เมื่อหยวนเป่าเห็นฮวาเหยียนมีท่าทางเหม่อลอยขึ้นมาอีกครั้ง เขาก็ถอนหายใจอย่างจนใจออกมาหนึ่งครา ท่านแม่คนนี้ของเขา ช่างทำให้เ็ปใจเสียจริง
“หยวนเป่า เ้ายังจำได้หรือไม่ว่าเหตุใดพวกเราถึงออกมาจากหุบเขากัน? ”
หลังจากที่ฮวาเหยียนดึงสติกลับมาได้ จู่ๆ นางก็ถามหยวนเป่าขึ้นมา
เมื่อได้ยินคำถามนี้ หยวนเป่าพลันเผยท่าทางอึดอัดใจ “ท่านแม่บอกว่าหยวนเป่าเป็ลูกหลานของตระกูลสูงศักดิ์ ท่านอ๋องหลู่หนานแห่งต้าโจวนั้นเป็ท่านตาของหยวนเป่าใช่หรือไม่ขอรับ? พวกเรากลับไปเพื่อทำความรู้จักกับเหล่าบรรพบุรุษและกลับสู่ตระกูลขอรับ”
“ใช่ แล้วยังมีสิ่งใดอีก? ”
“ยังมีอีก พวกเราออกมาเพื่อตามหาบิดาของหยวนเป่าขอรับ”
“อืม”
ฮวาเหยียนพยักหน้า หยวนเป่ามีท่าทีอึดอัดใจยิ่งนัก เกี่ยวกับเื่วงศ์ตระกูลสูงศักดิ์กับเื่ท่านพ่อที่เขาไม่เคยพบหน้า หยวนเป่าไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อท่านพ่อเลยแม้แต่นิด เขาชอบชีวิตที่อยู่กับท่านแม่แล้วก็ท่านอาจารย์ในหุบเขามากกว่า ท่านแม่สอนการต่อสู้ให้เขาเพื่อฝึกฝนร่างกายให้แข็งแรง ส่วนท่านอาจารย์ก็สอนทักษะการแพทย์ให้เขาเพื่อช่วยคนตายประคองคนเจ็บ อีกทั้งในหุบเขายังมีเสี่ยวฮวากับเสี่ยวไป๋ด้วย
แต่ว่า
เขารู้ว่าตนเองไม่สามารถที่จะอยู่ในหุบเขาตลอดไปได้
เพราะร่างกายของเขาซูบผอมอีกทั้งยังอ่อนแอและหนาวสั่น สี่ปีมานี้ท่านแม่เสาะแสวงหายาไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้กับเขา แต่เพราะความสามารถในการค้นหาที่มีขีดจำกัด หากได้กลับไปอยู่ในตระกูลสูงศักดิ์ ย่อมค้นพบยาที่ล้ำค่าและมีชื่อเสียงได้มากมายและง่ายดายกว่า ท่านแม่ก็จะได้ไม่ต้องเหนื่อยถึงเพียงนั้นอีก
ยิ่งไปกว่านั้น หากหาบิดาของเขาเจอแล้วเอาเืมาทำโอสถ ก็จะสามารถยืดชีวิตเขาให้ยาวนานขึ้นด้วย
“เด็กดี”
ฮวาเหยียนลูบหัวหยวนเป่า ในใจกลับปฏิญาณว่าต้องหาบุรุษผู้นั้นของมู่อันเหยียนที่หลับใหลไปแล้วให้เจอให้จงได้ แม้ว่าเขาจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พวกเราต้องได้เืของเขามา หยวนเป่าต้องไม่เป็อันใดไปเด็ดขาด
ส่วนตระกูลมู่... ก็จำเป็ต้องกลับไป ที่นั่นต่างหากที่เป็ญาติที่แท้จริงของหยวนเป่า ยิ่งไปกว่านั้นมีเพียงแค่การหวนคืนสู่ตระกูลมู่เท่านั้น ถึงจะสามารถหาเงื่อนงำเกี่ยวกับเ้าของจี้หยกจนสามารถค้นหาท่านพ่อของหยวนเป่าได้
