สตรีที่เอ่ยปากขัดจังหวะสวมชุดกระโปรงยาวเนื้อผ้าต่วนรูปแบบชาววังสีกรมท่า นางก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าแ่เบา เส้นผมรวบสูง ทั้งยังประดับประดาไปด้วยไข่มุกและมรกต ใบหน้าแต่งแต้มเครื่องประทินโฉม ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง ส่วนสีหน้าดูเฉยเมยและเข้มงวดอยู่ในที
นางคือลู่เป๋าเหยา สตรีที่ทำหน้าที่ดูแลจวนตระกูลไป๋ในปัจจุบัน นางเป็มารดาผู้ให้กำเนิดของไป๋หว่านหนิง ทั้งยังเป็ฮูหยินรองของจวนตระกูลไป๋
มือที่เงื้อขึ้นเล็กน้อยของไป๋เซี่ยเหอหดกลับไปอีกครา แม้ว่าหนึ่งหมัดยากจะเอาชนะสิบมือได้ ทว่านางไม่ได้มีนิสัยยืนเฉยๆ รอรับการทุบตี แม้ว่าจะได้รับาเ็สาหัส นางก็ต้องลากคนเหล่านี้ตายตกไปด้วยกันให้จงได้!
“ท่านแม่ ท่านมาขวางข้าทำไม? วันนี้ข้าจะต้องทุบตีนางแพศยานี้จนพิกลพิการให้ได้”
ลู่เป๋าเหยากระซิบกระซาบอะไรบางอย่างที่ข้างหูของไป๋หว่านหนิง และนั่นก็ทำให้สีหน้าของไป๋หว่านหนิงแปรเปลี่ยนหลายตลบ นางมองไป๋เซี่ยเหอด้วยแววตาโเี้ ก่อนจะสะบัดแขนเสื้อเดินไปยืนอีกมุม
ลู่เป๋าเหยาเดินด้วยท่าทีวางมาดสูงส่งมาตรงหน้าของไป๋เซี่ยเหอ แววตาของนางเต็มไปด้วยความเหยียดหยามอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าไป๋เซี่ยเหอเป็เพียงฝุ่นธุลีเล็กจ้อยในสายตาของนาง
น้ำเสียงอันเยือกเย็นของนางฟังดูราวกับภูตผีที่คอยหลอกหลอนอยู่ข้างหู “ไป๋เซี่ยเหอ หวังว่าเ้าจะโชคดีเช่นนี้ไปตลอดนะ”
ไป๋เซี่ยเหอไม่ได้รู้สึกโล่งอกเมื่อลู่เป๋าเหยาจากไป ในสถานการณ์ที่ความขัดแย้งกำลังคุกรุ่นเช่นเมื่อครู่ ลู่เป๋าเหยากลับไม่ทำอะไร เช่นนั้นก็มีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
นั่นคือ ยังมีแผนการที่ยิ่งใหญ่และร้ายกาจกว่านี้รออยู่
เทียบเชิญแผ่นหนึ่งถูกยัดเข้ามาในมือของไป๋เซี่ยเหอ นางเงยหน้ามองและเห็นใบหน้าอันหยิ่งยโสของไป๋หว่านหนิง
ไป๋หว่านหนิงมองไป๋เซี่ยเหอด้วยสายตาเหยียดหยาม “นี่คือเทียบเชิญขององค์หญิงหก สองวันให้หลังองค์หญิงหกจะทรงจัดงานเลี้ยงชมบุปผาในพระราชวัง บรรดาสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวงล้วนไม่อาจไม่ไป ข้าได้ยินว่าไท่จื่อก็ไปด้วย จะบอกให้นะ เมื่อถึงเวลาเ้าอย่าได้ปีนป่ายฐานันดรมั่วซั่วเชียว”
ไป๋เซี่ยเหอหัวเราะแ่เบา นางกล่าวด้วยแววตาอันล้ำลึกว่า “ข้าจะทำตามคำชี้แนะของน้องสาวก็แล้วกัน”
