พอออกจากประตูมา เจียงไป๋ก็พบว่าบริเวณลานบ้านมีรถสปอร์ตคันหนึ่งจอดอยู่ั้แ่เมื่อไรไม่รู้
เจียงไป๋รู้จัก รถเฟอร์รารี่รุ่นลิมิเต็ด ทั้งโลกมีอยู่แค่สิบห้าคัน คิดไม่ถึงว่าอยู่ที่นี่จะได้เห็นหนึ่งคัน โดยเฉพาะเป็สีแดงสด ที่สำคัญคือป้ายทะเบียนรถคันนี้ มี A นำ และยังตั้งใจเลือก 66666 ที่เป็เลขมงคล แค่ฉับพลันก็ทำให้เจียงไป๋กุมขมับแล้ว
ป้ายทะเบียนรถคันนี้ ตามหลักการแล้วก็เป็ไปไม่ได้ที่จะมี แต่เมิงหวงเฉาก็เอามาได้ และก็ไม่รู้ว่าเ้านี่ใช้วิธีการอะไร แค่รถชั้นนำอย่างนี้ก็พอแล้ว แต่ยังเอาป้ายทะเบียนรถที่สุดยอดขนาดนี้มาได้อีก
แวบแรกที่เห็นรถคันนี้กับป้ายทะเบียน เจียงไป๋ก็อยากจะเดินหนีแล้ว
เ้านี่ทำไมช่างเหมือนกับหวางเป้า หัวสูงทั้งคู่?
ถูกคนอื่นมองเป็ลิงยังจะชอบใจอีก?
เดิมทีเจียงไป๋ก็ยังไม่เข้าใจอยู่บ้างว่า คนอย่างหวางเป้าก็อายุปูนนี้แล้ว ทำไมถึงได้ไปมั่วกับเมิงหวงเฉาได้ แต่พอมองรถคันนี้ และมองป้ายทะเบียนรถอีก เจียงไป๋รู้สึกว่าเข้าใจได้แล้ว
เ้าสองคนนี้ก็เป็คนประเภทเดียวกัน หัวสูงทั้งสองคน
“ขึ้นรถเถอะ พี่ชายจะพานายไปเปิดหูเปิดตา”
พอออกจากประตูไป เมิงหวงเฉาก็ชี้ไปที่รถของตนเอง และพูดกับเจียงไป๋อย่างภาคภูมิใจ ทั้งยังให้เจียงไป๋ขึ้นรถ
แต่น่าเสียดาย เจียงไป๋ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น
“ทำไม กลัวฉันหลอกนาย? วางใจได้เลย ฉันรับรองว่าจะไม่หลอกนายหรอก ถึงแม้ฉันจะไม่ชอบจ้าวอู๋จี๋ แต่ครั้งนี้ฉันเป็ตัวแทนของคุณปู่พานายออกไปเที่ยวเล่น หากแกล้งนายก็ไม่ใช่ว่าเหมือนแกล้งคุณปู่หรือ? ฉันก็ไม่ได้กล้าขนาดนั้น พูดจริงๆ นายน่าจะรู้สึกเป็เกียรติ นายก็เป็ผู้ชายคนแรกที่นั่งรถคันนี้ของฉัน”
เมื่อเมิงหวงเฉาเห็นว่าเจียงไป๋ไม่ขยับ ก็คิดว่าเขาน่าจะนึกถึงสิ่งที่หวางเป้าเจอมา และก็พูดมาแบบนี้อย่างยิ้มแย้ม
แต่ที่น่าเสียดาย จริงๆ แล้วเมิงหวงเฉาคนนี้ก็ไม่รู้ว่าเจียงไป๋คิดอะไรอยู่ในใจกันแน่ หากเจียงไป๋เป็กังวลหรือกลัวจริงๆ ก็คงจะไม่ออกมาด้วยแล้ว ที่เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ก็เพราะไม่อยากนั่งรถคันนี้จริงๆ
“ฉันว่าพวกเราเปลี่ยนเป็รถที่ธรรมดากว่านี้หน่อยได้ไหม?”
