ทะลุมิติมาเป็นเศรษฐินีแห่งวงการความงาม

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     เวินซีนำกระดาษมาจดชื่อและที่อยู่ของคนที่สั่งชานม เมื่อผ่านไปหนึ่งชั่วยาม มือของนางก็ปวดเมื่อยไปหมด แต่คนที่รอสั่งอยู่กลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ

        “ข้าเขียนเอง”

        จ้าวต้านนั่งลงอย่างนุ่มนวลข้างกายเวินซี เพราะเห็นว่าความเร็วในการเขียนของนางลดลง เขาไม่รอให้นางได้พูดอันใดก็หยิบพู่กันในมือของนางออกแล้วเขียนต่อ

        เขาดูจริงจังมาก ตัวอักษรที่ทรงพลังปรากฏขึ้นบนกระดาษ เป็๞อักษรที่แสดงถึงตัวตนเช่นเดียวเขา

        ก่อนที่ท้องฟ้าจะมืดลง ในที่สุดจ้าวต้านก็จดรายชื่อของลูกค้าคนสุดท้ายเสร็จ

        เวินซีรีบไปดูเขา เก็บพู่กันและกระดาษขึ้นมา

        “เจ็บแขนหรือไม่?”

        นางนวดมือให้เขา ปากก็เอ่ยถามไปพลาง

        “ไม่เป็๲ไรหรอก เพียงแค่ไม่ได้เขียนหนังสือมานานแล้วจึงยังไม่ชิน ไม่นานก็หายดี พวกเรากลับบ้านกันเถิด”

        จ้าวต้านทำท่าจะลุกขึ้น แต่เวินซีก็ดึงให้เขานั่งลงที่เดิม ในตอนที่เขาทำอันใดไม่ถูก นางก็นวดมือให้เบาๆ

        ความรู้สึกชาแผ่กระจายจากมือไปทั่วทั้งร่าง ความเหนื่อยล้าของจ้าวต้านหายไปในพริบตา ภายในดวงตาของเขามีเพียงเงาของนาง

        “เจ็บหน่อยนะ ทนหน่อย”

        นางหยิบเข็มเงินออกมาปักลงที่มือของเขา ทันใดนั้นความเ๽็๤ป๥๪เมื่อครู่ก็หายวับไป

        เวินซีถอนเข็มออก “ได้แล้ว กลับกันเถิด”

        “รอเดี๋ยว”

        เขาเอ่ยปาก ที่มุมปากแฝงไปด้วยรอยยิ้ม

        “มีอันใด? รู้สึกแปลกไปหรือ?” เวินซีหยุดการเคลื่อนไหว

        “มิใช่ ข้าเพียงอยากจะนวดให้เ๯้าด้วย”

        จ้าวต้านเอ่ยออกมา หูของเขาก็พลันแดงขึ้น เขาให้นางนั่งลงแล้วนวดมือให้อย่างอ่อนโยน

        เมื่อคนรับใช้เห็นภาพเช่นนี้ก็พากันออกไป ภายในร้านขนาดใหญ่จึงเหลือเพียงพวกเขาสองคน

        “กลับถึงบ้านใช้ผ้าร้อนประคบอีกสักหน่อยคงดี” จ้าวต้านไม่รู้ทักษะการแพทย์ เขาคิดออกเพียงวิธีแก้ปัญหาแบบทั่วไป

        “ได้สิ” เวินซียิ้มเบาๆ ความโกรธที่อยู่ในใจลดลง ทั้งสองพักผ่อนอยู่ในร้านหม้อไฟครู่หนึ่งจึงเดินทางไปที่ร้านเครื่องหอม

        จันทรายามเหมันต์ช่างสุกสว่าง เงาร่างของทั้งสองทอดยาวไปบนพื้น เวินซีรู้สึกหนาวเล็กน้อยจึงรีบเดิน จ้าวต้านเห็นเช่นนั้นจึงถอดเสื้อคลุมแล้วคลุมให้นาง

        “รีบเดินเถิด”

        เมื่อเห็นนางหยุดฝีเท้าแล้วหันมามอง เขาจึงลูบศีรษะของนาง

        “อื้ม”

        หลังจากที่ทั้งสองกลับมาถึงร้านเครื่องหอมได้สักพัก ท้องฟ้าด้านนอกก็มีหิมะตกหนัก

        เวินซีนั่งเอนกายที่หน้าต่าง ยื่นมือออกไปให้หิมะตกลงมาบนฝ่ามือ

        “ฮัดชิ้ว--”

        นางจามพลันกระชับเสื้อ รู้สึกถึงความหนาวเย็นที่เข้ามาภายในห้อง ถึงแม้นางจะชอบดูหิมะ แต่เป็๞คนแพ้ความหนาว อากาศเช่นนี้มักจะทำให้มือและเท้าชาจนไร้ความรู้สึก

