ทางนี้เจียงไป๋ให้เสี่ยวเทียนจัดการทุกอย่าง และเตรียมย้ายเข้าพัก แต่ยังไม่ทันได้เข้าพัก เจียงไป๋ก็ได้รับโทรศัพท์สายหนึ่ง “ฮัลโหล สวัสดี ขอถามหน่อยเป็คุณเจียงใช่ไหม?”
“คุณคือ?”
เจียงไป๋ตะลึงงัน ตอนนี้คนที่เขารู้จักก็ไม่ถือว่าน้อย แต่คนที่จะโทรศัพท์หาเขาจริงๆ และยังเรียกขานอย่างนี้ กลับมีไม่มาก และยังเป็เบอร์แปลก เจียงไป๋รู้สึกแปลกใจมาก
“ดิฉันเป็บรรณาธิการของสำนักพิมพ์ซวิ่นเจี๋ยเหวินฮั่ว คุณจำฉันได้ไหม? ก่อนหน้านี้ฉันเคยคุยกับคุณบนอินเทอร์เน็ต “กระบี่เทพสังหาร” ของคุณเป็บริษัทพวกเราที่เป็ตัวแทนตีพิมพ์”
คนที่พูดเป็เสียงผู้หญิงคนหนึ่ง น้ำเสียงแหบแห้ง ไม่ใช่ในแบบที่น่าฟัง แต่กลับให้ความรู้สึกที่เป็ผู้ใหญ่สุขุม
“ซวิ่นเจี๋ยเหวินฮั่ว?”
เจียงไป๋ตะลึงงัน หลังจากนั้นก็คิดออกแล้ว
ก่อนหน้านี้เดือนกว่าอีกฝ่ายเคยติดต่อเขา เวลานั้นเป็เอ้อพ่างที่ช่วยหา
เพราะว่าหนังสือ “กระบี่เทพสังหาร” เล่มนี้ดังมาก เจียงไป๋ได้รับค่าลิขสิทธิ์สิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์ที่สูงมากจากในงาน ดังนั้นเจียงไป๋จึงเซ็นสัญญาแล้ว
“มีธุระอะไรไหม?”
สัญญาก็เซ็นแล้ว อีกฝ่ายโทรศัพท์มาหาเขามีเื่อะไร? ตีพิมพ์ไปแล้วก็ไม่ใช่ว่าจบเื่แล้วหรือ?
“อย่างนี้ค่ะ พรุ่งนี้เริ่มงานเปิดตัวหนังสือของคุณวางขายที่ร้านหนังสือใหญ่ๆ ทั่วประเทศ พวกเราหวังว่าคุณจะหาเวลามาแจกลายเซ็นสักหน่อย เพื่อเพิ่มยอดขายของหนังสือเื่นี้ หากรู้ว่า ก่อนหน้านี้หนังสือเล่มหนึ่งดังถล่มทลายบนอินเทอร์เน็ต แฟนหนังสือหลายๆ คนรอที่จะพบคุณ ไม่ว่าจะเป็การวิพากษ์วิจารณ์หนังสือหรือว่าด้านอื่นๆ แต่ไหนแต่ไรคุณก็ไม่เคยเปิดตัว จึงทำให้คนมากมายแปลกใจ ฉันคิดว่าหากคุณยินยอมเข้าร่วมงานแจกลายเซ็นครั้งนี้แล้วล่ะก็ นั่นก็จะเพิ่มชื่อเสียงได้ไม่น้อย ทำให้ยอดขายของหนังสือ “กระบี่เทพสังหาร” ยิ่งดังขึ้นไปอีก”
อีกฝ่ายเสนอคำขอของพวกเขา
โทรศัพท์มาหาเจียงไป๋ก็ไม่ใช่เพราะเื่นี้หรือ?
“งานแจกลายเซ็นหรือ? ผมไม่มีเวลา!”
