จ้าวซานพยายามพูดให้จบ แต่เวินซียังคงยืนนิ่ง เมื่อเขาเห็นเช่นนั้นก็ร้อนรนแล้วรีบคลานเข้าไปคว้าชายกระโปรงของนาง
“คุณหนูเวินซี ตัวตนของนายท่านมิใช่คนทั่วไป ก่อนหน้านี้เรามิได้ตั้งใจจะปิดบังท่านนะขอรับ อีกทั้งเรายังต้องระวังตัว จะยอมให้เกิดเื่ผิดพลาดมิได้”
เขายังกล่าวต่ออีกว่า “เห็นแก่ความผูกพันสามีภรรยาของพวกท่าน ได้โปรดช่วยนายท่านด้วยนะขอรับ”
เืนั้นเปื้อนติดกระโปรงของเวินซี
ท่าทีของเขาดูไม่เหมือนว่ากำลังโกหก จึงทำให้เวินซีเริ่มหวั่นไหว
กลุ่มคนที่ไล่ล่าจ้าวต้านน่าจะตรวจสอบคนใกล้ตัวเขาทั้งหมดแล้ว หากนางออกไปช่วยก็คงถูกเหมารวมว่าเป็พวกของเขา เช่นนั้นชีวิตสงบสุขที่นางอยากจะมีก็คงถูกทำลายลงเสียหมด
เห็นแก่ความผูกพันของสามีภรรยาหรือ...
จนถึงตอนนี้แม้แต่ชื่อจริงๆ ของเขานางก็ยังไม่รู้จัก แล้วจะนับว่าเป็ความผูกพันได้เช่นไร?
“คุณหนูเวินซี ในวันที่นายท่านจากไป เขาเฝ้าแต่ถามถึงสถานการณ์ของท่าน”
“พอแล้ว” เวินซีเอ่ยขัดจังหวะอย่างเ็า พลันดึงชายกระโปรงกลับ
จ้าวซานกระอักเืออกมาอีกครั้ง
“คุณหนูเวินซี ท่านใจร้ายเหลือเกินนะขอรับ”
เพื่อที่จะกลับมาที่นี่ จ้าวซานได้ใช้เรี่ยวแรงทั้งหมด ยามนี้หนังตาของเขาหนักอึ้งจนในที่สุดก็หลับตาลงอย่างไม่อาจหักห้ามได้
บรรยากาศในขณะนั้นเต็มไปด้วยความอึมครึม
หลังจากนั้นไม่นานเวินซีก็ถอนหายใจ พลันคุกเข่าลงจับชีพจรของเขา เมื่อแน่ใจแล้วว่าจ้าวซานมิได้มีอันตรายถึงชีวิต นางก็ถอดดาบออกจากเอวของเขาแล้วเดินออกไป
ที่เขาเซียงจวิน
“เร็วเข้าๆ ต้องหาให้เจอก่อนจะมีผู้ใดรู้เข้า”
“ที่นี่ไม่มีขอรับ”
“เขามิได้าเ็หรือ? เหตุใดถึงยังหาไม่เจอ เขามุดดินหนีได้หรือ?”
“หนีเก่งเสียจริง”
......
แสงของคบเพลิงส่องสว่างในป่าที่มืดมิด ผู้คนกว่าร้อยคนกำลังค้นหาบนูเาอย่างต่อเนื่อง
เขาเซียงจวินนั้นใหญ่มาก นี่ก็ผ่านมาหนึ่งวันแล้ว แม้จะค้นหากันทั้งวันแต่ก็ยังไม่ทั่ว เดิมทีคนพวกนั้นนึกดีใจว่าูเากว้างใหญ่เพียงนี้คนที่าเ็คงหนีไปได้ไม่ไกล แต่จนถึงตอนนี้กลับรู้สึกยากลำบากยิ่งนัก
“มิต้องพูดแล้ว รีบหาเร็วเข้า หากยังไม่เจอ เบื้องบนจะคาดโทษเรา นี่เป็เื่คอขาดบาดตาย”
คนที่เป็หัวหน้าเอ่ยเร่งพวกเขา ทุกคนจึงทำได้เพียงค้นหาต่อไป
“ผู้ใดน่ะ?”
