นางคิดไม่ถึงว่าบุรุษผู้แต่งตัวดีมีชาติตระกูลผู้นี้จะคิดว่าตนเป็นางบำเรอขุนนาง จึงคลายมือที่กำแขนเสื้อกว้างไว้แน่นด้วยความผิดหวัง
นางรู้สึกเ็ปในหัวใจ ถอนหายใจแล้วกล่าวว่า “ใช่แล้ว”
สถานที่แห่งนี้คือตรอกโกวหลาน ผู้คนที่มาที่นี่ล้วนมาแสวงหาความสำราญ จะมีบุรุษผู้เที่ยงธรรมมาคอยช่วยเหลือผู้อื่นได้อย่างไร?
ตนไร้เดียงสาเกินไป!
นางหันกลับมามองรอบๆ และเห็นเพียงแววตาแฝงด้วยตัณหาจับจ้องมาที่ร่างกายของตน เต็มไปด้วยความปรารถนาที่แทบจะกลืนกินนางลงไป! ตอนนี้นางถูกรายล้อมไปด้วยคนไร้ยางอายเหล่านี้โดยไร้ทางหนี!
บุรุษผู้นั้นมองดวงตาใสซื่อของฉีซีที่เต็มไปด้วยความสับสนแต่เจือไปด้วยแสงแห่งความหวังที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างริบหรี่ ทว่าแสงนั้นก็มอดดับลงเมื่อเขาบอกให้เ้าหน้าที่ของหอนางโลมเสนอราคามา ราวกับลูกสัตว์ที่รอเวลาถูกเชือด ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดหัวใจของเขาจึงเต้นรัวและอดไม่ได้ที่จะสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ท่าน้าซื้อนางหรือ?” บุรุษร่างใหญ่ถามอย่างบูดบึ้ง น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ตามกฎหมายของต้าจิ้ง นางอยู่ในชนชั้นใดกัน? เสนอราคามาสิ! หรือจะเป็จริงอย่างที่นางกล่าว นางเป็สตรีจากครอบครัวขุนนาง ไม่ใช่นางบำเรอของขุนนางอย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงที่สง่างามและสงบนิ่งของบุรุษผู้นั้นเริ่มเ็ามากขึ้น
"ท่าน..." บุรุษร่างใหญ่ถูกบุรุษผู้นั้นบีบบังคับจนไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร ทันใดนั้นก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มเ้าเล่ห์ "ทองคำสองร้อยแท่ง!"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ผู้คนต่างส่งเสียงฮือฮา แม้แต่ชวนอวิ๋นที่ยืนอยู่หลังประตูใหญ่หอเสวี่ยหยวนก็ยังตกตะลึง
ทองคำสองร้อยแท่ง! เทียบเท่ากับสองหมื่นตำลึง! เป็เงินเดือนของอัครเสนาบดีต้าจิ้งมากกว่าร้อยคน!
แม้แต่ค่าไถ่ตัวของฮวาขุยชวนอวิ๋นก็ยังไม่ถึงหนึ่งหมื่นตำลึง!
“นี่มันปล้นกันชัดๆ !”
“แม้แต่ค่าค่ำคืนของหลิวชวนอวิ๋นก็มีราคาเพียงหนึ่งร้อยตำลึงต่อคืน เหตุใดราคาของสตรีผู้นี้ถึงขึ้นสูงถึงขนาดนี้กัน!?”
“สตรีผู้นี้มีท่าทางบอบบางและมีเสน่ห์กว่าูเาน้ำแข็งอย่างหลิวชวนอวิ๋น รสชาติของการทรมานจะเข้มข้นกว่าหลิวชวนอวิ๋นมากอย่างแน่นอน!”
หลังจากที่หลิวชวนอวิ๋นที่อยู่หลังประตูได้ยินบทสนทนาเหล่านี้ ทั้งรู้สึกอับอายและโกรธแค้น ต่อให้ดีเพียงใดก็ไม่เกินหนึ่งร้อยตำลึง!
ไอ้สารเลวพวกนี้มีใครบ้างที่คู่ควรจะแตะต้องนาง? หากมีทางเลือกอื่น สตรีผู้ใดอยากจะมาเป็หญิงคณิกาบ้าง?
