คำพูดของเจียงไป๋ทำให้ผู้าุโเมิงจมเข้าสู่การครุ่นคิด และไม่พูดอะไรอยู่นาน
แต่ในระหว่างนี้ พวกเจียงไป๋สามคนก็ไม่พูดแม้แต่คำเดียว ใครๆ ก็ไม่กล้าขัดความคิดของท่านผู้ยิ่งใหญ่นี้
สักพักใหญ่ ท่านนี้เพิ่งจะพยักหน้าและพูดว่า “ได้สิ ในเมื่อเป็เช่นนี้ แบบนั้นก็ทำได้แค่รอดูชะตาฟ้าลิขิตแล้ว นายก็ทำให้เต็มที่เถอะ หากช่วยอู๋จี๋ได้ ฉันคนแก่คนนี้ก็ติดค้างน้ำใจนายครั้งใหญ่ ถึงจะช่วยไม่ได้ ต่อไปหากนายมีเื่อะไร ก็สามารถมาหาฉันได้เหมือนกัน การฝากฝังของอู๋จี๋ เพียงแค่คนแก่อย่างฉันไม่ได้จากไปก่อนเขา ก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน”
“ก็รอคำนี้ของคุณอยู่เชียว” จ้าวอู๋จี๋หัวเราะ และยืนขึ้นพูด
ซึ่งทำให้เจียงไป๋และคนอื่นๆ หมดคำพูดไปเลยทีเดียว
ก็มีแต่เขาที่กล้าทำอย่างนี้ ถึงจะเป็คนสำคัญพวกนั้นก็ไม่กล้าทำอย่างนี้ต่อหน้าผู้าุโเมิง
“เหอะๆ นายน่ะ ก็อายุสี่สิบกว่าแล้ว ทำไมถึงได้เหมือนเด็กๆ บ้านหลังนี้ก็มีแต่นายที่กล้าทำอย่างนี้ คุณอาที่ไม่เอาไหนคนนั้นของนายพอเห็นฉันก็เหมือนหนูเห็นแมว ฉันน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ? พูดจริงๆ แล้วฉันก็เป็พ่อแท้ๆ ของเขา แต่เขาก็อายุกี่สิบปีแล้ว ตอนนี้ก็ถือว่าเป็ข้าราชการที่สำคัญคนหนึ่ง พอเห็นฉันก็ยังคงสั่นอยู่ได้ ไม่รู้จริงๆ ว่าเขาจะบริหารพื้นที่ได้อย่างไร และก็ไม่รู้ว่าการปล่อยเขาออกไปจะถูกหรือผิดกันแน่ หากเขาเก่งได้สักครึ่งหนึ่งของนาย ฉันก็คงจะไม่ต้องกลุ้มแทนครอบครัวนี้แล้ว”
ผู้าุโเมิงฉีกยิ้มเบาๆ ชี้จ้าวอู๋จี๋พลางพูด พอพูดถึงตอนท้ายก็ถอนหายใจ อาจจะเป็เพราะรู้สึกว่าคนรุ่นหลังไม่ได้ดั่งใจ
“เหมือนกับผม? เหมือนกับผมไม่ได้หรอก หากเหมือนกับผม แม้แต่เขาจะปกครองพื้นที่สักแถบก็ล้วนทำไม่ได้ คนอย่างผม คุณก็รู้ ลงมือค่อนข้างโหดทั้งยังให้ความสำคัญกับอารมณ์ความรู้สึกเกินไป และขัดแย้งกัน ไม่เหมาะสมที่จะเดินทางนี้ ผมไม่เดินอย่างนี้ หากเดินทางนี้จริงๆ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะสู้คุณอาคนนั้นของผมไม่ได้ อย่างไรตอนนี้ก็เป็อิสระ และก็ไม่เลว ฮ่าๆ ขอพูดสักหน่อย คุณปู่หากไม่ใช่เพราะคุณร่างกายแข็งแรงกว่าผม ผมก็แข็งใจอยู่ได้ไม่นานนัก ถึงจะไม่มีคุณ ผมก็ยังคงเรียกลมเรียกฝนได้ และมีบทบาทในท้องที่หนึ่ง ใครๆ ในเทียนตูก็ล้วนทำอะไรผมไม่ได้ นี่ก็ไม่ใช่ว่าดีมากหรือ?”
จ้าวอู๋จี๋หัวเราะและพูดคำพูดที่พอทำให้คนอื่นๆ อกสั่นขวัญหายออกมาอย่างเปิดเผย
ถึงจะไม่มีคุณ?
นี่ไม่ใช่ว่าแช่งกันหรือ?
