หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงเหมือนกับหนูเห็นแมว มองนางด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ราวกับว่าวินาทีต่อไปมู่จื่อหลิงจะวิ่งเข้ามากัดเขาอย่างไรอย่างนั้น
มู่จื่อหลิงเหลือบมองการกระทำแปลกประหลาดของหลงเซี่ยวเจ๋ออย่างหมดคำจะพูด หลงเซี่ยวเจ๋อเป็ลมบ้าหมูอันใดอีกแล้ว
“ทำไม กลัวข้ากินเ้าหรือ?” มู่จื่อหลิงถามอย่างขบขัน
หลงเซี่ยวเจ๋อพยักหน้าแล้วก็ส่ายหน้า
มู่จื่อหลิงเห็นท่าทางปัญญาอ่อนของหลงเซี่ยวเจ๋อก็หัวเราะขบขัน พูดอย่างสนิทชิดเชื้อ “วางใจเถิด ขอเพียงเ้าไม่ยั่วโมโหพี่สะใภ้สาม พี่สะใภ้สามก็จะไม่เอาเ้าขึ้นเขียง!”
“จริงหรือ?” หลงเซี่ยวเจ๋อถามอย่างซื่อๆ
แต่เหมือนว่าจะมีตรงใดมิถูกต้อง ทั้งๆ ที่เขาอายุมากกว่าพี่สะใภ้สาม เหตุใดพี่สะใภ้สามพูดเช่นนี้เหมือนกับสั่งสอนเด็กน้อยเลยเล่า เขาองค์ชายหกแห่งเจียหลัวผู้สง่าผ่าเผย เปลี่ยนไปไม่มีศักดิ์ศรีเช่นนี้เมื่อใดกัน
เมื่อก่อนเขาไม่มีศักดิ์ศรีต่อหน้าพี่สามก็ช่างเถิด ยามนี้ยังมีพี่สะใภ้สามเพิ่มมาอีก อย่าได้รังแกผู้อื่นถึงเพียงนี้ได้หรือไม่
“นายน้อย พวกท่านกำลังพูดสิ่งใดกัน เหตุใดบ่าวจึงฟังไม่เข้าใจแม้สักประโยคเลยเล่าเ้าคะ” เสี่ยวหานผู้น่าสงสารลุกขึ้นมาจากพื้นช้าๆ ปัดดินตรงก้นออก ถามด้วยความประหลาดใจ
ยามที่องค์ชายหกเล่าว่าองค์ชายใหญ่ประสบเคราะห์ร้ายก็มิได้มีท่าทีตื่นตระหนก พูดๆ ไป จู่ๆ ก็ร้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน การตอบสนองนี้ช้าเกินไปกระมัง ยามนี้เขามองนายน้อยก็มีท่าทางหวาดกลัวจนเสียมารยาท นายน้อยน่ากลัวตรงไหนกัน
มู่จื่อหลิงมองท่าทางน่าสงสารของเสี่ยวหาน กล่าวอย่างเห็นใจว่า “ไม่เป็ไร ฟังไม่เข้าใจก็ดีแล้ว มิใช่เื่ดีกระไร ฟังไปก็แปดเปื้อนหูของพวกเราเสียเปล่า ไม่ต้องฟังแล้ว”
เมื่อครู่มัวแต่กุมหูตนเองจนลืมเสี่ยวหานไปเสียสิ้น
“อืม” เสี่ยวหานพยักหน้าอย่างซื่อๆ
“เอาละ ทำเสร็จหมดแล้ว พวกเราไปกันเถิด” มู่จื่อหลิงยืนขึ้นยืดเอวพลางกล่าวอย่างสบายอารมณ์ ไม่ได้ออกกำลังกายนานเกินไปแล้ว นั่งเพียงครู่เดียวก็เจ็บเอวปวดหลังเสียแล้ว
ยามนี้หลงเซี่ยวเจ๋อเห็นมู่จื่อหลิงเหนื่อยจนเจ็บเอวปวดหลัง ก็วิ่งเข้ามาอย่างประจบประแจง ทุบบ่าให้มู่จื่อหลิง กระซิบถามว่า “พี่สะใภ้สามบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านวางยาใดไป ถึงได้ร้ายกาจเพียงนี้”
วันนั้นพี่สะใภ้สามถึงกับวางยาใต้เปลือกตาพวกเขาโดยที่เทพไม่รู้ผีไม่ทราบ วางยาได้อย่างไร แล้ววางยาตัวใดกัน
ลูกไม้เ่าั้ของเขาเมื่อเทียบกับพี่สะใภ้สามแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว เหนือกว่าอย่างมิอาจตามทัน วันหน้าเขาต้องกอดขานี้ไว้ให้แน่น ให้พี่สะใภ้สามสั่งสอนเขา
มู่จื่อหลิงมองหลงเซี่ยวเจ๋อทุบบ่าประจบประแจงนางอย่างตลกขบขัน “อยากรู้หรือ?”