บุรุษร่างใหญ่ได้ยินคนรอบข้างโวยวายจึงตวาดด้วยความไม่พอใจ "ดูให้ชัดสิ! สตรีผู้นี้เป็นางกำนัลของพระราชวังหยวนฉี! หากฮ่องเต้แห่งหยวนฉียังอยู่ ด้วยรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ นางคงเป็หนึ่งในบรรดาสนมเอกอย่างแน่นอน! พวกเ้าเคยเห็นนางบำเรอขุนนางระดับสูงเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด? ต่อหน้านาง แม้กระทั่งฮวาขุยก็ยังด้อยกว่า! ยิ่งกว่านั้นนางเป็เด็กสาว! ถ้าไม่อยากเสนอราคาก็เก็บหางกลับไปเสีย ข้าไม่มีเวลาคุยเื่ไร้สาระกับพวกเ้า!”
บุรุษร่างใหญ่รู้ดีว่าตนเสนอราคาสูงเกินไป นางบำเรอขุนนางระดับหนึ่งยังมีค่าตัวไม่ถึงทองคำหนึ่งแท่ง การที่เขาเสนอราคาทองคำสองร้อยแท่งจึงเป็เพียงการพูดไร้สาระ
"ข้าจะซื้อ"
บุรุษร่างใหญ่คิดว่าตนได้ยินผิดจึงจ้องบุรุษผู้นั้นด้วยดวงตาเบิกกว้าง
ฉีซีก็เบิกตากว้าง มองไปที่บุรุษผู้มีท่าทีโอหัง ทว่าเห็นเพียงความสงบนิ่งของเขา
หลิวชวนอวิ๋นก้าวข้ามธรณีประตูของหอเสวี่ยหยวนด้วยความใ ยืนพิงประตูตัวสั่นเทา เขายินยอมซื้อสตรีแปลกหน้าที่พบเจอกันเป็ครั้งแรก ทว่าเขาไม่เคยพูดถึงการไถ่ตัวตนเลย ทั้งที่ค่าไถ่ตัวนางราคาเพียงทองคำห้าสิบแท่งเท่านั้น!
“ข้าบอกว่าข้าจะซื้อ”
บุรุษผู้นั้นมีสีหน้าเฉยเมย จ้องที่บุรุษร่างใหญ่ราวกับเสือดาวอย่างนิ่งเงียบ ทว่าสายตาของเขากลับทำให้รู้สึกถึงภัยคุกคามถึงชีวิต สายตานั้นทำให้ฉีซีนึกถึงบุคคลหนึ่งขึ้นมา บุคคลผู้นั้นคือฮ่องเต้แห่งต้าจิ้งผู้ซึ่งสังหารเสด็จพ่อ เสด็จแม่ และญาติพี่น้องของนาง
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา นางพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "ไม่...ไม่ต้อง...ข้าไม่้า..." นางไม่อยากให้บุรุษผู้นี้ซื้อตัวนาง
เมื่อบุรุษผู้นั้นได้ยินคำพูดของฉีซีกล่าวจึงเหลือบมองฉีซีด้วยความประหลาดใจ ก่อนสีหน้าประหลาดใจนั้นจะหายไป สายตาของเขาลึกลับจนยากที่จะคาดเดา
นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีใครสามารถช่วยนางได้ เขาคิดว่าสตรีผู้นี้คล้ายกับหลี่อวิ๋นเจินจึงไม่อยากเห็นนางจมดิ่งอยู่ในดินแดนแห่งแสงสีจนไม่อาจฟื้นคืน แต่นางกลับปฏิเสธเขาอย่างไม่ไยดี? ในใจนางกำลังคิดสิ่งใดอยู่กันแน่?
มีความจองหองเพราะเป็ขุนนางหรือราชวงศ์อย่างนั้นหรือ?
