เมื่อได้ฟังฮั่วิเชินเอ่ยประโยคนี้ ดวงตาของไป๋หว่านหนิงก็เป็ประกายขึ้นมาทันที นางรีบเอ่ยสนับสนุน “ใช่แล้วเพคะ พี่สาวเก่งกาจอย่างยิ่ง ในสายตาหม่อมฉัน หมอหลวงเหล่านี้เทียบไม่ได้กับนิ้วของพี่สาวแม้แต่นิ้วเดียวเพคะ”
เอาเถิด สุมความเกลียดชังให้นางอีกคราแล้ว
ไม่ต้องหันไปมองไป๋เซี่ยเหอก็รู้สึกถึงหนามที่กำลังทิ่มแทงหลัง หากสายตาแปรเปลี่ยนเป็มีดได้ คาดว่าหลังของนางคงมีาแเต็มไปหมดแล้วในเวลานี้
“เช่นนั้นเ้าก็ลองดูเถิด แม่หนูเซี่ยเหอ หากเ้ารักษาฝ่าาให้หายดีได้ ข้าจะตบรางวัลให้อย่างงาม”
ฮองเฮามองไป๋เซี่ยเหอเป็ฟางช่วยชีวิตแล้วในเวลานี้ แม้แต่ชื่อเรียกก็ไม่เหมือนเดิม ถึงอย่างไรทักษะด้านการแพทย์ของเจียงซินเสียนก็สูงส่งมาก เมื่อเป็ถึงผู้สืบทอดของนาง ไป๋เซี่ยเหอคงจะไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไรกระมัง
แม้ว่าตอนนี้เจียงซินเสียนจะสลบไสล แต่ใครจะรับประกันได้ว่านางไม่ได้ทิ้งตำราแพทย์เอาไว้เล่า?
เมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว ไป๋เซี่ยเหอก็ไม่มีสิทธิที่จะปฏิเสธ นางทำได้เพียงกัดฟันยอมรับเท่านั้น
“ได้เพคะ แต่ว่าฮองเฮาเพคะ โปรดให้คนอื่นๆ ถอยออกไปได้หรือไม่? หม่อมฉันทราบว่านี่ไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ แต่หม่อมฉันไม่เคยพบเจอความเอิกเกริกเช่นนี้มาก่อน จึงรู้สึกประหม่าเป็อย่างยิ่ง ดังนั้น...”
แม้ว่าคำร้องขอจะฟังดูไม่ค่อยสมเหตุสมผล ทว่าก็ยังพอฟังขึ้นอยู่บ้าง อย่างไรไป๋เซี่ยเหอก็เป็เพียงแม่หนูน้อยผู้หนึ่ง จะเคยพบเจอความเอิกเกริกเช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร? หากทำให้นางรู้สึกประหม่า เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อการรักษา
“นี่ไม่เหมาะสมเพคะ...” ไป๋หว่านหนิงรีบปฏิเสธ นางอยากเห็นไป๋เซี่ยเหอปล่อยไก่ด้วยตาตนเอง จากนั้นก็เห็นอีกฝ่ายถูกตัดศีรษะ แล้วจะให้นางพลาดฉากเ่าั้ได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ในวังหลวงจะอาศัยคำพูดของไป๋หว่านหนิงเพียงคนเดียวได้อย่างไร? ฮองเฮาเหลือบมองนางด้วยความเ็า ความเศร้าโศกเลือนหายไปในทันที ท้ายที่สุดฮองเฮาก็เป็ถึงมารดาแห่งแผ่นดิน ความน่าเกรงขามแผ่กระจายออกมาจากร่างของฮองเฮา “นอกจากแม่หนูเซี่ยเหอแล้ว คนที่เหลือออกไปรอนอกตำหนักให้หมด”
