“พี่เสี่ยวเอ้อร์เ้าคะ พี่ชายของข้ามีเื่้าจะปรึกษาท่านเ้าค่ะ” หลินฟู่อินฉวยโอกาสนี้ส่งเศษเหรียญให้อีกฝ่าย สีหน้าเสี่ยวเอ้อร์จึงดีขึ้นมาอีกครั้ง
หลินฟู่อินมองหลินซานหลางด้วยสายตาให้กำลังใจ แล้วกระซิบบอกบท “พวกเรามาขายไข่เยี่ยวม้า [1] กับไข่ดอกสน เพียงแต่อยากถามเสี่ยวเอ้อร์ว่าที่ภัตตาคารมีอาหารชนิดนี้จำหน่ายหรือไม่”
เมื่อหลินซานหลางได้หลินฟู่อินคอยช่วยก็ใจเย็นลง จากนั้นจึงทวนสิ่งที่หลินฟู่อินสอนให้กับเสี่ยวเอ้อร์อีกครั้งหนึ่ง
เสี่ยวเอ้อร์รับเงินจากหลินฟู่อิน แล้วก็แอบมองเข้าไปในร้านหาผู้ดูแลที่เป็ร้อนใน ตอนนี้เขาออกไปหาหมอยังไม่กลับมา
เขาถามด้วยความสงสัย เบิกตาโต “อะไร? ไข่เยี่ยวม้า? ไข่ดอกสน? มันคืออะไร กินได้หรือไม่?”
เห็นอีกฝ่ายทำท่าทางตลกๆ หลินฟู่อินกับหลินฟานก็หัวเราะคิกคัก
เมื่อสาวงามทั้งสามเผยรอยยิ้ม เสี่ยวเอ้อร์ก็เกาหัวอย่างเคอะเขิน แล้วหัวเราะตาม
“กินได้สิขอรับ มันอร่อยนะ!” หลินซานหลางเห็นว่าหลินฟู่อินไม่พูดอะไรเอาแต่ยิ้มๆ หัวเราะ ก็คิดว่าต้องจริงจังขึ้นอีกหน่อย เขาพยักหน้ายืนยัน
เสี่ยวเอ้อร์ส่ายหน้าไปมา “เช่นนั้นที่ภัตตาคารเยว่เค่อของเราไม่เคยซื้อจริงๆ”
หลินฟู่อินรู้อยู่แล้วว่าที่นี่ไม่มี นางจึงได้บอกให้หลินฟานนำยำไข่ดอกสนที่ทำเอาไว้ก่อนหน้าในถ้วยกระเบื้องขาวมาเปิดฝา
เสี่ยวเอ้อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง หลินฟู่อินหัวเราะ “หาตะเกียบสะอาดๆ มาลองชิมเถอะเ้าค่ะว่าไข่ดอกสนที่พวกข้าทำอร่อยหรือไม่”
“โอ ได้เลย!” เสี่ยวเอ้อร์เห็นสามสาวหนึ่งหนุ่มดูไม่รู้เื่รู้ราวมาเพื่อขายของจริงๆ คิดไปแล้ว มีตัวอย่างให้ลองชิมสักหน่อย เช่นนี้เหตุใดจะไม่ลองเล่า?
ซ้ำไข่ดอกสนอะไรนี่ที่บุรุษผู้นี้พูดถึงก็ทำให้เขานึกใคร่รู้ไม่น้อย
เสี่ยวเอ้อร์วิ่งไปเอาตะเกียบออกมา เมื่อหลินฟู่อินบอกให้ลอง เขาก็ลองโดยไม่ลังเล
เมื่อได้กัดและกลืนเข้าไปแล้ว สีหน้าเสี่ยวเอ้อร์พลันกลายเป็เสียดาย หลินฟู่อินเห็นก็พอจะเดาผลได้ จึงถาม “พี่เสี่ยวเอ้อร์ รสชาติเป็ยังไงเ้าคะ?”
“อื้ม! นี่ช่าง…” คำพูดติดอยู่ที่ปลายลิ้น ดวงตาหยีๆ โค้งขึ้น เขาส่ายหน้าไปมา “ข้ายังไม่ทันรู้รสเลย ขอลองอีกครั้ง”
แต่เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ยื่นตะเกียบออกมา หลินฟู่อินก็จัดการปิดฝาถ้วยกระเบื้องเสียก่อน ปล่อยให้มือเขาค้างอยู่กลางอากาศ ใบหน้าหม่นลง
“นี่พวกเ้ายังอยากขายอยู่หรือไม่?”
