“ดีแล้ว เ้าเป็เด็กรู้ความ” ปู่หลินโล่งอก เขาลูบหนวดแล้วมอง “เ้าเองก็เป็หลานข้า หากพ่อเ้ากลับมาไม่ได้จริงๆ ปู่ผู้นี้ย่อมไม่ละเลยเ้าแน่ เ้ากับน้องๆ ตอนนี้ควรรู้จักเข้าหาย่าและครอบครัวท่านลุงได้แล้ว”
ถ้อยคำเห็นแก่ตัวของชายชราทำให้หลินฟู่อินมองเขาอย่างระแวดระวัง
สิ่งที่สะท้อนออกมาคือแววตาประหลาดที่อยู่บนใบหน้าใจดี
ใครจะคิดว่าชายชราหน้าตาใจดีคนหนึ่งจะถึงกับวางแผนการใส่หลานสาวตัวเอง?
หลินฟู่อินย่นคิ้วน้อยๆ ก่อนจะก้มหน้าลงตอบเสียงเบา “ท่านปู่ ขอเพียงท่านลุงท่านป้าไม่ว่าร้ายข้า ไม่ทำร้ายข้า ข้าก็จะดูแลให้น้องๆ มีชีวิตที่ดีได้ ข้าเลี้ยงพวกเขาได้!”
เมื่อฟังคำพูดนางแล้วปู่หลินก็ลุกขึ้นมองนางด้วยดวงตาาุโ สีหน้ามืดครึ้ม
หลินฟู่อินเองก็ยืนขึ้นเผชิญกับสายตาเ็านั่น
นางไม่ได้พูดอะไรผิดสักนิด ทั้งยังไม่กลัวสายตาอีกฝ่ายด้วย
“ดีจริงๆ เ้าโตแล้ว ปีกกล้าขาแข็งแล้ว ไม่ฟังคำของข้าผู้าุโอีกแล้ว” ปู่หลินนั่งลงด้วยท่าทีท้อแท้ ก้มหน้ามองเงาหลานสาวตน
ความดื้อรั้นแบบเดียวกัน ความแน่วแน่แบบเดียวกัน ทั้งที่เป็เพียงเด็กยังไม่โตเต็มวัย ทว่ากลับแผ่รัศมีกดข่มเขาที่อายุมากกว่าถึงห้าสิบปีได้
บางทีคงจะเหมือนฉู่ซื่อผู้ลึกลับคนนั้น ใช่แล้ว
ปู่หลินผ่อนลมหายใจ
เขาหาใช่คนไม่รู้ฟ้ารู้ดิน ผ่านโลกมาเพียงนี้อะไรเป็อะไรย่อมทราบดี…
เหตุใดเขาจึงไม่เห็นด้วยที่ลูกสามแต่งกับฉู่ซื่อคนนั้น ไม่ใช่เกรงกลัวว่านางลึกลับและน่าสงสัยเกินไป จนเกรงจะนำหายนะมาสู่ตระกูลหลินหรอกหรือ?
ภายหลังลูกสามคนนั้นก็มีเส้นทางของตัวเอง เขาไม่มีทางเลือกได้แต่ต้องเว้นระยะห่างจากบ้านสาม ใครจะนึกว่าฉู่ซื่อที่เป็เหมือนก้างปลาติดคอคนนั้นยังไม่ทันก่อเื่ร้ายแรงอะไรก็จากไปเสียแล้ว?
เช่นนี้เองความกังวลจึงยิ่งเพิ่มพูน จึงยิ่งผลักไล่บ้านสามให้ห่างออกไป
ตอนนี้กระทั่งเด็กคนนี้ก็มีความสามารถชัดเจนว่าช่วยเหลือบ้านเดิมได้แล้ว แต่คนกลับไม่ยินดีช่วยเหลือ… นี่ล้วนเป็ชะตา!
แต่เขาย่อมไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตาแน่!
