บทที่ 46 หญิงสาวจากตระกูลเซวี่ย
“ก๊อก ก๊อก ก๊อก... ” ลั่วถูเพิ่งอาบน้ำเสร็จไม่ทันไรก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้น จึงพลอยใเล็กน้อย นี่มันก็ดึกมากแล้ว คงไม่ใช่เ้าอ้วนมารบกวนเขาแน่นอน ส่วนเจียงิ่... นึกดูแล้วั้แ่แม่นี่กลับมาถึงโรงเตี๊ยมก็วิ่งเข้าห้องหายเงียบ ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไร พูดจากันก็แค่ไม่กี่คำ ทำเอาลั่วถูถึงกับประหลาดใจ
“นั่นใคร... ” ลั่วถูสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วถามกลับไป
“คุณชายลั่ว ข้าเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ ข้ามีเื่อยากสนทนากับคุณชาย... ”
ลั่วถูใไปเล็กน้อย เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ ไม่ใช่สตรีผู้มีรูปโฉมงดงามยั่วยวนที่อยู่ข้างกายหม่าทงเทียนหรอกหรือ?
“มีอะไรกัน ดึกมากแล้ว เหตุใดแม่นางเซวี่ยถึงไม่ไปอยู่กับศิษย์พี่หม่าของข้า ไม่กลัวว่าศิษย์พี่หม่าของข้าจะเหงายามดึกหรือ... ” ลั่วถูตอบกลับอย่างไม่เกรงใจ สตรีข้างกายหม่าทงเทียน มีเพียงฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางมาหาตัวเขากลางดึกเช่นนี้ด้วยเื่อันใด
“คิกคิก... ” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์หัวเราะอย่างทรงเสน่ห์
“เทียบกับคุณชายหม่า ข้าสนใจคุณชายลั่วมากกว่า อีกทั้งข้ายังได้รู้เื่บางอย่างที่สำคัญกับคุณชายลั่วมาด้วย ข้าเชื่อว่าเ้าต้องสนใจแน่นอน... ข้าถึงได้เสียมารยาทมารบกวนเช่นนี้”
“เื่ที่ข้าสนใจมีมากมายนัก มีเื่เดียวที่ข้าไม่สนใจคือสิ่งอันตราย เ้ามาเคาะประตูกลางดึก ทว่าข้ากับศิษย์พี่หม่าเป็ศัตรูกัน มีคำกล่าวว่าผู้มีปัญญาย่อมไม่แกว่งเท้าหาเสี้ยน กลางดึกเช่นนี้หากข้าเปิดประตูให้เ้าเข้ามา ย่อมเป็เื่ที่อันตรายอย่างยิ่ง หากโชคไม่ดีถูกศิษย์พี่หม่ามาจับชู้บนเตียงเข้า ข้าคงไม่มีหน้าไปพบสหายในสำนักจ๋าเสวียอีก... ”
“เ้ายังกลัวถูกเขามองเป็ศัตรูอีกหรือ? ข้าคิดว่าพวกเ้าเป็ศัตรูกันอยู่แล้วเสียอีก บทสนทนาของพวกเ้าเมื่อตอนค่ำตอบโต้กันได้ถึงรสไม่เบา จนหน้าของศิษย์พี่หม่าของเ้าเขียวคล้ำไปหมด ถ้าเกิดทำได้เขาคงคิดจะกินเ้าเข้าไปจริงๆ ... ” น้ำเสียงของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยเสน่ห์ ทว่าไม่อาจทำให้ลั่วถูสะทกสะท้านได้
“พอได้แล้ว มีเื่อะไรก็ว่ามา ถ้าไม่มีเื่อันใด ศิษย์น้องอย่างข้าหน้าบางนัก กลางดึกเช่นนี้ไม่กล้าเปิดประตูให้สาวงาม... มิหนำซ้ำความอดทนของศิษย์น้องผู้นี้ก็ย่ำแย่เกินทน ใครจะไปรู้อาจอะไรเกิดขึ้นก็เป็ได้!”
