หนิงมู่ฉือรีบวิ่งไปที่รถม้า ยังไม่ทันจะถึง สายตาก็เหลือบไปเห็นจ้าวซีเหอที่มองมายังนางอย่างร้อนใจเสียก่อน
นางรีบขึ้นไปบนรถม้าโดยไว เมื่อเห็นหน้าจ้าวซีเหอ ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงอยากร้องไห้ออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
ครั้นจ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือ ก้อนหินที่เคยถ่วงอยู่ในใจพลันหายไป เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกรุ่นโกรธ “เหตุใดถึงมาช้าเช่นนี้! ทำข้าเป็ห่วงแทบแย่!”
หนิงมู่ฉือมองหน้าจ้าวซีเหอพร้อมกับเม้มปากอย่างน้อยใจ น้ำตาคล้ายจะหยดลงมาได้ทุกเมื่อ เอ่ยเสียงอ่อนอย่างหม่นๆ ว่า “ข้าออกจากห้องเครื่องนานแล้ว เพียงแต่…เพียงแต่…” นางก้มหน้าอย่างเศร้าสลด พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
จ้าวซีเหอมองท่าทีน้อยเนื้อต่ำใจของหนิงมู่ฉือ ก่อนจะมองชุดกระโปรงของนางที่มีรอยเปื้อนบางจุด เขารู้สึกปวดใจยิ่งนัก น้ำเสียงจึงอ่อนลงหลายส่วน “เป็อันใดไป เกิดเื่ใดขึ้นหรือ หรือมีใครรังแกเ้า บอกข้ามา เดี๋ยวข้าไปแก้แค้นให้เ้าเอง!”
หนิงมู่ฉือได้ฟังก็ยิ้มออกมา มองจ้าวซีเหออย่างซาบซึ้ง เมื่อเห็นแววตาของเขาเต็มไปด้วยความปวดใจ นางรีบก้มหน้าลงโดยพลัน “ระหว่างทางข้าถูกนางกำนัลของพระสนมซูเฟยขวางเอาไว้ นางบอกว่าอยากให้ข้าช่วยให้นางได้ตำแหน่งฮองเฮา ตอนนั้นข้ากลัวมาก”
หนิงมู่ฉือในตอนนี้ดั่งกระต่ายที่ได้รับความใ หดตัวและเม้มปากแน่น จ้าวซีเหอได้ฟังจึงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง ก่อนจะดึงหนิงมู่ฉือเข้าสู่อ้อมกอดอย่างสงสาร เวลานี้เองเขาถึงพบว่าตัวของนางเย็นเฉียบ
หนิงมู่ฉือที่ถูกกอดชะงักไปชั่วครู่ แต่เมื่อรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของจ้าวซีเหอ นางจึงยกมือกอดตอบ น้ำตาที่ไม่รักดีของนางไหลลงมา นางสะอึกสะอื้นขณะเล่าเื่ที่เพิ่งเกิดขึ้นให้ฟัง
นี่เป็ครั้งแรกที่นางเจอเื่เช่นนี้ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะไม่กลัว เมื่อได้เจอจ้าวซีเหอจึงห้ามน้ำตาตนเองไม่อยู่ เริ่มร่ำไห้ออกมา
จ้าวซีเหอยิ้มบางๆ ลูบหลังหนิงมู่ฉืออย่างปลอบโยน กระซิบข้างหูแ่เบาว่า “เ้านี่โง่จริง ไม่เป็ไรแล้วนะ ข้าก็นึกว่าเกิดเื่ใหญ่ขึ้นเสียอีก ท่าทางของเ้าราวกับถูกคนปล้นความบริสุทธิ์ไปก็ไม่ปาน”
หนิงมู่ฉือได้ยินก็ดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของจ้าวซีเหอ ก่อนจะกำหมัดชกไปทีหนึ่ง นางเถียงกลับด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “ท่านสิที่ถูก่ชิงความบริสุทธิ์ไป!”
