บทที่ 4 : ป้อมมู่สือถูกโจมตี
ลั่วถูตื่นขึ้นมาก็พบว่าเป็เวลาที่ดึกมากแล้ว เพียงแต่เวลานี้บริเวณนอกค่ายทหารมีเสียงะโกู่ร้อง “ฆ่า” ดังกระหึ่ม แสงสว่างจากเปลวเพลิงส่องผ่านหน้าต่างเข้ามา ในขณะที่ทุกอย่างยังคงพร่ามัว เขาก็พบว่ามีเงาดำมืดร่างหนึ่งอยู่ข้างกาย เขาใแทบสิ้นสติแต่ขณะที่กำลังจะพลิกตัวหลบก็ได้ยินเสียงของซ่งตงดังขึ้นมา
“ชู่ว...”
“เกิดอะไรขึ้น?” ลั่วถูลดเสียงลง เงามืดดำเป็รูปเป็ร่างชัดเจนขึ้น เขารู้สึกว่าดวงตาของเขาเหมือนมีพลังที่ชวนให้รู้สึกสดชื่นสายหนึ่งไหลเวียนไม่หยุด จากเงาเดำที่ดูคล้ายท่อนไม้กับเศษฟางหญ้าพลันชัดเจน ใบหน้าตื่นตระหนกของซ่งตงจึงไม่อาจหลีกหนีสายตาของเขาไปได้
“เผ่าปีศาจลอบโจมตี!” ซ่งตงสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สิ่งที่คิดว่าจะมา ก็มาดังคาดจริงๆ เพียงแต่นี่มันแค่เริ่มต้นเท่านั้น ถ้าข้อมูลที่เขาได้รับมาเป็จริง พวกเขาต้องรีบออกจากค่ายทหารนี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทว่าหลังูเาเป็ป่าใหญ่หลายร้อยลี้ ภายในมีสัตว์อสูรสุดร้ายกาจมากเหลือเกิน ไม่ต้องพูดถึงว่าถ้าเขากับลั่วถูเข้าป่ายามวิกาลกันสองคน คงมีแค่ตายสถานเดียว ต่อให้เขาลากคนขนศพคนอื่นไปด้วยก็เป็แค่คนธรรมดาที่ยังไม่เปิดิญญากันทั้งนั้น ภายใต้กรงเล็บของสัตว์ป่าจะมีสักกี่คนที่รอดชีวิต?
ซ่งตงไม่คิดเสียใจแม้แต่น้อย ทีแรกเขาตั้งใจจะออกจากค่ายทหารในตอนบ่าย ทว่าตอนที่ออกจากป้อมกลับพบลั่วถูเสียก่อน ใครจะรู้ว่าลั่วถูจะถูกพิษเข้า ทำให้การเดินทางของเขาต้องล่าช้า อีกทั้งข่าวนี้เขาก็ไม่มั่นใจว่าจริงเท็จเพียงไร จึงไม่อาจรายงานกับหัวหน้ากองได้ หากกลายเป็รายงานเท็จขึ้นมา ต่อให้เขาเอาชีวิตรอดจากสนามรบได้ แต่คงไม่แคล้วต้องตายด้วยมีดในมือของคนกันเอง ดังนั้นเขาจึงเลือกจะเก็บเงียบ อย่างไรเสียเขาก็เป็แค่คนขนศพตัวเล็กๆ คำพูดไม่มีน้ำหนักพอให้เชื่อถือ คงไม่มีใครเชื่อคำพูดของเขาอยู่แล้ว ทว่าตอนนี้ในเมื่อเผ่าปีศาจบุกมาจริงๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าข่าวของเขาเป็ความจริง ทว่าเขาไม่มีทางเลือกแล้ว มีแต่ต้องเตรียมใจเผ่นหนีสุดชีวิตเท่านั้น!
“เผ่าปีศาจบุก ถึงอยากจะโจมตีป้อมปราการนี้ก็ไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ หรอก!” ลั่วถูยืนขึ้นข้างหน้าต่าง เขาพบว่าทัศนวิสัยของเขาไม่ถูกความมืดยามค่ำคืนบดบังแม้แต่น้อย แม้แต่ลูกศรที่พุ่งมาจากฟากฟ้าก็ยังเห็นได้อย่างชัดเจน ภายใต้เปลวเพลิงโหมกระหน่ำ เขามองเห็นกระทั่งหยาดเหงื่อบนใบหน้าของทหารรักษาการณ์ด้วยซ้ำ... ที่ร่างกายของเขาเกิดเื่ประหลาดแบบนี้ขึ้น หรือจะเป็เพราะภาพเต่าลึกลับแบกหินรูปนั้น?