หลังจากทุกคนออกไปจนหมดและประตูถูกปิดเรียบร้อยแล้ว ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้รีบเดินไปหาฮ่องเต้ แต่กลับมองไปรอบๆ ตำหนัก หลังจากตรวจสอบว่าไม่มีผู้ใดเหลืออยู่แล้ว นางจึงเดินเยื้องย่างเข้าไปหาฮ่องเต้
บุรุษที่นอนอยู่บนเตียงสวมเสื้อคลุมัอันทรงเกียรติ คิ้วทรงดาบยาวจรดขมับ สันจมูกโด่ง แม้ว่าจะนอนหลับตาอยู่บนเตียง กลิ่นอายสูงศักดิ์ก็ไม่ลดลงแม้แต่น้อย เมื่อมองจากบางมุม เขาดูเหมือนฮั่วเยี่ยนไหวอยู่เล็กน้อย
ในเวลานี้ริมฝีปากของฮ่องเต้หมองคล้ำ มองปราดเดียวก็รู้ว่าพิษชนิดนี้ร้ายแรง
เพียงแต่ไป๋เซี่ยเหอไม่อาจบอกได้ว่าถูกพิษอะไรกันแน่ แม้ว่านางจะเป็ทหารรับจ้างในอดีตชาติ ทว่าไม่ได้มีความรู้เื่พิษมากนัก ยามว่างนางคงต้องอ่านหนังสือให้มากเสียแล้ว มิฉะนั้นคงจะถูกใครบางคนมองออกในสักวันหนึ่ง
ไป๋เซี่ยเหอลองวางมือไว้ตรงหน้าของฮ่องเต้ ทว่าพลังที่คราวก่อนช่วยดูดพิษออกจากร่างของเจียงซินเสียนกลับไม่ปรากฏ พิษของฮ่องเต้ยังคงอยู่
ทำอย่างไรดี! เดิมทีนางก็ไม่ทราบว่าเหตุใดคราวก่อนถึงเกิดเื่เช่นนั้นได้ แม้จะทราบว่าตนเองสามารถแก้พิษ ทว่านางไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร
“ได้แต่ลองวิธีสุดท้ายแล้ว” ไป๋เซี่ยเหอถอนหายใจแ่เบา นางยืนอยู่ข้างเตียงฮ่องเต้ เอื้อมมือไปดึงปิ่นปักผมเหนือศีรษะลงมา จากนั้นก็ใช้ปิ่นแทงไปที่ข้อมือของตนเองอย่างแรง เืสีแดงสดไหลออกมาจากาแทันที
ตามตำนาน เืของจิ้งจอกหิมะสามารถแก้พิษประหลาดๆ บนโลกได้
ไป๋เซี่ยเหอค้อมตัวลง นำข้อมือไปจ่อตรงริมฝีปากของฮ่องเต้ เพื่อให้เขาดื่มเืของตนเองลงไป
ขณะนี้นางกำลังจดจ่ออยู่กับสถานการณ์ตรงหน้า นี่คือแผนการที่แย่ที่สุด หากวิธีนี้ไม่อาจทำให้ฮ่องเต้ฟื้นขึ้นมาได้ นางจะรีบฉวยโอกาสตอนที่นางอยู่ในตำหนักตามลำพัง ส่วนคนที่เหลือล้วนรออยู่หน้าประตู ขอเพียงนางหลบหนีไปโดยไม่มีผู้ใดล่วงรู้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่นางกำลังใช้ความคิด ริมฝีปากอันหมองคล้ำของฮ่องเต้ก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็สีปกติ ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกยินดีอยู่ในใจ ดูเหมือนว่าเืของนางจะเป็สิ่งล้ำค่าจริงๆ
หลังจากไป๋เซี่ยเหอพันแผลเพื่อห้ามเืให้ตนเองอย่างรวดเร็วแล้ว นางก็รีบชงชาเข้มข้นให้ฮ่องเต้ดื่มหนึ่งจอก เพื่อขจัดกลิ่นคาวเืในปากของเขา จากนั้นนางก็ทำความสะอาดเืที่หยดลงบนพื้น