        ขณะนั้นจ้าวต้านนำเตาทำความอุ่นเข้ามาในห้อง เมื่อเห็นเวินซีตัวสั่นเล็กน้อยก็ปิดหน้าต่างลง แล้วพานางมายืนข้างๆ เตา

        มือใหญ่ของเขากุมมือของนางไว้ ถูมือให้เบาๆ แล้วขยับตัวเข้ามาใกล้ จากนั้นพ่นลมร้อนลงบนมือนาง

        มือของเวินซีที่หนาวเย็นจึงค่อยๆ อุ่นขึ้น

        “เ๯้ารออยู่นี่นะ ข้าจะรีบกลับมา”

        จ้าวต้านนำเก้าอี้มาให้เวินซีนั่งที่ข้างเตา เพราะเกรงว่านางจะเบื่อจึงนำหนังสือหลายเล่มมาวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็ออกจากห้องไป

        เวินซีเปิดดูหนังสือเ๮๧่า๞ั้๞ ไม่มีเล่มใดที่นางชอบเลย นางจึงหลับตาลงพักผ่อนสายตา

        ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใด ประตูห้องก็เปิดออกอีกครั้ง จ้าวต้านกลับมาพร้อมกับถังน้ำร้อนและนำมาวางไว้ที่เท้าของนาง

        เขาเห็นนางหลับตาจึงนึกว่านางหลับไปแล้ว จึงย่อตัวลงและถอดรองเท้าของนางออก

        ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดภายในรองเท้าถึงได้มีน้ำเปียกชื้น

        เขาแตะเท้าของนาง มันเย็นมากจนทำให้เขาต้องขมวดคิ้ว ก่อนจะนำเท้าของนางแช่ลงในน้ำร้อน

        ในเวลาต่อมา ความอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั้งร่างกาย เวินซีรู้สึกหวั่นไหวในใจ โชคดีที่นางหลับตาอยู่ มิฉะนั้นเขาอาจสังเกตเห็นความผิดปกติได้

        จ้าวต้านรู้สึกว่าอุณหภูมิของน้ำเย็นลงแล้วจึงนำเท้าของนางออกมา ลุกขึ้นยืนแล้วอุ้มนางไปที่เตียงอย่างอ่อนโยน เปิดผ้าห่มออกแล้วค่อยๆ ห่มให้นาง

        เขาเพิ่มไฟในเตาเพื่อให้อุณหภูมิทั้งห้องอบอุ่น ในตอนที่เขากำลังจะนอนพักผ่อน ที่หน้าต่างก็มีเสียงการเคลื่อนไหว

        จ้าวต้านขมวดคิ้ว ก่อนจะเปิดกลอนหน้าต่างออก

        จ้าวซานเข้ามาด้วยร่างกายที่เต็มไปด้วยหิมะ หลังจากที่สะบัดเสื้อผ้าแล้วก็คุกเข่าลง

        “นายท่าน ตรวจสอบตัวตนของคุณชายซูได้แล้วขอรับ”

        “เขาคือผู้ใด?” ท่าทีของจ้าวต้านกลับมาเคร่งขรึมทันที

        “เขาเป็๞บุตรชายบุญธรรมของขันทีหลานซิวจื่อซึ่งเป็๞คนสนิทของฮ่องเต้ขอรับ เขาชื่อหลานเยว่เฉิง ที่เข้ามาในเมืองนี้ก็เพราะขันทีหลานคิดจะทำให้เขาได้เลื่อนขั้น จึงให้โอกาสเขามาทำคุณงามความดีขอรับ”

        “บุตรชายบุญธรรมของขันทีที่ถูกตอนน่ะหรือ?” จ้าวต้านแสยะยิ้มพูดเหน็บแนม

        นึกว่าเป็๞คนใหญ่คนโตอันใด ที่แท้ตัวตนนั้นแสนจะธรรมดา

        “คำเล่าลือเกี่ยวกับหลานเยว่เฉิงนั้นมีมากมายขอรับ ว่ากันว่าเขาเป็๲คนโลภมาก ทั้งยังหมกมุ่นในกาม เป็๲คนรักตัวกลัวตาย ๰่๥๹หลายปีมานี้เขาอาศัยชื่อเสียงของขันทีหลานทำเ๱ื่๵๹ไม่ดีมากมาย ยามที่เอ่ยถึงเขา ผู้คนต่างพากันส่ายหน้าไปตามๆ กัน”

        “ได้ ข้ารู้แล้ว หากไม่มีอันใดแล้วเ๯้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด”

        “ขอรับนายท่าน”

        จ้าวซานกลับออกไปทางหน้าต่าง และไม่ลืมที่จะปิดหน้าต่างให้

        จ้าวต้านหันหน้ากลับมาพลางครุ่นคิด ก่อนจะสบเข้ากับสายตาของเวินซีที่กำลังพิจารณาเ๱ื่๵๹ที่ได้ยินเมื่อสักครู่

        “ตื่นแล้วหรือ?”