ไม่ใช่ว่านางเชื่อฟังอีกฝ่ายจริงๆ หรอก ทว่าไท่จื่อผู้นี้น่ะ นางไม่ได้ชมชอบเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าจะไม่เคยใกล้ชิดกันมาก่อน ทว่าผู้ที่ปล่อยให้คู่หมั้นของตนเองตกต่ำจนถึงขั้นนี้ได้โดยไม่ออกหน้าช่วยเหลือย่อมไม่ใช่คนดีแน่
ต้องทราบว่าด้วยสถานะของไท่จื่อ เพียงเอ่ยปากประโยคเดียวก็สามารถทำให้สถานการณ์ของไป๋เซี่ยเหอพลิกผันได้แล้ว ทว่าเขากลับไม่ทำอะไรเลย ดังนั้น เขาย่อมไม่ใช่คู่ครองที่ดีของนาง
ในเมื่อเป็เช่นนี้ มิสู้แตกหักกันให้เร็วขึ้นเสียหน่อย ความสัมพันธ์ระหว่างนางกับไท่จื่อจะได้จบสิ้นไม่ยืดเยื้อ
ไป๋หว่านหนิงรู้สึกราวกับตนเองใช้กำปั้นทุบลงบนต้นฝ้าย ท่าทีของนางจะโมโหก็ไม่ใช่ ไม่โมโหก็ไม่เชิง นางถลึงตามองไป๋เซี่ยเหออย่างดุร้ายก่อนจะหมุนกายจากไป
หลังจากผู้คนแยกย้ายกันไปหมดแล้ว ไป๋เซี่ยเหอก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางเดินเข้าเรือนไปพร้อมกับสมุนไพรที่ใช้ปรุงยาในมือ
สมุนไพรเหล่านี้นางเก็บมาจากสวนสมุนไพรหลังจวนตระกูลไป๋ ทว่านางไม่ได้ทำเช่นนี้เพื่อที่จะต่อกรกับไป๋หว่านหนิงเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเมื่อคืนนางจะได้พักผ่อนจนส่งผลให้าแทั่วร่างทุเลาลง ทว่าเป็เพราะได้กินแต่อาหารที่เลวร้ายมานาน เป็เหตุให้การทำงานของร่างกายบกพร่อง นางจำเป็ต้องนำสมุนไพรเหล่านี้มาทำยาบำรุงเพื่อปรับสภาพร่างกาย
หลังจากกินยาบำรุงไปได้สองวัน ร่างกายของไป๋เซี่ยเหอก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่เคยซูบตอบและมีสีเหลือง แปรเปลี่ยนเป็ขาวผ่องกระจ่างใส ส่วนร่างกายที่ผ่ายผอมจนดูเหมือนจะล้มลงเมื่อถูกลมพัด กลับดูผุดผ่องเป็อย่างยิ่ง
‘ก๊อกๆ’
สิ้นเสียงเคาะประตู บานประตูไม้ก็ถูกผลักออกอย่างแรง สาวใช้นางหนึ่งในชุดกระโปรงยาวสีครามเดินเข้ามา นางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดก่อนจะกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “กลางวันแสกๆ จะปิดประตูทำไม?”
แววตาสุกใสและดูทิ่มแทงราวกับกระบี่อันหนาวเหน็บพุ่งไปทางไป๋เซี่ยเหอที่กำลังพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ ร่างนี้ไม่มีอำนาจในจวน ไม่ว่าสาวใช้คนใดล้วนอวดเบ่งต่อหน้านางได้ทั้งนั้น
ทว่าตอนนี้ เ้าของร่างคือนาง!
“เ้านายต้องรายงานบ่าวไพร่ว่ากำลังทำอะไรั้แ่เมื่อใด? ใครเป็ผู้สั่งสอนกฎเกณฑ์ข้อนี้ให้เ้ากัน!”
