เมืองแซมบอร์ด
เสียงร้องโหยหวนและเสียงการฆ่าฟันในสนามรบสั่นะเืทั่วฟ้าดิน
ทั้งสองฝ่ายต่างงัดกลยุทธ์ทุกอย่างที่ตนเองมีออกมาต่อสู้กัน ทำให้สภาวะาตึงกำลังอย่างที่สุด
บรรดาข้าศึกต่างสวมชุดเกราะเบาสีดำ กำลังปีนบันไดขึ้นมาบนประตูเมืองเหมือนกับคลื่นน้ำที่ถาโถมมาอย่างต่อเนื่อง บันไดยึดเมืองขนาดใหญ่สามอันได้ยึดเกาะกับกำแพงเมืองไว้ราวกับปีศาจร้าย ตะขอบันไดที่เกี่ยวไว้กับกำแพงทำให้ทหารของแซมบอร์ดไม่อาจผลักดันมันออกไปได้ รอบข้างมีกำลังทหารฝ่ายเราสามสิบกว่าคนกำลังต่อสู้อย่างดุเดือด เพื่อปกป้องกำแพงเมืองจากบันไดข้าศึกพวกนั้น
ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไi เหล่าจำนวนทหารข้าศึกในชุดดำก็ทำการยึดครองกำแพงปราสาทมากขึ้นเรื่อยๆ
สถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็ผลดีต่อเมืองแซมบอร์ด ความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้ามเหนือกว่าพวกเขาหลายเท่านัก
“เพียร์ซ? เพียร์ซ...เ้าอยู่ที่ไหน? เ้าตัวบัดซบเอ้ย!” ตรงกลางของหอสังเกตการณ์ ชายผมดำร่างกำยำที่สูงกว่าสองเมตร ทั่วร่างสวมเกราะโซ่ถักครบชุด ร้องะโอย่างคั่งแค้น ในขณะที่เขากำลังฟันดาบใส่ข้าศึกคนหนึ่ง “เพียร์ซ! เ้าพาพวกทหารที่ยังมีแรงสักสองสามนายไปจัดการพวกบันไดยึดเมืองบ้านั่นที ผลักให้พวกมันตกลงไปซะ เร็วเข้า! รีบไป!”
“เข้าใจแล้ว ตามข้ามา ลุย!”
ห่างไปไม่ไกล ชายผมขาวที่ชื่อว่าเพียร์ซ ทั่วทั้งร่างชุ่มไปด้วยเื เมื่อได้ยินเสียงคำสั่ง ก็พาเหล่าทหารข้างกายที่ร่างชุ่มเืไม่ต่างกัน เข้าปะทะกับข้าศึกชุดเกราะสีดำที่กำลังปกป้องบันไดยึดเมืองอยู่ เพียร์ซคำรามเสียงดังลั่น “ฆ่ามัน! พี่น้องข้า กำจัดเ้าพวกสุนัขนี้ ทำลายบันไดทั้งสามนั่น!”
ชายผมขาวเพียร์ซเป็ทหารคนหนึ่งของเมืองแซมบอร์ดที่มีชื่อเสียงในเื่ของความบ้าพลัง
เส้นเืบนแขนของเขาโป่งพอง มือทั้งสองก็เหวี่ยงค้อนเหล็กขนาดเท่ากับลูกบาสเกตบอลไปมา ราวกับเป็นักรบคลั่งที่ห้าวหาญในตำนานผู้ที่ไร้ซึ่งคู่ต่อกร เขาพุ่งตรงไปข้างหน้าเพื่อเปิดทาง
ตลอดทางเพียร์ซไม่หยุดยั้ง ค้อนั์ในมือทั้งสองฟาดข้าศึกเหมือนฟาดแมลงวัน ข้าศึกเกราะดำที่อยู่ในเส้นทางล้วนถูกฟาดปลิว พวกมันถูกฆ่าจนกลายเป็เส้นทางเื จากนั้นก็นำทหารประมาณยี่สิบคนที่ห้าวหาญเช่นเดียวกันพุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูง!
แต่ข้าศึกเกราะดำที่กำลังป้องกันบันไดอยู่นั้น เห็นท่าทีมาจากไกลๆ ก็พากันระวังตัวเตรียมรับมือแล้ว
"ระวัง! เดินหน้า...ตั้งขบวนดาบแถวครึ่งวงกลม!"