หลงเซี่ยวเจ๋อพยักหน้า ออกแรงทุบเพิ่มไปอีก สองตาฉายแววรอคอยคำพูดต่อไปของมู่จื่อหลิง
“ไม่บอกเ้าหรอก” มู่จื่อหลิงสาดน้ำเย็นใส่ จากนั้นพาเสี่ยวหานจากไปโดยไม่เหลียวหลัง
หลงเซี่ยวเจ๋อเกือบจะล้มลงเมื่อมือััแต่อากาศ พี่สะใภ้สามหลอกล่อคนอย่างนั้นหรือ
“พี่สะใภ้สาม รอข้าด้วย เช่นนั้นก็สอนกลยุทธ์ไร้ร่องรอยอะไรนั่นให้ข้าเถิด พี่สะใภ้สาม...” หลงเซี่ยวเจ๋อร้องเรียกอยู่ด้านหลังอย่างน่าสงสาร
-
ศาลากลางน้ำ
“นายท่าน อาการป่วยขององค์ชายห้าหายดีแล้ว วันนั้นหวางเฟยเข้าวังไปเปลี่ยนยาให้องค์ชายห้า พบกับองค์ชายใหญ่เข้า หลังจากพวกเขาพูดคุยกันสองสามประโยค หวางเฟยก็จากไป ดูเหมือนหวางเฟยจะไปยั่วโทสะองค์ชายใหญ่ องค์ชายใหญ่จึงจากไปอย่างมีโทสะ ผ่านไปไม่ถึงสองวัน องค์ชายใหญ่ก็ล้มป่วยด้วยโรคประหลาด ไม่สามารถััสตรีได้ จากนั้นเขาก็รัดคอสตรีทั้งหมดในจวนจนตาย ไม่รู้ว่าทำผิดฐานใด”
“ครั้งนี้หมอหลวงที่ตายภายใต้เงื้อมมือขององค์ชายใหญ่นั้นไม่น้อยเลย เพราะเหตุนี้ฝ่าาจึงพิโรธ ฮองเฮาถูกกักบริเวณในตำหนักคุนหนิง ข้าน้อยคิดว่าโรคประหลาดครานี้ขององค์ชายใหญ่ อาจจะเกี่ยวข้องกับหวางเฟย”
กุ่ยหยิ่งกล่าวกับหลงเซี่ยวอวี่ที่ยามนี้ยืนหันหลังให้อย่างนอบน้อม
หวางเฟยเชี่ยวชาญการถอนพิษ ย่อมเชี่ยวชาญการปรุงยาพิษ องค์ชายใหญ่ป่วยเป็โรคประหลาดอย่างกะทันหันโดยไม่มีผู้ใดหาสาเหตุเจอ ต้องโดนยาพิษนิรนามเข้าเป็แน่
หลงเซี่ยวอวี่ฟังจบก็เปิดปากเสียงเย็น “ไม่ว่าคนเช่นใด มู่จื่อหลิงก็ช่างกล้าเข้าไปยั่วโทสะเสียจริง”
เพียงแต่ยามที่เอ่ยวาจานี้ในดวงตาของเขาก็ทอประกายชื่นชมเบาบาง ที่แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สังเกต
