ประมาณสิบนาทีต่อมา ประตูของห้องส่วนตัวก็เปิดออก ชายวัยกลางคนร่างกายกำยำคนหนึ่งเดินนำเข้ามาก่อน เขาสวมชุดสูทพอดีตัว แต่น่าเสียดายที่รูปโฉมธรรมดาจริงๆ มากสุดก็ถือว่าธรรมดา แค่ดูมีมาดอยู่บ้าง พอเข้าประตูมาก็หัวเราะเสียงดัง “สาวๆ ทุกท่านยินดีต้อนรับ ยินดีต้อนรับ ขอโทษด้วยผมมาสายแล้ว … มาสายแล้ว! อีกสักครู่ผมจะลงโทษตัวเองสักสามแก้ว ลงโทษสักสามแก้ว”
หลังจากที่พูดจบ เมื่อเห็นพวกเจียงไป๋ที่เป็ผู้ชายสามคนแล้ว เขาก็ตะลึงงันอย่างเห็นได้ชัด และมองหลิวลี่แวบหนึ่ง พอเห็นหลิวลี่ส่งสายตาหวานหยาดเยิ้มให้ ราวกับรู้และพยักหน้าทันที มุมปากก็เผยรอยยิ้มขึ้น
“ที่รัก คุณมาได้สักที ทำไมถึงได้ช้าอย่างนี้ล่ะคะ … ”
หลิวลี่รีบเข้าไปหาและกอดแขนอันล่ำสันของอีกฝ่ายพลางพูดอย่างแสร้งทำเป็งอน และห้อยอยู่ที่ตัวของอีกฝ่ายราวกับหมีโคอาล่า ทำให้ทรวงอกที่มีไม่น้อยนั้นยิ่งโผล่ออกมา
“นางจิ้งจอก!”
หม่าซูเยี่ยนประณามเบาๆ แต่กลับถูกหลินหว่านหรูดึงมือไว้ทันที และก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“ฮ่าๆ เมื่อครู่มีธุระนิดหน่อย … นิดหน่อย มา มา มา ทุกคนนั่งลง นั่งลง อีกสักครู่แนะนำเพื่อนเธอให้ฉันรู้จักหน่อยสิ สาวๆ เยอะขนาดนี้ฉันโจวฮั่นเพิ่งจะเคยเจอเป็ครั้งแรก”
โจวฮั่นหัวเราะเสียงดัง และถือโอกาสโอบเอวที่เรียวบางของหลิวลี่ ทั้งยังสังเกตพวกหลินหว่านหรูทุกๆ คน ตอนที่เห็นหลินหว่านหรู เจียงไป๋รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าลูกตาของคนคนนี้แทบจะถลนออกมาแล้ว สายตาเผยความอยากออกมาชัดเจน
“เธอคนนี้คือ?”
โจวฮั่นเดินผ่านไปสองก้าวแล้วดึงแขนที่ถูกหลิวลี่กอดไว้ออกอย่างไม่รู้ตัว เขาชี้หลินหว่านหรูที่อยู่ตรงหน้าพลางถาม และไม่เห็นเจียงไป๋กับเด็กผู้ชายที่น่าสงสารอีกสองคนอยู่ในสายตา
“เพื่อนในชมรมเต้นรำของพวกเรา ชื่อหลินหว่านหรู ดาวมหาวิทยาลัยของพวกเรา! ฉันเสียแรงไปมากกว่าเธอจะยอมตกลงมาได้ ใช่แล้วคุณอย่าเห็นว่าเธอสวยก็จะคิดอะไรเพ้อเจ้อ! เธอเป็เด็กดี ยังไม่เคยมีแฟนมาก่อน!”
หลิวลี่ก็ไม่ตำหนิที่โจวฮั่นมีท่าทางอย่างนี้ ราวกับไม่รู้ว่าคนคนนี้คิดอะไรอยู่ เธอทำเป็ดุและเดินเข้าไปพูดอย่างออดอ้อน
“ไม่หรอก ไม่หรอก!”
