมดา
หัวใจของจีอู๋ซวงรู้สึกเ็ปอย่างกะทันหัน
“คุณชายอู๋ซวง ท่านไม่สามารถรักษาพิษขององค์ชายได้อย่างสมบูรณ์หรือ? ”
ในอีกด้านหนึ่ง อั้นจิ่วที่พยายามระงับอารมณ์ ทว่าในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามออกมา
"ข้า…"
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับหนึ่งในผู้ใต้บังคับบัญชาที่น่าเชื่อถือที่สุดของตี้หลิงหาน ผู้ที่ในใจตรึกตรองมหาศาลแต่กลับเอ่ยวาจาออกมาไม่กี่คำเช่นอั้นจิ่วแล้ว จีอู๋ซวงนวดหางตาของเขาและตอบตามจริงว่า "พิษในร่างกายของเ้านายเ้าสะสมอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่แค่เพียงปีเดียว แต่เป็เวลาหลายสิบกว่าปี ในตอนที่ข้าหลีกหนีออกมาจากหุบเขาเย่าหวางนั้น ข้ายังไม่ได้เรียนรู้วิธีการฝังเข็มลมปราณทั้งสิบสามเข็มของอาจารย์ข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถรักษาพิษของอาหานได้
อย่างไรก็ตาม พิษในร่างกายของอาหานจำเป็ต้องมีชิ้นส่วนสมบัติ์ไม่น้อยเลยในการรักษา ใน่หลายปีที่ผ่านมาหออู๋ิและอันเหมินได้พยายามอย่างเต็มที่ที่สุดเพื่อให้ได้มาทั้งหมดแปดอย่าง ทว่ายังขาดอีกสามอย่าง ขอเพียงแค่รวบรวมวัตถุดิบยาเหล่านี้ได้ แล้วพาอาหานไปที่หุบเขาเย่าหวางได้ อาจารย์ต้องล้างพิษของเขาให้ได้เป็แน่"
เมื่อได้ยินคำพูดของจีอู๋ซวง คิ้วของอั้นจิ่วก็ขมวดเข้าหากันแน่น
"ชิวไห่เฟิง ปรมาจารย์เ้าหุบเขาเย่าหวาง..."
อั้นจิ่วกัดฟัน เมื่อเขาพูดถึงนามของบุคคลนี้ ร่างทั้งร่างของเขาก็ถูกห่อหุ้มด้วยความโกรธ
“คุณชายอู๋ซวง ท่านไม่ต้องกล่าวถึงว่าเ้าหุบเขาชิวสามารถรักษาพิษขององค์ชายได้จริงหรือไม่ คนคนนั้นเป็คนไม่แยกถูกผิด เป็คนเลวที่เพิกเฉยต่อชีวิตของมนุษย์ คนผู้นั้นคู่ควรแล้วหรือที่จะรักษาองค์ชาย? เมื่อไม่กี่ปีก่อนที่องค์ชายถูกพิษ พวกเราเดินทางไปเพื่อกราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง [3] อ้อนวอนให้ปรมาจารย์ชิวออกมาจากหุบเขาเพื่อรักษาพิษให้องค์ชาย สุดท้ายเขาขออันใด? ขอศีรษะของท่านเพื่อแสดงความจริงใจอย่างไรเล่า นี่นับเป็ความคั่งแค้นอันใดหรือ? ท่านยังกลายเป็ศิษย์ที่เขาเลี้ยงดูมาั้แ่เล็กอีก...”
