มู่เสวียนเย่ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้มาตลอดมีใบหน้าดำทะมึน
ถ้าชิงอวิ้นกลายเป็ชายารองขององค์รัชทายาท เช่นนั้นน้องหญิงของเขาที่เคยหมั้นหมายเป็ชายาเอกแต่ภายหลังถูกถอดถอนจะทำเยี่ยงไร?
ต้องกลายเป็ที่ขบขันไปทั่วแน่!
เมื่อได้ยินข่าวนี้ เขาก็ใและโกรธยิ่งกว่าข่าวที่ฮ่องเต้จะพระราชทานราชโองการอภิเษกสมรสให้เขากับองค์หญิงฉู่เสียอีก
พอเห็นว่าเพื่อปกป้องนางแล้ว พี่ใหญ่ตระกูลมู่ถึงกับมิอาจควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ ในใจของฮวาเหยียนพลันอาบย้อมด้วยสายธารแห่งความอบอุ่น
นางไม่คิดว่าหากมู่ชิงอวิ้นแต่งงานกับตี้หลิงหานแล้วจะเป็เช่นไร สำหรับนางแล้ว ตี้หลิงหานเป็เพียงคนแปลกหน้าผู้หนึ่ง ไม่สิ เขาเป็คนที่น่ารำคาญอย่างยิ่ง หากเขาจะแต่งงานกับใครแล้วเกี่ยวอันใดกับนางเล่า? นางแค่คิดว่ามู่ชิงอวิ้นแต่งเข้าไปเป็ชายารอง นับว่าได้เป็เพียงอนุ ฐานะเช่นนั้นมู่ชิงอวิ้นจะยินยอมหรือ?
“คุณชายใหญ่ สิ่งที่ท่านกล่าวมานั้นไม่ถูกต้องเ้าค่ะ”
ทันใดนั้นหลิ่วซื่อก็เงยหน้าขึ้นมา นางเชิดคางขึ้นเล็กน้อยขณะมองมู่เสวียนเย่ คิ้วของนางขมวดนิดๆ เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับสิ่งที่มู่เสวียนเย่พูดเมื่อครู่
ยามปกติหลิ่วซื่อมักเรียกขานมู่เสวียนเย่ว่าอาเย่ตามผู้อื่น แต่เมื่อครู่กลับเรียกเขาว่าคุณชายใหญ่ นั่นย่อมแสดงถึงความคับข้องในใจของนาง
“อะไร? ท่านอาสะใภ้รองมีสิ่งใด้าเอ่ย?”
มู่เสวียนเย่ถาม
ท่าทีของเขาสงบนิ่งเ็า หลิ่วซื่อโดนเขาจ้องจนใจสั่นหน้าซีด แต่นางยังคงบังคับตนเองให้เอ่ยปากว่า “คุณชายใหญ่ มีผู้ใดบ้างไม่ทราบว่าองค์รัชทายาททรงมีพร์สูงส่ง ทั้งมีรูปลักษณ์องอาจไร้ผู้ใดเทียบเทียม ยามนี้พระองค์อยู่ภายใต้คนเพียงหนึ่งแต่อยู่เหนือคนนับหมื่น ในอนาคตย่อมเป็ถึงาาผู้ปกครองแคว้นที่เหล่าคุณหนูในห้องหอล้วน้าแต่งงานด้วย อย่าว่าแต่พระชายารองเลย รอให้พระองค์ขึ้นครองราชย์ก่อน อวิ้นเอ๋อร์ของพวกเราอย่างน้อยก็ต้องได้เป็หนึ่งในสี่อัครชายา”
นางหยุดชั่วครู่แล้วพูดต่อ “แม้ว่าแม่หนูเหยียนจะมีสัญญาหมั้นหมายกับองค์รัชทายาท แต่ข้อตกลงนี้ก็ถูกยุติลงเมื่อสี่ปีก่อน อีกทั้งยามนี้แม่หนูเหยียนก็มีบุตรแล้ว มิอาจข้ามผ่านธรณีประตูของราชวงศ์ได้แล้วเ้าค่ะ
และองค์ฮ่องเต้ทรงให้ความโปรดปรานตระกูลมู่ของพวกเราเป็อย่างยิ่ง เดิมทีทรงอยากพระราชทานราชโองการอภิเษกสมรสให้คุณชายใหญ่ แต่เพราะการตกลงหมั้นหมายของคุณชายใหญ่กับแม่นางมู่จึงมิอาจทำการใดได้ ยามนี้พระองค์จึงมีพระราชประสงค์ให้อวิ้นเอ๋อร์ของพวกเราแต่งเข้าจวนองค์รัชทายาท แต่งตั้งเป็พระชายารอง รอวันใดที่องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์ ตระกูลมู่ของพวกเราก็จะผงาดถึงจุดสูงสุด นี่ย่อมเป็เมตตาอันหาที่สุดมิได้ที่องค์ฮ่องเต้พระราชทานให้ตระกูลมู่ของพวกเรา!”