จ้าวซีเหอแกล้งทำเป็เจ็บก่อนจะแกล้งทำเป็เอาเื่ “หนิงมู่ฉือ เ้าจะใจกล้ามากเกินไปแล้ว กล้าทำร้ายซื่อจื่ออย่างข้าเชียวหรือ”
จ้าวซีเหอมองใบหน้าที่ไม่ค่อยจะสดชื่นเท่าใดนักของหนิงมู่ฉือ ที่ขนตายังคงมีหยดน้ำตาเกาะพราว เขาพลันถอนหายใจออกมาก่อนจะกล่าวว่า “เ้านี้โง่จริง คนอื่นว่าอย่างไรก็เชื่อหมด นางกำนัลผู้นั้นบอกให้เ้าตามไปเ้าก็ตามไปอย่างนั้นหรือ ยังมีอีก ข้าเคยบอกให้เ้าคอยระวังพระสนมซูเฟยไว้ให้ดีไม่ใช่หรือ”
หนิงมู่ฉือยิ้มแห้งออกมา ก่อนจะสบตาจ้าวซีเหอ “แต่ว่าพระสนมเต๋อเฟยทรงปฏิบัติต่อข้าดีมากเลยนะ มาช่วยข้าจากพระสนมซูเฟย ทั้งยังพาข้าไปผิงเตาไฟที่ตำหนักอีก”
จ้าวซีเหอชะงักไปครู่หนึ่ง พร้อมกับคิดในใจ พระสนมเต๋อเฟยผู้นี้แผนลึกล้ำเสียจริง ไม่เพียงทำให้พระสนมซูเฟยพุ่งเป้ามาที่หนิงมู่ฉือ ขณะเดียวกันก็ทำให้หนิงมู่ฉือลดความระแวงที่มีต่อตัวนางลง
จ้าวซีเหอมีสีหน้าเ็าเคร่งขรึม ครั้นหนิงมู่ฉือเห็นสีหน้าคนตรงหน้าแปลกไป นางสงสัยยิ่งนัก นึกว่าตัวเองพูดเื่ใดผิดไป ซึ่งความจริงนางว่ตนเองก็ไม่ได้พูดอะไรผิดไปนะ
นางเอามือสะกิดเขา “ท่านเป็อันใดไป”
จ้าวซีเหอมองสบตาดำขลับของหนิงมู่ฉือด้วยสีหน้าจริงจังขณะเอ่ยสั่ง “ต่อไปเ้าต้องอยู่ให้ห่างจากทั้งพระสนมเต๋อเฟยและพระสนมซูเฟย เข้าใจหรือไม่”
หนิงมู่ฉือไม่เข้าใจว่าเหตุใดจ้าวซีเหอถึงพูดเช่นนี้ ทั้งๆ ที่พระสนมเต๋อเฟยก็ดีกับนาง แล้วเหตุใดนางถึงต้องถอยห่างจากพระสนมเต๋อเฟยด้วย ทำแบบนี้ไม่เท่ากับทำร้ายจิตใจของพระสนมเต๋อเฟยหรอกหรือ
“เหตุใดเล่า พระสนมเต๋อเฟยออกจะดีกับข้า ข้าไม่ขอปิดบัง ก่อนหน้านี้ข้านึกว่านางไม่หวังดีต่อข้า แต่วันนี้ดูจากที่นางไปช่วยข้า เห็นได้ชัดว่านางหวังดีต่อข้า อย่างน้อยก็หวังดีต่อข้ามากกว่าพระสนมซูเฟย” นางเอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างอ่อนใจ “ไม่ต้องถามแล้ว เ้าแค่จำเอาไว้ว่า ต่อไปอยู่ให้ห่างจากพระสนมสองคนนี้รวมถึงพระสนมคนอื่นๆ ในวังหลังก็พอ”
หนิงมู่ฉือแกล้งทำเป็ไม่ได้ยิน ทำให้จ้าวซีเหอมีท่าทีไม่พอใจยิ่ง “ข้าขอบอกเ้าไว้เลย หากเ้ายืนยันที่จะยุ่งกับพวกนาง เ้าจะต้องเสียเปรียบ รู้หรือไม่!”