“ท่านแม่ ท่านพูดเองว่าเมื่อสี่ปีก่อนเกิดอุบัติเหตุตกจากหน้าผา ท่านสูญเสียความทรงจำจึงจำไม่ได้ว่าท่านพ่อของหยวนเป่าเป็ผู้ใด แล้วพวกเราจะไปหาเขาได้จากที่ใดกันเล่าขอรับ? ”
หยวนเป่าเผยสีหน้ากลัดกลุ้ม ทว่าแท้จริงแล้วเขากลับไม่ได้สนใจเื่การหาบิดาของตนเองเลย
ฮวาเหยียนกระแอมไอ ก่อนจะกะพริบตาอย่างไม่เป็ธรรมชาติ หยวนเป่าน้อยฉลาดยิ่งนัก คำถามมากมายจนบางครั้งนางเองตอบไม่ได้ สุดท้ายจึงสร้างเื่ว่าตนเองตกหน้าผาขึ้นมาจนสูญเสียความทรงจำไป อย่างไรก็ต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปก่อน ฮวาเหยียนคิดมาอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว แม้จะได้กลับสู่จวนตระกูลมู่ ทว่านางก็มิอาจเปิดเผยตัวตนของตัวเองได้ หากให้คนอื่นล่วงรู้ว่านางไม่ใช่มู่อันเหยียนตัวจริง ทั้งยังตกลงมาจากฟากฟ้าในอีก่เวลาหนึ่ง เกรงว่าพวกเขาคงจะกล่าวหาว่านางเป็มือสังหารผู้ชั่วร้ายแทน
“ลูกรัก เ้าไม่ต้องทุกข์ใจไป แม่มีวิธีตามหาเขา หลังจากที่พบเขาแล้ว เ้าแค่ต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อก็พอ”
ฮวาเหยียนตอบ
“เฮอะ ไม่ชอบเลยสักนิด แค่เอาเืมาก็พอแล้ว”
หยวนเป่าน้อยบ่นพึมพำเสียงเบา
“ลูกรัก เ้าพูดอะไรหรือ? ”
“ข้าไม่ได้พูดอันใดขอรับ”
หยวนเป่าส่ายหัว
“เช่นนั้นก็รีบกินดอกบัวพันปีได้แล้ว กินจนตกถึงท้องถึงจะเรียกได้ว่าเป็ของตนเอง อย่ายื้อเวลาจนอาจจะเพิ่มปัญหาอีกเลย”
ฮวาเหยียนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานดอกบัวพันปี นางรีบหยิบมันออกมาจากกล่องก่อนจะยื่นไปตรงหน้าของหยวนเป่า ดอกบัวพันปีนั้นเมื่อถูกนำออกมาจากกล่อง กลีบดอกก็จะค่อยๆ หุบกลับ ดังนั้นจำเป็ที่จะต้องรีบทานทันที หยวนเป่าเองก็ทราบข้อนี้ดี
“ท่านแม่กินครึ่งหนึ่ง หยวนเป่ากินอีกครึ่ง มิเช่นนั้นก็ปล่อยให้ดอกบัวพันปีย่อยสลายหายไปเถิดขอรับ”
หยวนเป่าฉีกดอกบัวออกครึ่งหนึ่ง ก่อนส่งให้ฮวาเหยียน ท่าทีของเขาดื้อรั้นหัวแข็งยิ่งนัก ท่าทางแสดงออกอย่างชัดเจนว่าหากฮวาเหยียนไม่กิน เขาเองก็จะไม่กินเป็อันขาด
ฮวาเหยียนถอนหายใจ เด็กคนนี้ช่างดื้อเสียจริง หากนางไม่กิน เด็กคนนี้ก็จะไม่กินเด็ดขาด
“แม่กินสองกลีบ หยวนเป่ากินห้ากลีบ”
“ท่านแม่กินสี่กลีบ หยวนเป่ากินสามกลีบ”
สีหน้าของฮวาเหยียนเริ่มบูดบึ้ง “หยวนเป่า หากเ้ายังต่อรองอีก แม่จะโกรธแล้วนะ จะไม่กินเลยสักกลีบ”
