“มู่อันเหยียน เ้าเลิกเสแสร้งเสียทีเถิด! เ้าเป็สตรีที่ฉลาดแกมโกง ใจดำและหัวรุนแรง เล่ห์ของเ้า ข้ามองออกตั้งนานแล้ว”
มู่เอ้าเทียนพุ่งตัวไปทางเสียงคร่ำครวญกระหืดกระหอบที่ะโใส่ฮวาเหยียนด้วยใบหน้าที่โกรธจัดทันที
“เ้ามองอันใดออกนานแล้วหรือ? ไอ้หมอนี่ ข้าจะบอกเ้าให้รู้ไว้ว่าจะพูดจะจาอันใดระวังเปิ่นหวางคนนี้ด้วย”
ก่อนที่ฮวาเหยียนจะกล่าวอันใด มู่เอ้าเทียนเป็คนแรกที่มิอาจทนได้เมื่อเห็นบุตรสาวแสนล้ำค่าของเขาถูกคนอื่นใส่ร้าย เขาจึงกล่าวออกมาอย่างเ็าทันที
“ไอ้เด็กตัวเหม็น พ่อเ้าสอนเ้าั้แ่ยังเด็กว่าให้ปฏิบัติกับสตรีเช่นนี้หรือ? ”
เจียงถิงตบเจียงจือเฮ่าเข้าที่หน้าผากไปอีกฉาด และนั่นก็ทำให้เขาเวียนหัวเป็อย่างยิ่ง
เจียงจือเฮ่าถูกทำร้าย เหตุใดทุกคนถึงหันมาสั่งสอนเขาเล่า บิดาของเขาก็ทุบตีเขาด้วย
นั่นเพราะว่าเขาหยิบยกเื่นี้ขึ้นมาหรือ?
ข้าอยากร้องไห้จนตายเสียจริง
"ท่านพ่อ ท่านจะรู้อะไร? ฮึ สตรีนางนี้..."
ใบหน้าของเจียงจือเฮ่าเต็มไปด้วยความคับข้องหมองใจและความขุ่นเคืองต่อความไม่เป็ธรรมและพร้อมที่จะแสดงออก
เจียงถิงไม่ยินยอมที่จะฟังต่อ ในสายธารความคิดของเขาได้สร้างเื่ราวออกมาเป็รูปเป็ร่างแล้ว เขามองไปที่ท่าทางระหว่างแม่นางแซ่มู่กับบุตรชายของเขา ดูเหมือนบรรยากาศจะไม่ค่อยดีนัก ทว่าก็เป็คนหนุ่มสาวที่ชอบส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวเท่านั้น
ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เขายังหนุ่ม ตอนที่เขาทะเลาะกับฟูเหริน ก็เป็เขาที่ขออภัยนางก่อนทุกครั้ง
“ไอ้ลูกหน้าเหม็น แกจะหยาบคายกับสตรีขนาดนี้มิได้ เป็เื่ปกติที่คนหนุ่มสาวเช่นพวกเ้าจะทะเลาะกัน แต่เ้าไม่อาจพูดจาหยาบคายต่อกันได้ เพราะมันง่ายต่อการทำร้ายความรู้สึกของกันและกัน โดยเฉพาะตอนนี้ที่พวกเ้ามีลูกด้วยกันแล้ว พวกเ้าถือว่าต้องมีความรับผิดชอบที่มากขึ้นไปอีก เข้าใจหรือไม่? ”
เจียงถิงเปิดปากกล่าวสั่งสอนอย่างจริงจัง
ไม่อาจไม่บอกได้ว่าคำพูดนี้ดีเยี่ยมจริงๆ ทุกคนพยักหน้าเมื่อได้สดับรับฟัง นึกไม่ถึงเลยว่าเจียงถิงที่ทั้งอารมณ์โมโหรุนแรง ทั้งดื้อรั้นจะมีทัศนคติที่ชอบธรรมเช่นนี้ได้ ที่แท้แล้วเขาก็มีอารมณ์ที่ลึกซึ้งเช่นกัน
แต่ทันทีที่พูดคำเหล่านี้ออกมา หัวข้อที่เพิ่งหลุดจากความสนใจก็หวนคืนกลับมา
อันใดคือการที่กล่าวว่ามีเด็กน้อยแล้ว? อะไรคือการที่กล่าวว่าคู่รักหนุ่มสาวชอบทะเลาะเบาะแว้งกัน?
