หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของเนี่ยหลี สายตาของพวกนักเรียนจากครอบครัวสามัญชนในชั้นก็เบิกตากว้าง พวกเขาล้วนรู้จักเื่ราวของท่านเยี่ยโม่ ท่านเป็บุคคลตัวอย่างสำหรับผู้ที่อยากปีนป่ายขึ้นเป็ผู้แข็งแกร่ง
“เ้า... หลายร้อยปีก่อนของเมืองกวงฮุย ท่านเยี่ยโม่เป็เพียงผู้เดียวที่สามารถปีนป่ายขึ้นไปจนถึงจุดสูงสุดได้โดยอาศัยความสามารถของตนเพียงอย่างเดียว” เสิ่นซิ่วกล่าวเอื่อยเฉื่อย ยังคงเถียงข้างๆ คูๆ
“แต่มิใช่ว่าอาจารย์เสิ่นซิ่วเพิ่งพูดไปเมื่อครู่ว่าเป็ไปไม่ได้? เหตุใดจึงพูดจาขัดแย้งกันเองเช่นนี้?” เนี่ยหลียิ้มเยาะอย่างเ็า “ท่านเยี่ยโม่เป็ตัวอย่างที่ชัดเจน ไม่ว่าจะเป็ชนชั้นสูงหรือสามัญชน ศักยภาพในอนาคตย่อมไร้ข้อจำกัด โลกนี้ไม่มีคำว่าลำบาก ตราบใดที่คนผู้หนึ่งยินดีปีนป่าย”
เสิ่นซิ่วแทบะเิแล้ว เ้าเด็กนี่มีเจตนาร้ายชัดๆ มันเอาแต่หาช่องโหว่ในคำพูดของนางและโจมตีนาง ไม่มีความเคารพผู้าุโกว่าแม้แต่น้อย! นางจ้องมองเนี่ยหลีอย่างเ็า มันกล้าโต้เถียงกับนางอย่างเปิดเผยต่อหน้าผู้คนมากมาย ต่อไปนางย่อมจะไม่ปล่อยให้เนี่ยหลีอยู่อย่างสุขสบายเป็แน่!
ไม่ห่างจากเนี่ยหลีไปเท่าไหร่ ตู้เจ๋อจ้องมองเขา สายตาเต็มไปด้วยความซาบซึ้งขอบคุณ แม้เนี่ยหลีเป็ชนชั้นสูงผู้หนึ่ง เขากลับยอมเสี่ยงสร้างความขุ่นเคืองให้แก่อาจารย์เสิ่นซิ่วด้วยการช่วยออกหน้าพูดแทนพวกสามัญชน สิ่งนี้ทำให้เขาซาบซึ้งใจยิ่งนัก หัวใจของหนุ่มวัยเยาว์ช่างดูเรียบง่ายยิ่งนัก ั้แ่บัดนี้เขาก็เห็นเนี่ยหลีเป็สหายคนหนึ่งของเขาแล้ว
เสิ่นซิ่วส่งเสียงฮึ “ปากกล้านัก เ้าคิดว่าการพูดเช่นนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงได้หรือ? เ้าเห็นแค่ความสำเร็จของท่านเยี่ยโม่ แต่กลับมองไม่เห็นว่ามีผู้คนมากมายเพียงใดที่ล้มเหลว ไม่ต้องพูดเลยว่าจะได้เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรหรือไม่ แม้กระทั่งจะได้เป็นักสู้หรือไม่ก็ยังยากจะเอื้อมถึง จริงหรือไม่ เนี่ยหลี? เ้าเองก็นับว่าสืบเชื้อสายขุนนางอยู่ ในเมื่อไม่รู้จักว่าเมื่อใดควรถอย เมื่อใดควรรุก ข้าก็ขอดูสักหน่อยว่าเ้ามีพร์เก่งกาจสักแค่ไหน”
เสิ่นซิ่วก้มหน้าลงมองดูกระดาษหนังในมือ เลื่อนสายตากวาดมองได้ครู่เดียวนางก็หัวเราะเยาะหยันขึ้นมา “เนี่ยหลี อาณาเขติญญาสีแดง ระดับพลังิญญาเท่ากับห้า ความแข็งแกร่งยี่สิบเอ็ด ด้วยความสามารถของเ้าในตอนนี้ ตลอดชีวิตของเ้าอย่างมากก็เป็ได้แค่นักสู้ระดับทองแดง คิดอยากเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรผู้หนึ่งย่อมเป็ไปได้ยาก เ้ายังต่ำต้อยเสียยิ่งกว่าเด็กๆ สามัญชนบางคนเสียอีก ไม่แปลกใจเลยที่เ้ากล้าพูดอะไรออกมาเช่นนี้ เ้าก็แค่พยายามจะปกปิดความต่ำต้อยของตนเท่านั้นเอง!”