ในขณะนั้นมีเสียงใบไม้สั่นไหว เงาดำเงาหนึ่งแวบผ่านไปและผสานกับความมืดมิดในยามค่ำคืน
คนอื่นๆ พากันถอยหลังอย่างระมัดระวังและรวมตัวกันเป็วงกลม
“รีบหาเร็ว”
“เป็เขาแน่ อย่าให้หนีไปได้”
มีคนะโขึ้นมา ทุกคนจึงเริ่มค้นหากันอีกครั้ง
ที่หลังต้นไม้ใหญ่ ทหารลับที่หนีออกมาได้ก็ถอนหายใจโล่งอก เขาค่อยๆ ขยับไปที่อื่นอย่างชำนาญ เมื่อหาถ้ำที่มีใบไม้บังอยู่เจอก็รีบเข้าไป
ข้างในนั้น จ้าวต้านที่นอนอยู่บนพื้นยังคงมิได้สติ ทหารลับที่กลับเข้ามาหยิบสมุนไพรที่เพิ่งเก็บมาได้จากกระเป๋าทาไปที่แผลของจ้าวต้าน
เวลานี้ถึงแม้จะไปหาสำนักหมอ แต่ทุกแห่งก็คงจะมีคนเฝ้าอยู่ ซึ่งทหารลับไม่มีวิธีเข้าไป และหากออกไปตอนนี้ก็จะถูกพบ
พวกเขามาถึงทางตันแล้ว จ้าวต้านเป็ความหวังเดียวที่จะพาพวกเขาออกไปต่อสู้ได้
อีกด้านหนึ่ง เวินซีร่อนตัวลงมาจากต้นไม้อย่างว่องไว สายตาเ็ามองไปยังกลุ่มคนที่กำลังค้นหา นางจึงเคลื่อนไหวให้เบาลงกว่าเดิม
ตอนที่มาถึงเขาเซียงจวิน นางไม่รู้ตำแหน่งของจ้าวต้าน ถ้ำมากมายเช่นนี้ หากจะให้ค้นหาทีละแห่ง เกรงว่าถึงเวลานั้นเขาคงจะตายไปเสียก่อน
นางจึงทำได้เพียงค้นหาคนเหล่านี้ ตำแหน่งที่พวกเขาค้นหาไปแล้ว แสดงว่าไม่มีจ้าวต้านอยู่
“เมื่อครู่มิได้มีความเคลื่อนไหวหรือ คนล่ะ? หายไปที่ใดอีกแล้ว?”
“พวกเขากำลังเล่นตลกกับเราอยู่หรือ”
มีเสียงบ่นไม่พอใจดังขึ้นเป็ระยะๆ เวินซีแอบอ้อมไปด้านหน้าพวกเขาแล้วรีบค้นหาต่อ หากมีการเคลื่อนไหว แสดงว่าเขาคงอยู่ไม่ไกล
“ปัก--”
กิ่งไม้ที่ถูกเหยียบหักนั้นส่งเสียงดังมาก เวินซีหดขาขึ้นด้วยตัวที่แข็งทื่อ นางเสียสติเล็กน้อย ดีที่คนพวกนั้นไม่มีผู้ใดได้ยิน
แต่นางก็ไม่กล้าวางใจ พลันรีบค้นหาต่อ
“ตรงนี้ ข้าเจอแล้ว เขาอยู่ตรงนี้!”
“รีบมาเร็วเข้า”
“อยู่ตรงนั้น เร็วเข้า ล้อมเอาไว้ รีบไปจับเขา”
จู่ๆ ผู้คนที่ค้นหาอยู่ก็ใ ทันใดนั้นก็เกิดความโกลาหลเกิดขึ้น เวินซีมองไปด้วยความประหลาดใจ
นางเห็นเงาร่างสีดำวิ่งผ่านพวกเขาไปอย่างรวดเร็วก่อนจะหายไปในความมืด จากนั้นกลุ่มคนก็ตามไป
เมื่อเห็นว่าแสงคบเพลิงอยู่ห่างออกไปเรื่อยๆ เวินซีจึงเคลื่อนตัวไปยังตำแหน่งที่คนผู้นั้นปรากฏตัว
จ้าวซานบอกว่าจ้าวต้านาเ็สาหัส เงาดำนั่นไม่มีทางเป็จ้าวต้านได้ จึงน่าจะเป็ลูกน้องของเขา
ถ้ำที่มีใบไม้บังอยู่ทำให้นางเกิดความสงสัย จึงถือดาบไว้ในมือแล้วจุดคบเพลิงเดินเข้าไป
แล้วก็เป็ไปตามคาด จ้าวต้านอยู่ที่นี่จริงๆ นางวางดาบไว้ที่พื้น เคลื่อนตัวไปอย่างรวดเร็วเพื่อจับชีพจรของเขา
ชีพจรอ่อนจนแทบััมิได้ สถานการณ์ในตอนนี้มิสู้ดี เวินซีจึงแทงเข็มเงินเข้าไปที่จุดห้ามเื จากนั้นกรีดมือเพื่อหยดเืของตนเข้าปากเขา
หลังจากที่รักษาเบื้องต้นแล้วก็พยุงจ้าวต้านขึ้น ใช้โอกาสในตอนที่คนกลุ่มนั้นยังไม่กลับมารีบลงจากเขา และแอบกลับเข้าเมือง
เวลานี้ทั้งร้านเครื่องหอมและร้านหม้อไฟต่างก็ไม่ปลอดภัย นางทำได้เพียงซ่อนเขาไว้ในวัดที่ถูกทิ้งร้าง
เมื่อจุดไฟได้ ในที่สุดนางก็มองเห็นาแของจ้าวต้านได้ถนัด ทั่วร่างกายมีรอยเืบนรอยดาบน้อยใหญ่ ทั้งยังมีาแน่ากลัวที่ขา ส่วนิัที่อยู่ใต้เสื้อผ้าล้วนเป็รอยฟกช้ำ
ในเวลานี้มิอาจจะใช้เืของนางยับยั้งเนี่ยนหานกู่ไว้ได้อีก นี่จึงเป็่เวลาที่น่าร้อนรนเพราะจ้าวต้านมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน
แม้ว่านางจะช่วยเขาให้กลับมาได้ แต่ร่างกายนั้นก็อ่อนแอ จะต้องถูกหนอนกู่พรากชีวิตไปแน่
เวินซีตั้งใจว่าจะพันแผลให้เขาแล้วจากไป ปล่อยให้เขาอยู่ตามยถากรรม แต่ไม่คิดเลยว่าในตอนที่ช่วยพันแผลที่ขาอยู่นั้น จ้าวต้านจะลืมตาขึ้นมาและจ้องมองนางนิ่ง
เวินซีไม่พูดอันใด นางเร่งความเร็วในการรักษาาแ เมื่อจัดการสร็จแล้วก็ลุกขึ้นอย่างเฉยชา
“เวินซี” เสียงของจ้าวต้านแ่เบา แต่มุมปากกลับยกยิ้ม นึกว่าตนเองจะไม่มีโอกาสได้เจอนางแล้วเสียอีก
“เวิน...”
