บทที่ 19 ไม่มีการต่อสู้ที่ยุติธรรม
“ลั่วถู ออกมา เ้าคนขี้ขลาด...” จูฉงคำรามอย่างโกรธแค้น เขารู้ว่าลั่วถูต้องอยู่ไม่ไกลและมองเขาอยู่แน่ มองเขาคำราม มองเขาโกรธแค้น เฝ้ามองเขา ทำให้ใจเขาสิ้นหวังอย่างเชื่องช้า นั่นคือปีศาจร้ายตนหนึ่ง คนธรรมดาที่มีความคิดเฉกเช่นปีศาจ เขาไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักว่าป่าแห่งนี้มีสัตว์อสูรมากมายขนาดนั้น แต่คนธรรมดาคนหนึ่งกลับสามารถซ่อนตัวอยู่ในป่าซ้ำยังไปไหนมาไหนอย่างอิสระได้อย่างไร ทำไมยังรอดจากคมเขี้ยวของาาแห่งพื้นป่าได้?
“ช่างหน้าไม่อายจริงๆ เ้าเป็ถึงศิษย์าแต่กลับะโหาเื่คนธรรมดาคนหนึ่งแบบนี้... น่าขันสิ้นดี... ” เสียงเยาะเย้ยเสียงหนึ่งลอยออกมาจากป่าไม่ไกลนัก
“ฟุ่บ ฟุ่บ....” ถึงแม้จูฉงจะร้องคำรามราวกับเสียสติ ทว่าในใจของเขากลับสงบอย่างน่าประหลาด ััของเขามุ่งไปยังเสียงที่ดังมาจากรอบด้าน หน้าไม้แข็งแกร่งในมือบรรจุลูกศรจนเต็มไว้ก่อนแล้ว ทำให้เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น เขาก็ยิงหน้าไม้ในมือของตนออกไปอย่างไม่ลังเล สำหรับลั่วถู เขาไม่ได้คิดจะจับเป็แล้วทรมานแต่อย่างใด หวังเพียงสามารถใช้วิธีที่เรียบง่ายที่สุดสังหารปีศาจที่ซ่อนอยู่ในความมืดมาโดยตลอดให้ได้ และรีบออกไปจากป่าอันน่าขนลุกนี่เสียที
“ฉึ่ก ฉึ่ก... ” เสียงทั้งสองดังขึ้นเบาๆ หัวใจของจูฉงแม้จะไม่อยากยอมรับแต่ก็ไร้ซึ่งหนทางปฏิเสธความจริงที่ว่าลูกศรทั้งสองดอกของเขาพลาดเป้า แค่ฟังเสียงก็รู้แล้ว ลั่วถูเ้าเล่ห์กว่าที่เขาคิดไว้มาก ขณะที่พูดตัวคงอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ แม้ต้นเสียงจะมาจากทางนั้น แต่กลับมีต้นไม้ที่ขวางอยู่ตรงหน้าเขามากเกินไป
“ลั่วถู ข้าจะฆ่าเ้าให้ได้” จูฉงกล่าวออกมาอย่างโเี้
“เ้าก็แค่คนน่าสงสารคนหนึ่ง นอกจากส่งเสียงโวยวาย เ้ายังทำอย่างอื่นได้อีกหรือ?” เสียงของลั่วถูดังขึ้นจากอีกทิศ
จูฉงยังคงยิงลูกศรออกไป และยังคงพลาดเป้าเหมือนเดิม พื้นที่ในป่าแห่งนี้ซับซ้อนเกินไป ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่เปิดโล่ง ลูกศรจึงไม่อาจสำแดงพลังของมันได้ มีแต่ต้องมองให้เห็นตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามอย่างแม่นยำเสียก่อน ทว่าในความมืดมิดนี้ แม้แต่เงาของฝ่ายตรงข้ามเขาก็ยังมองไม่เห็น ไม่ต้องพูดถึงการหาตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามเลย
“ไม่ใช่ว่าเ้าอยากให้ข้าออกไปหรือ? แต่เ้ากลับยิงมั่วซั่วแบบนี้ มันหมายความว่าอย่างไรกัน? หรือเ้าเห็นว่าข้าก็ควรใช้วิธีนี้เช่นกัน แค่ยิงเ้าตามใจชอบแล้วจบการเดินทางของวันนี้เสียอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของลั่วถูแฝงไว้ด้วยความดูถูกและความเย้ยหยัน
“เ้ากล้าออกมาหรือไม่?” ครั้งนี้จูฉงไม่ได้ยิงหน้าไม้ออกไป ถ้าลั่วถูกล้าออกมา เขาก็ยินดีลงมือบดขยี้คนผู้นี้ด้วยมือของตน ดังนั้นเขาจึงวางหน้าไม้แข็งแกร่งในมือลง ลูกศรของเขาเองก็เหลือไม่มากแล้ว
“วางใจเถอะ ข้าจะเติมเต็มคำขอของเ้า!” ระหว่างที่กำลังพูด ในความมืดกิ่งไม้พลันสั่นไหว จากนั้น เงามืดที่ทอดยาวก็โผล่ออกมาจากทางด้านข้างของเขา
จูฉงอยากจะยกหน้าไม้ในมือขึ้น แต่กลับต้องอดทนไว้ และทิ้งหน้าไม้ในมือไว้ข้างๆ จิตสังหารอันเยียบเย็นสายหนึ่งแล่นวาบผ่านสายตา มองไปยังเงาที่กำลังเดินออกจากความมืด เป็ลั่วถูที่พาเขาวิ่งวนรอบป่าอยู่หลายสิบลี้ไม่ผิดตัวแน่ เมื่อเห็นลั่วถู ในใจของจูฉงสะดุ้งเฮือก คือคนผู้นี้เองที่ทำให้เขาอับอายเหลือทน และทำให้เขาเข้าใกล้ความสิ้นหวังยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ...