ผู้นำของข้าศึกเกราะดำร่างสูงคนหนึ่งะโสั่ง!
ได้ยินเสียงดังชิ้งขึ้นเบาๆ ประกายแสงอาทิตย์สะท้อนเจิดจ้า ข้าศึกสามสิบคนตั้งแถวเป็รูปครึ่งวงกลมเข้าหากำแพง เพื่อปกป้องบันไดที่อยู่หลังครึ่งวงกลมอย่างแข็งขัน หันคมดาบสีขาวที่มีเืติดออก พวกมันเหมือนกับตัวเม่นเหล็กที่ขนเหล็กทั่วร่างลุกชัน รังสีฆ่าฟันพวยพุ่งพร้อมประชันเต็มที่
เห็นได้ชัดว่าข้าศึกพวกนี้ได้รับการฝึกฝนมามากกว่าทหารของแซมบอร์ด
สิบเมตร...
หกเมตร...
สามเมตร...
หนึ่งเมตร...
ระยะห่างทั้งสองฝ่ายหายไปในเสี้ยววินาที
ในที่สุด
“โอ้ว! ไปลงนรกซะ!”
จู่ๆ เพียร์ซก็ะโออกมา มือซ้ายของเขาหมุนค้อนเป็วงกลมแล้วเหวี่ยงออกไปเหมือนหอก
ค้อนสีดำเปื้อนเืขนาดั์พุ่งออกไปในอากาศด้วยวิถีแห่งความตายอันสวยงาม พลังทำลายล้างดุจสายฟ้า เสียงกรีดร้องดังขึ้นในอากาศ พลันกระแทกเข้ากับแนวป้องกันของข้าศึก
“ตูม!”
ทันใดนั้น เืก็พุ่งกระจายราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบาน ดาบที่แตกหักและแขนขาลอยไปทั่วบริเวณ
เห็นได้ชัดว่าพวกศัตรูไม่ได้คาดคิดในเื่แผนการเช่นนี้ ขบวนรบดาบถูกค้อนบินั์ทำลาย ทำให้เกิดช่องว่างที่เืนองตรงกลางของแนวป้องกัน
เพียร์ซกับเหล่าทหารที่ตามหลังมา ส่งเสียงคำรามและบุกฝ่าเข้าไปในแนวป้องกันที่ถูกเปิด
เมื่อทำลายบันไดทั้งสามเสร็จสิ้น ก็จะสามารถหยุดยั้งศัตรูจากด้านนอกที่ปีนขึ้นมาบนกำแพงได้ หลังจัดการกับพวกข้าศึกที่เหลืออยู่บนกำแพง เหล่าทหารที่ป้องกันเมืองก็จะมีเวลาพักผ่อนอย่างปลอดภัยและอาณาจักรแซมบอร์ดก็จะปลอดภัยไประยะหนึ่ง...ไม่อย่างนั้น หากอาณาจักรเสียเอกราชไป พ่อแม่ลูกเมียที่อยู่ด้านหลัง พวกเขาจะต้องตกเป็เชลยา ไม่มีหวังที่จะได้เป็อิสระและตกเป็ทาสไปในที่สุด
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว เหล่าทหารป้องกันเมืองก็เืร้อนระอุขึ้นมา!
พวกเขาจะไม่ยอมปล่อยให้พวกสารเลวเกราะดำนั่นโจมตีเมืองได้อย่างเด็ดขาด
ต่อให้ต้องสู้จนตัวตาย ก็จะไม่ถอยแม้เพียงก้าวเดียว!
“บุก!”
“บุกเข้าไป!!!”
เหล่าทหารที่ติดตามเพียร์ซมาดวงตาแดงก่ำ คำรามเสียงดังแล้วบุกเข้าใส่ศัตรูอย่างบ้าระห่ำ
เพียร์ซนำหน้าเข้าไปก่อน ค้อนในมือขวารับดาบั์ที่ฟาดเข้ามาแล้วออกแรงปัดออกไป ข้าศึกเกราะดำหลายคนกระอักเืออกมาและถอยหลังออกไป...
เสียงโลหะกระทบกัน เสียงร้องคำรามสั่นะเืิญญาของทุกคน
เืสาดกระจาย แขนขาปลิวไปทั่วเหมือนกับฉากที่พบเห็นได้ทั่วไปในนรก!
ตูม!