คุณสมบัติของอาณาเขติญญาแบ่งออกตามสีได้เจ็ดสี คือ แดง ส้ม เหลือง เขียว ฟ้า คราม และสีม่วง สีแดงนับว่าด้อยที่สุด มีขอบเขตจำกัด คนทั่วไปมักมีอาณาเขติญญาสีส้มหรือสีเหลือง หากมีสีเขียวหรือสีฟ้าก็นับว่าเป็อัจฉริยะผู้หนึ่งแล้ว สำหรับสีครามและสีม่วงนั้น พวกมันมีอยู่แค่ในตำนานเท่านั้น
เมื่อได้ยินอาจารย์เสิ่นซิ่วพูด พวกนักเรียนจากครอบครัวสามัญชนก็เริ่มรู้สึกเสียใจกับเนี่ยหลี ในฐานะที่มาจากครอบครัวชนชั้นสูง พร์ของเนี่ยหลีถือว่าต่ำต้อยนัก เกรงว่าอีกหน่อยยากจะประสบความสำเร็จในชีวิตได้
เยี่ยจื่ออวิ๋นมองเนี่ยหลีและทอดถอนใจเบาๆ แม้ความประทับใจในตัวเนี่ยหลีไม่ค่อยดีนัก เมื่อรู้ว่าพร์ของเนี่ยหลีย่ำแย่ถึงเพียงนี้ นางก็อดที่จะเสียใจกับมันไม่ได้
เสิ่นเยวี่ยที่นั่งอยู่ข้างเยี่ยจื่ออวิ๋นเบ้ปากดูแคลน หากรู้มาก่อนว่าพร์ของเนี่ยหลีย่ำแย่ปานนี้ เขาคงไม่นับเนี่ยหลีเป็ภัยคุกคาม เพราะเนี่ยหลีไม่คู่ควร ด้วยพร์ที่ต่ำต้อยของเนี่ยหลี ย่อมได้แต่ใช้ชีวิตอยู่ในระดับที่ต้อยต่ำที่สุดของเมืองกวงฮุย ส่วนเขา เสิ่นเยวี่ยผู้เป็คนในตระกูลหลักหนึ่งในสาม ในฐานะสายเืตระกูลศักดิ์สิทธิ์เสินเซิ่ง เนี่ยหลีจะมาแข่งกับตนได้อย่างไร?
หากมิใช่เพราะเยี่ยจื่ออวิ๋น เขาก็คงไม่มาอยู่ในชั้นเรียนขยะนี้และต้องมาเป็เพื่อนร่วมชั้นกับขยะเช่นเนี่ยหลี
เสิ่นซิ่วถากถางต่อไปว่า “ด้วยพร์เพียงเท่านี้ แม้แต่ในครอบครัวของเ้า ก็คงไม่ได้รับความสนใจอันใด กระนั้น เ้ากลับกล้าจองหอง หยาบคายต่อผู้าุโอย่างข้า!”