ล้อเล่นน่า วิ่งไปมาในที่ต่างๆ ทั่วประเทศทั้งวัน และนั่งเซ็นชื่ออยู่ตรงนั้นไม่หยุด ยังต้องถ่ายภาพร่วมอะไรอีก สำหรับคนปกติแล้ว แน่นอนว่าเป็เื่ที่มีเกียรติมาก แต่สำหรับเจียงไป๋แล้ว ดูอย่างไรก็เหมือนเล่นละครลิง เขาไม่สนใจแม้แต่น้อย
และไม่ยินยอมที่จะปรากฏตัวอยู่ใต้สปอตไลท์นัก และให้ผู้คนห้อมล้อม ไม่อย่างนั้นงานประชาสัมพันธ์่แรกของหนังโหด เลว ดี ที่เริ่มต้นในอาทิตย์ก่อน เขาก็ตามไปด้วยแล้ว
แน่นอนว่ายังมีเหตุผลที่สำคัญที่สุดอีกหนึ่งประการ … นั่นก็คือลายมือของเจียงไป๋ไม่สวยจริงๆ
ไม่มีทาง แค่ผ่านตาก็ลืมไม่ลงของเจียงไป๋เป็ของจริง ความรอบรู้ทั้งอดีตและปัจจุบันตอนนี้ก็เป็ของจริง ด้านฝีมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ตอนนี้ทั้งหัวเซี่ย้าหาคนที่ท้าทายเจียงไป๋ได้ก็มีไม่มากจริงๆ
แต่ … ปัญหาคือ เมื่อก่อนการเรียนของเจียงไป๋ก็ไม่ดี วันเวลาเหล่านี้ก็ไม่เคยได้ฝึกฝนการเขียนอักษรโดยเฉพาะ ตัวอักษรนั้นยังคง … แย่จนสุดที่จะมองดูได้
“แต่นี่ก็เป็โอกาสดีที่จะเพิ่มยอดขาย หากรู้ว่านักเขียนคนอื่นๆ ก็ … ”
ทางด้านคนคนนั้นก็ยังเตรียมที่จะโน้มน้าวเจียงไป๋ น่าเสียดายที่เื่นี้เจียงไป๋ปฏิเสธอย่างเด็ดเดี่ยว ในที่สุดอีกฝ่ายก็จนปัญญา ทำได้แค่ประนีประนอม
“ได้ค่ะ ฉันจะคอยแจ้งยอดให้คุณทุกเวลาค่ะ”
ทางบรรณาธิการของซวิ่นเจี๋ยเหวินฮั่ว ในที่สุดก็ถอนหายใจ เห็นได้ชัดว่าจุดประสงค์ของเธอไม่บรรลุ
ไม่ว่าการพูดคุยกันระหว่างพวกเขาสองคนจะเป็อย่างไร เจียงไป๋จะตกลงกับงานแจกลายเซ็นในครั้งนี้หรือไม่ แต่เช้าตรู่ของวันที่สอง หน้าประตูร้านหนังสือใหญ่ๆ ทั่วทั้งประเทศก็มีแถวมาต่อกันยาวเหยียดแล้ว …
นี่ก็ทำให้ผู้คนมากมายแปลกใจ หากรู้ว่าภาพเหตุการณ์อย่างนี้ไม่มีปรากฏมาหลายปีแล้ว สองปีมานี้สื่ออินเทอร์เน็ตได้ผุดขึ้น ยอดขายของหนังสือก็ลดราคาลงมาก นานมากแล้วที่ไม่เห็นภาพเหตุการณ์ที่ดังถล่มทลายอย่างนี้
มีคนแปลกใจ จึงอดถามไม่ได้ว่ามันเป็อย่างไรกันแน่ ปกติแล้วไม่ใช่คนหนุ่มที่เป็คนซื้อหลักของร้านหนังสือจะมาต่อแถวกันหรือ นี่มันอะไรกัน?
“ฉันว่าไอ้หนู พวกเธอทำอะไรกันน่ะ?”
คนวัยกลางคนที่เป็แฟนหนังสือมาหลายปีแล้วคนหนึ่งอดถามไม่ได้
เดิมทีแล้วเขาก็เป็คนที่มาซื้อหนังสือ เมื่อเทียบกับสื่อใหม่ๆ เขาก็ยิ่งชอบหนังสือ วันนี้เพิ่งมีนิยายกำลังภายในที่เขาชอบเล่มหนึ่งวางขายพอดี ดังนั้นเขาจึงรีบมาซื้อ แต่ก็เห็นคนมากมายกำลังต่อแถวกัน และล้วนมีแต่วัยรุ่น เขาจึงแปลกใจจนอดถามไม่ได้
“คุณลุงหนังสือกระบี่เทพสังหารวางขายแล้ว พวกเราทั้งหมดมาซื้อกัน คุณล้าสมัยแล้ว”
เด็กสาวคนหนึ่งตอบแทนเด็กผู้ชายที่ถูกถามคนนั้น และดึงดูดความสนใจของทุกคนทันที
“กระบี่เทพสังหาร? นั่นคืออะไร? ชื่อแปลกอะไรอย่างนี้? นิยายเทพผีปีศาจหรือ?”
ทางคนวัยกลางคนเห็นได้ชัดว่าไม่เข้าใจ กระบี่เทพสังหารชื่อนี้ค่อนข้างแปลกเกินไปแล้ว
“เทพผีปีศาจอะไรกัน? คุณลุงอยู่ในสมัยไหน เป็แนวเทพเซียน … เทพเซียนเข้าใจไหม … เทพเซียนขี่ดาบวิเศษอะไรประมาณนั้น”
ทางนี้ก็มีคนแสดงออกว่าไม่พอใจทันที และพูดกับคนวัยกลางคน
“เทพเซียนขี่ดาบวิเศษ? เทพเซียน?”