ในที่สุดเจียงไป๋ก็ทนไม่ไหว และพูดความในใจของตัวเองออกมาแล้ว
รถคันนี้สะดุดตาเกินไปแล้ว หากให้นั่งเจียงไป๋ก็อึดอัด ไม่ใช่ว่ากลัวตัวเองจะไม่คู่ควร แต่ …
ความรู้สึกอย่างนั้นเจียงไป๋ก็ไม่ชอบ
“ธรรมดากว่าหน่อยหรือ? สหาย นายรู้ไหมว่ารถคันนี้เยี่ยมยอดแค่ไหน? ฉันจะบอกนายให้ ทั้งเมืองไม่มีใครไม่รู้จักรถคันนี้ของฉัน ถ้านายขับรถของฉันรับรองว่าไปที่ไหนก็ล้วนราบรื่น ถึงนายจะฆ่าคนวางเพลิงก็ไม่มีใครสนใจ ไม่ว่าจะฝ่าไฟแดงฝ่ากฎจราจรก็ราวกับอยู่ในที่ไร้คน รถคันนี้ เื่ราคายังไม่ต้องพูดถึง แม้นายจะมีเงินก็ซื้อไม่ได้ ไม่ว่านายจะขับไปในโรงเรียนไหน จะเป็ผู้หญิงคนไหนก็ไม่ใช่ว่านายก็เลือกได้ตามใจชอบ? ไม่รู้ว่ามีคนมากมายแค่ไหนที่อยากจะขอยืมรถฉัน ฉันก็ล้วนไม่ตกลง แค่จะลูบคลำสักหน่อยฉันก็ไม่ให้ ครั้งนี้นายโชคดีแล้ว ฉันถูกคุณปู่จับกลับมาจากตี้ตูและจับมาทั้งคนทั้งรถ ไม่อย่างนั้นแม้แต่จะได้เห็นนายก็ล้วนไม่ได้เห็นนะ ให้นายนั่งยังจะไม่นั่งอีก?”
เมิงหวงเฉาขมวดคิ้วพูด สำหรับการแสดงออกของเจียงไป๋เขาไม่เข้าใจมาก รู้สึกว่าเจียงไป๋เสียสติไปแล้ว
“ได้สิ”
ในที่สุดเจียงไป๋ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมจ้าวอู๋จี๋ถึงบอกว่าเ้านี่คือคนโง่ล้างผลาญครอบครัว
เจียงไป๋กลอกตาใส่ ในที่สุดก็ประนีประนอมต่อคำพูดโน้มน้าวของเมิงหวงเฉา และนั่งรถสปอร์ตสีแดงคันนั้น
เพิ่งจะขึ้นรถ อีกฝ่ายก็เดินเครื่องรถแล้ว เขาขับพุ่งออกไปรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ หลังจากนั้นดนตรีที่ดังจนแสบหูก็ดังขึ้น แล่นผ่านบ้านเดี่ยวชิงชานออกไป สิบกว่านาทีต่อมาก็มาถึงเขตเมืองแล้ว และดึงดูดผู้คนให้มองมานับไม่ถ้วน ทางที่แล่นผ่าน ผู้คนมองดูกันยกใหญ่
คนอื่นจะคิดอย่างไร เจียงไป๋ไม่รู้
ถ้าเมื่อก่อนเจียงไป๋เห็นคนที่ขับรถสปอร์ตคนหนึ่ง บางทีอาจจะอิจฉา หากอีกฝ่ายลดกระจกลง เจียงไป๋ก็จะรู้สึกว่าอีกฝ่ายชอบอวด แต่ถ้าหลังจากที่อีกฝ่ายเข้าสู่เขตเมือง และขับผ่านกลุ่มคนด้วยความเร็วที่ช้า ในขณะเดียวกันก็ลดกระจกลง โดยเฉพาะเปิดเพลงดังจนแสบหู และส่ายหัวไปมาแล้วล่ะก็ เจียงไป๋ก็จะมอบให้เขาสักคำว่า “คนโง่”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ในสายตาของเจียงไป๋ เมิงหวงเฉาก็เป็คนโง่จริงๆ คนหนึ่ง และการนั่งอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันนัก
เจียงไป๋หน้าแดงอยู่บ้าง และก้มหน้านิ่ง
ไม่ใช่ว่าไม่กล้า แต่รู้สึกขายหน้าจริงๆ
“ฮ่าๆ ไอ้น้อง นายมีอะไรต้องอาย? นี่คือเกียรติของนาย ฉันจะบอกนายให้ ถ้าอยู่กับฉัน เื่อย่างนี้ยังมีอีกมาก ไม่ว่านายจะไปไหนก็ล้วนเป็จุดโฟกัส รู้ไหม? มา พี่จะพานายไปเปิดหูเปิดตา ต่อไปอย่าได้อยู่กับจ้าวอู๋จี๋อีกเลย มาอยู่กับฉัน รับรองว่านายจะอยู่ดีกินดี ้าผู้หญิงก็ได้ ้าเงินก็ได้ ดีกว่าอยู่กับเ้านั่นมาก ฉันจะพานายไปเที่ยวเล่นในเมืองหลิงเฉวียนเล็กๆ นี้ก่อน ถ้ามีโอกาสไปตี้ตูกับฉัน ที่นั่นต่างหากที่เป็แหล่งชุมนุมที่แท้จริง ของดีๆ ก็อยู่ที่นั่นมากมาย”
ในที่สุดรถก็มาจอดอยู่ใกล้ๆ ภัตตาคารกลางแจ้งแห่งหนึ่ง เมิงหวงเฉาปิดเพลง ใส่แว่นตาดำ และตบไหล่เจียงไป๋เบาๆ ทั้งยังพูดแบบนี้
“นายว่าอะไร?” เจียงไป๋ขมวดคิ้ว และพูดอย่างไม่พอใจ
“ทำไม ไม่พอใจหรือ? น่าเสียดายนะ นายออกมาแล้ว อยากจะโมโหใส่ฉัน ก็ต้องดูสถานที่หน่อย ที่นี่หลิงเฉวียน หลังบ้านฉัน ที่นี่ฉันเป็ใหญ่!”