คำพูดของเสิ่นซิ่วทำให้เนี่ยหลีหวนรำลึกถึงอดีตของตน ก่อนที่เมืองกวงฮุยจะล่มสลาย เนี่ยหลีอ่อนด้อยมากจริงๆ เป็ดังที่อาจารย์เสิ่นซิ่วกล่าว เขาค้างอยู่ที่ระดับทองแดงสามดาวและไม่อาจก้าวหน้าต่อไปได้อีก ไม่มีผู้ใดสนใจ ไม่ว่าจะเป็ที่โรงเรียนหรือที่บ้าน เขาถูกปฏิบัติด้วยราวกับเป็ฝุ่นผง
หากมิใช่เพราะเนี่ยหลีช่วยปกป้องเยี่ยจื่ออวิ๋นอย่างไม่คิดชีวิต ก็คงเป็ไปไม่ได้ที่จะได้หัวใจของเทพธิดาเช่นนาง เวลานั้นเยี่ยจื่ออวิ๋นเป็ถึงผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองหนึ่งดาวแล้ว กระทั่งจะร่วมสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนาง เนี่ยหลีก็ยังไม่มีคุณสมบัติพอ เขาได้แต่จ้องมองเยี่ยจื่ออวิ๋นสิ้นใจตายใต้กรงเล็บของสัตว์อสูรตัวหนึ่งต่อหน้าต่อตา ร่างของนางค่อยๆ จมลงสู่ผืนทราย
นี่เป็ความเ็ปราวเข็มตำใจของเนี่ยหลีตลอดมา
อาศัยโชคล้วนๆ เขารอดตายเดินออกจากทะเลทรายไร้พรมแดนได้สำเร็จ เนี่ยหลีประสบกับเื่ราวลึกลับมากมายและพบว่าพลังิญญานั้นสามารถพัฒนาได้
หากเป็เนี่ยหลีในอดีต ถูกอาจารย์ประณามเช่นนี้ เขาคงไม่มีความกล้าพอที่จะโต้แย้ง ทว่าเขาในเวลานี้ย่อมแตกต่างแล้ว มีความมั่นใจในตัวเองยิ่งขึ้น ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะทำให้ผู้คนที่กำลังดูแคลนตนอยู่ในขณะนี้ได้รับรู้ว่าเขาจะก้าวเข้าถึงอาณาจักรที่พวกมันไม่เคยจินตนาการนึกถึงมาก่อน ในเมื่อเขากลับมาแล้ว ย่อมต้องกล้าหาญเดินหน้าต่อไป ต่อให้เป็พระเ้า ขวางทางก็ต้องเข่นฆ่า
สิ่งที่ทำให้ทุกคนประหลาดใจก็คือ แม้เนี่ยหลีจะถูกอาจารย์เสิ่นซิ่วหยามน้ำหน้าและหัวเราะเยาะ เขากลับไม่มีความอับอายแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม เขาจ้องตาเสิ่นซิ่วเขม็ง ปากกล่าวว่า “อาจารย์เสิ่นซิ่ว ท่านคิดว่าอาณาเขติญญาและพลังิญญาเป็ตัวตัดสินอนาคตของคนผู้หนึ่งใช่หรือไม่? ด้วยนิสัยต่ำช้าของท่าน ท่านก็แค่คอยยกยอปอปั้นพวกนักเรียนฐานะดีมีพร์สูงส่ง เหยียดหยามพวกสามัญชน กระนั้นท่านยังเอาแต่พูดถึงหลักการ ท่านก็แค่พยายามที่จะปกปิดนิสัยต่ำช้าของตน”
ได้ยินคำพูดของเนี่ยหลี เสิ่นซิ่วโมโหจนหนวดกระดิก นางไม่เคยพบเจอนักเรียนเช่นเนี่ยหลีมาก่อน มันกล้าโต้เถียงกับนางถึงเพียงนี้ คำพูดของเนี่ยหลีช่างจี้ใจดำของนางยิ่งนัก ทำให้นางโมโหเป็ฟืนเป็ไฟ ด่าทอออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “หุบปาก! เ้าคิดว่าเ้าเป็ใคร จึงกล้ามาโต้เถียงกับอาจารย์ของเ้า?”
