ขณะที่บุรุษชุดแดงเดินผ่านมู่จื่อหลิงไป จู่ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าอย่างฉับพลัน ชายหนุ่มหันศีรษะมา เหลือบมองมู่จื่อหลิงเล็กน้อย
มู่จื่อหลิงก็กำลังมองเขาอยู่เช่นกัน ทั้งสองคนสบตากันสองวินาที บุรุษผู้นั้นถอนสายตากลับไปก่อนหนึ่งก้าว ก่อนจะก้าวเท้าจากไป
มู่จื่อหลิงมองแผ่นหลังไกลๆ นั้นจนหายไปจากครรลองสายตา ถึงจะได้สติกลับคืนมา
บุรุษเมื่อครู่นั้นแม้จะสวมหน้ากากทำให้มองเห็นใบหน้าได้ไม่ชัดเจน ทว่ามู่จื่อหลิงสังเกตได้ถึงแววตากระจ่างที่ปราดเปรียวของเขา รู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย
เหมือนเคยเห็นที่ใด?
ทว่านางเพิ่งทะลุมิติมาได้ไม่กี่วัน วันนี้เป็ครั้งแรกที่ออกจากเรือน จะมีโอกาสไปพบบุคคลลึกลับเช่นนี้ได้ที่ใดกัน
แต่ดูจากท่าทางลึกลับของคนผู้นี้แล้ว คาดว่าเื่ซื้อร้านจากมือเขาคงยากแล้ว ในเมื่อที่นี่ซื้อไม่ได้ก็ไปซื้อที่อื่น
“ไปเถิด” มู่จื่อหลิงไม่คิดอะไรอีก หันไปกล่าวกับพวกหลงเซี่ยวเจ๋อแล้วลงจากหอสุรา
ระหว่างทางกลับไปยังจวน ขณะที่เดินผ่านสะพาน ก็มีเสียงร้องขอความช่วยเหลือดังลอยมา “ช่วยด้วย ช่วยด้วย!”
มู่จื่อหลิงมองไปยังแหล่งต้นกำเนิดของเสียง ดูเหมือนว่าจะมีคนตกลงไปในน้ำ จึงกล่าวกับพวกหลงเซี่ยวเจ๋อว่า “ไป พวกเราไปดูว่าเกิดเหตุใดขึ้น”
เมื่อพวกเขาเข้าไปดูใกล้ๆ พบว่ามีคนตะเกียกตะกายอยู่ในแม่น้ำใต้สะพานจริงดังคาด ด้านข้างมีผู้คนล้อมรอบถกเถียงกันอยู่ แต่กลับมิมีผู้ใดกล้าลงไปช่วยสักคน
มู่จื่อหลิงเห็นดังนั้น ไม่พูดพร่ำทำเพลง นางถอดเสื้อคลุมออก แล้วโยนไปให้เสี่ยวหานทันที
ตูม! นางะโลงไปในแม่น้ำ ว่ายไปข้างกายผู้ตกน้ำอย่างรวดเร็ว แล้วลากนางขึ้นมายังฝั่ง
“นายน้อย!”