ลั่วถูเดินออกจากความมืดอย่างเปิดเผย ภายใต้แสงไฟริบหรี่ ลั่วถูสวมเสื้อสีเขียวราวกับมันจะช่วยให้ตัวเขาซ่อนตัวอยู่ในยามค่ำคืนได้
“เ้าคิดจะสังหารข้าอย่างไรหรือ?” ลั่วถูถามจูฉงกลับด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ทว่าในรอยยิ้มที่แสดงผ่านดวงตากลับมีเพียงความไม่ยี่หระ
“พี่ของข้าเป็อย่างไรบ้าง?” จูฉงกลับสงบลงแล้ว คนที่เหมือนกับนักล่าในความมืดมาตลอดอยู่ดีๆ ก็เลิกซ่อนตัว จุดนี้ทำให้ในใจของเขารู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย ดังนั้นเขาจึงไม่ลงมือในทันที แต่ถามหาถึงที่อยู่จูฟังชงตรงๆ
“ขออภัยด้วย จูฟังชงเป็พี่ของเ้าหรือ? ถ้าใช่ล่ะก็ เขาตายไปแล้ว แต่อีกไม่นานเ้าก็จะได้ไปเจอกับพี่ของเ้าเอง!” ลั่วถูโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ กล่าวออกมาอย่างไม่สนใจนัก
จูฉงหน้าถอดสีในทันที จูฟังชงเป็ถึงศิษย์าขั้นสอง แต่กลับตายด้วยน้ำมือของลั่วถูที่อยู่ตรงหน้าเขา สมองของเขาสับสนอย่างหนัก เขาเห็นการตายของพวกโจวฟางเกิดขึ้นข้างตัวเขาด้วยตาตัวเอง แต่การตายของจูฟังชงที่ไม่ได้เห็นช่างยากจะยอมรับได้
“ข้าจะฉีกเ้าเป็ชิ้นๆ ...” น้ำเสียงของจูฉงสั่นไหว เขาก็ไม่รู้สาเหตุว่าทำไมเสียงของตนถึงเป็แบบนี้
“เ้ากำลังกลัว... แต่เ้าไม่ใช่ศิษย์าหรอกหรือ? ข้าก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง เ้าก็หวาดกลัวแล้ว? กลัวอะไรกัน? กลัวข้า?” สายตาของลั่วถูเต็มไปด้วยแววตาหยอกล้อ ราวกับเป็เพื่อนเก่าเพื่อนแก่กำลังคุยเื่บ้านเกิดกันอย่างนั้น
“ไปตายซะ...” จูฉงไม่ตอบ ร่างกายเหมือนสิงโตที่สะสมกำลังมานาน เมื่อดีดตัวขึ้นบนต้นไม้ ทำลายระยะห่างหลายจั้งทันที ดาบยาวในมือฟันออกไปกลางอากาศ
“ระวังลูกศรด้วยสิ...” ลั่วถูพึมพำเบาๆ และยกแขนขึ้นมาอย่างฉับพลัน...