เนี่ยหลีเบ้ปากดูแคลน “ข้าอับอายนักที่มีอาจารย์เช่นท่าน ข้ารับประกันได้เลยว่าในชั้นเรียนนี้ จะต้องมีนักเรียนสามัญชนมากมายที่มีความสามารถเกินกว่าท่านจะคิดถึงได้ ประสบความสำเร็จเกินความคาดหมาย ท่านไม่รู้จักสั่งสอนพวกเขาด้วยความอดทน กลับใช้วาจาชั่วร้ายทำลายความเชื่อมั่นของพวกเขา ท่านไม่คู่ควรจะเป็อาจารย์เลยแม้แต่น้อย แม้พร์ของข้าต่ำต้อย แล้วอย่างไรเล่า? วันหนึ่งข้างหน้า ข้าจะเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเช่นท่านเยี่ยโม่และแต่งงานกับโฉมงามอันดับหนึ่งแห่งเมืองกวงฮุยให้ได้”
ขณะที่กล่าวอยู่นั้น สายตาของเนี่ยหลีตกอยู่ที่เยี่ยจื่ออวิ๋นซึ่งนั่งห่างออกไป
เมื่อนางเห็นสายตาของเนี่ยหลีที่จ้องมองมา ไม่ทราบด้วยเหตุอันใด เยี่ยจื่ออวิ๋นพลันรู้สึกว่าหัวใจเต้นตึกตัก สองแก้มแดงระเรื่อ นางคิดไม่ถึง ว่าเนี่ยหลีจะใจกล้าปานนี้ อยู่ในชั้นเรียน กลับกล้าพูดจาเช่นนี้ออกมา สายตาของเนี่ยหลี ความหมายชัดเจนยิ่งนัก เพียงแต่ในใจของนางย่อมยังไม่มีความรู้สึกพิเศษอันใดกับเนี่ยหลี เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ทั้งดีใจทั้งรำคาญใจ บอกไม่ได้ว่ารู้สึกอย่างไรกันแน่
เห็นสีหน้าของเยี่ยจื่ออวิ๋น สีหน้าของเสิ่นเยวี่ยหม่นลงแล้ว แม้เนี่ยหลีกับเขามิใช่คนระดับเดียวกัน แต่ในใจกลับรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม
“ฮ่าๆๆ นี่เป็เื่น่าขำที่สุดเท่าที่ข้าเคยได้ยินมาก่อนเลยทีเดียว คนที่มีพลังิญญาแค่ห้าจุดเช่นเ้ากลับกล้าบอกว่าจะเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานเช่นท่านเยี่ยโม่ ขณะที่ท่านเยี่ยโม่ยังเยาว์วัย ท่านผ่านการทดสอบและแสดงพร์ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่ง พลังิญญาของท่านมีถึงแปดสิบเก้าจุด เ้าคิดว่าแค่อาศัยโชคก็จะประสบความสำเร็จได้กระนั้นหรือ? ช่างน่าขำ” เสิ่นซิ่วเยาะหยันไร้ความปราณี “แทนที่จะมามัวทำปากเก่งอยู่ตรงนี้ เอาเวลาไปตั้งใจเล่าเรียนจะดีกว่า?”
คำพูดถัดไปของเนี่ยหลีทั้งแข็งแกร่งทั้งกึกก้อง
เนี่ยหลียักสองไหล่และพูดว่า “ข้ารู้ว่าในใจท่านเต็มไปด้วยความดูแคลน แต่สักวันหนึ่ง ข้าจะใช้ความจริงปิดปากท่านให้ได้! ความเหมาะสมไม่อาจตัดสินความสำเร็จของคนผู้หนึ่ง ข้าใช้ความอ่อนแอชนะความแข็งแกร่ง เพื่อเอาชนะโชคชะตาที่์กำหนด! พวกเราผู้ฝึกวิทยายุทธ์ล้วนกำลังเดินอยู่ในเส้นทางที่ท้าทายความสามารถและความเป็ไปไม่ได้ด้วยการต่อต้านวิถีของ์!”
