“ย่อมไม่ได้ ข้าช่วยชีวิตเ้า เ้าช่วยชีวิตม้าตัวหนึ่ง เช่นนี้ไม่เหมือนกัน” เมื่อกล่าวแล้วเขาก็มองหลินฟู่อินด้วยสายตาเ็านิ่งค้าง
สายตากดดันของเขาทำให้หลินฟู่อินชะงักงัน ไม่ทราบความหมายของอีกฝ่าย
คอของนางเกร็งแน่น ทว่าในใจกลับสบถไม่หยุด ‘เสแสร้ง! นี่มิใช่หมายความว่าในสายตาเขา เ้าม้าหายากแม่ลูกสองตัวนี้ยังมีค่ามากกว่าชีวิตนางไม่รู้ตั้งกี่เท่าหรือ!’
“กลัวหรือ?” น้ำเสียงของเขาทุ้มลึก กับผู้ที่คู่ควรเขาย่อมรักษามารยาทด้วยเสมอ ในน้ำเสียงเขาเต็มไปด้วยความใจกว้าง ทว่าเด็กหญิงผู้นี้กลับมีท่าทีไม่้ายุ่งเกี่ยวกับเขาอย่างชัดเจน
นางเป็เด็กฉลาด ทั้งยังเด็ดเดี่ยวเป็อย่างยิ่ง
หวงฝู่จินยอมรับว่าตนเองเป็ฝ่ายรบกวน เด็กคนนี้ชัดเจนว่าทราบสถานะไม่ธรรมดาของเขาทว่ากลับไม่มีท่าทีประจบเอาใจเขาเลยแม้แต่น้อย นับว่าหายากจริงๆ
“ข้าไม่ได้กลัว แค่เป็ห่วงน้องสาวน้องชายที่บ้าน” หลินฟู่อินรู้ว่าอีกฝ่ายย่อมหลอกไม่ง่าย จึงได้พูดความจริงออกไป
ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะสนใจฝีมือรักษาของนางอยู่มาก?
คนของเป่ยหรงล้วนแต่ถึกทน ไม่ว่าจะเพศใด อายุเท่าไหร่ ร่างกายแข็งแรงขนาดยากที่จะเจ็บป่วย ดังนั้นการศึกษาเื่ยารักษาโรคย่อมไม่ดีเท่าต้าเว่ย ทั้งหมอทั้งหลายก็นับว่าหายาก
หากเขาสนใจนางเพราะฝีมือด้านการแพทย์ก็ยังนับว่าสมเหตุสมผล
นางไม่ได้ประเมินตัวเองสูงเกินไป ทว่านางทำงานเป็พยาบาลผดุงครรภ์มาตลอด ทั้งยังศึกษาเื่ยาจีนเป็พิเศษอีกด้วย
เมื่อหวงฝู่จินได้ยินคำของนางดวงตาก็หรี่ลง ทราบว่าทารกทั้งสองเป็น้องสาวน้องชายของนาง
กับน้องๆ นางใจดีด้วยเป็อย่างยิ่ง เขากวาดตามองนางขึ้นๆ ลงๆ
เห็นอีกฝ่ายไม่พูดอะไรเป็นาน หลินฟู่อินก็ให้รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในใจกระวนกระวายครุ่นคิด ไม่คิดอยากให้เขารั้งนางเอาไว้นานหนัก หรือเขาคิดจะสังหารนาง?
“เช่นนั้นเ้าก็ลืมเื่วันนี้ไปเสียเถอะ” ทันใดนั้นน้ำเสียงของหวงฝู่จินก็กล่าวออกมา ในนั้นคล้ายกับเป็คำขู่ ไม่ถามอีกว่านาง้าอะไรเป็การแลกเปลี่ยน
หลินฟู่อินไม่โง่ นางรีบก้มหัวตอบกลับทันที “ไม่ต้องห่วงเ้าค่ะ ข้ายังไม่อยากตาย ยังมีน้องๆ สองปากต้องเลี้ยง ข้าอยากให้พวกเขาโตมาอย่างสงบสุข!”