หนังสือเล่มหนาถูกวางลงบนเตียงอย่างแรงจนเกิดเสียงดัง ทำเอาสาวใช้ผู้นั้นใจนสะดุ้ง
นางคือสาวใช้ที่ได้รับเลือกให้คอยรับใช้ไป๋หว่านหนิงหลังจากเฉียวเอ๋อร์ตาย นางมีชื่อว่าซิ่วเอ๋อร์ ใบหน้าของซิ่วเอ๋อร์ร้อนราวกับถูกไฟแผดเผาทันที นางทั้งโมโหทั้งโกรธเคือง นางเคยฟังเฉียวเอ๋อร์เล่าถึงวิธีกลั่นแกล้งคุณหนูใหญ่ผู้นี้อยู่บ่อยครั้ง นึกไม่ถึงว่าวันนี้หญิงสาวที่มีนิสัยสงบเสงี่ยมจะกล้าวางมาดเ้านายใส่นาง นี่ถือเป็การดูถูกนางอย่างเห็นได้ชัด
อาภรณ์ในมือของซิ่วเอ๋อร์ถูกโยนลงบนพื้น ก่อนที่นางจะเหยียบมันอีกสองสามทีจนกระทั่งสาแก่ใจ จากนั้นนางก็กล่าวด้วยท่าทีหยิ่งผยองและไร้มารยาท “เ้านายหรือ? อย่างเ้านับเป็เ้านายแบบใด? เสื้อผ้าที่สวมใส่ยังไม่ดีเท่าพวกเราเหล่าสาวใช้เลย โชคดีที่เ้านายของข้ามีน้ำใจสั่งให้ข้านำเสื้อผ้ามามอบให้เ้า แต่ข้าว่าเ้าไม่คู่ควรเอาเสียเลย!”
ไป๋เซี่ยเหอปรายตามองอาภรณ์บนพื้น มันดูหรูหรางดงาม กล่าวได้ว่าเป็อาภรณ์ที่งดงามที่สุดที่นางเคยเห็นตลอดระยะเวลา 12 ปีมานี้ ช่างน่าเสียดาย...
“ข้าคู่ควรหรือไม่ ต้องให้เ้าพูดหรือ?” แค่ชั่วพริบตา ไป๋เซี่ยเหอก็ยืนอยู่ตรงหน้าซิ่วเอ๋อร์แล้ว นางใช้มือข้างหนึ่งบีบกรามของซิ่วเอ๋อร์อย่างแรงจนใบหน้าของอีกฝ่ายเปลี่ยนเป็สีแดง
“นางแพศยา เ้าไม่คู่ควร เ้าไม่มีแม้แต่คุณสมบัติจะถือรองเท้าให้คุณหนูรองด้วยซ้ำ!” ความอัปยศอดสูผุดขึ้นในใจของซิ่วเอ๋อร์ นางรู้สึกอับอายขายหน้าเมื่อถูกคนที่ตนเองเหยียดหยามข่มขู่ ซิ่วเอ๋อร์คว้ามือของไป๋เซี่ยเหอทันที นางปรารถนาจะดึงเอากรงเล็บที่บีบกรามตนเองอยู่ออก!
“อ๊าก”
ไป๋เซี่ยเหอใช้หลังมือฟาดแขนของซิ่วเอ๋อร์ เสียงกระดูกหักดังขึ้นพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังลั่น แต่น่าเสียดายที่นี่คือเรือนอันเปลี่ยวร้างที่สุดในจวนตระกูลไป๋ ต่อให้ซิ่วเอ๋อร์กรีดร้องจนลำคอแตกก็ไม่มีใครได้ยิน แม้ว่าจะมีคนได้ยิน ก็ย่อมเข้าใจว่ามีใครสักคนทำให้คุณหนูใหญ่บันดาลโทสะ ก่อนจะหลับตาลงข้างหนึ่งเสียอย่างนั้น
สายตาของไป๋เซี่ยเหอมองไปที่ซิ่วเอ๋อร์อย่างแน่วแน่ ก่อนเอ่ยอย่างเ็า “ต่อให้ข้าจะย่ำแย่เพียงใดก็เป็ถึงว่าที่ไท่จื่อเฟย ส่วนเ้านับเป็ตัวอะไรถึงบังอาจมาเหิมเกริมต่อหน้าข้า เมื่อเื่นี้แพร่งพรายออกไป วังหลวงย่อมไม่ไว้ชีวิตเ้าแน่!”
