หลายวันต่อมา ไม่มีผู้ใดมารบกวนเวินซี นางจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย โดยมีคนส่งบัญชีของร้านหม้อไฟและร้านเครื่องหอมมาให้นางที่ห้องตามคำสั่ง
นางจุดธูปหอม แล้วจึงนั่งดูบัญชีช้าๆ
ร้านหม้อไฟเป็ร้านอาหารเพียงแห่งเดียว แต่รายได้นั้นเป็ถึงสามเท่าของร้านเครื่องหอม เมื่อนำเงินที่หาได้ทั้งหมดมารวมกัน เวินซีก็มีกินมีใช้ไปทั้งชีวิตแล้ว
เื่นี้แม้แต่นางเองก็ยังประหลาดใจ
ชาติที่แล้ว นางต้องไปเป็นักฆ่าเพื่อที่จะหาเงิน ไม่เพียงแต่หาเงินไม่ได้ ยังต้องตายและย้อนเวลามาที่นี่อีก ไม่คิดเลยว่าชีวิตที่นี่จะทำให้นางหาเงินได้มากมายเช่นนี้โดยไม่ต้องลำบาก
ทว่านางก็มิได้อยากหยุดเพียงเท่านี้ เป้าหมายของนางคือการเป็เศรษฐีนีอันดับต้นๆ ของราชวงศ์ เป็เส้นสายทางธุกิจของผู้คน มีเพียงความแข็งแกร่งเช่นนี้เท่านั้นที่จะไม่ตกเป็เหยื่อของผู้ใด
เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ปิดสมุดบัญชี สวมเสื้อคลุมแล้วรีบเดินออกไป ขณะนั้นจ้าวต้านกำลังช่วยจ่างกุ้ยขายเครื่องหอมอยู่ที่หน้าร้าน เมื่อเห็นนางเดินออกไป เขาก็รีบตามไปด้วยทันที
เวินซีชินกับการที่เขาเอาแต่เดินตามเงียบๆ จึงมิได้ว่าอันใด
ใน่เหมันต์ที่อากาศหนาวเย็น ผู้คนบนท้องถนนน้อยลงกว่าเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด เวินซีเดินเตร็ดเตร่ไปบนถนน สายตาของนางคอยสังเกตร้านค้าสองข้างทางอยู่ตลอดเวลา
ร้านนี้เล็กเกินไป
ร้านนี้ใหญ่เกินไป
ร้านนี้ไกลเกิน
ร้านนี้ฮวงจุ้ยไม่ดี
ไปๆ มาๆ ก็ไม่มีร้านใดที่ถูกใจนางเลยสักนิด
“อยากจะซื้อร้านใหม่หรือ?” จ้าวต้านถามอย่างไม่แน่ใจ
“อื้ม จู่ๆ ก็อยากเปิดร้านอีกแห่งน่ะ” เวินซีตอบ
“จะขายหม้อไฟหรือ?”
“ข้าวางแผนที่จะขาย...ชานม” เวินซียิ้ม แววตาของนางเปล่งประกาย
ไม่มีสตรีคนใดปฏิเสธชานมได้
นางมองเห็นภาพร้านชานมที่เป็ที่นิยมจนมีผู้คนพากันต่อแถวแล้ว
“ชานมคือสิ่งใดกัน? ชาหรือ? เหตุใดข้าถึงไม่เคยได้ยินมาก่อน” จ้าวต้าวมองหน้านาง สีหน้าของเขาดูสับสน
“เครื่องดื่มที่ทำให้สตรีทุกคนต้องหลงใหล”
เมื่อคิดถึงชานม ในใจของเวินซีก็มีความสุข แม้กระทั่งฝีเท้าที่ก้าวเดินก็เร็วขึ้นตามไปด้วย
นางได้คำนวณไว้ในใจแล้ว หากเปิดร้านชานมก็จะเริ่มต้นอาชีพส่งอาหาร โดยให้ทหารลับของจ้าวต้านเป็คนส่ง เช่นนี้พวกเขาก็จะสามารถอยู่ในเมืองได้ด้วยอีกหนึ่งตัวตน
จ้าวต้านเห็นนางพูดเป็ปริศนาก็ยิ้มอย่างเอ็นดู
แม้ว่าเขาจะไม่เคยได้ยินเื่ชานมมาก่อน แต่ก็เชื่อว่ามันจะเป็ที่นิยมในเมืองนี้แน่ เพราะเป็เื่ที่นางอยากทำ เขาถึงเชื่อมั่น
หลังจากที่เดินอยู่นาน ในที่สุดเวินซีก็มาหยุดอยู่ที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง
