ซูเฟยยิ้มบางๆ เมื่อลมหนาวพัดมา ทำให้เสื้อคลุมขนสัตว์ตัวนอกขอนางปลิวไปตามแรงลม ซูเฟยเอ่ยด้วยน้ำเสียงเป็ห่วง “ที่วันนี้ข้าให้เ้ามาที่นี่ก็เพราะมีเื่เื่หนึ่ง”
หนิงมู่ฉือได้ฟังก็มองซูเฟยอย่างงุนงง ซูเฟยทาริมฝีปากด้วยชาดสีแดงสด เมื่ออยู่ท่ามกลางความมืดเช่นนี้ แลดูน่ากลัวยิ่งนัก นางรีบก้มหน้าลงก่อนจะเอ่ยถาม “พระสนมรับสั่งมาเถอะเพคะ หากบ่าวช่วยได้บ่าวก็จะช่วย”
หนิงมู่ฉือกระพริบตาปริบๆ ดูเ้าเล่ห์อย่างไรชอบกล
ซูเฟยยิ้มพลางยื่นมือไปที่เข่าของหนิงมู่ฉือ “ข้าอยากปรึกษากับเ้าเื่หนึ่ง ข้าเห็นเ้ามีฝีมือทำอาหารยอดเยี่ยม จึงหวังอยากให้เ้ามาเป็คนของข้า ให้ข้าได้ใช้งาน”
หนิงมู่ฉือชะงักไปชั่วครู่ มองซูเฟยอย่างไม่อยากจะเชื่อ น้ำเสียงตะลึงอย่างเห็นได้ชัด “พระสนม…”
“หืม? ทำไมหรือ” สีหน้าซูเฟยเปลี่ยนเป็ลุ่มลึกแบบทันควัน
หนิงมู่ฉือเห็นเยี่ยงนั้นรู้สึกเครียดขึ้นมาทันที นางมีสีหน้าลำบากใจ องค์หญิงซีเยวี่ยเห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็หลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะเอ่ยกับซูเฟยว่า “พี่สาว ซีเยวี่ยเคยบอกกับท่านแล้วว่า สตรีนางนี้เหลี่ยมจัดนัก ไม่มีทางตอบตกลงท่านอย่างแน่นอน อีกอย่างผู้คนล้วนพูดว่า นางสนิทสนมกับเต๋อเฟยเป็พิเศษ”
ซูเฟยได้ฟัง สีหน้าเปลี่ยนเป็ลึกล้ำพลางยิ้มอ่อนขณะมองหนิงมู่ฉือ แม้แต่น้ำเสียงก็เปลี่ยนเป็ดูน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด “หืม? เช่นนั้นหรือ สตรีนางนี้มีความสามารถเพียงนั้นเชียว เ้าไม่อยากตอบตกลงหรือ แต่ข้าขอบอกเ้า ถึงเ้าไม่อยากเ้าก็ต้องตอบตกลง!”
สีหน้าซูเฟยเปลี่ยนเป็เ็า หนิงมู่ฉือได้ยินประโยคนี้ของซูเฟย ในใจรู้สึกหวาดกลัวยิ่ง มองซูเฟยด้วยสายตาไม่สงบ รีบคุกเข่าก่อนจะเอ่ย “ทูลพระสนม บ่าวมิได้หมายความเช่นนั้นเพคะ”
“เยี่ยงนั้นเ้าหมายความว่าอย่างไร” ซูเฟยเริ่มรู้สึกมีความหวังขึ้นมา ขณะจ้องมองหนิงมู่ฉือนิ่ง
เวลานี้เองที่เต๋อเฟยเร่งรุดจนมาถึงอุทยานของวังหลวง นางมองเข้าไปในศาลา เห็นหนิงมู่ฉือคุกเข่าอยู่ต่อหน้าซูเฟยด้วยท่าทีใแกมหวาดกลัว สีหน้านางเปลี่ยนเป็เ็า เดินไปทางศาลาด้วยท่วงท่าสง่างาม
ชุนเถาเห็นเต๋อเฟยในชุดสีม่วงอ่อนกำลังเดินตรงมาทางนี้ จึงรีบกล่าวรายงานแก่ซูเฟย “พระสนม เต๋อเฟยเสด็จมาเพคะ”
ซูเฟยได้ยินจึงจ้องมองหนิงมู่ฉือด้วยประกายตาดุร้ายพร้อมกับกล่าวว่า “ช่างหาที่พึ่งเสียจริงนะ ที่พึ่งของเ้ามาได้ตรงเวลาทีเดียว”