หากเปลี่ยนเป็คนอื่นพูด คอยดูว่าผู้าุโเมิงจะตีให้ตายไหม
“พอแล้ว ฉันเหนื่อยแล้ว อู๋จี๋มาคุยเป็เพื่อนฉันหน่อย ส่วนพวกนายก็ไปทำธุระกันเถอะ เสี่ยวเป้า เสี่ยวไป๋เพิ่งจะมาหลิงเฉวียน ยังไม่คุ้นเคย อยู่แต่บ้านของคนแก่ๆ อย่างฉันก็คงจะอุดอู้ หากเขายินยอม ก็ออกไปเที่ยวเล่นสักหน่อย ในเมื่อมาแล้วก็ต้องออกไปเที่ยวเล่น หากฉันจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ เสี่ยวไป๋น่าจะไม่เคยมาหลิงเฉวียน แหล่งรวมทัศนียภาพของหัวเซี่ยก็ควรจะไปเที่ยวเล่นสักหน่อย”
เมื่อผู้าุโเมิงได้ยินคำนี้แล้วก็หัวเราะ หลังจากนั้นก็พูดกับหวางเป้า
แต่พอพูดว่าเสี่ยวเป้าออกมา ก็ทำให้สีหน้าของหวางเป้าเขียวขึ้นมาทันที แต่กลับไม่กล้าพูดอะไร ทำให้เจียงไป๋กลั้นหัวเราะไว้ ดีที่ไม่หัวเราะออกมา
“ครับ ครับ”
เป็ธรรมดาที่หวางเป้าจะไม่กล้าปฏิเสธ และกลั้นหน้าเขียวไว้พลางรับคำด้วยเสียงต่ำ
เมื่อพูดจบ พวกหัวหน้าซุนทั้งสามคนก็หันหลังเตรียมที่จะออกไปแล้ว
เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู เสียงของผู้าุโเมิงก็ดังมา “ฉันได้ยินว่าครั้งนี้เมิงหวงเฉาไม่พอใจ เขาอดกลั้นจนไม่ไหวแล้ว และ้าจะประลองฝีมือกับพี่ชายเขาสักหน่อย แต่ไอ้คนไม่เอาไหนคนนี้ทำไมถึงไม่เข้าใจ ถึงจะเป็พ่อเขามาเอง ก็ล้วนประลองฝีมือกับพี่ชายเขาไม่ได้หรอก ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็พวกล้างผลาญครอบครัวที่อยู่ว่างๆ? คิดว่าคนอื่นยกย่องเขาจริงๆ และให้เกียรติเรียกเขาว่าคุณชายใหญ่ ทั้งใต้หล้านี้ก็ไม่มีใครแหย่เขาได้แล้วหรือ? สร้างปัญหาอยู่ในตี้ตู และถูกฉันจับมาแล้ว ่นี้ถูกกักตัวอยู่ที่หลิงเฉวียนนี้ เสี่ยวไป๋ เ้าสารเลวคนนี้น่าจะไปหานาย หากเขาไปหานายจริงๆ ก็ออกไปเที่ยวเล่นกับเขาสักหน่อย เ้านี่น่ะอยู่ด้านนอกคุ้นเคยกว่าหวางเป้ามาก พวกนายก็อายุพอๆ กัน สถานที่ที่ไปก็น่าจะทำให้นายพอใจได้ เสี่ยวเป้าจื่อค่อนข้างคร่ำครึน่ะ แต่ก็ไม่เหมาะ อืม หากเ้านั่นแหย่ขึ้นมาแล้วล่ะก็ ไม่ต้องเกรงใจฉัน ตีเขาได้เลย ไม่ต้องยั้งมือ! จะพิการก็ดีแต่อย่าเอาให้ถึงตาย ทุกอย่างมีฉันรับผิดชอบ ถึงเวลาที่จะทำให้เขาได้รับการสั่งสอน และเสียเปรียบสักหน่อยแล้ว”
แค่ประโยคเดียวก็ทำให้สีหน้าของหวางเป้ากับหัวหน้าซุนเปลี่ยนไปแล้ว พวกเขามองหน้ากัน แต่กลับไม่พูดอะไร
ทางเจียงไป๋ก็มีใบหน้าที่งงงวย แต่พอได้ยินคำนี้แล้ว ก็รู้ว่าต้องเป็หลานของผู้าุโเมิงแน่นอน ตอนนี้ผู้าุโเมิงมอบให้เจียงไป๋สั่งสอนเขา?
นี่ …
เจียงไป๋ก็ลำบากใจอยู่บ้าง และไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร
“เสี่ยวไป๋ ฉันก็เห็นว่าเ้านั่นขัดหูขัดตาอยู่เหมือนกัน วันๆ ไม่ทำอะไร ถึงแม้จะไม่ทำเื่รังแกผู้ชายชิงเอาผู้หญิง แต่ทำเื่ไม่ดีพวกนั้นก็ไม่ได้แย่ไปกว่ากันเท่าไร หากยังเป็อย่างนี้อยู่อีกจะช้าหรือเร็วก็ต้องกลายเป็เดรัจฉาน เ้านั่นอวดดี อยากจะท้าทายฉันก็ไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว น่าเสียดาย … ก็เหมือนกับที่คุณปู่พูด พ่อเขาก็ล้วนสู้ฉันไม่ได้ อย่าเห็นว่าเขาเป็เศรษฐีรุ่นที่สองคนหนึ่งนะ ลู่ทางเ้านั่นมีมากมาย สถานที่ที่ไปก็อโคจร อีกสักครู่เขาต้องไปหานายแน่นอน หากเขาจะพานายไปก็ไปกับเขาได้ ถ้าแหย่นายก็จัดการเลย ก็เหมือนกับที่คุณปู่พูด ไม่ต้องยั้งมือ!”