การที่อั้นจิ่วโมโหก็นับเป็เื่ที่สมควร ดวงตาคู่นั้นของเขาแดงก่ำ
ราวกับเมื่อย้อนคิดถึงอดีตครั้งนั้น เขาก็ไม่สามารถระงับโทสะเอาไว้ได้
เห็นอั้นจิ่วเป็เช่นนี้ จีอู๋ซวงกลับขบขันขึ้นมา เขาตบๆ ไปที่ไหล่ของอันจิ่ว "เ้าตัวน้อยโกรธอันใดกันเล่า ชีวิตของข้า เดิมทีก็ถูกเขาเก็บกลับขึ้นมา รอให้ข้ารวบรวมยาถอนพิษได้สำเร็จ ข้าจะบั่นศีรษะตนเอง เมื่อถึงเวลานั้นเ้าก็นำศีรษะของข้าไปยังหุบเขาเย่าหวาง เชิญอาจารย์ของข้าออกจากหุบเขาเพื่อช่วยรักษาอาหานเถิด”
“คุณชายอู๋ซวง คำพูดนี้ของท่านหมายความว่าอย่างไร? ”
อั้นจิ่วบันดาลโทสะแล้ว
จีอู๋ซวงยิ้มตามใจตนปรารถนา เขากางกำปั้นออกและยกไปทุบที่หน้าอกของอั้นจิ่ว "พวกเราตกลงกันแล้วนะ ข้าจริงจังจริงๆ "
"ไม่"
อั้นจิ่วส่ายหัวปฏิเสธ
ทว่ากลับได้ยินจีอู๋ซวงเปิดปากว่า "พิษในร่างขององค์ชายเ้า ทำให้เหลือเวลาอีกไม่ถึงหนึ่งปี ภายในปีนี้หออู๋ิและอันเหมินจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อค้นหายาวิเศษอีกสามชนิดที่เหลือนั้นให้จงได้ จากนั้นเ้าจงไปที่หุบเขาเย่าหวางเพื่อตามหาอาจารย์ของข้า มีเพียงวิธีนี้จึงจะสามารถแลกเปลี่ยนโอกาสในการรอดชีวิตของอาหานได้ให้กลับมาได้”
เมื่อได้ยินคำพูดของจีอู๋ซวง ดวงตาของอั้นจิ่วก็เปลี่ยนเป็สีแดงก่ำ
“จำคำพูดของพวกเราในวันนี้ไว้ ศีรษะของข้าต้องฝากไว้ที่เ้าแล้ว...”
จีอู๋ซวงกล่าวถ้อยคำพวกนี้อย่างเอ้อระเหยลอยชาย
ใบหน้าของอั้นจิ่วตึงแน่นเป็อย่างยิ่ง
จีอู๋ซวงรู้สึกว่ามันตลก เขาเลยหยิกเข้าที่หน้าของอั้นจิ่ว "หากอาจารย์ของข้า้าศีรษะของข้า ก็จงนำมันไปให้เขา ถือว่าตอบแทนบุญคุณที่เขาชุบเลี้ยงข้ามา และหากมันสามารถช่วยอาหานได้ ข้าก็ยินดีที่จะทำเช่นกัน"
หลังจากพูดคำเหล่านี้เสร็จ เขาก็เดินออกจากศาลาคลายร้อนไป เหลือเพียงอันจิ้วที่ยืนอยู่ในนั้นท่ามกลางความสับสนงุนงง
...
ฮวาเหยียนเดินออกจากหออู๋ิโดยมีเสี่ยวไป๋อยู่ในอ้อมแขนของนาง ทั้งคนทั้งสัตว์ไม่ได้ไปที่ร้านอาหาร แต่กลับซื้อซาลาเปาเนื้อสองสามก้อนจากร้านค้าใกล้เคียง ก่อนจะค้นหาตรอกที่ไร้ผู้คนเพื่อหลบ เมื่อทานจนเสร็จก็เดินทางกลับบ้าน ใกล้จะแก้ปัญหาเื่เงินได้สำเร็จแล้ว อารมณ์ของนางจึงเบิกบานยิ่งนัก
ผลลัพธ์สุดท้ายเมื่อพวกนางเดินออกมาจากตรอกนั้น กลับพบผู้คนบนถนนพากันวิ่งวุ่นมุ่งไปทางเดียว
“เร็วเข้า ทางนั้นเกิดการต่อสู้ขึ้นแล้ว”
"มีเื่ครึกครื้นแล้ว รีบวิ่งเร็วเข้า"
ฮวาเหยียนเดินออกมาจากตรอกและเห็นกลุ่มคนบนถนนพากันวิ่งไปในทิศทางเดียวกันอย่างบ้าคลั่ง
เกิดเื่อันใดขึ้น?