นี่ก็ทำให้คนวัยกลางคนแปลกใจอยู่บ้าง หลังจากนั้นก็เข้าไปในร้านหนังสือ ในกลุ่มคนที่ต่อแถวซื้อ เขาก็อดไม่ได้ที่จะซื้อไปหนึ่งเล่ม หลังจากนั้นก็อ่านไปสักหน่อยแต่กลับไม่มีทางถอนตัวได้ และตะลึงงัน หลังจากที่อ่านติดกันหนึ่งชั่วโมงแล้ว ก็ซื้อไปอีกหลายเล่มอย่างไม่ลังเล เล่มหนึ่งเขาเก็บสะสมไว้ ที่เหลือเตรียมแนะนำให้เพื่อนๆ ของเขา
หนังสือดีขนาดนี้ เพื่อนที่อ่านหนังด้วยกันเ่าั้ก็ควรจะแบ่งปันให้
ภาพเหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นในทั่วทุกที่ของประเทศอย่างไม่หยุด ยอดขายหนังสือกระบี่เทพสังหารถล่มทลาย สำนักพิมพ์ซวิ่นเจี๋ยเหวินฮั่วมีการเตรียมพร้อมแล้ว ่แรกตีพิมพ์หนึ่งล้านห้าแสนเล่ม วางขายแปดแสนเล่ม แต่แค่วันแรกก็ขายหมดแล้ว ข่าวที่เร่งของจากร้านค้าต่างๆ หลั่งไหลเข้ามาราวกับหิมะตก ทำให้สำนักพิมพ์ซวิ่นเจี๋ยเหวินฮั่วตอบแทบไม่ไหว และจะไม่ตีพิมพ์ทั้งคืนก็ไม่ได้
วันแรกหนังสือกระบี่เทพสังหารก็ขายได้หนึ่งล้านสองแสนเล่ม และได้สร้างบันทึกยอดขายวันแรกที่มีมาหลายปีแล้ว
โดยเฉพาะวันที่สองได้เป็แชมป์อย่างต่อเนื่องด้วยยอดขายแปดแสนเล่ม ดึงดูดให้สื่อนับไม่ถ้วนตามสรรเสริญ แค่ไม่นานชื่อหนังสือกระบี่เทพสังหารก็ดังถล่มทลายไปทั้งประเทศ
สัปดาห์แรกยอดขายสามล้านสองแสนเล่ม และนำหน้าบันทึกยอดขายเดือนแรกของนักเขียนคนหนึ่งที่สร้างไว้เมื่อแปดปีก่อน
แค่สัปดาห์เดียวก็ทำลายยอดขายสูงที่สุดของเดือนแรกของคนอื่นแล้ว หนังสือกระบี่เทพสังหารโด่งดังอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนชื่อของเจียงไป๋ก็ปรากฏต่อหน้าสาธารณชนเป็ครั้งแรกแล้ว แต่น่าเสียดายที่ไม่ว่าจะเป็สื่อสำนักไหนก็ล้วนไม่มีทางได้รูปของเจียงไป๋ ทางสำนักพิมพ์กับเว็บไซต์ เจียงไป๋ก็บอกกล่าวไว้ั้แ่แรกแล้ว บัตรประจำตัวประชาชนไม่ควรเผยแพร่ออกไป ช่องทางอื่นๆ ก็ยิ่งไม่มีทางได้รับ
ดังนั้นถึงชื่อนี้ของเจียงไป๋จะโด่งดังมาก แต่เขาหน้าตาเป็อย่างไร กลับไม่มีใครรู้
บางคนในเทียนตูกลับรู้สึกว่าชื่อเจียงไป๋คุ้นหู แต่ก็ไม่มีใครเอาเจียงไป๋ที่เขียนหนังสือนี้ไปเชื่อมโยงกับเจียงไป๋ที่เรียกลมเรียกฝนได้
นี่ก็ทำให้ถึงแม้เจียงไป๋จะมีชื่อเสียงโด่งดังออกไป แต่คนที่รู้จักกลับมีไม่มาก
แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เพราะยอดขายที่ถล่มทลายของหนังสือกระบี่เทพสังหาร เจียงไป๋จึงได้รับแต้มบารมีที่มากมาย
ยอดขายของร้านหนังสือไม่อาจจะเทียบอินเทอร์เน็ตได้ แน่นอนว่าระดับแต้มบารมีที่ได้รับก็ไม่เหมือนกัน บนอินเทอร์เน็ตยอดคลิกหนึ่งหมื่นครั้ง เจียงไป๋จึงจะได้แต้มบารมีนิดหน่อย แต่ยอดขายของร้านหนังสือ แต้มบารมีของเจียงไป๋ก็เพิ่มขึ้นถึงร้อยละหนึ่ง
ก็คือทุกการขายหนึ่งเล่ม เจียงไป๋ก็จะได้รับแต้มบารมีศูนย์จุดศูนย์หนึ่งแต้ม
สัปดาห์แรก เจียงไป๋ก็่ชิงเอาแต้มบารมีมาได้สามหมื่นสองพันกว่าแต้ม
ด้วยความเร็วอย่างนี้ทำให้ผู้คนบ้าคลั่ง ผลคือทำให้ผู้คนใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้