เขาคิดจะเรียกนางอีกครั้ง แต่กลับอาเจียนออกมาเป็เืจึงได้แต่นอนลงบนพื้นอย่างหมดแรง กะพริบตาอย่างสั่นระรัว ในขณะที่เวินซีมองดูทุกอย่างด้วยความรำคาญใจ
ทั้งสองสบตากันชั่วครู่ แต่ในที่สุดนางก็พ่ายแพ้ต่อความรู้สึกที่ไม่ชัดเจนในใจของตัวเองแล้วถอยกลับไปรักษาเขาต่อ
จ้าวต้านเห็นเช่นนั้น ในใจก็หวั่นไหว แววตาที่เขามองมานั้นเต็มไปด้วยความรักใคร่
เวินซีจงใจกดที่าแ เมื่อได้ยินเสียงเขาสูดปาก ในใจของนางก็มีความสุขไม่น้อย
“เ้ารู้หรือไม่ว่าในเมืองมียาที่มีพลังหยางที่แข็งแกร่งกว่าจื้อหยางที่ใดอีกบ้าง?” นางอยากลองดูว่าตนเองจะสามารถยืดชีวิตของเขาไว้ได้หรือไม่ จึงเอ่ยถามเช่นนั้น
จ้าวต้านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยกมือชูป้ายโองการที่เอวขึ้นมา
“เ้าไปหาฮูหยินซ่ง หากนางเห็นป้ายโองการนี้นางจะช่วยเรา แค่ก...แค่ก แค่ก...”
เขากระอักเืสดๆ ออกมาอีกหลายครั้ง
“ข้าจะกลับมาให้เร็วที่สุด”
จะรอช้ามิได้ เวินซีลุกขึ้นแล้วรีบสับเท้าออกไป
ที่จวนตระกูลซ่ง ฮูหยินซ่งเห็นเวินซีวิ่งเหนื่อยหอบมาก็รีบพยุงนางเข้าไปในโถงพลันรินน้ำให้
“เหตุใดถึงได้รีบร้อนเช่นนี้? นั่งลงก่อน ค่อยๆ คุยกัน”
เวินซีโบกมือ เมื่อหายใจดีขึ้นเล็กน้อยก็มองไปทางสตรีรับใช้ “ฮูหยินให้คนรับใช้ออกไปก่อนได้หรือไม่เ้าคะ? ข้ามีเื่ต้องคุยกับท่าน”
“ออกไปก่อนเถิด” ฮูหยินซ่งเอ่ยปากสั่งตามนั้น
สตรีรับใช้จึงรีบพากันออกไป ที่ห้องโถงจึงเหลือเพียงพวกนางสองคน
“ฮูหยินซ่ง ท่านรู้จักสิ่งนี้หรือไม่เ้าคะ?”
เวินซีเข้าเื่ตรงๆ โดยการนำป้ายโองการออกมาให้ดู
ทันทีที่ฮูหยินซ่งได้เห็นมันก็มีสีหน้าเคร่งเครียด นางหยิบป้ายโองการมาดูอย่างกระตือรือร้น มองด้วยความระมัดระวังอย่างไม่อยากเชื่อ พลางใช้มือลูบเบาๆ
“เ้าได้สิ่งนี้มาจากที่ใด?”
ป้ายโองการนี้เป็สัญลักษณ์แสดงสถานะ
“ฮูหยินซ่ง ไว้เราค่อยคุยเื่ป้ายนี้วันหลังนะเ้าคะ ยามนี้ข้า้าความช่วยเหลือจากท่าน”
เวินซีหยิบป้ายโองการกลับมาและเก็บไว้ในอกอย่างระมัดระวัง
“ว่ามาสิ”
“ข้า้ายาที่มีฤทธิ์แข็งแกร่งกว่าจื้อหยาง ท่านรู้หรือไม่ว่าจะหาได้จากที่ใดเ้าคะ?”
“ยาที่แข็งแกร่งกว่าจื้อหยาง? ข้ามียาชนิดนี้อยู่ แต่ยานี้...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้