“ยังมีอีกขอรับ ไม่กี่วันก่อนหวางเฟยนำสินเดิมออกไปขายจนหมด ข้าน้อยไปตรวจสอบพบว่า ยามนี้ในเมืองหลวงมีร้านหลิงซั่นถังเปิดขึ้นมาใหม่ซึ่งเป็ร้านที่หวางเฟยเปิด สองสามวันนี้นางกับองค์ชายหกนั้นเข้าๆ ออกๆ ที่นั่นบ่อยครั้ง ยามที่พวกเขาไปล้วนแต่ปลอมตัว คงจะไม่มีผู้ใดรู้ขอรับ”
กุ่ยหยิ่งรายงานเื่ราวที่เกิดขึ้นตลอดสองสามวันนี้ เพียงแต่เื่พวกนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับมู่จื่อหลิง
หลงเซี่ยวอวี่หันกาย ดวงตาลุ่มลึกทอดมองไปไกล ริมฝีปากบางแยกออก “หอเยวี่ยอวี่?”
“ขอรับ เมื่อก่อนหลิงซั่นถังเป็กรรมสิทธิ์ของหอเยวี่ยอวี่ เพียงแต่มิรู้ว่าเพราะเหตุใด เถ้าแก่ลึกลับที่ไม่ไว้หน้าแม้แต่องค์ชายผู้นั้นกลับขายร้านให้หวางเฟยโดยไร้ที่มาที่ไป” กุ่ยหยิ่งกล่าวอีก
ั้แ่ที่หวางเฟยช่วยชีวิตเขาไว้เมื่อคราวก่อน เขาก็เริ่มรู้สึกว่าหวางเฟยผู้นี้ล้ำลึกยากแท้หยั่งถึง ทั่วทั้งตัวราวกับแฝงไปด้วยความลับจำนวนมาก วางยาองค์ชาย กระทั่งซื้อร้านค้าของหอเยวี่ยอวี่มาเปิดร้านขายยาอย่างง่ายดาย ทุกการกระทำล้วนทำให้เขารู้สึกคาดไม่ถึง
หลงเซี่ยวอวี่ใคร่ครวญ หลังจากนั้นครู่หนึ่งจึงเปิดปากอย่างเ็า “่นี้ในวังมิอาจสงบสุขแล้ว จับตาดูต่อไป”
“ขอรับ” กุ่ยหยิ่งตอบรับ
-
ระหว่างทางกลับตำหนักอวี่หานพวกมู่จื่อหลิงก็เห็นหลงเซี่ยวอวี่ที่ไม่ได้พบกันมาหลายวัน
ยามนี้เขาเองก็กำลังมาทางนี้เช่นกัน เขายังคงสวมอาภรณ์สีขาวสนิทที่พลิ้วไหวตามลมเช่นเดิม ั์ตาเ็าลุ่มลึกมืดสนิทเปี่ยมไปด้วยแผนการ ราวกับทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา ทำให้ผู้ที่พบบังเกิดความครั่นคร้ามั้แ่แวบแรก จากนั้นจึงเกิดความรู้สึกอยากจำนนภายใต้เท้าของเขาโดยไม่รู้ตัว
ลุงฝูติดตามด้านหลังด้วยความระมัดระวัง ก้มหน้าลงต่ำ ราวกับกำลังกล่าวอะไรอยู่ มู่จื่อหลิงรู้สึกทะแม่งๆ ลุงฝูกำลังกล่าวฟ้องนางอยู่ใช่หรือไม่
บรรยากาศในยามนี้แปลกพิกลอย่างมาก รอบกายก็เงียบสงัดลงอย่างน่าหวาดหวั่น