โจวฮั่นถูฝ่ามือไปมาแล้วหัวเราะ แต่สายตาที่ละโมบคู่นั้นไม่ละจากหลินหว่านหรูแม้แต่น้อย
จนทำให้หลินหว่านหรูขมวดคิ้วทันที
แต่อย่างไรเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่แข็งแกร่งเป็พิเศษ นอกจากเจียงไป๋แล้วก็น้อยมากที่เธอจะหน้าแดงกับคนอื่น เธอเป็เหมือนกับช้างเผือกในครอบครัวเล็กๆ ตามแบบฉบับคนหนึ่ง ในเวลานี้ถึงแม้ภายในใจจะไม่พอใจอยู่บ้าง และมองเจียงไป๋อย่างเป็กังวลแวบหนึ่ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเลยั้แ่ต้น
หากเป็เหยาหลาน เกรงว่าตอนนี้ทั้งสองก็คงจะถกเถียงกันจนลงไม้ลงมือไปแล้ว!
“ทุกคนนั่ง ทุกคนนั่ง มา มา ทั้งหมดนั่ง อีกสักครู่ผมมีเพื่อนอีกสองสามคนจะมาด้วยพอดี ถึงเวลานั้นทุกคนก็รู้จักกันสักหน่อย ล้วนเป็คนที่พอมีอิทธิพลในสังคม ทุกคนรู้จักกันไว้สักหน่อยก็ล้วนมีผลดีต่อทุกคนในอนาคต อีกสองปีทุกคนก็จะเรียนจบแล้ว ผมดูแล้วสามารถไปทำงานที่บริษัทของเพื่อนๆ ผมได้ ผมรับประกันเงินเดือนสูง”
โจวฮั่นไม่ได้มองหลินหว่านหรูอีก เขาพูดกับทุกๆ คน และจัดการให้ทุกคนนั่งที่ ส่วนตัวเขานั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะที่อยู่ตรงข้ามประตูพอดี พลางพูดอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนหลิวลี่ก็นั่งติดกับเขาอยู่ด้านซ้าย
สักพักเพื่อนๆ ของโจวฮั่นก็มาถึง พวกเขาเป็ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่าปีทั้งหมด ดูแล้วฐานะแต่ละคนไม่ด้อยเลย การงานประสบความสำเร็จ แต่ละคนสวมชุดสูท แสร้งสวมใส่อย่างดูมีมาดจริงจัง ใส่นาฬิกาข้อมือที่ราคาไม่ธรรมดา พอเข้าประตูมาก็ทักทายกับโจวฮั่น ภายใต้การต้อนรับของโจวฮั่นก็ทยอยกันนั่งลง
ไม่รู้ว่ามีเจตนาอื่นหรือไม่ คนสี่คนที่มาล้วนถูกจัดให้ไปนั่งข้างๆ นักศึกษาหญิงคนละหนึ่งคน หากไม่ใช่เพราะเจียงไป๋กับเด็กผู้ชายอีกสองคนอยู่ แบบนั้นก็ไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไร
แต่ถึงจะเป็เช่นนั้น หลี่ผิงก็ยังคงถูกจัดให้มาอยู่ตรงด้านซ้ายของหลิวลี่ เธอนั่งลงข้างๆ ผู้ชายคนหนึ่ง
สำหรับแฟนหนุ่มที่น่าสงสารของเธอนั้น ก็ถูกจัดให้ไปนั่งข้างๆ เจียงไป๋
โจวฮั่นยังอยากให้หลินหว่านหรูเข้ามานั่งใกล้ๆ แต่หลินหว่านหรูปฏิเสธ โจวฮั่นยิ้มเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรมาก แค่มองเจียงไป๋แวบหนึ่ง แล้วก็หันหลังไป ั้แ่ต้นจนจบก็ไม่พูดกับเจียงไป๋แม้แต่คำเดียว บนโต๊ะจัดเลี้ยงยังแนะนำฐานะและชื่อของคนที่มาใหม่สองสามคนให้ทุกคนรู้จัก และก็ถือว่ารู้จักกันแล้ว พอปริปากก็ล้วนมีแต่เถ้าแก่นั่น เถ้าแก่นี่
“มา มา มา เสิร์ฟอาหาร”
พอทุกคนเข้าที่นั่งแล้วโจวฮั่นก็สั่งให้เริ่มเสิร์ฟอาหาร
สักพักอาหารก็วางเต็มโต๊ะ อาหารชั้นเยี่ยมราคาแพงอย่างกุ้งั หอยเป๋าฮื้ออย่างนี้ล้วนมีครบครัน
“วันนี้เป็วันเกิดของเสี่ยวลี่ ขอบคุณทุกๆ ท่านที่มาร่วมฉลอง นี่เป็การให้เกียรติเสี่ยวลี่ และก็เป็การให้เกียรติผมเหลาโจว ผมซาบซึ้งใจเป็อย่างยิ่ง วันนี้คนที่มานอกจากเพื่อนๆ ของเสี่ยวลี่แล้ว ยังมีเพื่อนของผมอีกสองสามคน วันนี้ทุกคนก็รู้จักกันแล้ว ต่อไปก็สนิทสนมกันไว้ให้มากหน่อย ฮ่าๆ มา ชนแก้วกัน”
โจวฮั่นหัวเราะเสียงดัง แล้วยืนขึ้น เขาปริปากพูดเป็คนแรก และถือว่าเป็คนเปิดงาน
คนอื่นๆ ก็ทยอยกันยืนขึ้น
เมื่อเจียงไป๋ได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้วแต่ไม่ได้พูดอะไร
อะไรที่เรียกว่าสนิทสนมกันไว้ให้มากหน่อย?