เกรงว่าเ้าอาจจะเข้าใจอันใดผิดไป
“ท่านพ่อ ท่านกำลังกล่าวเื่ไร้สาระอันใด? ผู้ใดมีลูกกับนาง? ข้าไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับแม่นางตระกูลมู่เลยสักนิด! ”
เจียงจือเฮ่าคำรามก้อง
ตอนนี้เขาเป็ทุกข์อย่างยิ่ง หลังคอที่โดนท่านพ่อตบก็เริ่มแสบร้อน อีกทั้งหูก็เริ่มบวมเป่ง ไม่ต้องพูดถึงโทษโบยสิบไม้ที่องค์รัชทายาทประทานให้เมื่อวาน เพราะตอนนี้เขาแค่ลองขยับะโขึ้นลง าแก็เปิดเรียบร้อยแล้ว และมันทำให้เขาเจ็บจะตายอยู่แล้ว
ยิ่งเขาเ็ปมากเท่าไหร่ สายตาแห่งโทสะที่พุ่งไปยังร่างของฮวาเหยียนก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น
“ในที่สุดเปิ่นหวางก็ฟังเข้าใจ! ”
อีกด้านหนึ่งมู่เอ้าเทียนที่ระงับความโกรธของเขาสำเร็จได้เปิดปากของเขาพูดขึ้นมา คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความโกรธเนื่องจากคำพูดของเจียงถิง ในที่สุดเขาก็วิเคราะห์จนเข้าใจ เจียงถิงกำลังคิดจะขโมยหลานชายตัวน้อยของเขาไป เ้าเฒ่าหยาบคาย เขาไม่ได้คาดหวังว่าตาแก่เจียงจะมีแผนเช่นนี้
มู่เอ้าเทียนแสดงความโกรธของเขาออกมา
“เจียงถิง กลางวันแสกๆ เช่นนี้ เ้ากำลังฝันหวานอันใดอยู่? บุตรสาวตระกูลมู่ของข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอันใดกับบุตรชายของเ้า และหยวนเป่าน้อยก็เป็คนของตระกูลมู่ เ้าจงทำความเข้าใจเสียใหม่”
มู่เอ้าเทียนกล่าวต่อ
แต่ผู้ใดจะทราบว่า เมื่อมู่เอ้าเทียนพูดจบลง เจียงถิงก็โบกมือไปมาก่อนกล่าวว่า "พอแล้ว เ้าไม่จำเป็ต้องอธิบายอันใดอีก ภายในใจของข้าย่อมทราบดี"
ทราบดี? ผายลม!
ในขณะนี้ฝูงชนรอบๆ พวกเขายิ่งสนใจละครฉากใหญ่ตรงหน้านี้ และใบหน้าของมู่เอ้าเทียนก็ยิ่งกลายเป็สีดำทะมึน
ฮวาเหยียนทนไม่ไหวแล้ว นางก้าวเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าวแล้วพูดกับเจียงถิงว่า “ท่านลุงเจียง ท่านคงเข้าใจผิดไปแล้วจริงๆ เ้าค่ะ ลูกของข้า หยวนเป่าน้อย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับบุตรชายของท่านจริงๆ และข้าก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์อันใดเกี่ยวข้องกับบุตรชายของท่านด้วยเ้าค่ะ”
การแสดงออกของฮวาเหยียนนั้นจริงจังยิ่งนัก รัศมีของนางโดดเด่น รวมถึงรูปลักษณ์ของนางเองก็งดงามเป็อย่างยิ่ง
แต่เจียงถิงเป็คนหัวรั้น แม้แต่วัวสิบตัวก็ไม่สามารถดึงสิ่งที่เขาเชื่อกลับคืนมาสู่ความจริงได้
แต่เมื่อเขาได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน เขาก็ถอนหายใจก่อนจะพูดว่า "แม่นางน้อยตระกูลมู่ ตระกูลเจียงของข้าต้องขออภัยเ้าจากใจจริง..."