ร้านนี้มีขนาดไม่ใหญ่นัก มีม่านสีเหลืองเขียนว่า “เหล้า” คลุมอยู่ที่ประตู ด้านข้างมีหน้าต่างที่สามารถถอดออกได้ สามารถส่งสินค้าให้ลูกค้าที่มาต่อแถวที่ประตู
เพียงแต่ว่าร้านนี้ไม่มีคนอยู่เลย มีเพียงป้ายที่เขียนว่า “ขายร้าน” ปักอยู่ที่ประตู บรรยากาศรอบๆ นั้นดูน่าหดหู่มาก
เวินซีมองดูร้านแห่งนี้พลันเดินเข้าไป นางเคาะประตูเบาๆ ก่อนจะมีเสียงรำคาญดังออกมาจากด้านใน
“ผู้ใดกัน? เราไม่ขายเหล้าแล้ว กลับไปเสีย รีบกลับไป อย่ามารบกวนข้า”
“ข้ามิได้มาซื้อเหล้า ข้าจะมาซื้อร้าน”
เวินซีบอกความตั้งใจของตน จากนั้นด้านในก็มีเสียงการเคลื่อนไหว ตามด้วยบุรุษรูปร่างอ้วนท้วนคนหนึ่งที่เดินออกมาอย่างรวดเร็ว เขามองดูเวินซี เมื่อเห็นว่านางสวมเสื้อผ้าชั้นดีก็ยิ้มตอบอย่างประจบประแจงทันที
“คุณหนูคิดดีแล้วหรือขอรับ?”
“แน่นอนสิ ขายเท่าไร?”
“ไม่แพงขอรับ เพียงห้าสิบตำลึง แต่คุณหนูขอรับ ข้าจะต้องเตือนก่อนว่าร้านนี้ตั้งอยู่ท้ายเมือง มีผู้คนผ่านไปมาน้อย หากข้าขายร้านให้ท่านแล้ว ไม่ว่ากิจการของท่านจะเป็เช่นไร เราไม่คืนเงินให้นะขอรับ”
บุรุษผู้นั้นคิดว่าสถานที่แห่งนี้ไม่ว่าจะทำธุรกิจใดก็ไม่มีทางทำกำไรได้
“เช่นนั้นก็ขายให้ข้าในราคาถูกหน่อยเถิด หากต่อไปมีปัญหาใด ข้าจะไม่โทษเ้า”
เวินซีใช้โอกาสนี้ต่อรองราคา
บุรุษผู้นั้นค่อนข้างลำบากใจ แต่เมื่อมองดูถนนที่ไม่มีผู้คน เขาก็พยักหน้าตกลง
เขาแขวนป้ายขายร้านมาเกือบจะครึ่งปีแล้ว นี่เป็ครั้งที่สามที่มีคนมาถามไถ่ แต่เป็ครั้งแรกที่มีคนจะซื้อจริงๆ
ในที่สุดเขาก็เจอคนโง่ที่จะมาซื้อแล้ว หากเสียโอกาสนี้ไป เกรงว่าจะต้องรอไปอีกสามสี่ปี เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปมิได้
เมื่อคิดเช่นนั้น ทันทีที่เห็นเวินซีหยิบเงินออกมาสี่ฉบับ เขาก็กลัวว่านางจะเปลี่ยนใจจึงรีบรับเงินมา หยิบโฉนดออกมาจากในอกแล้วส่งให้นาง จากนั้นก็รีบออกไปทันที
เวินซีถือโฉนดพลันเดินเข้าไปข้างใน ภายในร้านไม่ได้ใหญ่นัก ไม่มีการตกแต่งหรือซ่อมแซมใดๆ มีเพียงห้องที่อยู่อาศัยสามห้องและห้องทำเหล้าอีกหนึ่งห้อง
เวินซีค่อนข้างพอใจ จะเปิดร้านชานมยังต้องเตรียมการอีกหลายอย่าง นางดูร้านเสร็จก็ไปซื้อวัตถุดิบที่ใช้ทำชานม จากนั้นก็รีบกลับไปที่ร้านเครื่องหอม
จิติญญาของชานมอยู่ที่ไข่มุก นางผสมน้ำและน้ำตาลต้มจนเดือด แล้วเทลงไปกวนในแป้งมันสำปะหลัง
จ้าวต้านคอยอยู่ข้างกาย เขาช่วยอันใดมิได้ จึงทำไปพร้อมกับนาง
เมื่อได้แป้งมาหนึ่งก้อน เวินซีก็นำก้อนแป้งมานวดเป็แท่ง ตัดเป็ชิ้นเล็กๆ แล้วใส่ลงไปต้มในหม้อ
ไม่นานนักลูกกลมๆ สีดำก็ลอยขึ้นมา นางทำสำเร็จได้ในคราเดียว
เวินซีดีใจจนไม่อาจหยุดใช้ช้อนไม้กวน ก่อนจะตักไข่มุกขึ้นมาส่งไปที่ปากของจ้าวต้าน “ลองชิมเร็วเข้า!”