เพียร์ซหวดค้อนใส่ทั้งดาบและข้าศึกข้างหน้าจนมันกระเด็นถอยไป พอมองออกไปก็พบว่ามีบันไดหน้าอยู่ตรงหน้า เขากู่คำรามเบาๆ ในลำคอ พร้อมแกว่งค้อนเสียงดังสนั่นเพื่อไล่ศัตรูออกไป ฉวยโอกาสเดินไปข้างหน้าอีกสองสามก้าว ฟาดค้อนดัง 'เคร้ง เคร้ง เคร้ง' สองสามหน ตะขอเหล็กที่เกี่ยวบันไดก็แตกเป็ชิ้นๆ
“ไปลงนรกซะ!”
เพียร์ซะโเตะบันไดนั่นอย่างแรง เขาได้ยินเสียงกรีดร้องจำนวนมาก เพราะในขณะที่บันไดล้มลงข้าศึกที่กำลังปีนบันไดล้วนตกลงสู่พื้นดิน ร่วงลงมากลายเป็ก้อนเืเนื้อในทันที
“เยี่ยม!”
ชายผมดำที่สูงสองเมตรกว่าที่อยู่ไกลๆ ดวงตาเปล่งประกายเมื่อเห็นเพียร์ซทำสำเร็จ
“เพียร์ซ ทำได้ดีมาก! เหลืออีกสอง! จัดการให้หมด เดี๋ยวคืนนี้ข้าจะเลี้ยงเบียร์ที่ดีที่สุดในเเซมบอร์ด! ให้พวกเ้าทั้งหมดด้วย!” ในขณะที่เขาะโก็กำลังรับมือกับกระบี่ของชายร่างผอมสูงที่ฟันใส่เขาไม่ยั้ง ชายร่างผอมสูงเกราะดำคนนี้แข็งแรงมาก คู่ต่อสู้คนนี้ฝีมือเยี่ยมมาก ขนาดเขาเป็ถึงผู้บัญชาการ ต่อสู้กันมาชั่วขณะหนึ่งแล้วก็ยังไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ
“ฮ่าๆ หัวหน้าบรู๊ค เบียร์นี้ท่านจดเอาไว้ได้เลย! คอยดูนะ!”
เพียร์ซตอบกลับอย่างตื่นเต้น ค้อนในมือเขายังคงรวดเร็วราวและหนักแน่นดุจสายฟ้าฟาด เพียงเหวี่ยงไปไม่กี่ครั้งก็ฟาดทหารเกราะดำที่อยู่รอบๆ กระเด็น เืสาดกระจายเสียงดัง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ เขาก็ทุบตะขอบนบันไดอันที่สองจนหมด
แต่ในขณะที่เพียร์ซจะเตะบันไดลงจากกำแพง...
ทันใดนั้น
“เ้าเด็กผมขาว รนหาที่ตายซะแล้ว!”
เงาดำสายหนึ่งปรากฏขึ้นบนกำแพง ดาบเรเปียร์ในมือส่องประกายแวววาว แทงมาที่หัวของเพียร์ซ หมายให้ตายในทีเดียว
ซึ่งแทบไม่มีเวลาให้เพียร์ซได้ทันตั้งตัวเลย ที่เขาทำได้คือเอาค้อนมาป้องกันที่หัวของตัวเอง
เสียง 'ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!” ดังสนั่นจนเกิดประกายไฟ
เงาดาบกระทบถูกตรงกลางค้อนของเพียร์ซอย่างแม่นยำ
แรงกระแทกอันทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อถูกส่งผ่านค้อนนั้นมา
แม้แต่เพียร์ซผู้ซึ่งเกิดมามีพละกำลังผิดมนุษย์ ก็ยังไม่อาจต้านทานได้ แรงกระแทกนั้นทำให้เขาถอยหลังไปหลายก้าว พังผืดระหว่างนิ้วโป้งและนิ้วชี้ะเืจนปริแตก เืกระเซ็น แทบจะถือค้อนไม่ได้อีกต่อไป...
“ยอดฝีมือ!”
ในใจของเพียร์ซตกตะลึง
เงาดาบนั่นกลับเบี่ยงหลบตัวเองและศัตรูได้หยุดโจมตีเขาต่อ ดาบเรเปียร์ในมือก็เกิดแสงสว่างจ้าออกมา ฉับพลันเพียร์ซก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง ทหารคนอื่นที่มากับเพียร์ซถูกฟันเหมือนข้าวสาลีล้มลงไปกองกับพื้น เมื่อสังเกตใกล้ๆ ก็พบว่ามีรูอยู่ที่หัว เืและมันสมองสีขาวไหลนองออกมาจากศีรษะ ไร้ซึ่งชีวิตอีกต่อไป!