เซวี่ยหลิงเอ๋อร์แย้มยิ้มขึ้นอีกครั้ง นางไม่ได้เก็บคำพูดของลั่วถูมาใส่ใจแต่อย่างใด พลางกล่าวว่า “เื่ของตระกูลลั่วกับสมาคมซานชิง เชื่อว่าคุณชายลั่วต้องสนใจแน่นอน”
“ก็ได้ ข้าสนใจเหตุผลของเ้า แต่ว่าต้องทำให้แน่ใจก่อน ต่อจากนี้เ้าห้ามลงไม้ลงมือกับข้า ข้าพลังน้อย มีเื่อะไรก็พูดมาเสีย... ” ลั่วถูยอมเปิดประตูออกจนได้ อย่างไรเสียเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ก็อยู่ด้านนอกคนเดียว วินาทีที่เปิดประตูออก เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ก็พุ่งเข้าใส่ราวกับอสรพิษ
ลั่วถูขยับตัวเปิดทางให้ ไม่คิดเฉียดเข้าใกล้สตรีนางนี้ แต่เื่ของลั่วเหยียนกับสมาคมซานชิงเขาก็อยากฟังจริงๆ เพราะเหตุใดลั่วเหยียนถึงได้พุ่งเป้าสังหารตนเช่นนี้ เป็เพียงเพราะยาเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดจริงหรือ อีกทั้งลั่วเหยียนรู้ได้อย่างไรว่าเขาใกล้จะรวบรวมยาครบหกสิบสี่เม็ดแล้ว หากไล่สังหารตนเพียงเพื่อสิ่งนี้คงน่าขันจนเกินไป เขาหายาเพื่อเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดได้ เช่นนั้นก็หมายความว่าเขายังสามารถหายาเปิดิญญามาได้มากกว่านี้อีก ตระกูลลั่วต้องให้ความสำคัญกับเขาต่างหากจึงจะถูก ยิ่งไม่ควรปล่อยให้สมาคมซานชิงลงมือเพียงเพราะเื่แค่นี้ เช่นนั้น เื่นี้ต้องมีเงื่อนงำซ่อนอยู่เื้ัแน่นอน
“เชิญนั่งก่อนเถอะ พี่สาวเ้าช่วยเว้นระยะห่างจากข้าไปหน่อย เ้าทำเช่นนี้เพียงหายใจข้ายังทำได้ยากเย็นนัก เ้าทำให้ข้าประหม่าเหลือเกิน!” พอเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เข้าประชิด ลั่วถูก็ถอยไปก้าวหนึ่ง เขาลากเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่ง ด้วยความไม่คิดจะข้องเกี่ยวกับสตรีตรงหน้าแม้แต่น้อย เดิมทีหม่าทงเทียนก็เกลียดจนอย่างสังหารเขาให้ตายอยู่แล้ว ลั่วถูไม่เชื่อเด็ดขาดว่าหม่าทงเทียนจะไม่รู้ไม่เห็นเื่ที่เซวี่ยหลิงเอ๋อร์มาหาเขา และเหตุที่หม่าทงเทียนไม่อาจออกหน้าขัดขวางได้ ย่อมหมายความว่าเื่นี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด อีกทั้งสถานะและประวัติของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เป็มาอย่างไร เขาก็ไม่รู้เลย อย่างไรระวังตัวไว้หน่อยย่อมดีกว่า!
แม้จะเห็นท่าทีของลั่วถู เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ก็ไม่ได้กดดันเขา จึงนั่งลงและยิ้มอย่างสงบนิ่งพลางกล่าวว่า “เ้าน่าสนใจกว่าที่พวกเขากล่าวไว้มาก บางทีตระกูลลั่วคงดูถูกเ้าเกินไปนัก!”
“ขอบคุณที่ชมเชย เดิมทีข้าก็เป็ขยะไร้ประโยชน์อยู่แล้ว พวกเขาไม่ได้กล่าวผิดแม้แต่น้อย” ลั่วถูไม่รู้จะกล่าวตอบอย่างไรดี
“คนธรรมดาหนึ่งพึ่งฝีมือของตัวเองจนหายาสำหรับเปิดิญญาครั้งที่หก กระทั่งยาสำหรับการเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดในระยะเวลาสั้นๆ ได้ถึงฝีมือจะอ่อนแอ แต่ไม่ใช่ขยะแน่นอน ความรุ่งโรจน์ของตระกูลหากพึ่งพาเพียงผู้มีวรยุทธ์ คงเป็เื่ตลกสิ้นดี ผู้เป็วรยุทธ์ปกป้องตระกูลได้แต่ไม่อาจทำให้ตระกูลรุ่งโรจน์ได้ เหมือนกับที่เ้าพูดถึงหกสำนักแห่งเทียนตู นั่นคือเหตุผลที่เหตุใดสำนักจ๋าเสวียที่อ่อนแอที่สุดถึงได้ร่ำรวยที่สุด แต่ศิษย์ของอีกห้าสำนักส่วนใหญ่กลับยากจน... ”
“คิดไม่ถึงว่าพี่สาวเซวี่ยหลิงเอ๋อร์จะมีสายตาเฉียบคมเช่นนี้ เพียงแต่สตรีที่สายตาดีเช่นเ้าเหตุใดถึงไปขลุกอยู่กับพวกเสเพลอย่างหม่าทงเทียนได้?”
