เวินซีเข้าใจความหมาย จึงเดินลงบันไดไปเพื่อพูดคุยกับขอทานเป็การส่วนตัว
“คุณหนูเวินซี เมื่อครู่มีกลุ่มคนออกมาจากตระกูลเวินคอยดักซุ่มตามถนนที่พวกท่านกำลังจะกลับร้านเครื่องหอมขอรับ ข้านับดูแล้วอย่างน้อยๆ พวกเขามีกันยี่สิบกว่าคนเลยขอรับ”
ขอทานลดเสียงลง ขณะที่พูดก็เหลือบมองโจวอวี่ชางอยู่หลายคราเพราะเกรงว่าเขาจะได้ยิน
เวินซีเลิกคิ้วด้วยสีหน้าทีเล่นทีจริง “เหตุใดเ้าถึงบอกข้า?”
“คุณหนูเวินซีข้า... ข้า... ข้าอยากจะติดตามท่าน ให้ท่านเป็เ้านายของข้า”
ขอทานยอมรับอย่างอ้ำอึ้ง
เวินซีจำได้ว่าตอนแรกที่นางไปหาคนรับใช้ในหมู่พวกเขา เขาเห็นว่านางเป็สตรีจึงมิได้ใส่ใจ
แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาได้เดินผ่านร้านหม้อไฟของเวินซี เห็นเพื่อนที่เคยเป็ขอทานด้วยกันไม่เพียงแค่ทานอิ่มหรือมีเสื้อผ้าสวมใส่ แต่ยังมีที่อยู่อาศัยด้วย เขานึกเสียใจเป็อย่างยิ่งจึงคอยจับตาดูตระกูลเวินไว้ เผื่อจะมีโอกาสได้รายงานเวินซี คิดไม่ถึงเลยว่าโอกาสจะมาถึงเร็วเช่นนี้
“ข้ามีคนรับใช้มากเพียงพอแล้ว ไม่้าคนเพิ่ม แต่เ้ารับสิ่งนี้ไป”
เวินซีถอดปิ่นปักผมบนศีรษะออกมาให้ขอทาน “สิ่งนี้แลกเป็เงินได้สองตำลึง”
“ขอบพระคุณคุณหนูเวินซีขอรับ ขอบพระคุณคุณหนู”
ขอทานรับปิ่นปักผมและกำลังจะคุกเข่าลงบนพื้น แต่เวินซีก็ห้ามไว้
“่นี้เ้าอย่าได้มาที่ตระกูลเวินอีก เื่ในวันนี้ที่เ้าบอกข้า หากคนตระกูลเวินรู้เข้า เ้าจะมีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน”
“คุณหนูเวินซีวางใจเถิดขอรับ ข้าเข้าใจ เช่นนั้นข้าไปก่อนนะขอรับ ขอบพระคุณมากขอรับ”
ขอทานเดินออกไปพลางทำมือเป็การเคารพ
เวินซีละสายตาออกมาจากเขาแล้วมองไปที่ประตูใหญ่
“น้อง เ้าพูดอันใดกันน่ะ?” โจวอวี่ชางเห็นท่าทีของขอทานก็รู้สึกสงสัย
“ขอทานรู้ว่าข้ามีเงิน จึงขอให้ข้ารับเขาไว้ทำงานน่ะเ้าค่ะ ทั้งคุกเข่าและรบเร้าข้า ข้าทำอันใดมิได้ จึงทำได้เพียงมอบปิ่นปักผมให้เขาไป”
เวินซีพูดอย่างไม่มีพิรุธใดๆ
“จริงสิ ท่านพี่ วันนี้น้องรู้สึกอ่อนล้า คิดไปคิดมาหากอยู่พักผ่อนที่ตระกูลเวินสักคืนจะดีกว่า วันพรุ่งน้องค่อยกลับ ท่านพี่คงไม่รังเกียจใช่หรือไม่เ้าคะ?”
“น้องอยากจะอยู่ที่นี่ พี่ย่อมดีใจ น้องรีบเข้ามาเถิด”
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เวินซีถึงอยากค้างที่นี่ แต่ในเมื่อนางอยากจะอยู่ต่อ โจวอวี่ชางจึงรีบรับปากโดยพลัน
เขาให้เวินซีกับจ้าวต้านไปพักที่ห้องรับรองแขก จากนั้นสั่งคนรับใช้อีกสองสามคำแล้วจึงออกไป
ภายในห้อง เวินซีจุดตะเกียงและลงกลอนประตูหน้าต่างอย่างแ่า จากนั้นไปนั่งอยู่ข้างเตียง ฟังเสียงการเคลื่อนไหวจากบนหลังคาอย่างจดจ่อ ส่วนจ้าวต้านก็นั่งอยู่ข้างนางโดยไม่เอ่ยอันใด
เสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นทำให้รู้ว่าคนเ่าั้ออกไปแล้ว เวินซีจึงโล่งใจ
“จ้าวต้าน ท่านเป็คนจากเมืองหลวง ท่านรู้จักคุณชายซูที่อยู่ในงานเลี้ยงวันนี้หรือไม่?”