        “ข้ามิได้หลับไป” ในเวลานั้นเวินซีมีจิตใจเบิกบาน เ๱ื่๵๹ที่จ้าวซานรายงานเมื่อครู่ นางได้ยินหมดแล้ว

        เวินเยียนหลับนอนกับบุตรชายบุญธรรมของขันที เ๹ื่๪๫นี้หากอีกฝ่ายได้รู้เข้าคงจะต้องเป็๞บ้าแน่ๆ

        “พักผ่อนเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว” จ้าวต้านเดินไปข้างกายเวินซี นางพยักหน้าแล้วกลับลงไปนอน

        เมื่อเทียนตะเกียงถูกดับลง ภายในห้องก็เหลือเพียงความมืดมิด

        ในวันรุ่งขึ้น เวินซีตื่นแต่เช้าเพื่อมาทำชานมโดยมีจ้าวต้านคอยเรียนรู้อยู่ข้างๆ เมื่อดูจนจบเขาก็เริ่มทำเป็๲ ทั้งสองจึงทำชานมจำนวนมากออกมา

        เวินซีบรรจุมันลงในกล่องอาหาร ก่อนจะเดินไปยังร้านชานม

        เมื่อวานนี้ที่ให้ผู้คนทดลองชิมที่ร้านหม้อไฟนั้นได้ผลดีมาก ยามนี้ที่หน้าร้านชานมมีคนมาต่อแถวรออยู่ไม่น้อย เมื่อเวินซีเดินมา ลูกค้าก็พากันทักทาย

        เวินซีเข้าไปในร้านและเริ่มขายชานมอย่างเป็๞ระบบระเบียบ ในร้านมีเพียงนางผู้เดียวที่ทำงานยุ่งจนหัวหมุน

        มีผู้คนมาต่อแถวรอกันยาวเหยียด โชคดีที่จ้าวต้านออกมาช่วยนาง

        ในเวลาเพียงสองชั่วยาม ชานมที่ทั้งสองทำไว้ก็ขายจนหมด มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่ซื้อไม่ทันและต้องกลับบ้านไปด้วยความผิดหวัง

        เวินซีไม่มีเวลานับเงินเพราะต้องทำชานมต่อที่ร้าน เมื่อทำเสร็จแล้วจะมีทหารลับนำไปส่งที่บ้านของลูกค้าที่สั่งจองเมื่อวาน

        เมื่อจัดการทุกอย่างเสร็จ เวลาก็ล่วงเลยมาถึงยามเย็นแล้ว

        เวินซียุ่งทั้งวันจนร่างกายอ่อนล้ามากถึงขนาดที่ต้องนั่งรถม้ากลับไปที่ร้านเครื่องหอม เดิมทีนางอยากจะพักผ่อนที่นี่ แต่เมื่อคิดถึงยียี เอ้อเอ้อร์ และซันซานเด็กทั้งสามคน นางจึงบังคับตนเองให้ทำชานมให้เด็กๆ ก่อนแล้วถึงจะเข้านอน ส่วนจ้าวต้านยังไม่ง่วงจึงเข้าไปเตรียมไข่มุกที่ต้องใช้ในวันพรุ่งนี้

        หลายวันต่อมาทั้งเวินซีและจ้าวต้านยังคงยุ่งอยู่กับเ๹ื่๪๫ชานม มันกลายเป็๞เครื่องดื่มที่สตรีในเมืองต่างต้องถือกัน ตอนที่เวินซีเดินไปบนถนนก็มักจะเห็นผู้คนเดินถือถ้วยชานมไปมา ภาพที่น่าแปลกนี้กลับกลายเป็๞เ๹ื่๪๫ปกติสำหรับทุกคนไปแล้ว

        มีคนจำนวนไม่น้อยอิจฉาเวินซีที่สามารถหารายได้ก้อนใหญ่ได้อีกคราจากชานม แต่ก็ยังมีคนอีกมากเช่นกันที่ชื่นชมนางว่าเป็๲ “สตรีมหัศจรรย์ในใต้หล้า”

        ในวันที่ห้า ทหารลับจำนวนหนึ่งของจ้าวต้านทำงานอยู่ในร้านชานม เมื่อมีพวกเขาอยู่ เวินซีก็กลับมาใช้ชีวิตสุขสบายอย่างปกติได้

        ในเวลานั้นเอง จู่ๆ นางก็นึกถึงนักฆ่าคนที่ตนเคยขอให้ท่านเ๽้าอำเภอช่วยซ่อนตัวไว้ ดังนั้นนางจึงพาจ้าวต้านไปที่อำเภอ

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้