หลงเซี่ยวเจ๋อทนไม่ไหวเป็ฝ่ายทำลายความเงียบขึ้นมาก่อน ถามอย่างประจบสอพลอ “พี่สาม ท่านกลับมาแล้ว”
หลงเซี่ยวอวี่มิได้ตอบเขา เพียงมองเขาอย่างแฝงความหมาย ก่อนจะเอ่ยปากอย่างเ็า “พวกเ้าออกไปให้หมด”
การเอ่ยปากครั้งนี้ทำให้ผู้คนโดยรอบตัวสั่นเทาขึ้นมา รู้สึกได้ว่ามีเื่ใหญ่กำลังจะเกิดขึ้น แม้เขาจะมิได้มองไปที่ผู้ใด มิได้ชี้ไปทางใคร ทว่าคนในที่นั้นต่างก็เข้าใจดีว่าหลงเซี่ยวอวี่ให้ใครออกไป
หลงเซี่ยวเจ๋อใจสั่นรัว ทุกครั้งที่พี่สามมองเขาเยี่ยงนี้ เขาก็รู้ได้ว่าวันคืนดีๆ สองสามวันนี้ได้ผ่านพ้นไปเสียแล้ว
กำลังจะประสบหายนะแล้ว แต่ว่า่ไม่กี่วันนี้เขาล้วนยุ่งอยู่กับการช่วยพี่สะใภ้สามอย่างเชื่อฟัง มิได้ออกไปก่อเื่เลยนะ
หลงเซี่ยวเจ๋อไม่กล้าฟุ้งซ่านอีก ในเมื่อพี่สามเอ่ยปากแล้ว เขาเผ่นก่อนจะดีกว่า ตอนที่วิ่งออกไปก็ยังไม่ลืมดึงลุงฝูและเสี่ยวหานที่ก้มหน้าอยู่ไปด้วย
เสี่ยวหานมองมู่จื่อหลิงอย่างกังวลและอาลัยอาวรณ์ อยากจะกล่าวสิ่งใด แต่เมื่อเผชิญหน้ากับความกดดันอันแข็งแกร่งนางก็มิกล้าส่งเสียงสักแอะ ได้แต่ถูกหลงเซี่ยวเจ๋อลากไปอย่างไม่ยินยอม
มู่จื่อหลิงมองไปที่พวกหลงเซี่ยวเจ๋อที่ทาน้ำมันไว้ใต้ฝ่าเท้า [1] ก็โมโหเสียจนหายใจไม่ออก
หลงเซี่ยวเจ๋อสมควรตาย คราก่อนที่เผชิญหน้ากับการยั่วยุอยากเอาชนะของหลงเซี่ยวหลี เขาก็ยังปกป้องตนเองไว้ด้านหลังได้อย่างเที่ยงธรรมน่าเกรงขาม ยามนี้เหตุใดทันทีที่หลงเซี่ยวอวี่เปิดปาก เขาก็หายวับไปแล้ว ไม่มีท่าทีองอาจแม้แต่น้อย ช่างทำให้ความซาบซึ้งของนางครั้งที่แล้วสูญเปล่านัก
รอจนพวกหลงเซี่ยวเจ๋อออกไปแล้ว หลงเซี่ยวอวี่จึงมองมาที่มู่จื่อหลิงพลางกล่าวอย่างเ็าว่า “มู่จื่อหลิง เ้าลืมฐานะของตนเอง เปิ่นหวางให้เ้าอ่านสมุดบัญชี ไม่มีธุระก็ออกจากจวนให้น้อย แล้ววันทั้งวันเ้าวิ่งออกไปทำสิ่งใด?”