หลังจากเสร็จธุระ ไป๋เซี่ยเหอที่เสียเืไปเป็จำนวนมากก็นั่งหอบหายใจอยู่บนพื้น นางไม่เหลือเรี่ยวแรงแม้แต่น้อย นางจำเป็ต้องพักผ่อนเสียก่อน เพราะข้างนอกยังมีกลุ่มภูตผีปีศาจรอจัดการกับนางอยู่
ยามที่ไป๋เซี่ยเหอหลับตาลงเพื่อพักผ่อน อิฐก้อนหนึ่งเหนือศีรษะพลันเคลื่อนไหวอย่างแ่เบา ทำให้ช่องว่างเล็กน้อยถูกปิดลงอย่างไร้สุ้มเสียง
จากนั้นเงาสายหนึ่งพลันวาดผ่านบนหลังคาอย่างรวดเร็ว โดยไม่มีผู้ใดรับรู้ว่ายังมีอีกคนอยู่ที่นี่มาั้แ่แรก
ในเวลานี้เสียงพูดคุยที่ด้านนอกประตูค่อยๆ ดังขึ้น
“นางทำได้หรือไม่ได้กันแน่? ผ่านไปนานถึงเพียงนี้ พระอาทิตย์ก็ขึ้นแล้ว คงไม่ใช่จงใจให้พวกเราตากแดดอยู่นอกประตูกระมัง คุณหนูใหญ่ตระกูลไป๋คนนี้จิตใจโเี้เกินไปแล้ว”
“ข้าว่านางคงรักษาฝ่าาไม่ได้ จึงไม่กล้าออกมากระมัง”
ไป๋หว่านหนิงดีใจจนแทบคลั่ง ทว่านางยังคงแสร้งทำเป็ปกป้องไป๋เซี่ยเหอด้วยสีหน้าแข็งกร้าว “ย่อมไม่เป็เช่นนั้นแน่ ทักษะด้านการแพทย์ของพี่สาวเลิศล้ำยิ่งนัก ตราบใดที่นางตั้งใจ ย่อมต้องรักษาฝ่าาให้หายดีได้อย่างแน่นอน”
กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า หากรักษาให้หายไม่ได้ ย่อมต้องเป็ไป๋เซี่ยเหอที่ไม่ตั้งใจรักษาฮ่องเต้
ความจริงแล้วฮั่วิเชินไม่เชื่อแม้แต่น้อยว่ากระเป๋าฟางอย่างไป๋เซี่ยเหอจะมีทักษะด้านการแพทย์ ทว่าในเมื่อไป๋หว่านหนิงกล่าวเช่นนี้ เขาก็ไม่อาจไม่เชื่อคนรักของตน จึงรีบเอ่ยสนับสนุนทันที “หากวันนี้นางรักษาเสด็จพ่อไม่ได้ ข้าจะหย่ากับนาง!”
เมื่อฮั่วิเชินเอ่ยด้วยถ้อยคำชัดเจนเช่นนี้ ไป๋หว่านหนิงก็ยิ่งดีอกดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
นางรู้จักไป๋เซี่ยเหอเป็อย่างดี กระเป๋าฟางผู้นั้นมีทักษะด้านการแพทย์ที่ไหนกัน ขอเพียงผ่านวันนี้ไป รอให้นางแพศยาผู้นั้นไร้สถานะไท่จื่อเฟย เมื่อถึงเวลาอันเหมาะสม สถานะอันล้ำค่าอย่างหาที่เปรียบมิได้นั้นย่อมต้องเป็ของนางอย่างแน่นอน
ไป๋เซี่ยเหอที่กำลังจะเปิดประตูกลับได้ยินประโยคนี้ของฮั่วิเชินเข้าพอดี มือของนางพลันหยุดชะงัก
นางควรหันกลับไปแล้ววางยาพิษฮ่องเต้ดีหรือไม่?
“ฮึ่ม ไป๋เซี่ยเหอเป็เพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่งเท่านั้น หากวันนี้นางช่วยชีวิตฝ่าาให้ทรงฟื้นขึ้นมาได้ ข้าจะเอียงศีรษะให้นางเตะเลย!”