“เบ็นเดอร์! กรู๊ด! โทโรมี่!...พี่น้องข้า!!!”
พอเพียร์ซเห็นภาพที่สยดสยองนี้ ก็รู้สึกว่าตามืดมัว เ็ปใจราวกับมันแตกสลาย
เสียงสะอื้นยามที่ะโคำว่า 'พี่น้อง' วันก่อนๆ พวกเขายังดื่มกินพูดคุยเื่สาวๆ กับเหล่าพี่น้องร่วมศึก ก่อนหน้านี้เหล่าพี่น้องยังร่วมกันต้านศัตรูพร้อมกับเขา ไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้เขามอบด้านหลังของเขาให้เหล่าพี่น้องของเขาดูแลอย่างเชื่อใจ แล้วตอนนี้พวกเขากลับล้มตายไปต่อหน้าเขา เพียร์ซรู้สึกเหมือนฟ้าถล่มลงมา...
“เ้าปีศาจชั่ว ไปลงนรกซะ!”
เพียร์ซะโสุดเสียง ไม่สนใจาแที่อยู่บนร่างของตัวเอง จ้องมองไปยังศัตรู แล้วพุ่งตัวเข้าไปหาโดยไม่มีการป้องกันใดๆ ทั้งสิ้น ถึงแม้คู่ต่อสู้คนนี้จะสร้างาแสาหัสแก่เขา แต่เพียร์ซก็ไม่สนใจ เขาหมุนค้อนั์ในมือทะยานเข้าไปหาเงาดำที่เหมือนปีศาจนั่น
"ฮ่าๆ ไม่เจียมตัว รนหาที่ตายชัดๆ!"
เงาดำยิ้มเยาะ เสียงของมันเหมือนกับนกเค้าแมว คร้านที่จะใส่ใจ ไม่นานมันก็ขยับดาบเรเปียร์ของมันอีกครั้ง ครั้งนี้เล็งไปที่หัวของเพียร์ซ
ดาบเรเปียร์ในคราวนี้รวดเร็วยิ่ง จนไม่อาจหยุดยั้งได้
เพียร์ซพยายามหลบแต่ก็หลบไม่ทัน ดาบก็แทงทะลุเข้าที่หัวไหล่ข้างขวาของเขา คู่ต่อสู้ของเขายิ้มอย่างเหยียดหยามและ้าแทงดาบอีกครั้งหนึ่งเพื่อที่จะได้จบชีวิตของชายผมขาวคนนี้เสีย...
ทว่า
มันน่าแปลกใจที่ไม่สามารถดึงดาบออกมาได้?!
เืทะลักออกมาจากปากของเพียร์ซไม่หยุด
แต่ชายผมขาวร่างใหญ่ผู้นี้กลับยิ้ม
และหัวเราะแบบมีความสุขอย่างที่สุด
เงาดำตกตะลึง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนว่ามันมีบางอย่างแปลกๆ
แต่ก็สายไปที่จะทำอะไรได้แล้ว
เพียร์ซใช้มือสองมือจับดาบเรเปียร์ที่แทงตัวเองไว้แน่นราวกับว่าไม่รู้สึกเ็ปอะไร ถึงแม้จะมีดาบเสียบอยู่ในร่าง แต่ก็ใช้ร่างกายกระแทกเข้ากับคู่ต่อสู้ของเขาอย่างดุดัน จนเงาดำที่ตื่นใถอยหลังไปทีละก้าว...
ชั่วพริบตา ชายสองคนก็ถอยไปจนสุดกำแพงแล้ว
ถ้ายังถอยต่อไป ก็จะตกจากกำแพงที่สูงกว่าหกสิบเมตร ต่อให้เงาดำเก่งกาจแค่ไหน การตกจากที่สูงขนาดนี้ ย่อมไม่มีทางรอด
“หาที่ตาย!”