หญิงสาวเลิกคิ้ว
สำหรับนางแล้ว การเข้าร่วมชื่นชมเื่ครึกครื้นนั้นไม่ใช่สิ่งที่สตรีที่ดีควรกระทำ และเมื่อยิ่งคิดขึ้นมาได้ว่าตนเองออกมาข้างนอกค่อนข้างนานแล้ว เริ่มคิดถึงหยวนเป่าขึ้นมาบ้างแล้วจึงเตรียมตัวกลับจวน
“เร็วเข้า ข้าได้ยินมาว่าแม่ทัพเหล่ยถิงและท่านอ๋องมู๋ทะเลาะกัน ได้ข่าวว่าพวกเขาทั้งคู่ได้รับาเ็หรือ? ”
"อะไร? เพราะเื่อันใดกัน? "
“เร็วเข้าเถิด ไปดูแล้วก็จะรู้เอง”
ในเวลานั้นมีคนอีกสองคนกำลังจะพุ่งผ่านร่างของนางไปอย่างรวดเร็ว หูของฮวาเหยียนกางออก นางได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองจึงดึงหนึ่งในพวกเขาเข้ามาถาม "เมื่อสักครู่เ้าพูดว่าอะไรนะ? "
ชายคนนั้นกำลังรีบร้อน แต่จู่ๆ ก็มีคนดึงเขาเข้ามา อีกนิดก็เกือบจะล้มลงตีลังกากับพื้นแล้ว สีหน้าของเขาจึงย่ำแย่อยู่เล็กน้อย “แม่นางท่านนี้มีอันใด? เ้ารีบปล่อยข้านะ ประสาทไปแล้วหรือ? "
ชายผู้นั้นรูปร่างสูงใหญ่ดูแข็งแรงบึกบึน ตาขวางจ้องเขม็งไปที่ฮวาเหยียน
ฮวาเหยียนเดิมทีอยากจะถามอย่างใจเย็น แต่ทว่าบุรุษผู้นี้มีใบหน้ากลมแน่นดุดัน บรรยากาศโเี้ดุร้ายนี้ยั่วให้ฮวาเหยียนโมโหขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน นางจึงคว้าไหล่ของเขาบิดหมุน เจ็บจนเ้าของไหล่กรีดร้องโหยหวน "โอ้ย แม่นางโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ถ้าท่านมีอันใดจะกล่าว ก็เชิญกล่าวมาได้เลย”
ฮวาเหยียนส่งเสียงเหอะในลำคอ ปล่อยเขาไป
ดูเอาไว้นะ คนที่ไม่ไว้หน้าคนอื่นก็ไม่ควรจะไปพูดจาดีกับพวกเขา
อย่าบังคับให้นางต้องลงมือ!
ช่างน่าโมโห ทั้งๆ ที่นาง้าประพฤติตนให้อยู่ในกรอบของคุณหนูจากตระกูลใหญ่แท้ๆ เชียว
“เมื่อสักครู่เ้าบอกว่าผู้ใดทะเลาะกันนะ? ”
เชิงอรรถ
[1] ปากน้ำเต้าบูดบึ้ง 闷嘴葫芦 mèn zuǐ hú lú หมายถึงคนที่ไม่ชอบพูดหรือชอบเจรจา
[2] ดวงตามองจมูก จมูกมองใจ 眼观鼻,鼻观心yǎn guān bí,bí guān xīn ก้มหน้าเพราะอาย รู้สึกละอายใจ
[3] กราบสามครั้ง คำนับเก้าครั้ง 三拜九叩 คือการกราบแบบสูงสุดของจีน ใช้สำหรับเข้าเฝ้าเ้านาย หรือบูชาเทพเ้า วิธีการคำนับถือก้าวท้าวซ้ายไปข้างหน้าหนึ่งก้าว แล้วคุกเข่าขวาลงไป แล้วหลังจากนั้นจึงคุกเข่าซ้ายลงไปตาม หลังจากนั้นก็โค้งคำนับศรีษะลงไป แล้วจึงยืดตัวขึ้นมา การโค้งคำนับแบบนี้จะต้องทำให้ครบสามครั้งก่อน แล้วจึงให้ยืนตรง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้