“รู้ก็ดี!” หวงฝู่จินยกมือ ก่อนจะโยนของเย็นๆ ชิ้นหนึ่งมาให้นาง
หลินฟู่อินรับมา เมื่อดูก็เห็นว่าเป็เหล็กเย็นๆ สลักคำว่า ‘จิน’ เอาไว้
“เก็บเอาไว้ นำมาแลกค่าตอบแทนสำหรับวันนี้ได้ทุกเมื่อ”
หลินฟู่อินไม่ได้มองซ้ำ นางเก็บเหรียญนั้นใส่ถุงผ้าข้างเอว กระซิบขอบคุณอีกฝ่ายทันที
หวงฝู่จินไม่กล่าวอะไรอีก เพียงแต่มองนางที่ก้มหน้าท่าทีไร้เดียงสา หมดความสนใจจะสนทนาด้วย มองนางสักครู่ก็ก้าวเท้าจากไป
หลินฟู่อินรออยู่พักใหญ่ก็มีสตรีแต่งกายงดงามวัยสี่สิบกว่าเข้ามา
สตรีผู้นี้ทั้งอ่อนโยนทั้งสง่างาม ทว่ามีดวงตาเฉียบคม แม้จะสุภาพและเคารพต่อหลินฟู่อินทว่ากลับมิได้ใส่ใจอะไรถึงเพียงนั้น
เมื่อมองหลินฟู่อิน ดวงตาของนางก็คมกริบขึ้นมา น้ำเสียงดูถูกทว่ายังสุภาพ “นายท่านสั่งให้บ่าวส่งแม่นางน้อยกลับเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินรีบลุกขึ้นทันที ยอบกายคารวะ ลดสายตาลงพูด “เช่นนั้นต้องรบกวนท่านแล้วเ้าค่ะ”
ตอนนี้นางเพียงอยากกลับบ้านอย่างปลอดภัยเท่านั้น คนอื่นจะคิดอย่างไรล้วนไม่สำคัญเลย
ดวงตาของสตรีวัยกลางคนมืดครึ้มขึ้นเล็กน้อย กวาดสายตามองเด็กหญิงแล้วก็ไม่พูดอะไรอีก
สตรีผู้นี้คุมรถม้าด้วยตนเอง ปล่อยให้หลินฟู่อินนั่งอยู่ด้านใน
เมื่ออยู่เพียงลำพัง หลินฟู่อินถึงมีเวลามองเท้าของตนเองที่โดนไฟลวกเสียที
โชคดีที่ถูกช่วยทันเวลา ทั้งยังโดนโยนลงแม่น้ำแต่แรก ส่วนที่โดนลวกถึงได้รับความเย็น ตอนนี้บนเท้ายังมีร่องรอยแผลอยู่บ้างแต่ไม่มากเท่าไหร่
ดังนั้นอาการไหม้นี้นับว่าไม่รุนแรงนัก
หลินฟู่อินถูกส่งกลับหมู่บ้านด้วยรถม้าหรูหราราวกับติดปีก ไม่นานข่าวก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้าน
ก่อนจากไป สตรีผู้นั้นก็เอ่ยปาก “แม่นางหลินผู้นี้เป็หมอชื่อดัง อีกหน่อยพวกเ้าอย่าได้มารบกวนนางอีก หาไม่ย่อมต้องรับโทษ!”
ชาวบ้านไม่เคยได้ยินเื่นี้มาก่อนก็พากันทำหน้าโง่งมไป นึกสงสัยอยู่ในใจว่าแม่เด็กหลินฟู่อินนี้รักษาโรคได้จริงหรือ?
“แม่หนูฟู่อิน เ้ากลับมาแล้ว!”