หลินฟู่อินเห็นก็รู้ว่าอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อ แต่ไม่คิดจะล่วงเกินเขา “พี่เสี่ยวเอ้อร์ จะซื้อหรือไม่ซื้อไข่ดอกสนนี้ข้ารู้ว่าท่านตัดสินใจไม่ได้ รบกวนท่านช่วยขอให้คนที่ตัดสินใจได้มาสนทนากับพวกเราสักหน่อย ไม่ว่าผลจะเป็ยังไง ข้าจะส่งไข่ดอกสนให้ท่านสองฟองเป็สิ่งตอบแทนเ้าค่ะ”
นางสำรวจดูแล้ว เหมือนว่าคนที่เป็เถ้าแก่จะไม่ปรากฏตัว พวกนางมีกันหลายคนมาอยู่ตรงนี้นานแล้ว แต่กลับไม่มีคนที่ดูแลเื่นี้โผล่ออกมา ดังนั้นจึงได้แต่ต้องรอให้เสี่ยวเอ้อร์ไปคุยให้ว่าวันนี้จะได้ค้าขายกับร้านนี้หรือไม่ หากไม่ก็รีบพูดมา พวกนางจะได้ไปร้านอื่นเสียที
แผนไม่เป็ไปตามที่วางไว้ นางก็ได้แต่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
เมื่อเสี่ยวเอ้อร์ได้ยินหลินฟู่อินพูดก็รำคาญใจ คิดว่าโดนชาวบ้านพวกนี้ดูถูกเอา ถึงกับใช้งานเขา ไข่ดอกสนสองฟองอะไรนั่นเขาไม่สนใจแล้ว!
“พวกเ้าจะหาคนหรือ? แค่พวกบ้านนอกเท่านั้น ข้าไม่แนะนำให้แล้วพวกเ้าจะทำอะไรได้? ไสหัวออกไปเสีย!” เสี่ยวเอ้อร์หน้าบึ้งสบถด่าออกมา
หลินฟู่อินมองชายร่างอ้วนตัวขาวที่ดูถูกชาวบ้าน บรรยากาศรอบกายนางดุดันขึ้นทันที “เ้าก็ถูกจ้างมาทำงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นยังกล้ามาดูถูกคนนอกเมือง ชาวบ้านทั้งน่ารักทั้งใจกว้าง ดีกว่าคนอย่างเ้าที่เอาเปรียบผู้อื่นแล้วไม่ช่วยเหลือตั้งหลายเท่า”
“ไอ้หยา นางหนูนี่กล้าบอกว่าข้าเป็คนไม่ดีหรือ? ข้าเพียงรับผลประโยชน์จากเ้าแล้วไม่ทำอะไรเท่านั้น เ้าจะทำอะไรข้าได้?” สีหน้าซื่อตรงของเสี่ยวเอ้อร์หายไปแล้ว เหลือแต่ความดุดันเท่านั้น
เมื่อหลินซานหลางเห็นเสี่ยวเอ้อร์ทำตัวไร้เหตุผลเหมือนอันธพาลเขาก็โมโห ยกหมัดขึ้นมาทันที
แม้หลินซานหลางจะอายุไม่มาก แต่ร่างกายก็ใหญ่โตเหมือนผู้ใหญ่แล้ว ถึงอย่างไรไม่ว่าจะชายหรือหญิง คนบ้านหลินก็ล้วนแต่ตัวสูงกันทั้งนั้น
เสี่ยวเอ้อร์อายุไม่ได้มากกว่าหลินซานหลาง แต่เห็นอีกฝ่ายตัวสูงกว่าก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย “นี่เ้ายังกล้าจะตีผู้อื่นอีกหรือ หากเ้ากล้าตีข้าก็เอาเลย พวกบ้านนอกรู้จักแต่ใช้กำลัง! เห็นภัตตาคารเยว่เค่อของพวกเราจัดการง่ายหรือยังไง?”