ดวงตาของท่านปู่หลินลุกโชน
เมื่อหลินฟู่อินมองผู้เฒ่าคนนี้ในใจก็ร่ำร้องขึ้นมาว่าแย่แล้ว คำพูดของตาเฒ่านี่ทำให้นางััได้ถึงวิกฤติที่กำลังจะมาเยือน
นางรู้สึกได้เลยว่าหากท่านพ่อหลินตายไปจริงๆ ตาแก่นี่ต้องก้าวเข้ามายุ่มย่ามเื่ในบ้าน บังคับให้นางย้ายไปอยู่บ้านเดิมแล้วให้คนบ้านเดิมมายึดบ้านหลังนี้ของนางไปแน่ๆ อ้างว่าเพื่อดูแลพวกนางพี่น้องที่ไม่มีพ่อแม่
ดูแล้วนางคงต้องตั้งใจทำงานหาเงินให้ได้เร็ว ถึงตอนนั้นต่อให้ปู่หลินจะลงมืออะไรนางก็ยังมีเงินให้พึ่งพาได้
สิ่งสำคัญก็คือต้องออกจากบ้านสกุลหลินให้ได้!
เื่นี้ยิ่งคิดยิ่งน่าเสียใจ เห็นอยู่แท้ๆ ว่าเป็ญาติใกล้ชิดกัน แต่สิ่งที่ทำให้นางรู้สึกปลอดภัยกลับเป็เงินทอง…
แต่อย่างไรนางก็ต้องพูดเื่หนึ่งให้ชัด
พอคิดจนถี่ถ้วนแล้วนางก็เงยหน้าขึ้นพูดเสียงหนักแน่น “ท่านปู่ หากกล่าวเช่นนี้ฟู่อินก็คงไม่คู่ควรเ้าค่ะ หากท่านพ่อจากไปแล้วจริงๆ ท่านปู่ท่านย่าเองก็ชรามากแล้ว ฟู่อินคงไม่สามารถลากให้ท่านปู่ท่านย่ามาลำบากไปด้วยได้”
สายตาของชายชราที่มองหลินฟู่อินพลันตายด้าน
ที่บอกว่าไม่อาจลากผู้าุโมาลำบากล้วนเป็ข้ออ้าง นางแค่ไม่อยากให้คนบ้านเดิมเข้าไปยุ่มย่ามจึง้าขีดเส้นแบ่งให้ชัดเจน
เด็กคนนี้ช่างแข็งแกร่งนัก!
เสียดายที่เกิดเป็สตรี หากเป็บุรุษบ้านสามก็คงหมดห่วงแล้ว…
สายตาของสองคนปู่หลานปะทะกัน เกิดเป็าสายตาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่ปู่หลินจะละสายตาไป
ครั้งนี้หลานสาวเป็ฝ่ายชนะ
เขาออกจากบ้านของหลินฟู่อินด้วยสีหน้าไม่พอใจ สองมือไพล่หลัง การท้าทายของหลินฟู่อินทำให้เขารู้สึกย่ำแย่เป็อย่างยิ่ง
อีกความหมายที่ซ่อนเอาไว้ของเด็กคนนี้คือการพูดว่า นางไม่เห็นว่าบ้านเดิมจะร่ำรวยขึ้นมาได้ จึงไม่คิดจะไปเอาเปรียบบ้านเดิม…
ทว่าเขาเองก็อายุปูนนี้แล้ว หากคิดหาหลานสะใภ้ที่บ้านเดิมมีฐานะดีสักหน่อย ด้วยสภาพบ้านเก่าๆ กับรากฐานเช่นนี้ มีแต่จะเป็ขี้ปากให้ชาวบ้านหัวเราะเยาะว่าไม่เจียมตัวเอาได้
เื่นี้เป็ปมในใจของชายชรา
เมื่อย่าหลี่กลับมาก็ต้องตกตะลึงที่เห็นหลินฟู่อินเอาแต่นั่งเหม่อมองเท้าตัวเองด้วยท่าทีเซื่องซึมอยู่บนเก้าอี้
“ฟู่อิน เป็อะไรไป?” ย่าหลี่บังเอิญพบพวกปู่หลินระหว่างทางกลับมาพอดี เมื่อกลับมาเห็นหลินฟู่อินเป็เช่นนี้ก็อดเป็ห่วงไม่ได้
ตาแก่นั่นจิตใจชั่วร้ายเพียงใดย่าหลี่ล้วนรู้ชัดเจน ทั้งยังพอจะเดาเื่ราวได้บ้าง อีกฝ่ายได้รับการศึกษา พอมีความรู้อยู่บ้างทว่ากลับไม่เคยสอบผ่านเป็บัณฑิตสักครั้ง
“ปู่เ้ามาหาเื่เ้าใช่หรือไม่?” นางถามอีกครั้ง ดวงตาคมกริบ
หลินฟู่อินเงยหน้าขึ้นแล้วส่ายหัวไปมา เมื่อเห็นสายตาวิตกจึงได้กล่าว “ข้าเพียงแต่สงสัยว่าท่านพ่อไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่านปู่ท่านย่าหรือ?”