เมื่อนึกถึงบุรุษผู้นั้น เวินซีก็ขมวดคิ้วแน่น พวกคนที่ดักซุ่มอยู่น่าจะเป็คนที่คุณชายซูส่งออกไป
“ข้าออกจากเมืองหลวงมานานแล้ว นอกจากคนเก่าๆ ข้าก็ไม่รู้จักผู้ใด บุรุษผู้นั้นน่าจะเป็องครักษ์ที่ถูกย้าย คิดว่าน่าจะเป็คนของฮ่องเต้แน่ จ้าวซานกำลังตราวสอบอยู่ ไม่นานคงได้ความ”
จ้าวต้านย้อนนึกไปในความทรงจำ แต่ก็จำมิได้ว่าที่เมืองหลวงมีผู้ใดที่ชื่อซู บางทีบุรุษผู้นี้อาจจะใช้ชื่อปลอม
“เขาร่วมมือกับเวินเยียน เกรงว่าต่อไปจะยิ่งหาเื่เรา คืนนี้พวกเขาไม่มีเวลามาสนใจเรา เราก็พักผ่อนให้สบายก่อนเถิด”
เวินซีนอนลงบนเตียงแล้วหลับตาลง นางขยับเข้าไปด้านในเล็กน้อยทำให้เหลือพื้นที่ว่าง จ้าวต้านยิ้มพลันนอนลงข้างๆ นาง
ในห้องหนึ่งของตระกูลเวินมีแสงไฟส่องสว่าง ธูปหอมส่งกลิ่นหอมอบอวลอยู่ตลอด
เวินเยียนนอนอยู่บนเตียง นางถอดเสื้อผ้าของตนเองออก ใช้มือเข้าไปเกี่ยวคอของคุณชายซู พลันแนบตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
ไม่คิดเลยว่านางจะรุกขนาดนี้ คุณชายซูยิ้ม พลางถอดเสื้อผ้าของตนเองออกเช่นกัน
“ขอบพระคุณคุณชายซูที่ช่วยข้าไว้เ้าค่ะ หากมิได้คุณชายซู เวินเยียนคงจะตายอยู่ในคุกเสียแล้ว”
“เื่เล็กน้อยน่า ข้าจะยอมให้สตรีงามตายอยู่ในคุกได้เช่นไรกัน”
มือของคุณชายซูลูบคลำไปทั่วร่างของเวินเยียนอย่างรีบร้อน
เวินเยียนส่งสายตายั่วยวนแล้วจับมือของเขาไว้ “คุณชายซูต้องรับปากข้าสองเื่เ้าค่ะ”
“ว่ามาเถิด” เมื่อความปรารถนาพลุ่งพล่าน เขาก็รีบเอ่ยปาก
“เื่แรกคือเวินเยียนมิเคยมีบุรุษคนใดมาก่อนนอกจากคุณชายซู หากวันนี้เวินเยียนได้มอบเรือนร่างให้คุณชายแล้ว คุณชายจะต้องรับผิดชอบเวินเยียนนะเ้าคะ”
“ส่วนเื่ที่สอง เวินเยียนอยากจะได้ชีวิตของเวินซีมาเป็ของกำนัล”
“ได้ๆๆ ข้าสัญญากับเ้า”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคุณชายซูดีกับเวินเยียนที่สุด”
ในเวลาต่อมาก็มีเสียงครวญครางบาดหูดังออกมาจากภายในห้อง พวกเขามิได้อดกลั้นเสียงแต่อย่างใด คนรับใช้ที่เดินผ่านไปมาก็ก้มหน้า ทำเป็ไม่ได้ยินหรือมีเื่ใดเกิดขึ้น
ในวันที่สอง เวินซีตื่นขึ้นก็ไปที่โถงหน้าเพื่อกล่าวลา เวินอวิ๋นโปแทบจะทนเห็นนางมิได้จึงให้พวกเขากลับออกไปโดยเร็ว มิได้ยื้อให้นางอยู่ต่อสักนิด
รถม้าของร้านเครื่องหอมมาจอดอยู่ที่ประตู ในตอนที่เวินซีและจ้าวต้านออกจากจวนไป คนของตระกูลเวินก็แสร้งทำเป็ออกมาส่งพวกเขา
เวินซีกวาดตามองแต่ไม่เห็นเวินเยียน ในใจก็ยิ้มร่าจนตนเองต้องหยุดเดิน
“มีอันใดหรือ? ลืมของอันใดหรือ?” โจวอวี่ชางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เปล่าเ้าค่ะ ข้าเพียงนึกได้ว่าไม่กี่วันก่อนข้าได้ทำของขวัญให้เวินเยียนไว้ที่ร้านเครื่องหอม แต่กลับลืมพกมาด้วย”
“เช่นนั้นข้าจะกลับไปกับเ้า แล้วนำกลับมา” โจวอวี่ชางเอ่ยโดยมิได้คิดมาก