เงาดำโกรธเกรี้ยว แต่มันก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมทิ้งดาบไป
การถูกคนที่ต่ำชั้นกว่าบังคับให้ต้องปล่อยดาบคู่ใจไปนั้น ในฐานะนักรบอย่างเขา มันย่อมรู้สึกเสียหน้า
หลังจากที่ปล่อยดาบไป แสงไฟสีแดงก็ปรากฏขึ้นรอบตัวมัน
ฝ่ามือที่ร้อนฉ่าของเ้าเงาดำนั้นฟาดใส่หลังของเพียร์ซอย่างไร้ความปรานี ดูเหมือนว่ามัน้าที่จะเห็นชายผมขาวตรงหน้าถูกสับจนกลายเป็ซอสเนื้อ...
“อุ๊บ...ฮ่าๆๆ...เฮ้ย! เ้าสารเลว ข้าชนะแล้ว!”
เพียร์ซพ่นเืออกมา แต่เขาก็ยังหัวเราะอย่างภาคภูมิใจจากชัยชนะ
ทันใดนั้น เพียร์ซก็ปล่อยดาบแล้วพุ่งไปทางกำแพง แล้วใช้ไหล่ตัวเองกระแทกบันไดยึดเมืองอันที่สอง เนื่องจากเขาได้ทุบตะขอบันไดไปก่อนหน้านี้แล้ว ก็เลยสามารถกระแทกมันให้หลุดออกไปจากกำแพงได้ เสียงดังโครม พวกข้าศึกที่กำลังปีนบันไดอยู่ทั้งหมดจึงพากันส่งเสียงร้องแล้วตกลงไปที่พื้นและถูกบดอัดจนกลายเป็ก้อนเนื้ออีกครั้ง
"บัดซบเอ้ย! เ้าทาสชั้นต่ำ ข้าสาบานว่าทั้งเมืองจะต้องหลั่งเื!"
เ้าเงาดำโกรธมาก จนตอนนี้มันถึงได้เข้าใจ ชายผมขาวคนนี้ไม่ได้้าจะผลักมันตกจากกำแพงั้แ่แรก ทว่าคิดที่จะทำลายบันไดอันที่สอง...มันโดนหลอก!
เ้าเงาดำที่โกรธเกรี้ยวใช้แรงทั้งหมดที่มีกระชากเรเปียร์ออกมาและะโใส่เพียร์ซที่สลบไปจากการเสียเือย่างโมโห
“บัดซบเอ๊ย! ระวัง!”
ผู้บัญชาการบรู๊คะโด้วยความตื่นตระหนก แต่เพราะโดนยอดฝีมือพัวพันอยู่ จึงไม่สามารถทำอะไรได้
การสู้รบดำเนินมาตลอดทั้งวัน ทางฝั่งแซมบอร์ดที่ป้องกันเมืองซึ่งมียอดฝีมือเพียงไม่กี่คน เห็นได้ชัดว่าถูกฝ่ายตรงข้ามเฝ้าจับตาดูและส่งคนมาพัวพันกับพวกเขา ถ้ามองจากระยะไกล กระทั่งที่เป็หัวหน้าองครักษ์ของพระาาอย่างแฟรงก์ แลมพาร์ดยังถูกยอดฝีมืออีกคนของพวกเกราะดำพัวพันไว้เช่นกัน
ในเวลานี้ ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเพียร์ซนักรบผมขาวได้เลย
ดาบของเ้าเงาดำที่ลุกเป็ไฟก็อยู่ห่างจากคอของเพียร์ซเพียงไม่กี่เิเ...
แต่ในขณะที่นักรบผู้แข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้าจะถูกฟันลงต่อหน้า ในตอนนั้นเอง ก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน
"เฮ้ย เ้าโจรเกราะดำนั่น ลองสุดยอดอาวุธลับของปู่คนนี้ดูหน่อยเป็ไง!"
เสียงอันน่าเกรงขามของคนผู้หนึ่งดังมาจากระยะไกล เ้าเงาดำที่กำลังโมโหไม่ทันจะได้ยินเลยว่าฝ่ายตรงข้ามพูดอะไร รู้สึกได้เพียงลมแรงสายหนึ่งกำลังพุ่งตรงมายังด้านหลังศีรษะของมันซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังราวกับูเาที่สูงตระหง่านกำลังกดทับลงมา
มันสะดุ้งใ จากนั้นก็รั้งดาบที่จะแทงใส่เพียร์ซ ฟันไปด้านหลังเข้า
“ฉับ!”
‘อาวุธลับ’ ถูกฟันขาดเป็สองเสี่ยง ของเหลวสีแดงพุ่งทะลัก
เ้าเงาดำใ “บัดซบ! อาวุธลับบ้าบออะไรกัน?”