มู่จื่อหลิงถึงได้สติกลับมาจากทิศทางที่พวกหลงเซี่ยวเจ๋อวิ่งไป ในใจก็เกิดเสียงดังตึกๆ พูดในใจ ลุงฝูเพิ่งจะฟ้องไปจริงๆ ด้วย
ที่จริงแล้วมู่จื่อหลิงเข้าใจลุงฝูผิดไป ลุงฝูเพียงแค่ชมเชยกับหลงเซี่ยวอวี่ว่าไม่ถึงหนึ่งวัน นางก็อ่านบัญชีของไม่กี่ปีนี้จนเสร็จเรียบร้อย และจุดที่ผิดพลาดก็ล้วนชัดเจน ทำให้ผู้อื่นประหยัดเวลาไปได้ไม่น้อย ไม่ได้พูดถึงเื่ที่นางออกจากจวนเลย
มู่จื่อหลิงได้ยินหลงเซี่ยวอวี่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ตอนนี้หลงเซี่ยวอวี่กำลังว่านางว่าไม่อยู่ดูแลเหย้าเรือนให้ดี ใช้ตำแหน่งเช่นฉีหวางเฟยนี้ไปลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างนอกทั้งวัน ทำให้จวนฉีอ๋องต้องขายหน้าหรือ?
“ท่านอ๋องเพียงพูดว่าไม่มีธุระออกจากจวนให้น้อยหน่อย แต่หม่อมฉันมีธุระจึงได้ออกไป บัญชีนั้นหม่อมฉันอ่านจบแล้วจึงส่งต่อให้ลุงฝูไป ลุงฝูเองก็พูดว่าอ่านจบก็ไม่มีเื่อื่นอีก หม่อมฉันเองก็มีชีวิตของหม่อมฉัน มีเื่ของตนเองที่ต้องทำ ท่านอ๋องโปรดวางใจ ขอเพียงหม่อมฉันอาศัยในจวนฉีอ๋องไปอีกหนึ่งวัน จะไม่ทำให้ชื่อเสียงและเกียรติยศของจวนฉีอ๋องได้รับความหม่นหมอง”
มู่จื่อหลิงพูดอย่างชอบธรรมด้วยสีหน้าจริงจัง มิได้ถูกวาจาเ็าของหลงเซี่ยวอวี่ทำให้ใเลยแม้แต่น้อย
แม้ในใจจะหวาดกลัว แต่สติปัญญาอันแกร่งกล้าบอกนางว่ามิอาจยอมก้มหัวได้
ยามนี้นางมีฐานะเป็ฉีหวางเฟย ทว่านางมิใช่สตรีในสมัยโบราณ ที่ต้องคุ้นเคยกับวันๆ เอาแต่ว่างอยู่ในจวน สิ่งใดก็ไม่ทำ ไม่ออกนอกประตูใหญ่ไม่ก้าวข้ามประตูรอง ให้บุรุษหาเลี้ยง
นางซื่อตรงและมิได้กระทำเื่น่าละอาย ไยต้องหวาดกลัว
หลงเซี่ยวอวี่เพียงแค่จ้องมู่จื่อหลิงนิ่ง ไม่ตอบสนองใดๆ
เห็นหลงเซี่ยวอวี่ไม่ตอบสนอง มู่จื่อหลิงจึงพูดต่อไปโดยไม่หวั่นเกรง “เื่ใหญ่เช่นการดูแลจวนอ๋อง หม่อมฉันมิอาจรับหน้าที่สำคัญนี้ได้ ท่านอ๋องโปรดมอบหมายให้ผู้มีความสามารถจัดการจะเป็การดีกว่า ค่ารักษาขององค์ชายห้าเองก็มิต้องมากมายเพียงนั้น หม่อมฉันนำไปแปดหมื่นตำลึงทองใช้ไปหมดแล้ว หากท่านอ๋องคิดว่ามากไป รอหม่อมฉันหาเงินได้เพียงพอจะนำมาคืน”
กล่าวจบก็ล้วงกุญแจและป้ายหยกที่ลุงฝูมอบให้ในวันนั้นออกมา ส่งไปให้หลงเซี่ยวอวี่ แต่เมื่อนางมองหลงเซี่ยวอวี่ ยามนี้ใบหน้าของเขาเย็นเยียบจนน่ากลัว