คำพูดของเนี่ยหลีทำให้นักเรียนในชั้นต่างพากันรู้สึกว่าเืในกายเดือดพล่าน การฝึกตนก็เป็การต่อต้านวิถี์อยู่แล้ว หากไม่ต่อต้าน์ จะพูดถึงเื่ฝึกตนไปทำไมกัน?
เนี่ยหลีประกาศอย่างห้าวหาญ “หากปราศจากซึ่งหัวใจที่ฮึกเหิม ปราศจากซึ่งความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงความเป็ไปไม่ได้ให้เป็ไปได้ ต่อให้มีพร์โดดเด่นก็ไร้ประโยชน์ ในเมื่อข้า เนี่ยหลี ได้เกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว ข้าก็ควรท้าทายความเป็ไปไม่ได้! อาจารย์เสิ่นซิ่ว มาลองพนันกับข้าดูหรือไม่?”
แม้เนี่ยหลีเคยประสบกับความล้มเหลวมามากมายในชีวิตเมื่อชาติที่แล้ว แต่เขาไม่เคยยอมแพ้ ในเมื่อ์มอบโอกาสนี้ให้เขาได้กลับชาติมาเกิดใหม่ ชีวิตชาตินี้เขาจะต้องปีนขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยความเร็วเกินกว่าจะจินตนาการให้จงได้
“พนันสิ่งใดกัน?” เสิ่นซิ่วทำเสียงขึ้นจมูก
“เราจะพนันกับการทดสอบที่กำลังจะมาถึงในอีกสองเดือนข้างหน้า ข้าจะสามารถก้าวขึ้นเป็นักสู้ระดับทองแดง หากข้าทำไม่สำเร็จ ข้าจะขอลาออกจากโรงเรียนแห่งนี้ หากข้าก้าวขึ้นเป็นักสู้ระดับทองแดงได้สำเร็จ ท่านจะต้องลาออก ว่าอย่างไร?” เนี่ยหลีกล่าวอย่างเด็ดเดี่ยว จ้องมองเสิ่นซิ่ว
ได้ฟังสิ่งที่เนี่ยหลีพูด ทุกคนพากันใ พวกเขาต่างแปลกใจที่เนี่ยหลีกล้าท้าพนันกับอาจารย์เสิ่นซิ่วเช่นนี้ แม้พวกเขาต่างหวังให้เนี่ยหลีเป็ฝ่ายชนะ แต่มองแล้วไม่เห็นหนทางว่าเนี่ยหลีจะชนะได้
“ฮ่าๆๆ เ้านี่ตลกสิ้นดี กลับกล้าพูดว่าจะสามารถก้าวขึ้นเป็นักสู้ระดับทองแดงได้ภายในเวลาแค่สองเดือน เ้าคิดว่าเ้าจะสามารถเพิ่มพลังิญญาจากห้าจุดจนถึงร้อยจุดได้ภายในเวลาสองเดือนรึ?” เสิ่นซิ่วสีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน เนี่ยหลีมันบ้าไปแล้วหรืออย่างไร?