ย่าหลี่ได้ยินก็ถอนหายใจยาว ยื่นมือออกไปลูบหัวเด็กน้อยเบาๆ “เื่นี้อย่าได้เอาไปพูดข้างนอกเชียว ปู่ย่าเ้าตอนนี้เอาแต่เข้าข้างบ้านลุงใหญ่ของเ้า… กล่าวกันว่าพ่อแม่ยอมจับมีดเชือดหมูปล้นคนรวยไปช่วยคนจน ย่าแท้ๆ ของเ้ามีมีดสองเล่ม เล่มหนึ่งเอาไว้ปล้นคนรวยไปช่วยคนจน ส่วนอีกเล่มปล้นคนจนไปช่วยคนรวย”
หรือไม่ใช่เล่า?
ที่ทำกับบ้านลุงรองคือปล้นคนจนไปช่วยคนรวย ส่วนที่ทำกับบ้านนางคือปล้นคนรวยไปช่วยคนจน
ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่าสิ่งที่ย่าหลี่พูดนี้น่าสนใจมากจนนางหัวเราะออกมา “จริงด้วยเ้าค่ะ”
“เอาละๆ ข้าไปจับไก่แก่มาให้แล้ว ทั้งยังเอาน้ำแกงยามาด้วย ความหวาดกลัวหลายวันนี้ทำให้เ้าลำบากแล้ว!” ย่าหลี่ยิ้ม
หลินฟู่อินรู้สึกซาบซึ้งเหลือเกิน การได้ย้อนอดีตมาเช่นนี้กลับทำให้นางได้ััความรักของครอบครัวเป็ครั้งแรก นางตัดสินใจแน่วแน่แล้ว อีกหน่อยย่าหลี่เองก็ต้องมีชีวิตที่ดีไปพร้อมกับนางด้วย
เ้าซาลาเปาทั้งสองยังไม่ตื่น ย่าหลี่จึงไปเชือดไก่สองตัวแล้วนำไปทำความสะอาดที่บ่อน้ำ
หลินฟู่อินจัดการเตรียมตังกุย ต้าเจ่า [1] โสม และสมุนไพรตัวอื่นๆ อยู่ในบ้าน ของเหล่านี้โดยปกติมีไว้ให้สตรีบำรุงเืลม แต่ก็เหมาะกับบุรุษที่ได้รับาเ็และขาดเืมากเช่นกัน
พอตกบ่าย น้ำแกงไก่บำรุงร่างกายก็ตุ๋นเสร็จ เนื้อไก่ถูกหั่นเป็ชิ้นสวยงามใส่ในหม้อ เคี่ยวทิ้งไว้ด้วยถ่านร้อน ทำเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะทำให้รสชาติดี ทว่ายังบำรุงร่างกายได้เป็อย่างดีอีกด้วย
หลินฟู่อินคิดไปคิดมาก็ลงมือบดแป้งนำมาทำแป้งทอดใส่หัวหอม ตามด้วยลงสวนไปเด็ดถั่วฝักยาวมาหั่นทำเนื้อหมูป่าผัดถั่วฝักยาวแล้วราดลงไปบนแป้งทอด ก่อนจะม้วนเป็คำ ขณะที่ชาวบ้านต่างพากันงีบ่กลางวัน นางก็จัดของที่ลงถุงได้ใส่ถุง ยกหม้อดินเผาที่มีน้ำแกงเดินเข้าไปในูเาอย่างเงียบเชียบ
----------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ต้าเจ่า หมายถึง พุทราจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้