“ดูท่าเื่ที่เกิดขึ้นในคืนนี้จะซับซ้อนกว่าที่คาดไว้มาก พวกเราต้องเตรียมทางหนีแล้ว ถ้าหมดหนทางจริงๆ พวกเราคงต้องออกทางหลังูเา มุ่งไปยังฐานทัพเฟิงซาน...” ซ่งตงสูดลมหายใจเข้าลึก เขาไม่อยากบอกลั่วถูเื่ข่าวที่เขาได้รับมา แต่จุดที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้คือมุมทางทิศเหนือของค่ายใกล้กับชายเขา ถ้าป้อมปราการแตกเมื่อใด พวกเขาก็สามารถหนีออกไปทางหลังเขาได้อย่างง่ายดาย เพียงแต่การเอาตัวรอดในูเายามวิกาลนั้นช่างเป็เื่ที่น่าปวดหัวยิ่งนัก
“ตอนนี้พิษมารในร่างของเ้าเป็อย่างไรบ้าง?” ซ่งตงเหมือนคิดอะไรได้บางอย่างจึงถามออกไป
“หายดีแล้ว ไม่ต้องกังวล! วันนี้ข้าโชคดีที่มีเ้า...” ลั่วถูโบกมือ รู้สึกร่างกายเต็มไปด้วยพลัง ดูเหมือนว่าร่างกายของเขาจะฟื้นตัวกลับมาได้ดีกว่าที่คิด ทำให้ในใจของเขารู้สึกลิงโลดเกินจะบรรยาย เขาเชื่อว่าที่ทุกอย่างเป็แบบนี้ ต้องเกี่ยวกับภาพเต่าลึกลับแบกหินแน่นอน ไม่เช่นนั้นเหตุใดดวงตาของเขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนี้ พละกำลังในร่างเองก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อยเช่นกัน เพียงแค่การเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ยังไม่ค่อยชัดเจนเท่าไรนัก
“อย่างนั้นก็ดี พวกเราไปเตรียมตัวกันก่อน หวังว่าป้อมมู่สือจะต้านไว้ได้!” ซ่งตงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ท่าทางคงยาก...” ลั่วถูยิ้มอย่างขมขื่น ทันใดนั้นเขารีบดึงซ่งตงมาหลบที่มุมหนึ่งของกำแพงอย่างฉับพลัน
“ตูม...” เสียงดังสนั่น เศษใบไม้ใบหญ้าปลิวกระจาย
“เร็วเข้า...” ใบหน้าของซ่งตงเต็มไปด้วยเศษไม้ บ้านไม้ที่เขากับลั่วถูหลบอยู่ถูกวัตถุขนาดใหญ่ั์ที่ลอยมาจากฟากฟ้าทำลายจนเป็ผุยผง ฟางหญ้าที่ใช้มุงหลังคาบ้านปลิวกระเจิงราวกับขนไก่ ยังไม่ทันหายใ ลั่วถูก็ลากเขากลิ้งหลบออกมาเสียแล้ว ไม่สนใจว่าเศษไม้บนพื้นจะฉีกเสื้อผ้าขาดออก และในตอนนั้นเองที่เขาได้กลิ่นน้ำมันลอยออกมา เขาก็เข้าใจในทันทีว่าของที่ตกลงมาคือสิ่งใด...ในเวลาแบบนี้จะยังมัวยืนอึ้งตะลึงงันก็อย่างไรอยู่ เขารีบวิ่งล้มลุกคลุกคลานไปทั้งอย่างนั้นมุ่งสู่ด้านหลังูเาทันที
“นั่นมันจรวดนี่...” และในเวลานี้ คนรับใช้หลายคนที่ตื่นตระหนกะโเรียกและชี้นิ้วไปยังวัตถุเหนือนภา