หลังประโยคนั้นจบลง ประตูก็เปิดออก
ไป๋เซี่ยเหอยืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มและเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ แม้ว่าใบหน้าเล็กๆ ของนางจะอ่อนแอจนซีดเซียว ทว่ายังคงปิดบังความเฉลียวฉลาดไว้ไม่มิด
“จะให้ข้าเตะศีรษะใคร? ตอนนี้เอียงมาได้แล้ว”
“แม่หนูเซี่ยเหอ ฝ่าา...” ผู้ที่ตอบสนองได้รวดเร็วที่สุดก็คือฮองเฮา แม้นางจะยืนอยู่นอกประตู ทว่านางก็ปรารถนาที่จะพุ่งเข้าประตูไป เพื่อเฝ้ารอให้ฮ่องเต้ฟื้นคืนสติ
ในทางกลับกัน ไป๋เซี่ยเหอที่เดินออกด้านนอกกลับรู้สึกขลาดกลัว นางกลัวว่าฟ้าดินจะพังทลายลงมา
ไป๋เซี่ยเหอคว้ามือของฮองเฮาที่ยื่นมาหาแล้วกุมไว้แน่น เพื่อให้กำลังใจและปลอบโยนนาง
กล่าวตามสัตย์จริง ในยุคสมัยที่เื่ไร้ศีลธรรมอย่างหนึ่งบุรุษสามภรรยาสี่อนุเป็สิ่งที่พบเจอได้โดยทั่วไปเช่นนี้ ความรักของฮ่องเต้ทำให้นางประทับใจอย่างแท้จริง เมื่อครู่ตอนที่ฮ่องเต้ลืมตาขึ้นมาแล้วเห็นนาง ประโยคแรกที่ทรงเอ่ยถามคือ ‘ข้าทำให้เจี่ยวเอ๋อร์ใหรือไม่?’
“ฮองเฮา ฝ่าาทรงฟื้นแล้วเพคะ”
หากไม่ได้ไป๋เซี่ยเหอคอยประคองเอาไว้ เกรงว่าฮองเฮาคงจะล้มลงไปนั่งกับพื้นเป็แน่ หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ฮองเฮาก็ลุกขึ้นมา หยิบผ้าดิ้นเงินดิ้นทองมาเช็ดคราบน้ำตาบนใบหน้า แล้วก้าวเข้าไปข้างในพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“เป็ไปไม่ได้กระมัง หมอหลวงยังบอกว่าไม่มีวิธี นึกไม่ถึงว่านางจะรักษาได้”
“ไม่ ข้าไม่เชื่อ ข้าจะเข้าไปดู”
ทุกคนกรูกันเข้าไป มีเพียงไท่จื่อ ไป๋หว่านหนิงและไป๋เซี่ยเหอที่ไม่ขยับเขยื้อน
ฮั่วิเชินใช้ดวงตาสีเข้มสำรวจร่างของไป๋เซี่ยเหอ ราวกับ้ามองให้ทะลุจิติญญาของนางอย่างไรอย่างนั้น เขาเคยได้ฟังจากปากของไป๋หว่านหนิงมาไม่น้อยว่า คู่หมั้นของเขานั้นเป็กระเป๋าฟางที่ทั้งอัปลักษณ์และโง่เขลา
ทว่าสิ่งที่เขาเห็นในวันนี้คือ ไม่เพียงแต่นางจะไม่อัปลักษณ์เท่านั้น ทั่วทั้งร่างยังแผ่ความเยือกเย็นออกมาด้วย ถึงแม้จะถูกบังคับให้รักษาฮ่องเต้ ท่าทีที่นางแสดงออกล้วนเต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ บุคลิกเป็ธรรมชาติเช่นนั้นเป็สิ่งที่หาไม่ได้จากบุตรีของเหล่าตระกูลใหญ่
สำหรับเื่ที่ว่านางเป็กระเป๋าฟางนั้น หากจะบอกว่าผู้ที่สามารถรักษาฮ่องเต้ที่ถูกพิษร้ายแรงเป็กระเป๋าฟางละก็ เช่นนั้นคนทั้งหมดที่ยืนอยู่ที่นี่เมื่อครู่ก็เทียบไม่ได้กับกระเป๋าฟางไม่ใช่หรือ?
ฮั่วิเชินเดินมายืนข้างๆ ไป๋เซี่ยเหอ ดวงตาที่ราวกับอาบยาพิษคู่นั้นจับจ้องนางอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเอ่ยด้วยความหยิ่งผยอง “เ้าทำสำเร็จแล้ว ทั้งยังดึงดูดความสนใจของข้าได้สำเร็จด้วย”
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้