เวลานี้ความคิดของหลิ่วซื่อชัดเจนจนมิอาจชัดได้มากกว่านี้ ดวงตานางเปล่งประกายขึ้นอีกหลายส่วน อีกทั้งหันร่างไปยังทิศทางของวังหลวงเพื่อโค้งคำนับ
ภายในห้องโถง มีเพียงเสียงของหลิ่วซื่อที่ดังสะท้อนไปมา
นางตื่นเต้นมากเสียจนแก้มของนางแดงก่ำ
ท่าทางของหลิ่วซื่อทำให้ฮวาเหยียนรำคาญจนทนแทบไม่ไหว นางเงยหน้าขึ้นกลอกตามองท้องฟ้า นึกไม่ถึงว่าใจของหลิ่วซื่อจะใหญ่โตเพียงนี้ แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว ก็มิใช่ว่าเพราะใจใหญ่หรอกหรือ? หากใจไม่ใหญ่พอจะกล้าวางกลอุบายกับท่านพ่อของนางได้อย่างไร? ไม่รู้ว่าในความฝันของอีกฝ่ายจะคิดอันใดกับท่านพ่อของนางบ้าง?
เฮ้อ ขออภัยๆ นางมิได้ตั้งใจ นำท่านพ่อมากลั่นแกล้งอีกแล้ว
เมื่อมองไปที่มู่ชิงอวิ้นอีกหน อีกฝ่ายยังคงก้มหน้าจึงมองเห็นแววตาได้ไม่ชัดเจน แต่มือที่กำแน่นของมู่ชิงอวิ้นมิได้คลายออกเลยั้แ่ต้น
“แม่หนูอวิ้น เ้าคิดเช่นไร?”
จู่ๆ มู่เอ้าเทียนก็ถามขึ้นมาทันที
มู่ชิงอวิ้นพลันเงยหน้าขึ้นตามนามของตนที่ถูกเอ่ย น้ำตารื้นขอบตานางทั้งมีท่าทีเอียงอาย นางลุกขึ้นหันไปทางมู่เอ้าเทียน ก่อนโค้งคำนับและเอ่ยเสียงเบาว่า “อวิ้นเอ๋อร์ฟังท่านลุงใหญ่เ้าค่ะ”
น้ำเสียงของนางนุ่มนวล คิ้วตางดงามดั่งวสันตฤดู แม้จะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่ท่าทางนางกลับแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเต็มใจยิ่ง
ฮวาเหยียนเลิกคิ้ว ใบหน้าของมู่ชิงอวิ้นมิได้โกรธเคืองที่ต้องกลายเป็อนุ ตรงกันข้ามดวงตาของอีกฝ่ายกลับสว่างขึ้นน้อยๆ
ฮ่า...น่าสนใจนัก มู่ชิงอวิ้นก็คิดเช่นเดียวกับหลิ่วซื่อผู้เป็มารดาหรือ?
“น้องรอง เ้าคิดอันใดอยู่?”