“พี่สะใภ้สาม!” เสี่ยวหานและหลงเซี่ยวเจ๋อร้องะโอย่างหวาดกลัว ทั้งสองคนล้วนถูกการกระทำนี้ของมู่จื่อหลิงทำให้อกสั่นขวัญแขวน นางะโลงไปในน้ำด้วยเหตุใด
กระทั่งมู่จื่อหลิงช่วยผู้ที่ตกน้ำขึ้นมาบนฝั่งได้ พวกเขาจึงค่อยได้สติกลับคืนมา เสี่ยวหานวิ่งร้องไห้เข้ามาหา “ฮึกๆ นายน้อย ท่านทำให้บ่าวใจนหัวใจจะวายตายแล้วเ้าค่ะ”
“พี่สะใภ้สาม เหตุใดท่าน...” สีหน้าหลงเซี่ยวเจ๋อเองก็หวั่นใจ
“ข้าไม่เป็ไร ช่วยนางก่อน” มู่จื่อหลิงตัดบทเขา
เมื่อมองไปยังผู้ที่นางช่วยขึ้นมา เป็เด็กสาวอายุราว 15-16 ปี มู่จื่อหลิงยื่นมือไปอังจมูกนาง ก็พบว่าไม่มีลมหายใจแล้ว นางจึงตัดสินใจกู้คืนชีพจรของเด็กสาวทันที มือน้อยตบไปที่บริเวณหัวใจของเด็กสาวอย่างมีจังหวะสองสามครั้ง
ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง? นางไม่กล่าวสิ่งใดอีก กดลงไปบริเวณหน้าอกเด็กสาว
ขณะนั้นเองผู้ที่ร้องขอความช่วยเหลือเมื่อครู่นี้ก็วิ่งเข้ามา นางเห็นมู่จื่อหลิงกำลังใช้มือทุบตีคุณหนูของตนไม่หยุด เวลานี้กำลังจะกดอย่างแรงอีก จึงรีบเข้าไปยับยั้ง “หยุดมือนะ เ้าจะทำอันใดคุณหนูของข้า”
ยามนั้นมู่จื่อหลิงไม่มีเวลามาอธิบาย จึงเหลือบไปมองคนผู้นั้น กล่าวด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดว่า “ถ้าไม่อยากให้นางตายก็หุบปากไปเสีย”
พูดจบก็กดลงไปบริเวณหน้าอกเด็กสาวต่อ จากนั้นก็เชยคางเด็กสาวขึ้นเพื่อเตรียมผายปอด
สาวใช้ที่เข้ามายับยั้งผู้นั้นถูกมู่จื่อหลิงตวาดใส่ก็ใ ไม่กล้ากล่าววาจาอีก
หลงเซี่ยวเจ๋อและฝูงชนมองการกระทำของมู่จื่อหลิงอย่างใ
“เหตุใดคุณชายผู้นั้นทุบตีคนแล้ว เวลานี้ยังจะจุมพิตนางอีกเล่า”
“นั่นน่ะสิ ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ยังกล้าจับมั่วซั่วอีก”
“ช่างไม่มีความละอายเสียจริง”
......
ผู้คนพากันวิพากษ์วิจารณ์ ชี้มือชี้ไม้ไปที่มู่จื่อหลิง
“พี่สะใภ้สามกำลังทำสิ่งใดกัน ช่วยคนเหตุใดต้องทุบตีนางด้วย เวลานี้ยังดูเหมือน้าจะจูบคนผู้นั้นอีก” หลงเซี่ยวเจ๋อกระซิบกระซาบด้วยท่าทางเลื่อนลอย
“นายน้อย...” สีหน้าของเสี่ยวหานเองก็ฉายแววไม่เข้าใจ เวลานี้สวมเสื้อผ้าเยี่ยงบุรุษ เหตุใดจึงได้ทำเ้าชู้ใส่สตรีต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ จึงนึกอยากห้ามปรามนาง
“แค่กๆ” เด็กสาวบนพื้นฟื้นขึ้นมา สำลักน้ำออกไปสองครั้ง แล้วค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น
เมื่อเห็นมู่จื่อหลิงตรงหน้าอยู่ห่างจากนางเพียงครึ่งนิ้วมือก็ใ ใช้มือผลักมู่จื่อหลิงออกอย่างแรง บุรุษผู้นี้้าทำสิ่งใดกัน
เด็กสาวร้องออกมาอย่างใ “ออกไปนะ ไอ้อันธพาล!”