ลั่วถูถึงกับเหงื่อตก ใช่แล้วนั่นคือจรวด แสงสว่างเต็มท้องฟ้า ดูราวกับดาวนับหมื่นพันกะพริบไหว และตกลงมายังป้อมไม้ผสมหินป้อมนี้ ในตอนที่มันตกกระทบพื้น ก็ส่งเสียงดังสนั่นไปทั่วจตุรทิศ เปลวเพลิงลุกโหม ลามทุกสารทิศอย่างรวดเร็ว กลิ่นคาวน้ำมันลอยคลุ้งไปทั่ว แม้แต่ที่พักของคนรับใช้ก็ไม่เว้น ทั้งหมดถูกเผาไหม้เป็จุณ
นักรบเผ่ามนุษย์ในป้อมมู่สือวิ่งพล่านวุ่นวาย เปลวไฟที่สะท้อนอยู่บนกำแพงป้อม ช่างแลดูน่าอนาถใจเหลือเกิน นักรบั์ของเผ่าปีศาจหวดขวานที่ใหญ่เท่าประตู ทุกการโจมตี ซัดใส่นักรบเผ่ามนุษย์จนตัวปลิว ทว่าในทางกลับกัน อาวุธทั้งหลายที่ฝั่งมนุษย์ใช้โจมตีร่างของปีศาจั์กลับไร้ผลไม่ต่างกับเศษดอกไม้ไฟที่กระเด็นใส่และกระดอนออกมา
สิ่งเดียวที่ทำอันตรายปีศาจั์ได้มีเพียงเครื่องยิงศร หรือก็คือหน้าไม้ขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ต้องใช้เฟืองขนาดใหญ่กับคนจำนวนมากถึงจะติดตั้งเครื่องยิงศรได้ ขนาดของลูกศรยาวหนึ่งจั้ง ทั้งเล่มทำมาจากเหล็กชั้นสูง แค่ลูกศรก็มีน้ำหนักหลายร้อยจินแล้ว เมื่อใช้ร่วมกับเครื่องยิงศรแล้ว แม้แต่กำแพงยังถูกเจาะเป็รูได้ และมันยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งนั้นก็คือหลังจากยิงไปที่กำแพงแล้ว จะมีชิ้นส่วนบางชิ้นตกอยู่นอกกำแพง หากนำมาเรียงต่อกันเป็ขั้นบันไดเพื่อให้นักรบที่กำลังต่อสู้สามารถปีนขึ้นไปบนกำแพงได้ ทว่าเครื่องยิงศรั์ในตอนนี้ กลับเป็อุปกรณ์ช่วยเหลืออย่างดีต่อเผ่าปีศาจ
“ตูม...” ปีศาจั์ถูกศรจากเครื่องยิงศรยิงใส่ ร่างกายที่สูงใหญ่หลายจั้งถูกยิงจนกระเด็น หลังจากหยดเืที่สาดกระเซ็น เผ่าปีศาจตนนั้นได้ถูกตอกไว้กับพื้นนอกป้อมปราการ
ทว่าเครื่องยิงศรไม่สามารถต้านทานแรงะเิอันทรงพลังได้ เพียงยิงได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น พลันปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นจากในป้อมไม้ผสมหิน เสียงยิงศรจากเครื่องยิงศรก็หยุดลงเสียแล้ว ในที่สุดเครื่องยิงศรในป้อมไม้ผสมหินถูกทำลายลง และดูเหมือนทุกเครื่องจะถูกทำลายในเวลาเดียวกันเสียด้วย