มู่เอ้าเทียนถามมู่จี้หงอีกครั้ง
มู่จี้หงมิได้เปิดปากแม้สักน้อย ไม่เหมือนครั้งเขาได้ยินเื่ราชโองการอภิเษกสมรสของมู่เสวียนเย่ ในตอนนั้นเขามีท่าทีตื่นเต้นยินดี แต่เมื่อถึงคราวบุตรสาวของตนเอง เขากลับดูขี้ขลาดไม่กล้าเอ่ยคำใด
เพียงมองแวบเดียวก็รู้แจ้ง ว่าเขาไม่มีสิทธิ์แสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์ที่ครอบครัวรองต้องเผชิญ ทั้งยังต้องสำรวจสีหน้าของหลิ่วซื่อเสียก่อน
ดังนั้นเขาจึงเงยหน้าขึ้นมองหลิ่วซื่อเป็อันดับแรก ก่อนหันไปตอบมู่เอ้าเทียนว่า “พี่ใหญ่ ข้าคิดว่าอวิ้นเอ๋อร์กล่าวได้ถูกต้อง เื่นี้ยกให้ท่านเป็ผู้ตัดสิน”
ใบหน้าของหลิ่วซื่อเปลี่ยนเป็ไม่น่ามองทันที พลางจ้องเขม็งไปที่มู่จี้หงโดยไม่ปิดบังความรังเกียจเลยสักนิด
“อืม อวิ้นเอ๋อร์ช่างรู้ความ น้องรอง เ้ามีบุตรสาวที่ดีงามเพียบพร้อมแล้ว”
มู่เอ้าเทียนพยักหน้า
เขาเป็ผู้นำตระกูลมู่ ทุกการตัดสินใจของเขาย่อมเกี่ยวพันกับอนาคตของตระกูลมู่ ซึ่งการแต่งงานของมู่ชิงอวิ้นนี้ แท้จริงแล้วคนตัดสินใจย่อมเป็มู่เอ้าเทียน เนื่องจากตอนนี้พวกเขาเป็ครอบครัวเดียวกัน ทั้งมู่จี้หงยังขาดความสามารถและกำลังที่จะแยกครอบครัวออกไป
“ข้าปฏิเสธไปแล้ว...”
มู่เอ้าเทียนกล่าว
ทันทีที่สิ้นคำ ฮวาเหยียนก็เห็นมู่เสวียนเย่ถอนหายใจอย่างไร้เสียง
มู่จี้หงเปิดปาก แต่กลับมิได้พูดสิ่งใด
ทว่าใบหน้าของหลิ่วซื่อกลับยิ่งไม่น่ามองกว่าเดิม ถึงแม้นางจะหน้าซีดเล็กน้อย แต่กลับลุกขึ้นยืนทันที และเพราะนางลุกขึ้นแรงเกินไป ร่างกายจึงเซไปมา
ดวงตาของมู่ชิงอวิ้นปรากฏความซับซ้อนขึ้นมาไม่น้อย ความสุขพลันเลือนหาย แต่นางกลับมิได้พูดอันใดออกมาเลยั้แ่ต้น
“ท่านแม่ นั่งลงก่อนเถิด”
มู่ชิงอวิ้นเปิดปากกล่าวเสียงเบา ปลอบโยนมารดาอย่างนุ่มนวล
แต่ความโกรธแค้นของหลิ่วซื่อกลับจุกแน่นอยู่เต็มอก นางจ้องมู่เอ้าเทียนด้วยดวงตาที่เปี่ยมล้นความเกลียดชัง ความโกรธ และความรู้สึกอื่นที่ไม่อาจอธิบายได้ สุดท้ายก็ได้ยินนางะโว่า “มู่เอ้าเทียน ท่านมิอยากให้ข้าได้ดีใช่หรือไม่”
เป็การเอ่ยนามของมู่เอ้าเทียนโดยตรง
มู่เอ้าเทียนขมวดคิ้ว พลางใช้ดวงตาเ็าจ้องไปที่ร่างของหลิ่วซื่อ “น้องสะใภ้รอง เ้าหมายความว่าอย่างไร?”
“ท่านแม่ โปรดระงับความตระหนกของท่านด้วย นั่งลงก่อนเถิดเ้าค่ะ ท่าน้าทำสิ่งใดกันแน่เ้าคะ?”