“อ้าว สาวๆ ทำไมไม่ดื่มเหล้ากันล่ะ? ทำไมถึงไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้?”
ทางด้านหลินหว่านหรูก็ยกน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว ส่วนเจียงไป๋ก็เช่นกัน
สำหรับคนอื่นๆ จะมากหรือน้อยก็ยกแก้วเหล้าเพราะเหตุผลบางประการ ผู้ชายเป็เหล้าขาว ผู้หญิงเป็ไวน์ แม้แต่หม่าซูเยี่ยนก็ไม่คัดค้านเื่นี้ แต่เพิ่งจะยืนขึ้น ผู้ชายคนหนึ่งก็ปริปากพูดแล้ว เขาจ้องหลินหว่านหรูพลางพูด
ฟังตอนแนะนำ เหมือนจะเป็เถ้าแก่ของบริษัทการค้าต่างประเทศอะไรสักอย่าง ตอนที่พูดก็แปลกประหลาด ทำให้รู้สึกแย่มาก
“ใช่ หว่านหรูในเมื่อมาแล้ว จะมากหรือน้อยก็ต้องดื่มสักหน่อย วันนี้เป็วันเกิดฉัน ก็ถือว่าเห็นแก่หน้าฉันนะ!”
หลิวลี่ช่วยเสริมอยู่ข้างๆ เธอมองหลินหว่านหรูอย่างมีความหวัง ราวกับว่าถ้าหลินหว่านหรูไม่ดื่ม เธอก็จะขายหน้ามาก
“เื่นี้ … ก็ได้ … ”
สักพักหลินหว่านหรูก็ตอบตกลง
ที่สำคัญคือเพราะเจียงไป๋อยู่ข้างๆ เธอจึงรู้สึกปลอดภัยมาก หากเธอคนเดียว เธอจะไม่ตกลงเด็ดขาด
“ฮ่าๆ เปลี่ยนเป็เหล้า”
เมื่อครู่คนคนนั้นที่พูดว่าเถ้าแก่หนิวอะไรนั่นโบกมือเสียยกใหญ่ หลังจากนั้นก็เทเหล้าให้หลินหว่านหรูหนึ่งแก้วใหญ่ๆ วางไว้ตรงหน้าเธอ และเพิ่งจะยกแก้วขึ้นดื่ม คนอื่นๆ ก็ทยอยกันยกดื่มจนหมด
หลินหว่านหรูขมวดคิ้ว มองดูแล้วก็ฝืนดื่มลงไป
สำหรับเจียงไป๋ ั้แ่ต้นจนจบเขาดื่มแต่น้ำเปล่า และก็ไม่มีใครสนใจเขาเลย
เด็กผู้ชายสองคนที่อยู่ข้างๆ กลับดื่มเหล้า แต่ก็ไม่มีใครสนใจเช่นกัน ราวกับว่าพวกเขาสามคนเป็ส่วนเกิน
“แก้วที่สอง มา ดื่มแก้วที่สอง”
เพิ่งวางแก้วลงและกินข้าวได้ไม่เท่าไร เถ้าแก่หนิวคนเมื่อครู่ก็ปริปากแล้ว ทั้งยังลุกขึ้นเพื่อจะดื่มกับทุกคนอีก
“ขอโทษด้วย ฉันดื่มไม่ได้แล้ว”
ไวน์แค่แก้วเดียว หลินหว่านหรูก็หน้าแดงแล้ว แก้วที่สองไม่ว่าอย่างไรก็จะไม่ยอมดื่มอีก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้