มู่จื่อหลิงมิได้ป้องกันจึงซวนเซ ถูกนางผลักจนล้มลงกับพื้น
“นายน้อย” เสี่ยวหานรีบวิ่งเข้ามาพยุงมู่จื่อหลิงไว้ แล้วกล่าวกับเด็กสาวบนพื้นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “ท่านนี่ยังไงกันแน่ นายน้อยเรือนข้าช่วยชีวิตท่านไว้ ท่านผลักเขาด้วยเหตุใด”
“เสี่ยวหาน ข้าไม่เป็ไร” มู่จื่อหลิงกุมมือเสี่ยวหาน แสดงท่าทีให้นางใจเย็นลง
สาวใช้ของเด็กสาวเห็นเด็กสาวฟื้นขึ้นมา จึงย่อตัวลงไปพยุงนางขึ้น “คุณหนู ท่านเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ เมื่อครู่คุณชายผู้นี้ช่วยท่านเอาไว้”
สาวใช้ชี้ไปทางมู่จื่อหลิงที่กำลังสวมเสื้อคลุม รู้แล้วว่าเมื่อครู่นี้มู่จื่อหลิงพยายามช่วยชีวิตคุณหนูของตนจริงๆ แต่เหตุใดเพิ่งจะทุบตีคุณหนูไปแล้วยังอยากจะทำเ้าชู้ใส่นางอีก จึงมองไปที่มู่จื่อหลิงด้วยสีหน้าอันแปลกประหลาด
หญิงสาวส่ายศีรษะกล่าวว่า “ตงเอ๋อร์ ข้าไม่เป็ไร”
นางมองผู้ที่ช่วยนางไว้ แม้เพิ่งจะโมโหไป แต่ก็รู้สึกว่าคนผู้นี้แปลกประหลาดนัก
ผู้อื่นคงมิทันสังเกต แต่นางพบว่าตอนที่ผลักเขาออกนั้น รู้สึกว่าหน้าอกเขาแปลกพิกล คนผู้นี้เป็สตรีชัดๆ
หากเมื่อครู่เป็การคาดเดา ตอนนี้ก็เป็ที่แน่นอนแล้ว!
เนื่องจากขณะที่มู่จื่อหลิงยังไม่สวมเสื้อคลุมตัวนอก นางก็เห็นว่าอาภรณ์ที่เปียกชื้นของมู่จื่อหลิงนั้นแนบสนิทกับด้านใน จึงมองเห็นอย่างเลือนรางได้ว่าบริเวณหน้าอกมีผ้าขาวรัดไว้ ทั้งยังเห็นต่างหูสองข้างของสาวใช้ตรงหน้า
“เมื่อครู่ข้าต้องขออภัยด้วย เข้าใจท่านผิดเสียแล้ว ขอบคุณท่านที่ช่วยชีวิตข้า” แม้หญิงสาวจะแปลกใจว่าเหตุใดสตรีตรงหน้าแต่งตัวเป็บุรุษ รวมถึงเมื่อครู่ที่ทำเ้าชู้ใส่นางด้วยเหตุใดกันแน่
แต่พอระลึกได้ว่าอีกฝ่ายเป็สตรี นางจึงไม่เก็บมาใส่ใจอีก กอปรกับคิดว่าที่ผู้ช่วยชีวิตนางแต่งตัวเป็บุรุษอาจมีเหตุผลบางอย่าง ไม่เปิดโปงจะเป็การดีกว่า
มู่จื่อหลิงมิได้สะกิดใจกับวาจาของนางนัก และถูกท่าทางชี้ไม้ชี้มือของผู้คนโดยรอบดึงความสนใจไปเสียแล้ว
จนถึงตอนนี้จึงพบว่าเวลานี้ตนยังเป็บุรุษ เมื่อครู่เพื่อช่วยชีวิตคนแล้วจึงมิได้คิดอะไรมากมาย ทว่าสิ่งที่ผู้คนเห็นกลับเป็นางลูบคลำหน้าอกของสตรีผู้หนึ่งไปมา ทั้งยังเกือบจะจูบเข้าให้ด้วย
แม้กล่าวว่าตนเองทำเพื่อช่วยชีวิตคน ตนนั้นมิได้คิดสิ่งใด ทว่าการทำเ้าชู้ลวนลามหญิงสาวต่อหน้าคนโบราณที่คร่ำครึกลุ่มหนึ่งนั้นคงไม่ดี รีบเผ่นก่อนดีกว่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้