หนิงมู่ฉือรู้ทันทีว่านางได้ล่วงเกินแม่เสือแห่งวังหลวงเข้าให้แล้ว ไม่แน่ว่าการมาของเต๋อเฟยอาจจะช่วยชีวิตนางเอาไว้ได้ก็เป็ได้ ในใจนางรู้สึกขอบคุณและเลื่อมใสเต๋อเฟยเป็ที่สุด แทบอยากจะวิ่งไปเกาะขาเต๋อเฟยเสียเดี๋ยวนี้
ครั้นเต๋อเฟยเดินมาถึงศาลา เห็นซูเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสีหน้าหยิ่งผยอง นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มหวาน “นานแล้วที่ข้าไม่ได้พบพี่สาว อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดถึงมานั่งอยู่ในศาลาเพคะ เยี่ยงนี้ไม่ดีต่อสุขภาพนะเพคะ”
ซูเฟยยิ้มพลางลุกขึ้นยืน ค่อยๆ พาร่างอรชรอ้อนแอ้นของตัวเองเดินตรงเข้าไปหาเต๋อเฟย แต่ละก้าวเต็มไปด้วยความยโส “น้องเต๋อเฟย ดูเหมือนเื่นี้จะเป็เื่ของข้านะ พอดีว่าข้าชื่นชอบวิวทิวทัศน์ยามต้นฤดูหนาวมากก็เท่านั้นเอง”
หนิงมู่ฉือที่ยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้นเหมือนได้กลิ่นประกายไฟจากพระสนมทั้งสอง หัวใจเต้นแรงประหนึ่งจะกระดอนออกมา
เต๋อเฟยยิ้มขณะมองเตาอุ่นในมือซูเฟย “เอ๋ เตาอุ่นในมือพี่สาวคือเตาอุ่นที่ฝ่าาพระราชทานให้ใช่หรือไม่เพคะ อากาศเริ่มหนาวแล้ว น้องก็ได้รับพระราชทานมาเช่นกัน”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าซูเฟยเปลี่ยนไปทันที เตาอุ่นอันนี้ใช่ของที่ฝ่าาพระราชทานให้นางที่ไหนกัน เป็เตาอุ่นที่นางให้ท่านพ่อซึ่งอยู่นอกวังสั่งช่างทำมาให้นางต่างหาก ถึงกระนั้นนางก็ยังพยักหน้าออกไปอย่างประดักประเดิดยิ่ง
เต๋อเฟยเลื่อนสายตาไปยังองค์หญิงซีเยวี่ยซึ่งนั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จามาั้แ่ต้น พร้อมกับกล่าวด้วยรอยยิ้ม “องค์หญิงจากต่างแคว้นช่างเป็สาวงามโดยแท้ ผิวขาวของน้องซีเยวี่ยช่างงามเหลือเกิน งามจนน่าหลงใหล”
ซูเฟยแค่นเสียงฮึขณะเดินตรงเข้าไปหาเต๋อเฟยอย่างท้าทาย ใบหน้าซึ่งฉายแววเ็าภายใต้เครื่องประทินโฉมหนาเตอะ คาดว่าป่านนี้น่าจะแดงก่ำด้วยความโมโหไปแล้วเป็แน่แท้
ซูเฟยเดินไปหยุดตรงหน้าเต๋อเฟย “น้องสาวสายตาไม่ดีหรืออย่างไร ซีเยวี่ยเข้าวังมาตั้งนาน เ้าเพิ่งเห็นนางหรือ หรือ่นี้ฝ่าาทรงโปรดน้องมากเกินไปจนรู้สึกมีความสุขมากไป”
เต๋อเฟยได้ฟังย่อมต้องไม่พอใจอยู่แล้ว ทว่าก็ยังคงยิ้มขณะเอ่ยตอบ “ใช่เพคะ ่นี้ฝ่าาทรงดีต่อน้องมาก น้องก็เลยอยากทำบางอย่างเพื่อตอบแทนฝ่าา น้องไม่คิดเลยว่าฝ่าาจะยกแม่นางหนิงให้น้องดูแล ถือเป็เกียรติแก่น้องยิ่งนัก”