นางไม่อยากหวาดกลัวจริงๆ ทว่าขาของนางกลับ้าถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ นางรู้สึกได้ว่าขณะนี้มือที่ถือกุญแจและป้ายหยกมีเหงื่อซึมน้อยๆ
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้รับกุญแจและป้ายหยกไป แต่ก้าวเข้าไปใกล้มู่จื่อหลิงทีละก้าว เขาก้าวมาข้างหน้าหนึ่งก้าวนางก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าว
มู่จื่อหลิงรู้สึกได้ว่าขณะนี้ทั่วทั้งตัวหลงเซี่ยวอวี่นั้นแผ่กลิ่นอายอันตรายยิ่งนัก ราวกับวินาทีต่อไปจะจับนางกลืนลงท้องไป
กระทั่งด้านหลังของมู่จื่อหลิงััเข้ากับแปลงดอกไม้จนเกือบจะทรุดนั่งลงไป หลงเซี่ยวอวี่ก็ดึงนางไว้ ยื่นแขนแกร่งออกไปรัดมู่จื่อหลิงไว้ในอ้อมอกอย่างแ่า
เขาก้มตัวลงเอนเข้าไปใกล้ใบหูของมู่จื่อหลิง พ่นลมร้อนๆ ใส่ใบหูเย็นเฉียบของนาง ความรู้สึกกดดันรุนแรง ลมหายใจร้อนแผดเผา ความเผด็จการที่มิอาจต่อต้าน น้ำเสียงเ็าทรงอำนาจ
“มู่จื่อหลิง เ้าจำเอาไว้ นับั้แ่วันที่เ้าแต่งให้เปิ่นหวาง เ้าก็มิใช่เ้าอีก และมิอาจมีชีวิตของเ้า รวมถึงธุระของเ้า ไม่ว่าเ้ารับได้หรือไม่ได้ สิ่งที่เปิ่นหวางมอบออกไปจะไม่รับกลับคืนมา”
น้ำเสียงเ็าทรงอำนาจของหลงเซี่ยวอวี่เหมือนกระแสไฟร้อนแรงที่ไหลเข้าไปในจิตใจมู่จื่อหลิง
เวลาเช่นนี้นางไหนเลยจะมามีสติเยือกเย็น พังทลายไปั้แ่หลงเซี่ยวอวี่เข้ามาใกล้นางแล้ว หลงเซี่ยวอวี่พูดเช่นนี้หมายความว่าอะไร
ในขณะที่มู่จื่อหลิงหายจากอารามใและจะผลักหลงเซี่ยวอวี่ออก เขาก็ชิงปล่อยนางก่อนหนึ่งก้าว จากนั้นเหาะจากไป
มู่จื่อหลิงมองไปยังทิศทางที่หลงเซี่ยวอวี่หายตัวไปอย่างเหม่อลอยเป็เวลานาน เหตุใดทุกครั้งที่พบกับหลงเซี่ยวอวี่ล้วนต้องเป็สถานการณ์เช่นนี้เสมอ มิอาจพูดจาดีๆ ได้สักครั้ง เหตุใดทุกครั้งเขาถึงปฏิบัติกับนางเช่นนี้ ในใจนางนั้นเสียใจอย่างน่าประหลาด
หลงเซี่ยวอวี่กล่าววาจานี้หมายความถึงสิ่งใด เขาคิดจะให้นางเป็หุ่นกระบอกให้เขาเชิดหรือ ต้องขอโทษด้วย แต่นางมู่จื่อหลิงจะไม่รับการเชิดควบคุมจากผู้ใดทั้งสิ้น
-----------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ทาน้ำมันไว้ใต้ฝ่าเท้า การหลบหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้