เนื่องจากตำแหน่งยืนของมันทำให้ไม่รู้ว่า ‘อาวุธลับ’ นั่นคืออะไร มันใช้ดาบควงเป็วงกลมเพื่อทำการป้องกันไม่ให้ของเหลวสีแดงกระเด็นมาโดนร่าง จากนั้นก็พุ่งตัวออกไปอีกด้านหนึ่ง แต่หลังจากที่มันจ้องมองไปยังอาวุธลับว่าคืออะไร ก็ยิ่งทำให้มันโกรธจนควันออกหู
กลายเป็ว่าอาวุธลับของอีกฝ่ายคือทหารเกราะดำคนหนึ่งของฝ่ายมัน ไม่รู้ว่าถูกใครบางคนจับทหารนั่นโยนมา เมื่อตัวเองตวัดดาบฟันทำให้ทหารคนนั้นขาดเป็สองท่อนทันที ในฝนเืที่สาดกระเด็นก็มีเสียงกรีดร้องหนึ่งดังขึ้น
“วะฮะฮ่า! กลัวงั้นเรอะ? เ้าไก่อ่อน กินขวานของท่านปู่คนนี้อีกรอบเป็ไง!”
เสียงหัวเราะดีใจแปลกๆ อย่างร่าเริงดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียงะเืเลื่อนลั่น เสียงโลหะที่กระทบกันดัง ‘เคร้ง เคร้ง เคร้ง’ จากราวกับอสูรเหล็กกำลังใกล้เข้ามา
เ้าเงาดำเงยหน้าขึ้น
ก็พบกับชายที่ใส่ชุดเกราะหนักเต็มตัวผู้หนึ่งที่ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยเกราะ มีเพียงบริเวณสองตาที่เปิดช่องเอาไว้ เหมือนคนเหล็กติดอาวุธก็ไม่ปาน ภายใต้แสงอาทิตย์ที่แสงอาบไปทั่วร่าง ทำให้เขาช่างดูทรงพลังเกินบรรยาย
ชายคนนั้นวิ่งมาเร็วมาก ราวกับ ‘อสูรเหล็ก’ ที่ป่าเถื่อนรุนแรง ทุกที่ที่เขาผ่าน เหล่าทหารเกราะดำก็เหมือนกับต้นข้าวที่โดนพายุเฮอริเคน ลอยขึ้นไปบนฟ้าและส่งเสียงกรีดร้อง
ในมือของ ‘อสูรเหล็ก’ ถือขวานสีดำขนาดั์ แสยะยิ้มอย่างมีความสุข เป้าหมายคือเ้าเงาดำของฝ่ายศัตรู
“เ้าโง่เอ๊ย เ้ากำลังหาที่ตายแล้ว!”
เ้าเงาดำมองมา ก็ประหลาดใจอยู่ชั่วขณะหนึ่ง จากนั้นก็ยิ้มอย่างเหยียดหยัน
ชุดเกราะหนักเต็มรูปแบบนั้นจะถูกใช้โดยทหารม้าอย่างเช่นพวกอัศวิน แต่จะมีทหารแนวหน้าคนไหนจะสวมชุดเกราะหนักยี่สิบห้าถึงสามสิบกิโลกรัมมาเพื่อฆ่าศัตรูกัน? และเ้าหมอนั่นวิ่งมาเสียงดังก้อง จังหวะการเดินก็เลื่อนลอย ดูก็รู้ว่าเ้าโง่ผู้นี่ไม่มีพื้นฐานอัศวินแม้แต่น้อย เห็นได้ชัดว่าเป็แค่เ้าโง่ที่มีดีแต่พละกำลังที่ไม่ต่างกับหมีโง่ตัวนี้ เงาดำก็ยิ่งมั่นใจมาก แม้ว่าหมอนี่จะสวมชุดเกราะหนักปกป้องร่างกาย แต่ด้วยกระบี่ของเขาก็สามารถที่จะจบชีวิตโง่ๆ ของเ้าหมอนี่ได้
“ไปหัวเราะกับมัจจุราชซะเถอะ! เ้าสารเลวหน้าโง่!”
เ้าเงาดำใส่พลังทั้งหมดลงในอาวุธของตัวเอง จนเปลวเพลิงปรากฎขึ้นบนดาบอีกครั้ง จากนั้นก็พุ่งแทง ‘หมีั์หน้าโง่’ ที่กำลังวิ่งเข้ามาหา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้