เมิงหวงเฉาหัวเราะอย่างเยือกเย็น ท่าทางก็ไม่เหมือนกับเมื่อครู่ และไม่มีรอยยิ้มที่ไม่เป็พิษเป็ภัยอย่างนั้นแล้ว มีแค่น้ำเสียงที่เยือกเย็น
ระหว่างที่พูด ยังชี้ไปที่พวกผู้ชายผู้หญิงที่นั่งอยู่ในภัตตาคารอาหารกลางแจ้งที่ไกลออกไป
จำนวนของอีกฝ่ายมีไม่มาก มีประมาณยี่สิบกว่าคน ชายหญิงอย่างละครึ่ง
ผู้ชายก็มีทั้งสูงทั้งต่ำ ทั้งเตี้ยทั้งอ้วน ส่วนผู้หญิงก็สวยพอๆ กันหมด อ่อนเยาว์สะสวย ไม่ว่าจะสุ่มคนไหนออกมาก็พอที่จะทำให้มองไม่ละสายตาได้ อายุก็ล้วนประมาณยี่สิบกว่าทั้งหมด แน่นอนว่าในนี้มีคนสองสามคนที่อายุน้อยมากอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็มีจุดที่เหมือนกัน แต่ละคนนั่งชูคอหยิ่งผยองอยู่ตรงนั้น ราวกับไม่เป็เช่นนี้ และไม่พอที่จะแสดงถึงฐานะของพวกเธอได้
ที่นี่นอกจากคนพวกนี้แล้ว ยังมีแขกคนอื่นๆ อีกไม่น้อย แต่พวกเขานั่งอยู่ตรงกลาง
ตอนที่มองมาที่เมิงหวงเฉา พวกคนที่เดิมทีพูดคุยและทานกันอยู่ตรงนั้น ก็ทยอยกันมองมาและยิ้มให้
ความมั่นใจของเมิงหวงเฉาเกรงว่าน่าจะมาจากคนพวกนี้
ดูรถสปอร์ตที่จอดอยู่หน้าประตูจำนวนมาก ก็รู้ว่ารสนิยมของเ้าพวกนี้ก็พอๆ กับเมิงหวงเฉา ไม่ต้องคิดหรอก พวกเขามามั่วอยู่กับเมิงหวงเฉาได้ ถึงจะอยู่ในตี้ตูก็ล้วนธรรมดา แต่ในเมืองหลิงเฉวียนเล็กๆ นี้ ก็เป็คนกลุ่มเล็กๆ ระดับสุดยอดแน่นอน
“มา นายลงจากรถได้แล้ว”
คำพูดของเมิงหวงเฉาไม่ได้ทำให้เจียงไป๋อายจนโกรธ และก็ไม่ได้เป็ตามที่เมิงหวงเฉาคิด เจียงไป๋เห็นคนของตนเองมีมากมาย เวลานั้นก็กลัวแล้ว
ก็แค่หัวเราะสักหน่อย เจียงไป๋ลงรถก่อน และเดินไปที่ข้างๆ ประตูรถของเมิงหวงเฉา มองเมิงหวงเฉาที่อยู่ในรถ และใช้น้ำเสียงที่อ่อนโยนมีเมตตาที่สุดพูด
“ไม่ต้องเปิดประตูให้ฉันหรอก ฉันลงเองได้ ยืนรอฉันสูบบุหรี่อยู่ตรงนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ถึงแม้เจียงไป๋กำลังหัวเราะ แต่เมิงหวงเฉากลับรู้สึกว่าน้ำเสียงของอีกฝ่ายไม่ดีนัก แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาหัวเราะเสียงดัง และพูดแบบนี้ แต่กลับไม่มีการเคลื่อนไหว และจุดบุหรี่สูบอย่างไม่สนใจใคร
แต่เสียดาย เพิ่งจะพูดออกไป เขาก็รู้สึกว่ามีลมพัดผ่านหน้าไปทันที และตามด้วยความรู้สึกฟ้าหมุนติ้วๆ ท่ามกลางสายตาของคนมากมาย เจียงไป๋ลากเมิงหวงเฉาออกมาจากกระจกรถ และโยนลงไปกับพื้นโดยตรงทันที
หลังจากนั้น ท่ามกลางสายตาที่ตะลึงจนค้างของคนที่อยู่ไกลออกไปกลุ่มนั้น เจียงไป๋ก็พุ่งเข้าไปอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย และถีบออกไป เขาจับคอเสื้ออีกฝ่ายขึ้นมา และก็ตบหน้าไปมา “เพียะๆ” ตบจนเมิงหวงเฉาร้องไม่หยุด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้