“ข้าขอถามคำเดียว ท่านกล้าหรือไม่?” เนี่ยหลีไม่สนใจสิ่งที่เสิ่นซิ่วเพิ่งพูดจบไป
“เป็ตามนั้น ทำไมข้าจะไม่กล้าเล่า? ข้าไม่เชื่อว่าเด็กเปรตอวดดีเช่นเ้าจะทำอะไรได้สำเร็จ คิดว่าตนเองเป็ใครจึงกล้าคุยโม้โอ้อวดปานนี้?” เสิ่นซิ่วทำเสียงขึ้นจมูกเคืองใจ “หยาบคายกับอาจารย์ถึงเพียงนี้ ไม่ว่าอีกหน่อยเ้าจะเป็อย่างไร แต่เวลานี้เ้าเป็นักเรียนของข้า นับแต่นี้ไป เ้าไม่ต้องนั่งเรียนหนังสือแล้ว ลุกขึ้นไปยืนหลังห้องซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะแจ้งเื่ไปที่บ้านเ้า ให้มาพาเ้าออกจากโรงเรียนเซิ่งหลานกลับบ้านไป”
ความไร้เหตุผลของเสิ่นซิ่วเป็ที่เลื่องลือ เนี่ยหลียักไหล่ ยืนข้างหลังแล้วจะเป็ไร สำหรับเนี่ยหลี การทำโทษนี้ช่างเล็กน้อยนัก แต่หากเขาต้องออกจากโรงเรียนเซิ่งหลาน ก็ยากจะได้พบกับเยี่ยจื่ออวิ๋นแล้ว เวลานี้ได้แต่อดทนไปเสียก่อน
“ในเมื่ออาจารย์เสิ่นซิ่วรับพนันก็อย่าเสียใจทีหลังเล่า” เนี่ยหลีเปรยขณะเดินเอื่อยเฉื่อยไปหลังชั้นเรียน
“ข้าจะเสียใจรึ? ช่างน่าขำ เ้าอย่าวิ่งร้องไห้กลับมาหาข้าทีหลังก็แล้วกัน” เสิ่นซิ่วหัวร่อ
เห็นเนี่ยหลียืนอยู่หลังชั้น นักเรียนจากครอบครัวชั้นสูงหลายคนก็เริ่มส่งเสียงซุบซิบเย้ยหยัน
“หึหึ ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานถูกทำโทษเสียแล้ว!”
“จึ๊ๆ ที่แท้มันก็กลัวว่าจะถูกขับไล่ออกจากโรงเรียนเหมือนกัน!”
“เมื่อครู่มิใช่ยังบ้าอยู่เลยรึ?”
“สองเดือนก็จะสามารถเพิ่มพลังิญญาจากห้าจุดขึ้นไปถึงร้อยจุดได้ มันคิดว่าตัวเองเป็ใคร? ต่อให้เป็ท่านเยี่ยโม่เมื่อตอนเด็กก็ยังไม่สามารถทำได้เร็วถึงเพียงนี้”
เสิ่นซิ่วยิ้มเ็า เนี่ยหลีจองหองแล้วจะเป็อย่างไร อย่างไรเสียก็ต้องยอมเชื่อฟังนางมิใช่หรือ? นางย่อมไม่คิดเอาคำพูดของเนี่ยหลีมาใส่ใจ สักวันหนึ่งเนี่ยหลีจะสามารถกลายเป็ผู้ควบคุมอสูรระดับตำนานได้หรือ? เสิ่นซิ่วรู้สึกขบขันยิ่งนัก เื่เช่นนี้ไม่มีทางเกิดขึ้นได้แน่นอน
เห็นเนี่ยหลีถูกเสิ่นซิ่วทำโทษจับไปยืนอยู่หลังชั้นเรียน ตู้เจ๋อนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งก็กัดฟันกรอดๆ ลุกขึ้นยืน เดินไปข้างกายเนี่ยหลี ยืนกับเนี่ยหลี เนี่ยหลีพูดเพื่อพวกเขาลูกชาวบ้านจึงต้องถูกเสิ่นซิ่วทำโทษ เขาจึงสมควรยืนกับเนี่ยหลี
เห็นตู้เจ๋อลุกขึ้นไปยืนกับเนี่ยหลี ดวงตาเสิ่นซิ่วดูอึมครึม ส่งเสียงฮึมฮัมพูดว่า “ในเมื่อเ้าชอบยืน ถ้าอย่างนั้นก็ยืนกับมันไปเถอะ!”
เนี่ยหลีและตู้เจ๋อมองกันด้วยสายตาแสดงไมตรีจิตต่อกันและก็พลันส่งยิ้มให้แก่กัน ยามนี้เนี่ยหลีรู้สึกเหมือนได้กลับไปยังชีวิตชาติก่อนของตน ยามที่มันมีตู้เจ๋อเป็เพื่อนที่ดีที่สุด ตู้เจ๋อก็ยังคงเป็ตู้เจ๋อ
เมื่อตู้เจ๋อลุกขึ้นไปยืนข้างเนี่ยหลี ลู่เพียวครุ่นคิดแล้วลุกขึ้นไปยืนข้างเนี่ยหลี
“ทำไมเ้าต้องมายืนด้วยคนเล่า?” เนี่ยหลีจ้องมองลู่เพียวแล้วยิ้ม
ลู่เพียวยักไหล่ “นั่งเฉยๆ น่าเบื่อจะตาย ข้ารู้สึกว่ามายืนอยู่ตรงนี้ก็ดูองอาจดี เ้าว่าไหม?”