ปีศาจั์ที่เหลืออยู่ไม่กี่ตนยิ่งทวีความบ้าคลั่งขึ้นไปอีก ร่างกายมโหฬารพุ่งเข้าใส่กำแพงป้อม ทั้งที่บนร่างถูกลูกธนูยิงใส่ไม่น้อย แต่ดูเหมือนพวกมันจะไม่ได้สนใจสักนิด เมื่อใดที่ขวานั์จามลงไป กำแพงป้อมก็ถูกฟาดจนเป็รูโหว่ทันที
ป้อมมู่สือนั้นมีลักษณะด้านหน้าเตี้ยด้านหลังสูง สร้างขึ้นบนเนินเขา ด้วยทำเลนี้ทำให้พวกเขา
มองเห็นทหารปีศาจจำนวนมากพุ่งเข้าใส่ราวกับสายน้ำหลากได้อย่างชัดเจน คูน้ำที่ล้อมรอบป้อมดูราวกับถูกเติมเต็มด้วยศพของเผ่าปีศาจ แต่มันไม่ได้มีผลต่อทหารคลั่งของเผ่าปีศาจแม้แต่น้อย
ถึงแม้การสู้รบของทั้งสองฝ่ายที่ประตูป้อมยังคงยื้อสถานการณ์ไว้ได้ แต่ลั่วถูทราบดีว่าป้อมไม้ผสมหินนี้ป้องกันไว้ไม่ได้อีกต่อไป เพราะเขาเห็นทหารของเผ่ามารบุกเข้าถึงทั้งสองฝั่งของเนินเขาเรียบร้อยแล้ว และที่สำคัญคือในป้อมปราการนี้ยังมีไส้ศึกจำนวนมาก ไม่อย่างนั้นเครื่องยิงศรทั้งหมดไม่มีทางถูกทำลายพร้อมกันได้แน่นอน
และทหารเผ่ามารก็ไม่มีทางปรากฏตัวขึ้นบนสองฝั่งเนินเขาอย่างเงียบเชียบได้เช่นกัน
เผ่าปีศาจและเผ่ามารร่วมมือกัน ในสนามรบเช่นนี้มีให้เห็นไม่น้อย แต่การร่วมมือเพื่อลอบโจมตีค่ายทหารเผ่ามนุษย์ตอนกลางคืนกลับไม่ค่อยมีให้เห็นบ่อยนัก จากสัญชาตญาณสังหารของเผ่าปีศาจและเผ่ามาร หากป้อมแตกพ่ายเมื่อใด เมื่อนั้นมนุษย์คงถูกฆ่าทิ้งทันทีเมื่อพบตัวแน่ ดังนั้นในเวลานี้ ลั่วถูไม่ได้คาดหวังว่าจะมีคนปกป้องป้อมปราการนี้ไว้ได้อีกต่อไป เพียงแต่เสียดายนักรบเพื่อนเผ่ามนุษย์นับหมื่นในค่ายเท่านั้น
อย่างไรเสียการสู้รบก็เป็เื่ของนักรบ พวกเขาเป็เพียงคนขนศพต้อยต่ำ แม้จะเป็เผ่ามนุษย์เหมือนกัน แต่ไม่มีใครโง่พอจะทำเื่ที่เป็ไปไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อลั่วถูและซ่งตงไปถึงบริเวณหลังเขา กลับพบว่าพวกเขาไม่ใช่พวกแรกที่หนีออกมา พวกคนรับใช้ในค่ายทหาร แถมยังมีนักรบเผ่ามนุษย์บางส่วนหลบหนีออกมามากมาย ในเวลาแบบนี้ไม่มีใครมีอารมณ์คุยกับคนแปลกหน้า ต่างฝ่ายต่างรีบหนีเอาชีวิตรอดกันทั้งนั้น ใครจะรู้ว่าถ้าเผลอผ่อนแรง เผ่ามารจะมาดักเส้นทางหลังเขาเพื่อตัดเส้นทางหลบหนีหรือไม่ พวกนั้นปิดล้อมไปสามทางแล้ว เหลือไว้เพียงหลังเขา ก็ไม่แน่ที่อาจมีกับดักวางไว้
ทางหลบหนีนั้นเงียบเชียบ ไม่มีใครกล้าจุดไฟในเวลาแบบนี้ หากมีแสงไฟจะเป็เป้าหมายที่น่าไล่ตามมากที่สุดทันที...