“ของสิ่งนี้พิเศษมากเ้าค่ะ ท่านพี่ให้เวินเยียนไปเอาเองเถิด แต่หากเวินเยียนไม่สะดวกก็ไม่เป็ไรเ้าค่ะ” เวินซีกล่าว พลางนึกบางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยต่อ
“เมื่อคืนข้าได้ยินข่าวลือที่ไม่ดีเกี่ยวกับนาง หากนางไม่ออกมา เช่นนั้นข่าวลือคงจะกลายเป็เื่จริง”
“ให้คนไปเรียกเวินเยียนมา” ข่าวลือนั้นเขาเองก็ได้ยินมาเช่นกัน โจวอวี่ชางขมวดคิ้วพลันพูดกับคนรับใช้
คนรับใช้จึงรีบวิ่งเข้าไปในเรือน
ฮูหยินใหญ่เวินมีสีหน้าเขียวปั๊ด แต่เพราะมีโจวอวี่ชางอยู่ด้วยจึงทำอันใดมิได้ นอกจากจ้องเวินซีเขม็ง
เวินเยียนกับเวินซีไม่เคยลงรอยกัน เช่นนี้แล้วจะมีของขวัญอันใดให้ นางสงสัยว่าเวินซีจะรู้บางอย่างและจงใจกุเื่ขึ้นมาเสียมากกว่า
แต่เมื่อนึกถึงเื่ที่เวินเยียนทำเมื่อคืน นางก็หนักใจ หากมิใช่ว่าคุณชายซูเป็ผู้มีอำนาจ นางก็คงไม่ยอมปิดปากเงียบ
เวินเยียนวิ่งออกมาพร้อมกับคนรับใช้อย่างรวดเร็ว นางมีสีหน้าโกรธเคือง หลังจากที่เคารพผู้ใหญ่แล้วก็ไปยืนอยู่ข้างหน้าเวินซี
“ได้ยินว่าน้องได้เตรียมของขวัญไว้ให้ข้าหรือ? ข้าล่ะแปลกใจยิ่งนัก สงสัยจริงๆ ว่ามันคือสิ่งใด น้องสามารถบอกได้หรือไม่?”
“ไปกับข้าก็จะรู้เองเ้าค่ะ”
เวินซีเปิดม่านรถม้า พลันทำท่าเชิญนาง
เวินเยียนไม่กล้าขยับเขยื้อน โจวอวี่ชางจึงต้องเดินไปข้างๆ “มีอันใดหรือน้องพี่?”
เขาพยายามหาโอกาสให้ทั้งสองคนได้ปรับความเข้าใจกันมาโดยตลอด ยามนี้ถือเป็โอกาสที่ดีมาก
“ไม่มีอันใดเ้าค่ะ”
“เช่นนั้นก็ขึ้นรถเถิด” โจวอวี่ชางก้าวนำไปข้างหน้า
สีหน้าของเวินเยียนดำมืดอย่างเห็นได้ชัด ในแววตาเต็มไปด้วยความอาฆาต
หากมิต้องใช้ชื่อเสียงของโจวอวี่ชางเพื่อทำให้ตระกูลเวินกลับมารุ่งเรืองอีกครา นางจะยอมให้เขามีอำนาจได้เช่นไร
“น้อง เป็อันใดไป? รีบขึ้นมาสิ” โจวอวี่ชางมองกลับมา
“เ้าค่ะ” เวินเยียนจึงเดินตามและขึ้นรถไป ทั้งสองอยู่ในรถคันเดียวกัน ส่วนเวินซีและจ้าวต้านอยู่ในรถอีกคัน
ในรถม้า เวินซีแอบเปิดหน้าต่างสังเกตดูด้านนอก
นักฆ่าที่ดักซุ่มอยู่บนชายคาไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ เพราะเกรงว่าจะทำให้เวินเยียนมีอันตราย จึงทำได้เพียงมองดูพวกเขานิ่งๆ
เวินซีเห็นดังนั้นก็ขยับยิ้มพลางละสายตาออก หากเวินเยียนรู้ว่าถูกเวินซีใช้ให้เป็ประโยชน์คงจะโกรธเป็ฟืนเป็ไฟแน่
จ้าวต้านขยับเข้าไปใกล้เวินซี เขากลัวว่านางจะโกรธจึงคอยระวังการกระทำของตนอยู่ตลอด
ในเวลาต่อมา รถม้าหยุดลงที่หน้าร้านเครื่องหอมอย่างรวดเร็ว เวินซีลงมาจากรถและเข้าไปในร้าน
เื่ของขวัญเป็เพียงข้ออ้าง นางจะเตรียมไว้ได้เช่นไร นางไม่มีของขวัญที่จะให้ สุดท้ายจึงหยิบเพียงผ้าที่อยู่ข้างๆ ส่งให้เวินเยียน
เมื่อเห็นว่าเป็ผ้า เวินเยียนก็พลันหน้าเหม็นและกลับขึ้นรถม้าโดยมิได้หยิบมันมาด้วย โจวอวี่ชางเห็นดังนั้นจึงเดินตามนางออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้