เขาไม่ลืมผ้ารัดอกสีแดงเข้มปักลายเซียนสุ่ยด้วยดิ้นทองบนตัวของฉีซี
นางเอาแต่พูดพล่ามถึงหยวนฉีซึ่งทำให้ผู้คนปรารถนาที่จะลดทอนความภาคภูมิใจที่หลงเหลืออยู่ของหยวนฉี
เขาหัวเราะเบาๆ จากนั้นโน้มตัวไปพูดกับฉีซี "หันมองไปรอบๆ แล้วมองดูตัวเองเถิด? พวกเขาแทบรอไม่ไหวที่จะเพลิดเพลินไปกับร่างกายของเ้าอยู่นะ"
ฉีซีจึงก้มศีรษะลงมองตนเอง
ยอดถันสีแดงอ่อนอันบอบบางของนางกำลังจะปรากฏสู่สายตาทุกคน นางรีบดึงผ้ารัดอกขึ้นด้วยความอับอายและปิดหน้าอกไว้
ขณะที่ตื่นตระหนก นางยัง้าปกปิดต้นขาขาวราวกับหิมะของตนด้วย ทว่ากระโปรงถูกผู้อื่นฉีกไปแล้ว ไม่ว่าจะพยายามปกปิดอย่างไรก็ไร้ประโยชน์ ไร้ทางต้านทานความงามของนางที่สาดส่องไปทั่วทั้งตรอก
นางกวาดสายมองเหล่าบุรุษรอบข้างที่ราวกับสุนัขป่าหิวโซจนแทบจะน้ำลายไหลและพร้อมกระโจนเข้าใส่ ทำให้นางรู้สึกคลื่นไส้
“เ้าอยากจะปรนนิบัติข้าผู้เดียว หรืออยากนอนกับบุรุษนับพันและถูกผู้คนมากมายขี่ เ้าเลือกเอาเอง”
บุรุษผู้นั้นหยุดหัวเราะ เลิกคิ้วมองที่ฉีซี หลังจากพูดคำเหล่านี้แล้วจึงยืดตัวตรง เดินกลับไปที่รถม้า
ฉีซีรู้สึกหายใจไม่ออก นางควรทำอย่างไร?
เหตุใดสุดท้ายนางจึงไม่สามารถปกป้องตัวเองได้? ต้องยอมจำนนต่อโชคชะตาอย่างนั้นหรือ?
ปรนนิบัติเขา หรือปล่อยให้แขนหยกคู่นี้เป็หมอนหนุนของบุรุษนับหมื่น?
ขายตัวให้กับบุรุษแปลกหน้า หรือปล่อยให้บุรุษแปลกหน้านับพันนับหมื่นมาเหยียดหยามตามใจชอบ?
ความอัปยศ ความอับอาย และความเ็ปกำลังฉีกนางเป็ชิ้นๆ บังคับให้นางหลับตาลง
น้ำตายังคงไหลรินออกมาอย่างไม่ขาดสาย เพียงแต่ถูกสายฝนชะล้างจนจางหายไป
ฉีซีลืมตาขึ้นอีกครั้ง บุรุษผู้นั้นกำลังจะเดินออกจากระยะที่มือของนางจะเอื้อมถึง
นางพยายามยื่นมือที่สั่นเทาออกไปคว้าแขนเสื้อครึ่งนิ้วที่กำลังปลิวไหว ความเย็นะเืของเกล็ดหิมะแผ่ซ่านผ่านฝ่ามือ ดั่งความรู้สึกที่บุรุษผู้นี้มอบให้นาง แม้จะเ็าและไร้เยื่อใย ทว่าเขาก็เป็ฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายของนาง นางจึงจำเป็ต้องรั้งเขาไว้
บุรุษผู้นั้นรู้สึกว่าแขนเสื้อกว้างถูกรั้งไว้ จึงหยุดฝีเท้าและหันกลับมามองนาง มุมปากของเขามีรอยยิ้มบางๆ ราวกับว่าปฏิกิริยาของนางเป็ไปตามที่เขาคาดไว้
ในม่านน้ำตา ฉีซีไม่รู้ว่าตนเลือกอะไรไป ถูก? ผิด? ทว่าไม่อาจย้อนกลับไปได้อีกแล้ว
บุรุษผู้นั้นโอบฉีซีเข้ามา คลุมร่างของนางด้วยเสื้อคลุม ซ่อนจากสายตาสอดรู้สอดเห็นของทุกคน และพาขึ้นรถม้าไป บุรุษร่างใหญ่ยังอยากจะคำรามว่าการค้าขายนี้ยังไม่สำเร็จ ทว่าเขาต้องหุบปากลงทันทีเมื่อรู้สึกถึงสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้