จ้าวอู๋จี๋ก็ปริปากแล้ว และก็เหมือนกับคำพูดที่ผู้าุโเมิงพูด
แต่กลับทำให้เจียงไป๋วางใจ ผู้าุโพูดอย่างนี้ เจียงไป๋ไม่รู้ว่าจะจริงหรือไม่ อย่างไรนั่นก็เป็หลานของเขา หากเจียงไป๋เกิดปะทะกับเขาขึ้นมาจริงๆ ต่อยกันแล้ว ก็คงจะไม่ดี
แต่พอจ้าวอู๋จี๋พูดอย่างนี้ ภายในใจเจียงไป๋ก็มีความมั่นใจแล้ว เขามองออกว่า จ้าวอู๋จี๋ให้ตนเองจัดการได้จริงๆ
ในเมื่อเป็เช่นนี้ เจียงไป๋ยังจะมีอะไรต้องลังเล?
เพิ่งออกประตูมา ทางหัวหน้าซุนก็เข้ามาแล้ว “สหายเสี่ยวไป๋ ฉันจะบอกความจริงกับนาย อย่าฟังที่จ้าวอู๋จี๋กับผู้าุโยุยงนายนะ ถึงแม้เ้าเมิงหวงเฉาจะไม่มีวิชาความรู้ แต่ก็แหย่ไม่ได้ง่ายๆ ลูกไม้แพรวพราว ใจดำ ในตี้ตูไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไรเคยเสียเปรียบเขา หลังจากที่ขนานนามหลี่ชิงตี้ยี่สิบปี เป็ลูกผู้ดีมีเงินคนแรกของตี้ตู ภายนอกเล่าลือกันว่าคุณชายสี่แห่งเมืองจิงเฉิงอะไรเนี่ยแหละ เมื่อเทียบกับเขาแล้วก็นับค่าไม่ได้ ในลูกผู้ดีมีเงินของตี้ตูก็เรียกได้ว่าเป็ใหญ่ หลายคนก็ล้วนเคารพนับถือเขา แต่ขอปลีกตัวออกห่าง ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะก่อเื่เดือดร้อนในตี้ตูอีกแล้วล่ะก็ ผู้าุโก็คงจะไม่ตั้งใจหาคนไปจับตัวเขากลับมาโดยเฉพาะ อีกสักครู่เขาจะมาหานาย อย่าไปเด็ดขาดล่ะ เ้านั่นค่อนข้างเ้าเล่ห์ ที่นี่ก็เป็ที่ของเขาอีก แค่ไม่ระวังก็ต้องเสียเปรียบ ไม่กลัวว่านายจะหัวเราะใส่นะ ตอนนี้ลูกชายของฉันก็ล้วนตามติดเขาทั้งวัน ยิ่งเ้าเล่ห์ขึ้นไปทุกที ตอนนี้ฉันก็ล้วนกำราบไม่ไหวแล้ว หากนายอยากจะออกไปเที่ยวเล่นควรจะให้หวางเป้าพาไปจะดีกว่า หากไม่ได้จริงๆ พี่ชายจะไปเป็เพื่อนนายก็ได้ อย่างไรก็อย่าได้ไปแหย่เ้าเมิงหวงเฉาเลย”
“ใช่แล้ว เ้าเมิงหวงเฉาเซ้าซี้มาก ครั้งก่อนฉันมาก็เกือบจะเสียเปรียบแล้ว คิดไม่ถึงว่าเ้าสารเลวนั่นจะใส่ยาลงในอาหารของฉัน หากไม่ใช่เพราะฉันมีการป้องกันตัว เวลานั้นก็คงหลงกลไปแล้ว เสี่ยวไป๋อย่าได้ไปยุ่งกับคนอย่างเ้านั่น”
หวางเป้าก็พูดตบท้าย เห็นได้ชัดว่าหวางเป้ายังจำเมิงหวงเฉาได้แม่นเลยทีเดียว
แต่ไม่รู้ว่าเวลานั้นพวกเขาสองคนมีเื่อะไรกัน คิดไม่ถึงว่าจะทำให้หวางเป้าจำได้นานขนาดนี้ และก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่หวางเป้าพูด หลังจากวางยาแล้วถูกเขาพบเข้า
แต่เื่อย่างนี้ หวางเป้าไม่พูด เจียงไป๋ก็ไม่สะดวกที่จะถามเซ้าซี้ ก็แค่พยักหน้ารับคำ แต่ไม่พูดอะไรมาก
เขากับหวางเป้าสนิทกันไม่เลว แต่ดูท่าทางหวางเป้าแล้ว เห็นได้ชัดว่าเื่นี้เขาไม่อยากถูกคนอื่นถามเซ้าซี้ เจียงไป๋จะไปถามอะไรเขามากทำไม จะไปล่วงเกินหวางเป้าอย่างไร้เหตุผลทำไมกัน …
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้