ฮวาเหยียน "...! "
มู่เอ้าเทียน "...! "
หยวนเป่า "...! "
“ข้ารู้ว่าเ้ามีความแค้นอยู่ในใจ เ้าบุตรชายหน้าเหม็นคนนี้คงทำร้ายเ้าอย่างสุดซึ้ง เ้าที่เป็เพียงแม่นางน้อยแต่กลับต้องดูแลบุตรเพียงคนเดียวถึงสี่ปี คงถูกว่าร้ายนินทาสารพัด อ่า... ข้าเรียนมาไม่มากนัก เป็บุตรชายของข้าที่ปิดบังแอบกระทำลับๆ ข้าอาจจะพูดไม่ค่อยเก่ง แต่สรุปก็คือไอ้เด็กเหม็นนั่นทำร้ายเ้า หากในใจของเ้าจะโทษเขาหรือโกรธเขา ย่อมเป็เื่สมควร แต่ข้ารับรองได้ว่าหากเ้าแต่งเข้าตระกูลเจียงของข้า ตระกูลเจียงของพวกเราจะไม่ปล่อยให้เ้าทนทุกข์เพิ่มขึ้นอีกแม้แต่วันเดียวแน่นอน”
ฮวาเหยียนสูดลมหายใจลึก เจียงถิงผู้นี้มิอาจมิดำดิ่งสู่โลกของตัวเองได้หรือไม่?!
พวกเขาทุกคนล้วนบอกแล้วว่าหยวนเป่าน้อยไม่ใช่หลานของตระกูลเจียง อีกทั้งยังบอกอีกว่านางไม่เกี่ยวข้องอันใดกับเจียงจือเฮ่า
“ท่านพ่อ ท่านเข้าใจผิดแล้วจริงๆ เด็กคนนี้ไม่ใช่บุตรของข้า ไม่ใช่ของข้าท่านยินหรือไม่ ข้าเพิ่งรู้จักมู่อันเหยียนเมื่อสองสามวันก่อน... ไม่ ไม่ ไม่ ไม่สามารถกล่าวได้ว่ารู้จักกัน เพราะพวกเราเป็ศัตรูกัน! "
เจียงจือเฮ่าะโก้อง ใบหน้าของเขาแดงก่ำด้วยความวิตกกังวล
บิดาของเขายกมือขึ้นมาอีกครั้ง การตบครั้งยิ่งใหญ่กำลังจะกลับมาและกำลังจะลงไปที่หน้าของเขา เจียงจือเฮ่ารีบถอยทันที ช่วยด้วย! บิดาของเขาเป็บ้าไปแล้ว
“มู่เอ้าเทียน เ้ายังมีข้อเรียกร้องใดเพิ่มเติมอีก ขอเพียงแค่เ้ากล่าวมา ข้า เจียงถิง จะทำให้ครอบครัวของเ้าพอใจแน่นอน บุญคุณความแค้นใดๆ เ้าปล่อยวางลงเสียเถิด เพราะหลังจากนี้ก็จะได้กลายเป็ครอบครัวเดียวกันแล้ว”
เจียงถิงโบกมือราวกับว่าข้านี่ช่างเป็คนใจกว้างเสียจริง
ช่าง...