จ้าวต้านเผยอปากออกแล้วทานไข่มุกเข้าไป ความหอมหวานของมันะเิอยู่ภายในปาก เป็รสชาติแปลกใหม่ที่ไม่เคยได้ทาน เขามองดูเวินซีด้วยความตกตะลึง
อาหารที่นางทำมีรสชาติดีกว่าอาหารรสเลิศจากในพระราชวังเสียอีก เขาไม่กล้าคิดเลยว่าหากหม้อไฟและชานมเข้าไปสู่เมืองหลวงจะเป็ที่นิยมเพียงใด
“ยังไม่จบนะ”
เวินซียิ้ม นางเทนมแพะและชาแดงลงไปอีกหม้อหนึ่ง เคี่ยวส่วนผสมทั้งสองอย่างเข้าด้วยกัน
ไม่นานนักกลิ่นหอมก็โชยออกมา ซึ่งเป็กลิ่นที่ดึงดูดใจผู้คนราวกับหม้อไฟเมื่อคราก่อน
เวินซีใช้ชามตักชานมทั้งหมดขึ้นมา ในตอนที่ชานมยังร้อนก็เทใส่ลงไปในกล่องอาหารสองกล่อง นางกับจ้าวต้านแบ่งกันถือกล่องคนละใบและไปที่ร้านหม้อไฟ
ในขณะนั้นเป็เวลาอาหารเที่ยงพอดี ที่ร้านหม้อไฟกำลังเต็มไปด้วยผู้คน
เมื่อเห็นว่าเวินซีเข้ามาที่ร้าน ลูกค้าก็พากันทักทายอย่างเป็มิตร
“คุณหนูเวินซีมาร้านด้วย”
“คุณหนูเวินซี!”
“...”
เวินซียิ้มและพยักหน้าตอบกลับทุกคน ก่อนจะหยุดลงที่โต๊ะว่างและวางกล่องอาหารลง
“ทุกท่าน เพื่อเป็การขอบพระคุณทุกท่านที่ชื่นชอบหม้อไฟของเรา ข้าอยากจะให้ทุกท่านได้ชิมสินค้าใหม่ของเรา ชานม”
“มันคืออันใด?”
“ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แต่เป็สิ่งที่คุณหนูเวินซีให้ ทานแล้วไม่มีทางมีปัญหาแน่”
“นั่นสิ คุณหนูเวินซีแจกเลยเถิด!”
ลูกค้าพากันเอ่ยปาก
เวินซีส่งสายตาให้คนรับใช้ พวกเขาจึงนำชานมออกไปแจกจ่ายจนหมดภายในระยะเวลาอันสั้น
ทุกคนมองดูถ้วยและชิมชานม ต่างก็กระตือรือร้นเป็อย่างยิ่ง ในเวลาต่อมาก็มีคนเริ่มดื่มจนหมด
“อร่อยมาก สมกับเป็ของคุณหนูเวินซี”
“แม่จ๋า ข้าอยากดื่มอีก”
“รสชาติหอมหวานนี้ช่างติดปากเสียจริง คุณหนูเวินซี มีขายหรือไม่เ้าคะ?”
“ราคาเท่าไร?”
“...”
ทุกคนตอบสนองตามคาด เวินซีมองหน้าจ้าวต้าน กระแอมแล้วพูดเสียงดัง
“ชานมจะเริ่มขายในวันพรุ่งเ้าค่ะ ร้านอยู่ที่ร้านเหล้าเดิมท้ายเมือง ราคาถ้วยละสิบอีแปะ สามารถสั่งไว้ก่อนได้ พวกเราจะส่งชานมให้ทุกท่านภายในวันพรุ่งนี้เ้าค่ะ”
“ข้า คุณหนูเวินซี ข้าซื้อ”
“พวกเ้าอย่าเบียดข้าสิ ข้าเอาด้วย ข้าจะซื้อให้ภรรยาชิม”
“ข้า คุณหนูเวินซี ข้าเอาด้วย”
ทุกคนต่างให้ความสนใจและพากันแย่งซื้อชานม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้