ความเ็ปทำให้ซิ่วเอ๋อร์หน้าซีดเผือด นางเอามืออีกข้างจับแขนที่หักและยืนอยู่ตรงหน้าไป๋เซี่ยเหอด้วยเนื้อตัวสั่นเทิ้ม นางไม่รู้ว่าตนเองกำลังเ็ปหรือใกันแน่
ซิ่วเอ๋อร์ไม่รู้มาก่อนว่าคุณหนูใหญ่ที่อ่อนแอไร้ความสามารถแปรเปลี่ยนเป็หญิงสาวที่วาจาคมกริบเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด คุณหนูใหญ่ที่นางได้ยินจากปากผู้อื่นนั้นได้เปลี่ยนเป็คนละคนแล้วจริงๆ
เพียงแต่ในเวลานี้นางไม่สนใจว่าคนตรงหน้าเป็ผีสางนางไม้หรือไม่ นางปรารถนาเพียงให้แขนที่หักของตนเองต่อติดโดยเร็ว ไม่อย่างนั้นนางต้องเจ็บราวกับตายทั้งเป็อย่างแน่นอน
“คุณหนูใหญ่ บ่าวผิดไปแล้วเ้าค่ะ บ่าวมีตาหามีแววไม่ บ่าวหน้ามืดตามัวไปชั่วครู่ ได้โปรดละเว้นบ่าวด้วยเถิดเ้าค่ะ” ใบหน้าของซิ่วเอ๋อร์ดูทุกข์ระทม แต่ในใจกลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความอาฆาต หากครั้งหน้ามีโอกาสละก็ นางจะต้องทำให้คุณหนูใหญ่ทราบว่าหงส์ไร้ขนไม่ดีเท่าไก่ให้จงได้!
ความเกลียดชังในแววตาของซิ่วเอ๋อร์ย่อมไม่อาจเล็ดลอดสายตาของไป๋เซี่ยเหอไปได้ เพียงแต่นางไม่้าคิดเล็กคิดน้อยกับสาวใช้ตัวเล็กจ้อยผู้หนึ่ง ในเวลานี้เป้าหมายของนางคือทั้งจวนตระกูลไป๋!
นางใช้หลังมือฟาดไปที่แขนของซิ่วเอ๋อร์อีกครั้ง
‘กร๊อบ’ เสียงกระดูกลั่นดังขึ้นพร้อมๆ กับเสียงซิ่วเอ๋อร์กรีดร้อง จากนั้นนางก็เงียบลงอย่างกะทันหัน นางมองแขนของตนเองที่ถูกต่อเรียบร้อย ก่อนมองไป๋เซี่ยเหอราวกับมองสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น หากจะบอกว่าการที่ไป๋เซี่ยเหอทำให้แขนของนางหักก็ทำให้นางใมากพอแล้ว เช่นนั้นฝีมือการต่อกระดูกที่เทียบเท่ากับแพทย์หลวงของไป๋เซี่ยเหอในเวลานี้ ยิ่งทำให้คางของนางแทบจะร่วงลงกับพื้น
ตอนนี้นางค้นพบแล้วว่า คุณหนูใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าได้เปลี่ยนไปแล้ว
ใบหน้าของซิ่วเอ๋อร์แดงก่ำ นางหมุนกายจากไป แต่เมื่อเดินใกล้ถึงประตู กลับมีประโยคหนึ่งดังแว่วมาจากเื้ั “หากเ้ากล้าพูดซี้ซั้วเกี่ยวกับเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ข้าก็ไม่ถือสาที่จะหักกระดูกทั่วทั้งร่างของเ้าเสีย!”
แม้ว่าไป๋เซี่ยเหอจะไม่กลัวที่ต้องเผชิญกับปัญหาในจวนตระกูลไป๋ ทว่าในเวลานี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม นางจำเป็ต้องเติบโต จำเป็ต้องโค่นล้มอำนาจของบางคนเสียก่อน
และสิ่งที่จำเป็ยิ่งกว่าในเวลานี้ก็คือ การสั่งสมความแข็งแกร่ง
ฝีเท้าของซิ่วเอ๋อร์ชะงักไปชั่วครู่ นางไม่ได้ตอบอะไร เพียงรีบจ้ำอ้าวออกไปข้างนอกด้วยความรวดเร็วกว่าเดิม
ไป๋เซี่ยเหอยกมุมปากขึ้นอย่างเหยียดหยาม สายตามองไปที่อาภรณ์หรูหราบนพื้น นางใช้เท้าเตะมันไปยังมุมหนึ่งของห้อง พรุ่งนี้จะมีงานเลี้ยงขององค์หญิงหก แต่การที่ไป๋หว่านหนิงและลู่เป๋าเหยาส่งอาภรณ์หรูหรางดงามมาให้นางชุดหนึ่ง ย่อมเป็แผนการที่จะเอาชีวิตของนางในวันพรุ่งนี้ใช่หรือไม่?
แต่นางจะให้สองแม่ลูกคู่นั้นสมปรารถนาได้อย่างไร!
------------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้