สองพี่น้องหลินเฟินหลินฟางต่างก็ไม่คิดว่าคนผู้นี้จะลื่นไหลราวกับงู เมื่อครู่มิใช่ยังพูดคุยหัวเราะด้วยกันอยู่หรอกหรือ? เหตุใดอยู่ๆ ถึงไร้เหตุผลได้เพียงนี้
“ทะเลาะอะไรกัน? ซานโก่วจือ ไม่ไปเก็บเก้าอี้แล้วเหตุใดมาทะเลาะกับลูกค้า? เ้ารู้กฎหรือไม่?”
ระหว่างกำลังโหวกเหวกกันนั้นเอง เสียงเ็าสายหนึ่งก็ดังขึ้น
เมื่อหลินฟู่อินหันไป ก็เห็นบุรุษวัยกลางคนสวมชุดหน้าร้อนหรูหราทำจากผ้าไหมกำลังขมวดคิ้วอยู่
ดูไปแล้วบุรุษผู้นี้หน้าตาธรรมดา ทว่าดวงตากลับส่องประกายจนรู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดา
ทันทีที่เสี่ยวเอ้อร์เห็นเขาก็ใกลัวเหมือนลูกเต่าหดหัว ยืนคิ้วตกท่าทางอ้อนวอนทันที “ผู้ดูแลฮวา…”
ชายวัยกลางคนที่ถูกเรียกว่าผู้ดูแลฮวามีรอยยิ้มจางบนใบหน้า เขามองกลุ่มหลินฟู่อินแล้วถาม “ร้านเราต้อนรับไม่ดีเสียแล้ว คุณหนูคุณชายเหล่านี้เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ด้วยเกรงว่ากลุ่มหลินฟู่อินจะพูดอะไรไม่เป็ผลดีต่อตัว เสี่ยวเอ้อร์รูปร่างตุ้ยนุ้ยก็รีบเงยหน้าขึ้นพูดเสียงดังทันที “ผู้ดูแลฮวาขอรับ คนบ้านนอกพวกนี้มาถึงก็ร้องจะหาเถ้าแก่บอกว่ามีของจะขาย ข้าก็เลยบอกไปว่าภัตตาคารเยว่เค่อของเราไม่รับซื้อไปเรื่อย ล้วนเป็ผู้ดูแลคอยจัดซื้อทั้งสิ้น คนพวกนี้ไม่พอใจก็เลยมาทะเลาะกับข้า!”
เสี่ยวเอ้อร์โกหกชัดเจน หลินฟู่อินยังคงนิ่งสงบ คิดว่าคนผู้นี้นิสัยเสียจริงๆ ที่แท้ภัตตาคารที่ดีที่สุดในเมืองก็รับคนเช่นนี้เข้าทำงาน ดังนั้นความประทับใจที่มีต่อภัตตาคารเยว่เค่อจึงนับว่าไม่ดีเอาเสียเลย
ยังดีที่ผู้ดูแลฮวาไม่ได้ฟังความข้างเดียว เขามองเสี่ยวเอ้อร์แล้วกล่าว “มือเท้าให้ไวหน่อย รีบไปยกน้ำชามารับแขก” จากนั้นจึงมองหลินฟู่อินด้วยสีหน้าอับอายเล็กน้อย “ข้าควบคุมปากเสี่ยวเอ้อร์ผู้นี้ไว้ไม่ได้ หากล่วงเกินพวกท่านไปข้าต้องขออภัยด้วย แต่เื่การรับซื้อนี้ต้องขอโทษเช่นกัน เนื่องจากร้านของเรามีข้อกำหนดอยู่ เชิญพวกท่านดื่มชาก่อน ข้าขออภัยยิ่งนัก”
เสี่ยวเอ้อร์เดินละล้าละลังจากไป
เห็นผู้ดูแลร้านทำงานได้ดี หลินฟู่อินก็ยอมรับอยู่ในใจ
แต่หลินซานหลางกลับมีสายตาคมกริบ ใบหน้าแดงด้วยอารมณ์โมโห มองผู้ดูแลฮวาผู้นั้น…
—--------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ไข่เยี่ยวม้า ในเื่นี้หมายถึงไข่เยี่ยวม้าที่ทำจากไข่ไก่ ซึ่งผิวไข่จะมีสีเหลืองทอง แตกต่างจากไข่ดอกสน ไข่เยี่ยวม้าที่ทำจากไข่เป็ดที่ผิวไข่จะมีสีน้ำตาลคล้ำ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้