“ฮ่าๆๆ ตามสบาย!” เนี่ยหลีหัวเราะ ลู่เพียวก็ยังคงเป็ลู่เพียวเหมือนแต่ก่อน แม้จะพูดมากขี้โม้ แต่มีความซื่อสัตย์ยิ่งนัก การทำโทษนี้อันที่จริงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับลู่เพียวเลยแม้แต่น้อย แต่เขากลับถือว่าเนี่ยหลีเป็เพื่อน และเพื่อนก็ควรร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน
และยังมีลูกชาวบ้านลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างเนี่ยหลีอีกสามคน เนี่ยหลีมาจากครอบครัวขุนนาง แต่เขายอมเสี่ยงถูกไล่ออกจากโรงเรียนพูดเพื่อพวกเขา พวกเขาต่างรู้สึกซาบซึ้งใจกับเื่นี้ ดังนั้นจึงรู้สึกว่าพวกตนควรสนับสนุนเนี่ยหลี
มีพี่น้องเหล่านี้มาอยู่ด้วย เนี่ยหลีรู้สึกไม่เลว จิตใจก็รู้สึกเป็สุขนัก
เมื่อนางเห็นเช่นนี้ สีหน้าเสิ่นซิ่วยิ่งดูไม่ได้เลย นางทำหน้าเ็าสอนแล้วต่อไป
“หลังการทดสอบ ในบรรดานักเรียนทั้งหมดของชั้นนี้ เยี่ยจื่ออวิ๋นมีอาณาเขติญญาสีฟ้า มีพลังิญญาแปดสิบหกจุด เสิ่นเยวี่ยกับเซียวหนิงเอ๋อมีอาณาเขติญญาสีเขียว มีพลังิญญาเจ็ดสิบแปดจุด อีกไม่นานพวกเ้าก็จะสามารถก้าวถึงระดับทองแดงหนึ่งดาวแล้ว ยินดีกับพวกเ้าด้วย!” เสิ่นซิ่วเอ่ยพร้อมยิ้มบาง สายตาเหยียดหยามชำเลืองมองไปทางเนี่ยหลี นี่ถึงจะเป็อัจฉริยะอย่างแท้จริง!
ได้ยินคำพูดของเสิ่นซิ่ว พวกนักเรียนในชั้นพากันอุทานด้วยความแปลกใจ อาณาเขติญญาสีฟ้า พลังิญญาแปดสิบหกจุด! ชั้นเรียนของพวกเขามีนักเรียนเก่งกาจปานนี้ ด้วยพร์ระดับนี้ ในชีวิตนางย่อมมีโอกาสที่จะได้กลายเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับตำนานผู้หนึ่งอย่างแน่นอน
สำหรับเสิ่นเยวี่ยและเซียวหนิงเอ๋อ ต่างก็มีพร์ที่โดดเด่นเช่นกัน อนาคตข้างหน้าย่อมจะประสบกับความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน
เยี่ยจื่ออวิ๋นผู้นี้เป็ลูกบ้านไหนก็ไม่อาจทราบได้ รูปโฉมสะคราญต้องตาผู้คน พร์โดดเด่น ฐานะลึกลับ ทำให้นางกลายเป็ดาวเด่นที่สุดในชั้น ส่วนเซียวหนิงเอ๋อ นางก็เป็สตรีงดงามนางหนึ่งเช่นกัน รูปโฉมไม่ด้อยไปกว่าเยี่ยจื่ออวิ๋น แม้พร์จะอ่อนกว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกันก็ตาม
ไม่ว่าอย่างไร ทั้งสองนับว่าโดดเด่นเหนือคนทั่วไป!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้