จูฉงใ ในใจปรากฏภาพภาพหนึ่ง ตอนที่อยู่บนถนนซีเสินกู่ พวกพ้องของตนก็พุ่งตัวไปแบบนี้เช่นกัน ภายใต้ความใ ร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศพลิกตัวทันที ะโม้วนตัวหลบไปทางต้นไม้ด้านข้างเสียแทน
“ขี้ขลาดจริง...” ในขณะที่ร่างของจูฉงะโหลบ เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของลั่วถูก็ดังขึ้น ทันใดนั้นเขารู้สึกได้ถึงหายนะที่ไม่อาจบรรยายได้ เขารู้แล้วว่าเมื่อครู่ลั่วถูหลอกเขา แขนที่ยกขึ้นไม่ได้ยิงลูกศรออกมาจริงๆ แต่กลับทำให้เขาใและถอยหนี ทว่าขณะที่ร่างของเขาเพิ่งตกจากต้นไม้ ก็รู้สึกถึงลมแรงที่พัดเข้าใส่
จูฉงใมาก ลมสยองนั่นเหมือนมีสัตว์อสูรพุ่งมาด้วย จึงรีบร้อนยกมือปัด
“ตูม!” จูฉงรู้สึกเพียงร่างกายสั่นสะท้าน เหมือนถูกท่อนไม้ั์ขนาดทำลายเมืองได้พุ่งชนอย่างไรอย่างนั้น ร่างกายถูกทุบจนกระเด็นไปติดต้นไม้ใหญ่ด้านหลัง ทำเอาชาไปทั้งแขน แม้แต่กระดูกก็เ็ปราวกับกระดูกหักอย่างไรอย่างนั้น
“เป็ไปได้อย่างไรกัน...” การโจมตีเมื่อครู่ที่แท้คือแรงของคนธรรมดาที่ยังไม่ได้เปิดิญญาด้วยซ้ำ พลังนี่มันเกินกว่าศิษย์าขั้นหนึ่งธรรมดาๆ ไปแล้ว ที่สำคัญคือหมัดของฝ่ายตรงข้ามทำไมถึงแข็งได้ขนาดนี้
“เป็อย่างไรบ้าง ข้าออกมาแล้ว แต่แค่หมัดเดียวของข้าเ้าก็รับไม่ได้...” ร่างของลั่วถูถอยกลับไปอีกครั้ง เมื่อครู่หมัดของเขาอัดให้จูฉงถอยไปได้ แต่ไม่อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามาเ็ได้ ทำให้ในใจของเขาทวีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น ความแตกต่างระหว่างคนธรรมดากับศิษย์ายังมีมากเกินไปจริงๆ เขาใช้ถุงมือเหล็กของม่อฉง แถมยังใช้พลังจากภาพเต่าลึกลับแบกหินด้วย แต่ก็ทำได้แค่ทำให้จูฉงใเท่านั้น แต่อย่างไรเสียเขาก็ใช้มันเยาะเย้ยศิษย์าผู้นี้ได้อยู่ดี
แม้ในใจของจูฉงหวาดกลัว ทว่าความกลัวก็ได้ปลุกนิสัยดุร้ายของเขาขึ้นมาด้วย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และพุ่งไปทางลั่วถูอีกครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้ลั่วถูกลับไหวร่างหนี และหายไปในความมืดอีกครั้ง
“อย่าหนีนะ” จูฉงร้อนรน เขาดูออกว่าลั่วถูคิดจะหนีอีกครั้ง จะไม่ทำให้เขาร้อนรนได้อย่างไร
“เ้ายังมีแรงตามมาอยู่อีกหรือ?” แต่ร่างของลั่วถูกลับหยุดในความมืดอีกครั้ง และถามกลับด้วยสีหน้าเยาะเย้ย
“ในเมื่อเ้ายังไม่ตาย ข้าก็ต้องเหลือแรงไว้สังหาร...” จูฉงพูดยังไม่ทันจบ กลับรู้สึกว่าร่างกายตัวเองอ่อนแรงลง ความมืดเข้าปกคลุมดวงตาในทันที
“เ้าทำอะไรลงไป...” เวลานี้เขารู้ว่าท่าไม่ดีแล้ว ทว่ากลับไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วความผิดปกติที่ว่าาขึ้นที่ตรงไหนกันแน่