ย่าหลี่ได้ยินเสียงฮือฮาก็เปิดประตูกุลีกุจอออกมาพร้อมห่อผ้าในมือ
“ย่าหลี่!” หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายอุ้มเด็กๆ เอาไว้ก็รีบเร่งฝีเท้าทันที
แต่เพราะความเ็ปที่เท้า การเดินของนางจึงไม่เป็ธรรมชาติเลยแม้แต่น้อย
เมื่อย่าหลี่เห็นเช่นนี้ดวงตาก็หม่นหมองลง
นางได้ยินว่าเด็กคนนี้โดนลากไปเผาทั้งเป็จึงได้เร่งร้อนไปถึงแม่น้ำแต่กลับสายเกินไป ตอนนั้นชาวบ้านหลายคนกล่าวว่าตัวคนโดนนำตัวไปเป่ยหรงแล้ว
ย่อมต้องตายแล้วอย่างแน่นอน…
แต่ยามนี้คนก็กลับมาแล้ว แต่ชื่อเสียงกลับหมดสิ้น
เด็กน้อยทั้งสองงอแงด้วยความหิว ย่าหลี่เองก็ช่วยไม่ได้มาก ได้แต่เร่งเร้า “ข้าจะพาเด็กสองคนนี้ไปขอนมจากหมู่บ้านข้างๆ ฟู่อินปิดประตูหน้าต่างอย่าได้ออกไปไหน รอข้ากลับมาก็พอ”
หลินฟู่อินพยักหน้า มองส่งย่าหลี่พาน้องๆ ทั้งสองออกไปอย่างโล่งใจ
นางยังต้องจัดการกับแผลที่เท้า…
เด็กหญิงใช้เข็มเย็บผ้าฆ่าเชื้อด้วยเหล้าขาวเขี่ยสะเก็ดแผลออก แล้วก็รีบกลับเข้าห้อง หาน้ำมันสมุนไพรสกัดที่ฉู่ซื่อปรุงขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน
น้ำมันสมุนไพรนี้ปรุงด้วยสมุนไพรสกัดและน้ำมันงา ดีต่อทารก ใช้ทากันผดผื่นได้ ก่อนร่างเดิมจะคลอดฉู่ซื่อก็ปรุงเอาไว้แล้ว หลังจากร่างเดิมโตขึ้นก็แทบไม่ได้ใช้อีก จึงถูกเก็บเอาไว้ในห้อง
บางทีกระทั่งตัวฉู่ซื่อเองก็คงไม่ทราบว่าน้ำมันสมุนไพรที่นางทำเอาไว้ในยามนั้นเป็เหมือนยาวิเศษสำหรับรักษาาแ
เมื่อทาน้ำมันสมุนไพรเย็นๆ ลงไปแล้วนางก็รู้สึกเจ็บน้อยลงมาก
เมื่อความเจ็บบรรเทาลง ด้วยความตึงเครียดที่ประสบมาตลอดทั้งวัน หลินฟู่อินก็เอนกายลงบนเตียงแล้วผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
กระทั่งย่าหลี่กลับมา หลินฟู่อินจึงตื่นขึ้น
“ท่านย่าหลี่” นางงัวเงียร้องเรียก
“เด็กดีนอนต่อเถิด น้องๆ เ้ากินอิ่มนอนหลับไปแล้ว ไม่ต้องเป็ห่วง” ย่าหลี่ยื่นมืออุ่นๆ ออกมาลูบหัวเด็กหญิง
หลินฟู่อินรู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา “ขอบคุณย่าหลี่นะเ้าคะ! ตอนน้องๆ ข้าอยู่ที่นี่เกิดเื่อะไรขึ้นบ้างหรือไม่?”
“ฮึ!” ทันทีที่ถามออกไป ย่าหลี่ก็แค่นเสียงออกจมูกด้วยความหงุดหงิดทันที “ป้าสองของเ้าช่างดีนัก เห็นเ้าโดนลากออกไปก็ไม่รอคุยกับครอบครัวใดๆ จ้องจะพาน้องเ้ากลับไปบ้านนั้นให้ได้ ส่วนย่าคนนั้นของเ้าป่วยติดเตียงเอะอะโวยวายไม่เลิก”
“คิดไว้แล้วต้องเป็อย่างนี้” ดวงตาของหลินฟู่อินทอวาบ คนของบ้านฝั่งนั้นนับว่าใจดำอำมหิตโดยแท้ แม้แต่เด็กทารกสองคนก็ยังปล่อยให้มีชีวิตไม่ได้ ญาติแบบนี้จะมีไว้เพื่ออะไรกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้