หยวนเป่าหมุนดวงตาไปมา เห็นใบหน้าของฮวาเหยียนมืดครึ้มลงแล้วจริงๆ รู้แล้วว่าท่านแม่เริ่มทนไม่ไหวแล้ว เด็กน้อยจึงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ขอรับ ขอรับ ท่านแม่กินสองกลีบ หยวนเป่ากินห้ากลีบ”
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้กินคนเดียว ดอกบัวพันปีนี้เป็โอสถชั้นเลิศ ท่านแม่ต้องได้ทานด้วยกัน
ในที่สุดสองแม่ลูกก็มีความเห็นที่ตรงกัน พวกเขาแบ่งกันกินดอกบัวพันปีดอกนี้
ทันทีที่ดอกบัวพันปีเข้ามาในปาก กลิ่นหอมพลันแพร่กำจายออกมา ช่างเป็โอสถชั้นยอดจริงๆ
หลังจากที่ทานดอกบัวพันปีหมดแล้ว ฮวาเหยียนก็หมุนกล่องกระเบื้องเคลือบในมือไปมา กล่องนี้เป็สินค้าชั้นดี หากขายทอดเปลี่ยนมือย่อมได้ราคาไม่น้อย นางหัวเราะอย่างชั่วร้าย โยนมันออกไปตามใจชอบ กล่องกระเบื้องเคลือบในมือพลันหายวับถูกเก็บกลับไปเป็ที่เรียบร้อย
หากในเวลานี้มีคนเดินผ่านมา ย่อมต้องใเป็แน่ว่ากล่องกระเบื้องเคลือบหายไปกลางอากาศได้อย่างไร?
ทว่าพวกเขามองไม่เห็นไข่มุกทองัคะนองน้ำบนมือของฮวาเหยียนที่เปล่งแสงประกายระยิบระยับอยู่ครู่หนึ่ง
“ไปกันเถิด เดินทางกันต่อ”
ฮวาเหยียนกับหยวนเป่าก้าวเท้าขึ้นรถลาขึ้นไปด้วยความรู้สึกสดชื่น เริ่มต้นการเดินทางที่แสนยาวนานอีกครั้ง
อีกด้านหนึ่ง...
เจียงจื่อเฮ่าเข้าเมืองไปเพื่อตามหาม้าเร็วสักตัว เขาเอามือกุมอกปกปิดของล้ำค่าที่ได้มาไม่ง่ายนั้นอยู่ตลอดเวลา เร่งม้าเพื่อมุ่งไปทางเมืองหลวงแห่งอาณาจักรต้าโจวโดยเร็วที่สุด ชายหนุ่มกินดื่มอยู่บนหลังม้า ตลอดเส้นทางไม่หยุดพักเลยสักนิด ในที่สุดหลังจากผ่านไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวัน เขาก็มาถึงเมืองหลวงได้สำเร็จ
เขามิได้มุ่งกลับบ้านของตน ทว่ามุ่งหน้าไปยังจวนหลังหนึ่งอย่างรวดเร็ว ประตูใหญ่สีน้ำมันแดงสด มีสิงโตสองตัวด้านหน้า ที่้าของประตูแขวนป้ายที่ทำจากต้นหนานมู่สีดำปักด้วยไหมสีทอง ตัวอักษรัเหินนกเฟิงหวงเต้นระบำเขียนอักษรเอาไว้สามตัวว่า 'จวนไท่จื่อ [1] '
เจียงจื่อเฮ่าไม่ได้เข้าทางประตูหลัก แต่กลับเดินอ้อมไปทางสวนด้านหลัง เขาวิ่งด้วยเร็วก่อนจะะโขึ้นไปบนกำแพงและหล่นลงในสวน
“คุณชายเจียง เข้าทางประตูหลักมิได้หรือขอรับ? ”
เจียงจื่อเฮ่าเพิ่งลงถึงพื้น พลันปรากฏเงาของบุรุษคนหนึ่งขึ้นที่ด้านหลังของเขา ชายผู้นั้นกล่าวออกมาเงียบๆ
“อั้นจิ่ว เ้าจะให้ข้าใตายหรืออย่างไร ะโเข้ามาจากตรงไหนก็ไม่อาจหลุดพ้นสายตาเ้าได้ องค์รัชทายาทเล่า? ข้าได้ดอกบัวพันปีมาแล้ว...”