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนดำคล้ำ "เจียงถิง เ้าหยุดพูดจาไร้สาระและทำลายชื่อเสียงของบุตรสาวข้า บุตรสาวของข้าไม่มีวันชายตามองบุตรชายที่โง่เขลาของเ้า ผู้ใดอยากจะเป็ครอบครัวเดียวกับเ้ากัน ข้ามาที่นี่ในวันนี้ก็เพื่อทวงเงินจาก บุตรชายของเ้าที่ถูกลอบสังหารเมื่อไม่กี่วันก่อนและเกือบตายในถิ่นทุรกันดาร บุตรสาวของข้าเป็ผู้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้และเขียนสัญญาหนี้จำนวนสองหมื่นตำลึง เ้าใช้เงินเพื่อแลกกับบุญคุณการช่วยชีวิตบุตรชายของเ้า คุ้มค่าเพียงใดที่มันสามารถแลกเปลี่ยนเป็เงินได้ "
มู่เอ้าเทียนไม่้าเื่ไร้สาระที่ไม่จำเป็อีกต่อไป เขาจึงกล่าวออกมาตามตรง
เขาไม่ได้พูดถึงเื่ดอกบัวพันปีนั่น เพียงแค่กล่าวถึงเื่บุญคุณที่ช่วยชีวิตเอาไว้และจัดการคิดบัญชีทั้งหมดในคราวเดียว
บ้าจริง วงจรสมองของเจียงถิง ไม่รู้ว่ามันเติบโตมาอย่างไร
“ใช่แล้ว ท่านลุงเจียง นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนเองก็พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว
เจียงถิงมองคนนี้ เสร็จแล้วก็หันมองคนนั้น ในใจคิดว่าพวกคนตระกูลมู่คงวางแผนจากบ้านมาั้แ่แรกแล้ว พวกเขา้าใช้เงินเพื่อซื้อการแต่งงานระหว่างบุตรชายของเขากับบุตรีคนโตของตระกูลมู่ ดังนั้นเด็กน้อยก็จะตกเป็ทายาทของตระกลมู่ตามธรรมชาติ
เขาเงยคางขึ้นมองท้องฟ้า ราวกับกำลังครุ่นคิด ดูเหมือนว่าชะตากรรมของบุตรชายโง่เง่าของเขาและแม่นางน้อยตระกูลมู่จะเริ่มต้นจากการช่วยชีวิต ดังนั้นเด็กสองคนนี้น่าจะมี่เวลาแห่งความผาสุกด้วยกัน เพียงแต่เมื่อเวลาผันผ่านไป ความสุขสงบนั้นก็กลับกลายเป็สถานการณ์หันปลายเข็มต่อปลายเข็ม [1]
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่ต้องทนทุกข์มามากมาย ก็ย่อมมิอาจให้อภัยได้โดยง่ายแน่นอน
เจียงถิงมองไปที่ฮวาเหยียนจากนั้นก็มองไปที่หยวนเป่าน้อย... มันจะช่างยากเย็นขนาดไหนกันกับการที่สตรีคนหนึ่งจะต้องดูแลเด็กอยู่นอกบ้านเป็เวลาถึงสี่ปี? ทั้งหมดเป็ความผิดของบุตรชายของเขาเอง
หยวนเป่าน้อยยิ่งดูยิ่งเหมือนกับเ้าบุตรชายหน้าเหม็นเมื่อครั้งยังเยาว์
ดวงตาของเจียงถิงอ่อนโยนลงโดยไม่รู้ตัว เขาหยุดเพื่อจ้องมองไปยังแววตาใสคู่นั้น
มู่เอ้าเทียนและคนทั้งสาม พูดไม่ออกเมื่อจ้องมองไปยังสายตาของเจียงถิง
“เพื่อลูก พวกเ้าสองคนยังต้องคุยกันให้ดี ไม่ใช่ว่าพวกเ้าไม่มีความรู้สึกให้กันในตอนแรกหรอกหรือ ภายหลังยังมีเื่บุญคุณที่ช่วยชีวิตอีก นั่นย่อมนับเป็สัญญาที่ผูกมัดระหว่างกันและกัน"
เชิงอรรถ
[1] หันปลายเข็มต่อปลายเข็ม 针锋相对 Zhēnfēngxiāngduì หมายถึง กล่าวให้ร้ายซึ่งกันและกัน อุปมาว่าทั้งสองฝ่ายมีทรรศนะ นโยบาย หรือปฏิบัติการ ฯลฯ ที่เป็ปฏิปักษ์กันอย่างแหลมคม เทียบสำนวนไทยได้แก่ "ตาต่อตา ฟันต่อฟัน"
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้