มู่ชิงอวิ้นลูบหลังมือของมารดา ปลอบโยนเสียงเบาเพื่อบรรเทาความโกรธของอีกฝ่าย
อารมณ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ของหลิ่วซื่อถูกหยุดไว้ชั่วคราว ยามนี้เพิ่งตระหนักได้ว่านางขานนามของมู่เอ้าเทียนโดยตรงเพราะโทสะ ซึ่งนับเป็การไม่สุภาพอย่างยิ่ง นางจึงทำใจตนให้เย็นลงก่อนเอ่ยว่า “พี่ใหญ่ เหตุใดท่านจึงปฏิเสธการแต่งงานนี้เล่าเ้าคะ ได้โปรดชี้แจงเหตุผลให้ข้าฟังสักนิดเถิด”
นางถามด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ ใช้ั์ตาจับจ้องไปยังมู่เอ้าเทียน
ฮวาเหยียนเผยรอยยิ้มเยาะ เมื่อเห็นว่าใบหน้าของท่านพ่อยามนี้เครียดอย่างรุนแรง นางจึงค่อยๆ ขมวดคิ้วอย่างหมดความอดทน นิ้วเรียวพลันเคาะลงบนโต๊ะ
หลิ่วซื่อผู้นี้คิดเพียงเื่ที่บุตรสาวของตนได้แต่งงานกับคนชั้นสูง เหตุผลนี้นางเข้าใจได้ แต่คนผู้นี้เห็นแก่ตัวเกินไป อีกฝ่ายคิดแค่ผลประโยชน์เพื่อครอบครัวรองของตนเท่านั้น มิใช่ทั้งตระกูลมู่
ยิ่งเวลานี้เห็นอีกฝ่ายกดดันท่านพ่อ ความโกรธของฮวาเหยียนจึงเพิ่มขึ้นเป็ทวีคูณ
ท่านพ่อยังมิทันเปิดปาก นางก็เป็ฝ่ายปัดมือชนถ้วยชาเสียก่อน ฝาครอบถ้วยชาพลันตกลงบนโต๊ะเตี้ยจนเกิดเสียงดังกึกก้องไปทั่ว ตามมาด้วยเสียงที่เปี่ยมความเ็าและเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย “ปฏิเสธก็คือปฏิเสธ ยัง้าเหตุผลอันใดอีกหรือ?”
คำพูดเหล่านี้ ราวกับฝ่ามือใหญ่ที่ตบหน้าหลิ่วซื่อดังฉาด
ความโกรธของหลิ่วซื่อที่เพิ่งได้รับการปลอบโยนจากมู่ชิงอวิ้นเมื่อครู่ ยามนี้กลับเพิ่มขึ้นมาอีกครั้ง
ฮวาเหยียนหรี่ตาลง มุมปากนางปรากฏรอยยิ้มเยาะ “ฝ่าาจะทรงละอายใจต่อตระกูลมู่หรือไม่ เื่นี้ข้ามิอาจทราบ แต่เหตุผลที่บัดนี้ตระกูลมู่กลายเป็ตระกูลขุนนางที่มีชื่อเสียงโดดเด่นของต้าโจว เื่นี้ย่อมหนีไม่พ้นต้องแลกมาด้วยหยาดเหงื่อและการอุทิศตนของบุรุษในตระกูลมู่มาหลายปี ความรุ่งโรจน์ของตระกูลมู่ย่อมเป็คนในตระกูลไขว่คว้ามาเอง มิได้อาศัยการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ หวังว่าท่านอาสะใภ้รองจะเข้าใจในจุดนี้
อีกประเด็น เวลานี้ตระกูลมู่ของพวกเราก็อยู่ร่วมกันมานานปีแล้ว ท่านอารองยังมิได้แยกเรือน และครอบครัวรองของท่านก็พึ่งพาความรุ่งโรจน์ของตระกูลมู่มาโดยตลอด อีกทั้งความรุ่งโรจน์ของตระกูลมู่นี้ ก็เป็ท่านพ่อกับท่านพี่ของข้าไขว่คว้ามา ท่านอาสะใภ้รอง ท่านไม่เพียงเพลิดเพลินกับเกียรติที่ครอบครัวใหญ่ของเราสร้าง แต่ยัง้าเหยียบข้ามครอบครัวใหญ่ขึ้นไปและเปลี่ยนตนเองเป็คนชั้นสูง ในใต้หล้านี้มีเื่ราวดีๆ เช่นนี้ด้วยหรือเ้าคะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้