“จริงหรือ? คุณชายเจียงเก่งกาจยิ่งนัก ครั้งนี้ฝ่าาต้องให้รางวัลแก่ท่านแน่”
“เฮอะๆ เื่เล็กน้อยเท่านั้น องค์รัชทายาทมอบหน้าที่ให้กับข้า ข้าย่อมต้องทำให้สำเร็จ”
เจียงจื่อเฮ่ามีสีหน้าเปี่ยมสุข เขาปัดมือไปมาพลางตอบ
“ฝ่าาอยู่ที่น้ำพุร้อนหลังูเา ข้าจะพาท่านไปขอรับ”
“ไม่ต้อง ข้ารู้ทาง”
เจียงจื่อเฮ่าโบกมือไปมา มุ่งหน้าไปทางหลังูเา เงาต้นไม้เป็ทอดเรียงสลับเป็ชั้นๆ ูเาเทียมเรียงรายทับซ้อนกัน หินหยกสลักรูปวิหคโผบินอย่างปราดเปรียวราวกับมีชีวิต ในยามนั้น พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ต้นไม้เขียวขจีพลิ้วไหวในยามพลบค่ำ ช่อดอกไม้อ่อนนุ่มดุจดั่งผ้าไหม แดงราวกับสีของเมฆเรืองรอง งดงามละลานตา
หมอกที่น้ำพุร้อนพวยพุ่งหมุนเป็เกลียวคลื่น ท่ามกลางแสงสีแดงที่อาบย้อมจากแสงอาทิตย์นั้นสามารถมองเห็นเงาลางๆ ด้านหลังของบุรุษคนหนึ่ง ผมสีดำขลับยาวสยาย เอนร่างพิงอยู่บนหน้าผาหิน ภาพด้านหลังนั้นสลัวไม่ชัดเจน ทว่ากลับทำให้ผู้ที่มองหยุดหายใจ เพียงแค่รู้สึกว่าฉากนี้งดงามเกินไปจนทำให้สีสันรอบตัวซีดจางลง
“องค์รัชทายาท”
เจียงจื่อเฮ่าสะบัดหัว ก่อนจะเดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว เขาเปิดปากกล่าวเรียก
“กลับมาแล้วหรือ? ”
คนที่อยู่กลางน้ำพุเปล่งเสียงออกมา
น้ำเสียงทุ้มต่ำ เต็มไปด้วยแรงกดดัน ทว่ากลับเผยความรู้สึกเ็าที่น่าอภิรมย์
“อืม องค์รัชทายาท ลูกพี่ลูกน้องของท่านผู้นี้ไม่ให้ท่านผิดหวัง ข้านำดอกบัวพันปีกลับมาได้แล้ว”
“าเ็หรือไม่? ”
“ระหว่างเดินทางพบกับการดักซุ่มโจมตี ถูกพิษห้าประการ ทว่าไม่มีอุปสรรคใหญ่โตอันใด”
“อืม”
วินาทีต่อมาชายคนนั้นพลันหยัดยืนลุกขึ้น หมุนกายกลับมาก่อนจะหยิบชุดคลุมอาบน้ำที่วางบนหินขึ้นคลุมตัวแล้วขึ้นฝั่งไป
เจียงจื่อเฮ่ารู้สึกว่าจมูกของตนเองร้อนผ่าว...
ชายหนุ่มรีบหลบสายตา ลูบจมูกไปมา เขากลั้นลมหายใจเอาไว้จนสุดท้ายเืกำเดาก็ไหลออกมาจริงๆ แม้ว่าเขาจะได้เห็นองค์รัชทายาทคนนี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ทว่าเสื้อคลุมอาบน้ำที่เปลือยเปล่าครึ่งหนึ่ง และองค์รัชทายาทที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จนั้นช่างดึงดูดใจเสียจริง...
เชิงอรรถ
[1] ไท่จื่อ หมายถึง องค์รัชทายาท
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้