“ก็เหมือนกับเ้ากระมัง มีเื่มากมายที่ไม่อาจแสดงออกได้ ข้ากับตระกูลหม่าได้หมั้นหมายกันนานแล้ว อีกทั้งเื่นี้ไม่ใช่ข้าจะมีสิทธิ์ตัดสินใจได้ พี่สาวไม่ชอบใจเอาเสียเลย พี่สาวถึงได้ทำตัวไม่ได้สนใจภาพลักษณ์เช่นนี้ หากหม่าทงเทียนไม่ถูกใจข้า ปลดข้าออกก็สมกับความตั้งใจของข้าพอดี ดังนั้น หลายปีมานี้พี่สาวจึงกลายเป็คนนิสัยเช่นนี้ไป ก่อนแต่งงานหม่าทงเทียนไม่มีวันพาข้าขึ้นเตียงได้! ต่อให้ตอนนี้พี่สาวคิดจะมาหาเ้า พาเ้าขึ้นเตียง หม่าทงเทียนก็ทำได้แค่มอง เ้าเชื่อหรือไม่?”
“เื่นี้ ต่อให้ข้าไม่เชื่อ เ้าก็คงไม่คิดขึ้นเตียงกับข้าจริงๆ หรอกกระมัง... ”
“เ้าคิดมากไปแล้ว... ถึงพี่สาวไม่ใช่สตรีที่ดี แต่ก็ใช่ว่าจะขึ้นเตียงกับผู้อื่นมั่วซั่วนักหรอกนะ... ”
“พอได้แล้ว มีอะไรจะพูดก็พูดมา เลิกล่อลวงข้าได้แล้ว อย่าทำให้ข้าต้องทำเื่ผิดบาปเลย!” เทียบกับสตรีตรงหน้า เขาสนใจเื่เหตุผลที่ตระกูลลั่วบงการให้สมาคมซานชิงลงมือมากกว่า
“คงนานมากแล้วที่เ้าไม่ได้กลับไปยังตระกูลลั่วที่เจียงหยินใช่หรือไม่ ได้ยินว่าไม่นานมานี้ตระกูลลั่วมีแขกลึกลับกลุ่มหนึ่ง ที่แม้แต่วิหารเสินจั้นกับวิหารอิงหลิงยังต้องตกตะลึง ข้าเองก็เพิ่งรู้เมื่อไม่กี่วันนี้ แท้จริงแล้วคนเ่าั้มาจากโลกชั้นสูง และคนเหล่านี้มายังโลกเบื้องล่าง เพียงจะส่งรายชื่อผู้มีสิทธิ์คนหนี่ง เป็รายชื่อของศิษย์สำนักระดับกลางที่ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ผู้โอกาสเข้าสู่โลกชั้นสูงได้...”
“มาจากโลกชั้นสูง ศิษย์สำนักระดับกลางคนหนึ่งมีสิทธิ์ได้เข้าสู่โลกชั้นสูงอย่างนั้นหรือ?” ลั่วถูใมาก และแทบจะเข้าใจสถานการณ์ของเื่ทั้งหมดในเสี้ยววินาที หากกล่าวว่าแค่ยาเปิดิญญาหกสิบสี่เม็ดสำหรับเปิดิญญาครั้งที่เจ็ดยังไม่เป็เหตุผลที่เพียงพอให้คนตระกูลลั่วลงมือกับเขา หากเปลี่ยนเป็รายชื่อผู้มีสิทธิ์จากสำนักระดับกลางที่ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ รายชื่อคนผู้หนึ่งที่มีสิทธิ์เข้าสู่โลกชั้นสูงได้ในอนาคต ผลลัพธ์ก็เป็อีกเื่หนึ่งเลยทีเดียว
ถึงแม้ในโลกเบื้องล่างนี้ พวกตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุด หรือกระทั่งเผ่าปีศาจ เผ่ามาร เผ่าอสูรและเผ่าอื่นๆ สำหรับรายชื่อผู้มีสิทธิ์นี้ล้วนอยากได้จนน้ำลายไหลกันทั้งนั้น
สำนักระดับกลางที่ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์ เรียกได้ว่า ไม่ว่ารายชื่อผู้มีสิทธิ์นี้จะไปอยู่ในมือเผ่าพันธุ์ไหน สำนักระดับกลางของเผ่านั้นล้วนไม่ปฏิเสธ ถึงเ้าจะเป็เผ่ามนุษย์ แต่หากนำรายชื่อนี้ไปมอบให้สำนักระดับกลางเผ่าอสูร ฝ่ายตรงข้ามก็คงรับไว้แน่ กระทั่งเผ่าปีศาจ ฝ่ายตรงข้ามก็คงไม่ปฏิเสธเช่นกัน... เื่แบบนี้แทบจะนับว่าท้าทาย์ได้แล้ว เกรงว่าในโลกเบื้องล่างคงไม่มีมหาอำนาจตระกูลไหนจะทรงอิทธิพลถึงขั้นสามารถส่งรายชื่อใครก็ได้คนหนึ่งไปสู่โลกชั้นสูงได้ด้วยซ้ำ