หนิงมู่ฉือเหลือบมองพระสนมทั้งสอง พบว่าเล็บของพระสนมซูเฟยแทบจะจิกเข้าไปในเนื้ออยู่รอมร่อ ซูเฟยทาเล็บสีแดงสด ท้องฟ้าเื้ัเป็สีดำสนิทเช่นนี้ แลดูน่ากลัวยิ่งนัก
ซูเฟยมีสีหน้ากรุ่นโกรธ นางจึงไม่กล้าลุกขึ้นยืน ทั้งๆ ที่ตอนนี้ขาทั้งสองข้างของนางชาไปหมดแล้ว ท่ามกลางอากาศหนาว นางรู้สึกว่าขาของนางแข็งจนแทบจะกลายเป็น้ำแข็งเต็มที่
เต๋อเฟยเบนสายตาไปยังหนิงมู่ฉือที่ยังคุกเข่าอยู่กับพื้น ก่อนจะแกล้งทำเป็เอ่ยอย่างคาดไม่ถึง “ไอ้หยา พี่สาว เหตุใดแม่นางหนิงถึงอยู่ที่นี่ได้เพคะ นี่ก็เย็นมากแล้ว ไม่ใช่ว่ากลับตำหนักอ๋องไปตั้งนานแล้วหรือ”
เต๋อเฟยรีบเข้าไปพยุงหนิงมู่ฉือให้ลุกขึ้นยืน ก่อนจะส่งสายตาบางอย่างมาให้ จนหนิงมู่ฉือไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไปดี
ซูเฟยทำหน้าไม่ถูก ทำได้แค่ยิ้มบาง “ไม่มีเื่ใดหรอก ข้าเพียงเรียกนางมาคุยเล่นด้วยสักประเดี๋ยว ข้าชื่นชมฝีมือการทำอาหารของนางมากก็เท่านั้น”
หนิงมู่ฉือที่ฟังอยู่อดกลอกตามองบนไม่ได้
“เช่นนั้นยิ่งไม่ควรให้นางคุกเข่ากับพื้น แม่นางหนิงคือคนที่ฝ่าาทรงชื่นชม อีกทั้งยังต้องเข้ามาสอนขันทีพ่อครัวรุ่นใหม่ทุกวัน หากเื่นี้รู้ไปถึงตำหนักอ๋อง ท่านอ๋องต้องร้อนใจเป็แน่ และถ้าฝ่าารงทราบก็จะไม่พอพระทัยเอาได้” เต๋อเฟยแกล้งพูดให้เื่นี้ดูร้ายแรง ทำให้สีหน้าของซูเฟยประเดี๋ยวเขียวคล้ำประเดี๋ยวขาวซีด เต๋อเฟยที่มองอยู่รู้สึกสาแก่ใจอย่างยิ่ง
หนิงมู่ฉือเม้มปากแน่น ไม่กล้าส่งเสียงออกมา ใบหน้าเริ่มซีดขาว กระทั่งมือก็เริ่มหนาวจนไร้ความรู้สึก
ซูเฟยแค่นเสียงฮึ เหลือบมองหนิงมู่ฉือผาดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับเต๋อเฟย “น้องเต๋อเฟย ข้าคงอยู่เป็เพื่อนน้องไม่ได้แล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“น้องน้อมส่งพี่สาวเพคะ” เต๋อเฟยมองซูเฟยเดินออกจากศาลาไปอย่าย่ามใจ ด้านซูเฟยเดินออกไปด้วยสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่ง นั่นยิ่งทำให้เต๋อเฟยอดใจไม่ไหวหลุดขำออกมา
ซูเฟยเดินจากไปไกลแล้ว เต๋อเฟยถึงค่อยหันกลับมามองหนิงมู่ฉือ “ที่นี่ไม่มีเื่ใดแล้ว เ้ากลับไปเถิด”
หนิงมู่ฉือเงยหน้ามองเต๋อเฟยพร้อมกับกล่าวลาด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง “บ่าวขอบพระทัยพระสนมที่ช่วยชีวิตบ่าวเอาไว้เพคะ”
เต๋อเฟยรั้งหนิงมู่ฉือเอาไว้ จากนั้นเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็อะไรไป เมื่อครู่เกิดเื่ใดขึ้นหรือ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้