ทำได้เพียงอาศัยแสงจากดวงดาวปีนป่ายขึ้นบ้างลงบ้างไปในป่าเพื่อเอาชีวิตรอด เสียงกรีดร้องและเสียงใดังระงมตลอดเวลา น่าจะมีบางคนไม่ระวังจนตกหน้าผา ถูกเถาวัลย์เกี่ยวรัด หรือไม่ก็อาจถูกบางสิ่งบางอย่างทำร้ายจนาเ็ หลังเขาที่ห่างจากค่ายทหารไม่มากจะไม่มีสัตว์อสูรดุร้ายมากนัก เมื่อครั้งที่เผ่ามนุษย์ตั้งค่ายทหารที่นี่ พวกเขาได้กวาดล้างหลังูเาไปแล้วรอบหนึ่ง สัตว์ป่าแข็งแกร่งบางส่วนถูกฆ่า บางส่วนถูกขับไล่ แม้หลังเขาจะมีเส้นทางให้ถอยหนี แต่มันก็เป็เพียงทางบนเขาที่ไม่น่าเดินเท่าไรนัก แต่ในเมื่อเป็ทางหนีทางเดียวของป้อมไม้ผสมหินก็นับว่าดีมากแล้ว
คนไม่น้อยในทัพทหารใช้เส้นทางนี้หลบหนี เสียงวัวเสียงม้าร้องกันระงม แม้ทางบนูเาจะมีแสงไฟเพียงน้อยทว่ามันกลับเด่นชัดเหลือเกินเมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดมิด เพราะในที่สุดกองทหารที่ถอยหนีก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะดึงดูดความสนใจด้วยการจุดไฟ อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังมีม้า ทว่าเส้นทางบนูเาก็ไม่ค่อยดีนัก หากไม่มีแสงไฟก็ไม่มีใครกล้าวิ่งเร็ว และหากเป็เช่นนั้นต่อไปเผ่าปีศาจและเผ่ามารต้องตามทันแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงยอมจุดไฟเพื่อให้ถอยทัพได้เร็วขึ้น ภายในป้อมน่าจะมีนักรบบางส่วนที่อยู่สู้จนตัวตาย...
“เราจะไปกับพวกเขาไหม...” ซ่งตงเสนอขึ้น เพราะถ้าหนีไปพร้อมกองทหาร อย่างน้อยไม่ต้องกังวลเื่ของสัตว์ป่าที่ซ่อนอยู่
“เ้าคิดว่าที่เผ่าปีศาจกับเผ่ามารโจมตีรอบโจมตีป้อมปราการจะไม่มีเป้าหมายซ่อนอยู่หรือ? นักรบนับหมื่น กลับมีไม่กี่ร้อยคนที่แอบหนีมาก่อน ในทัพทหารเผ่ามนุษย์ต้องมีอะไรบางอย่างไม่ธรรมดาซ่อนอยู่แน่!” ลั่วถูปฏิเสธความเห็นของซ่งตง บางทีการไปกับทหารหนีทัพพวกนี้อาจไม่ต้องกลัวสัตว์ป่า แต่การซุ่มโจมตีของเผ่าปีศาจและเผ่ามารนั้นน่ากลัวกว่าสัตว์อสูรมากโข
ซ่งตงเข้าใจความหมายของลั่วถูในทันที มันผิดปกติั้แ่เผ่าปีศาจและเผ่ามารร่วมมือกันรอบโจมตีฐานของเผ่ามนุษย์แล้ว ถ้าว่ากันตามกฎของา การสู้รบในสนามรบนั้นไม่มีอะไรน่าแปลก แต่การลอบโจมตียามกลางคืนนั้นมีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือในป้อมไม้ผสมหินนี้ต้องมีของที่เผ่าปีศาจและเผ่ามารให้ความสำคัญเป็อย่างมากซุกซ่อนอยู่ และสิ่งนี้เองที่ทำให้พวกมันลอบโจมตีอย่างเต็มกำลัง และกองกำลังไม่กี่ร้อยคนที่หนีออกมาก่อนนี้ก็ช่างไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เช่นนั้นก็เป็ไปได้อย่างเดียว นั่นคือการปกป้องของสำคัญบางอย่างหนีออกไปก่อน และถ้าเป็เช่นนั้นจริง คนกลุ่มนี้จะกลายเป็เป้าสำคัญให้เผ่าปีศาจและเผ่ามารตามล่า ในเวลานี้หากตามหลังกองกำลังนี้ไป คงไม่แคล้วกลายเป็เหยื่อในกำมืออย่างแน่นอน บางทีอาจถูกทหารม้านำไปเป็เป้าล่อปืนก็เป็ได้ เมื่อคิดได้เช่นนี้ ซ่งตงก็ไม่คิดจะตามไปอีกแล้ว จึงได้แต่กัดฟันเอ่ยว่า “ไปกัน พวกเราไปกันเองเถอะ...”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้