“เื่นี้เ้าแน่ใจหรือว่าไม่ผิดพลาด เป็สำนักระดับกลางที่ไม่จำกัดเผ่าพันธุ์หรือ? ในโลกนี้จะมีการให้สิทธิ์พิเศษเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
“ถ้าเพียงเป็ในโลกชั้นล่างนี้เกรงว่าคงไม่มีของเช่นนี้ปรากฏออกมาได้แต่ ต่อให้เป็วิหารศักดิ์สิทธิ์ก็ทำไม่ได้ แต่ถ้าเป็รายชื่อที่ส่งมาจากโลกชั้นสูง ก็ไม่มีอะไรเป็ไปไม่ได้ หมื่นเผ่าพันธุ์ในโลกชั้นสูงไม่ได้ทำาไม่หยุดเหมือนโลกชั้นล่าง คนบางคนมีอิทธิพลทั่วทั้งโลกซิงเหิน การตัดสินใจของพวกเขา ไม่ว่าจะเผ่ามนุษย์ อสูร ปีศาจหรือ มาร ผีและเผ่าอื่นๆ ล้วนให้ความเคารพถึงที่สุด ถ้าเป็คนเช่นนี้ให้มาหนึ่งรายชื่อ เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจ”เซวี่ยหลิงเอ๋อร์อธิบายอย่างเรียบเฉย
ลั่วถูพูดไม่ออก แต่ยังคงสงสัย โลกใบนี้ไม่มีความรักอันไร้เหตุผลเช่นนี้แน่ เกรงว่าบรรพบุรุษในตระกูลลั่วแห่งโลกชั้นสูง ก็ยังไม่มีอิทธิพลมากขนาดนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งตอนแรกสาเหตุที่เขาถูกขับไล่มาโลกชั้นล่างก็ไม่ใช่เพียงเพราะเื่ที่เขาเป็ขยะไร้ประโยชน์เพียงเื่เดียว แต่เป็เพราะการแข่งขันภายในสายเืหลักของตระกูลลั่ว และทรัพยากรของครอบครัวที่มีจำกัด เขาเปิดิญญามาถึงห้าครั้งก็ยังไม่สำเร็จ ผลาญทรัพยากรเสียเปล่าไปมากนัก แต่น้องสาวของเขากลับมีพร์มากกว่าตัวเขามาก เปิดิญญาเพียงครั้งเดียวก็สำเร็จแล้ว ซ้ำยังมีรากิญญาบริสุทธิ์ที่หายากยิ่ง ทางครอบครัวจึงไม่อาจสูญเสียทรัพยากรกับตัวเขาได้มากนัก เขาจึงเลือกไปเติบโตที่โลกชั้นล่าง เพื่อมอบทรัพยากรที่มีจำกัดของครอบครัวให้กับน้องสาว
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ตระกูลลั่วไม่มีทางมีเมตตาเสียจนยอมให้ตัวแทนพิเศษจากโลกชั้นบนลงมาโลกชั้นล่างโดยไม่สนใจราคาที่ต้องจ่ายแน่นอน เพียงเพื่อมอบรายชื่อให้เขาโดยเฉพาะ ทว่าต่อให้ข่าวของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ไม่เป็ความจริง เกรงว่าเหตุผลของเื่นี้คงต่างกันไม่มากนัก เป็ไปได้มากทีเดียวว่าเื่ครั้งนี้คงให้ผลประโยชน์กับตัวเขาเองครั้งใหญ่ ถ้าตัวเขาไม่อาจกลับตระกูลลั่วได้ ผลประโยชน์ส่วนนั้นย่อมตกอยู่ในมือตระกูลลั่ว ลำพังในตระกูลลั่วก็มีคนจับจ้องฉกฉวยผลประโยชน์มากมายอยู่แล้ว เท่านี้ก็ชัดเจนพอแล้วว่าตัวเขาไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
“เช่นนั้นเหตุใดเ้าถึงรู้เื่ระหว่างสมาคมซานชิงกับตระกูลลั่วได้กัน?” ลั่วถูสูดลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สงบสติอารมณ์ของตน และถามอย่างเฉยชา