“ข้าไม่มีเหตุผลให้ต้องทำตัวไม่ดีกับพระสนมเต๋อเฟย!” พระสนมเต๋อเฟยทำให้นางรู้สึกอบอุ่นเหมือนกับมารดาของนาง นางไม่อาจมองข้ามบุญคุณที่พระสนมเต๋อเฟยช่วยนางในครั้งนี้ได้
จ้าวซีเหอได้ยินเช่นนั้นก็โมโหจนแทบบ้า “ได้ ตามใจเ้า! ข้าจะไม่ยุ่งกับเ้าแล้ว!”
นางเห็นจ้าวซีเหอโมโหจึงไม่พูดอะไรต่ออีก เอาแต่เหลือบมองเขาเป็ระยะ
ระหว่างทางรถม้าโคลงเคลงยิ่งนัก นางอยากที่จะงีบหลับก็ทำไม่ได้ ทันใดนั้นนางรู้สึกว่าอากาศรอบตัวนางช่างหนาวเหลือเกิน นางยิ่งแอบงีบหลับได้ยากขึ้น นางพยายามเอาตัวเข้าไปใกล้จ้าวซีเหออีกนิดและอีกนิด เพื่อหวังพึ่งความอบอุ่นจากตัวเขา
จ้าวซีเหอถอนหายใจอย่างอ่อนใจ ยื่นมือไปโอบไหล่หนิงมู่ฉือแล้วดึงเข้าหาตัว ให้นางซุกอยู่ในอ้อมอกของเขา ก่อนจะใช้มือลูบศีรษะอย่างแ่เบา ทว่าเวลานั้นเองที่เขารู้สึกได้ถึงความร้อนจากตัวนาง เขาสั่งคนขับรถม้า “ขับให้เร็วกว่านี้หน่อย”
คนขับรถม้าได้ฟังคำสั่งก็กระตุกบังเหียนบังคับม้าให้วิ่งเร็วขึ้น ม้าห้อตะบึงไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วราวกับจะเหาะ หนิงมู่ฉือที่ซุกหน้ากับอ้อมอกของจ้าวซีเหอละเมอออกมาสองคำ “ท่านแม่…”
จ้าวซีเหอได้ยิน ในใจทั้งรู้สึกเ็ปและเศร้าใจในเวลาเดียวกัน ครั้นถึงตำหนักอ๋อง เขาสะกิดปลุกนางเบาๆ “นี่ หนิงมู่ฉือ ตื่นได้แล้ว ถึงแล้ว”
หนิงมู่ฉือลืมตาขึ้นมา พบว่าตัวเองกำลังซุกอยู่ในอ้อมกอดของจ้าวซีเหอ นางรู้สึกขวยเขินยิ่งจึงส่งยิ้มแหยไปให้
นางสะบัดศีรษะ รู้สึกว่าตอนนี้ศีรษะของนางช่างหนักอี้งเหลือเกิน ทั้งยังรู้สึกง่วงเอามากๆ ด้วย ตอนก้าวลงจากรถม้าก็เกือบจะสะดุดล้มหน้าคว่ำ
จ้าวซีเหอเห็นเยี่ยงนั้นจึงอุ้มหนิงมู่ฉือขึ้นมา “เดี๋ยวข้าไปส่งที่ห้อง วันนี้เ้าไม่จำเป็ต้องไปคำนับท่านพ่อ”
หนิงมู่ฉือลืมตาแทบไม่ขึ้น ใบหน้าแดงก่ำ ขณะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ไม่ดีหรอกเ้าค่ะ” นางพยายามดิ้นลง กลับพบว่าร่างกายไม่มีแรงเอาเสียเลย
จ้าวซีเหอมองหนิงมู่ฉืออย่างปวดใจ ครั้นเดินไปถึงห้องของนาง ก็วางนางลงบนเตียงแล้วห่มผ้าให้ จากนั้นะโเรียกฉีอันเสียงดัง “รีบไปตามหมอเร็ว หนิงมู่ฉือไม่สบาย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้