“ปัญญาอ่อน เ้าคิดว่าพี่เ้าจะต่อสู้กับข้าจริงหรือ เ้ายังยางอายอยู่ไหม ศิษย์าคนหนึ่งกับข้าที่เป็คนธรรมดา แต่คิดจะสู้อย่างยุติธรรม เ้าไม่กลัวคนทั้งเผ่ามนุษย์จะหัวเราะเ้าจนตายหรือ โชคร้ายที่ต้องบอกเ้าว่า พื้นที่นี้ข้าจุดควันหลิงหลัวไว้ั้แ่แรกแล้ว แต่ของสิ่งนี้ต้องใช้แค่ในพื้นจำกัดถึงจะได้ผล ไม่เช่นนั้นก็สิ้นเปลืองไปหน่อย ดังนั้นข้าถึงได้พูดคุยเรื่อยเปื่อยกับเ้าตั้งขนาดนี้ ส่วนตอนนี้ ยาน่าจะออกฤทธิ์แล้ว ดังนั้นไม่จำเป็คุยเล่นกับเ้าอีกต่อไป” ในเสียงของเขาแฝงไว้ซึ่งความเยาะเย้ย เป็อย่างที่เขากล่าว เขาเป็เพียงคนธรรมดา จะหวังให้คนธรรมดากับนักรบมาต่อสู้อย่างยุติธรรม คงมีแต่พวกสมองทึบเท่านั้นที่คิดได้
จูฉงวิ่งไปทางลั่วถูอีกได้ไม่กี่ก้าว ก็รู้สึกราวกับทางข้างหน้ามืดมัว ทั้งร่างราวกับจะทนไม่ไหว ได้แต่พิงต้นไม้อย่างอ่อนแรง ไม่ไกลนัก แสงสว่างจากคบไฟที่ตกอยู่บนพื้นไหววูบ ทำให้ป่าแห่งนี้กลายเป็สีเทาประหลาดตา
ในใจจูฉงเกลียดชังเหลือเกิน ทว่าไม่ได้เกลียดชังลั่วถู แต่เป็ความมืดต่างหาก ถ้าไม่ใช่เพราะความมืดบดบัง พวกเขาไม่มีทางอนาถขนาดนี้แน่ ถ้าไม่ใช่เพราะความมืดมิดรุมล้อม ควันหลิงหลัวไม่มีทางเป็ของไร้สี เขาต้องจับสังเกตได้แน่ ทว่าเพราะเป็ยามวิกาล และศัตรูของเขากลับใช้ประโยชน์จากความมืดเข้าโจมตี และเป็เหตุแห่งความตายของพวกเขา ทำให้เขาไม่เคยเกลียดชังความมืดขนาดนี้มาก่อน
“สมาคมซานชิง! จะไม่ปล่อยเ้าแน่...” จูฉงยิ้มอย่างขมขื่นและกล่าวออกมาหนึ่งคำ ทว่าแม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกดูถูกคำพูดของตนด้วยซ้ำ ต่อให้หลังจากนี้สมาคมซานชิงจะสังหารลั่วถูจริงๆ แล้วมันจะได้อะไร? เพราะเขาก็ไม่ได้เห็นอยู่ดี
สมาคมซานชิงไม่ควรแส่เื่ของตระกูลลั่ว ในเมื่อลั่วเหยียนอยากสังหารข้า เช่นนั้นให้เขาลงมือเองก็พอ แต่หากสมาคมซานชิงเ้าเข้ามายุ่ง เกรงว่าราคาที่ต้องจ่ายคงมากวันนี้หลายเท่านัก!” เสียงของลั่วถูพลันเย็นเฉียบ เขารู้ดีว่าเขาจะต้องเจอกับการแก้แค้นของสมาคมซานชิง ถึงแม้จะไม่มีหลักฐาน แต่จากความหยิ่งยโสของสมาคมซานชิง กับแค่คนธรรมดาคนหนึ่ง พวกเขาไม่้าหลักฐานอะไรทั้งนั้น เพราะพวกเขาเห็นว่าเป็แค่การขยี้มดแมลงตัวหนึ่งเท่านั้น แม้ว่าในเมืองม่อหลานหรือในเมืองใหญ่ของเผ่ามนุษย์สมาคมซานชิงจะไม่กล้าลงมืออย่างไร้มูล ทว่าพวกผู้พิทักษ์กับพวกผู้รักษากฎหาใช่ิญญาเทพ ไม่ใช่ว่าจะปรากฏออกมาข้างกายเขาได้ตลอดเวลา กลุ่มหนึ่ง้าสังหารคนธรรมดาคนหนึ่ง มีวิธีและโอกาสมากมายนัก ครั้งนี้เมื่อกลับจากศิลากำเนิดเทพ ต้องรีบออกจากสนามรบฝานเหรินให้เร็วที่สุดและกลับไปสำนักจ๋าเสวีย เมื่ออยู่ที่นั่น ไม่มีใครกล้าลงมือสุ่มสี่สุ่มห้าแน่ ต่อให้เป็ตระกูลลั่วก็ตาม!
“เอาละ ไปตามทางของเ้าเถอะ พี่เ้ายังรอเ้าอยู่นะ...” ลั่วถูกระซิบ ยกหน้าไม้ขึ้นยิง สำหรับเขาความมืดไม่มีผลแต่อย่างใด ดวงตาของเขาคือสมบัติท่ามกลางความมืด มันมองชัดทุกอย่าง ช่างเป็พลังที่แปลกประหลาด บางทีอาจเรียกได้ว่าพลังดวงตา
แน่นอนว่าเขาเองก็หวังให้ตัวเขามีพลังที่แข็งแกร่ง มีความเร็วที่มากขึ้น ถ้าเป็เช่นนั้นจริง ต่อให้เขาไม่ได้เปิดิญญา เขาก็มั่นใจมากพอว่าจะสังหารศิษย์าได้โดยตรง ไม่ใช่เหมือนอย่างตอนนี้ แค่ปะทะกับจูฉงนิดหน่อย ก็แทบหมดแรงไปต่อแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้