“เพราะในสมาคมซานชิงมีคนของข้า แต่เ้าวางใจได้ พวกเราไม่เพียงไม่ใช่ศัตรู มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ระหว่างสมาคมซานชิงกับพวกข้าก็มิใช่สหายเช่นกัน เพียงส่งคนของพี่สาวเข้าไปบางคนเท่านั้น!” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวไปพลางอมยิ้มไปพลาง
“เช่นนั้นเชิญว่าเป้าหมายของเ้ามาเสีย ไม่ต้องคิดจะบอกข้าว่าเ้าใจดีเสียจนยอมบอกข่าวนี้ให้ข้าเปล่าๆ กว่าจะได้ข้อมูลพวกนี้มาเ้าคงจ่ายไปไม่ใช่น้อย ใช่แล้ว เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ เ้าคงไม่ใช่คนของตระกูลเซวี่ยแห่งหนานตูกระมัง?” ลั่วถูเอ่ยขึ้นราวกับนึกอะไรบางขึ้นได้
“มิผิด ข้าคือคุณหญิงสามของตระกูลเซวี่ยแห่งหนานตู ดังนั้นคงไม่ต้องสงสัยว่าข้าได้ข่าวนี้มาได้อย่างไร หากข้าคิดจะหาข่าวของคนผู้หนึ่งแล้ว เช่นนั้นบนแผ่นดินต้นกำเนิดนี้ ไม่มีข่าวแบบไหนที่หาไม่ได้ แน่นอนว่าที่ข้าเอาข่าวนี้มาบอกกับเ้า ข้ามีเป้าหมายจริงตามเ้าว่า”
“เ้าคงรู้ดีว่าพวกเราตระกูลเซวี่ยนอกจากรวบรวมข้อมูลเก่งที่สุด ยังมีอีกเื่หนึ่งจัดได้ว่าเป็ลำดับต้นๆ ของทั้งแผ่นดินต้นกำเนิดอีกด้วย”
“โรงประมูล... ” ลั่วถูกล่าวออกมา
“มิผิด คิดว่าน้องลั่วคงเคยได้ยินมาบ้างแล้ว! เป็จริงเช่นนั้น โรงประมูลตระกูลเซวี่ยของพวกเรามีอิทธิพลไม่น้อยในแผ่นดินต้นกำเนิด ดังนั้นเป้าหมายของข้าก็ง่ายดายนัก ข้าหวังว่าน้องลั่วจะสามารถนำรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าสู่โลกชั้นสูงไปเปิดประมูลที่โรงประมูลตระกูลเซวี่ยของข้าได้... ”
“ฮะฮะ พี่สาวเซวี่ยรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะยอมนำไปประมูล? นี่เป็ถึงโอกาสที่คนทั้งแผ่นดินต้นกำเนิดล้วนปรารถนา เ้าไม่คิดว่าข้าเองก็อยากได้มันมาบ้างหรอกหรือ?” ลั่วถูใแต่ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะตอบกลับ
“หากในแผ่นดินต้นกำเนิดนี้ยังมีคนหนึ่งที่ไม่คิดอาศัยรายชื่อนี้เพื่อไปยังโลกชั้นสูง เช่นนั้นพี่สาวขอทายว่าคนคนนั้นต้องเป็เ้าไม่ผิดแน่!” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์หัวเราะอย่างมั่นใจ
ลั่วถูอดได้แต่ตกตะลึง จึงถามกลับไปว่า “เพราะอะไรกัน?”
“เพราะความภาคภูมิใจของคนธรรมดา!” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ว่าไปพลางหัวเราะอย่างทรงเสน่ห์ ทว่ากลับไม่อาจทำให้ใจของลั่วถูสั่นไหวได้แม้แต่น้อย
ใช่แล้ว การเคารพตนเองไม่ได้แบ่งระดับ ต่อให้เป็คนธรรมดาก็ควรมีความเคารพตนเอง ตนที่ถูกขับไล่มาจากโลกชั้นสูงก็เช่นกัน ใช้พลังของตัวเองพิสูจน์คุณสมบัติเพื่อเข้าสู่โลกชั้นสูง ไม่ใช่อาศัยโอกาสที่คนอื่นหยิบยื่นให้
นี่คือความมั่นใจในแบบของคนที่มีความสามารถ และเป็ความภาคภูมิใจของคนธรรมดา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้